5 เรื่องเตือนใจให้ชัวร์ก่อนขับ
 รับสงกรานต์ด้วยความปลอดภัยในทุกมิติ

ดื่มไม่ขับ

เทศกาลแห่งความสุข ก็อาจกลายเป็นเรื่องสุดเศร้า จากข้อมูลการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2561 – 2565) 
มีผู้ขับขี่ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการดื่มแล้วขับเฉลี่ย 23,026 คน อย่าลืมว่าทุกการดื่มไม่ว่าจะแก้วเดียว กระป๋องเดียว ช็อตเดียว จะเพียวหรือมิกซ์ 
ก็มีผลออกฤทธิ์กดประสาท สมองทำงานช้าลง การมองเห็นที่แย่ลง อาจเกิดภาพเบลอ ภาพซ้อน เห็นวัตถุผิดขนาด โดยผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หรือเทียบเท่าเบียร์แค่ 1-2 กระป๋อง (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล) ก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเพิ่มเป็น 2 เท่า

     โทรไม่ขับ

การใช้โทรศัพท์มือถือไม่ว่ากรณีใด ๆ อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพราะทำให้การรับรู้ทั้ง สายตา หู มือและประสาทสัมผัส ของผู้ขับขี่ลดลง อีกทั้งยังมีกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถอย่างเข้มงวด มีโทษปรับสูงสุดถึง 4,000 บาท แต่ผู้ขับขี่ควรมีเบอร์โทรสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือการร้องขอความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว เช่น เบอร์โทรแจ้งประกันรถยนต์ สายด่วนที่ควรรู้ 1669 หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน, 1193 ตำรวจทางหลวง, 1677 สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน ฯลฯ

ง่วงไม่ขับ

การหลับใน ไม่ต่างอะไรจากการหูหนวก ตาบอด เป็นอัมพาต หมดสติไปชั่วครู่ จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ไม่แพ้การดื่มแล้วขับเลยทีเดียว  เนื่องจากผู้ขับขี่ที่ง่วงมักมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินช้าลง ตัดสินใจผิดพลาด จนไม่ได้เหยียบเบรกหรือพุ่งชนสิ่งกีดขวาง ถ้าขับขี่ด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การวูบหลับไปเพียง 3 วินาที จะทำให้รถไถลไปไกลถึง 84 เมตร และแน่นอนว่าลักษณะการชนมักรุนแรงเพราะคนขับไม่ได้หักหลบหรือเหยียบเบรก ทำให้บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตได้เสมอ

นอกจากนี้ตามประมวลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก 2522 ระบุว่า ผู้ขับขี่รถขณะร่างกายหรือจิตใจหย่อนความสามารถมีความผิดตาม ม.103 บทลงโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ถ้าผู้ขับขี่เริ่มรู้ตัวว่ามีอาการง่วงให้รีบจอดพักงีบสักครู่หนึ่ง ร้องเพลง เคี้ยวหมากฝรั่ง ดื่มกาแฟ และควรมีเพื่อนร่วมทางผลัดเปลี่ยนกันขับรถเมื่อต้องเดินทางไกล

เร็ว ลื่น ไม่ขับ

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีการสาดน้ำกันตามจุดต่างๆ อาจจะทำให้พื้นถนนเปียกลื่นและควบคุมรถได้ยากขึ้น ควรลดความเร็วลงทุกครั้ง และให้เว้นระยะจากคันหน้ามากกว่าปกติเพื่อให้มีระยะเบรกที่มากพอ ไม่เปลี่ยนเลนไปมา ถ้าถนนลื่นให้เหยียบแป้นเบรกเบา ๆ ประมาณ 3 - 4 ครั้ง เป็นการเช็กสภาพและทำให้เบรกทำงานดีขึ้น ควรหลีกเลี่ยงถนนที่เป็นแอ่งน้ำป้องกันอาการยางเหินน้ำ หรือกรณีที่ทัศนะวิสัยในการมองเห็นไม่ชัดเจน ก็สามารถเปิดไฟหน้าช่วยให้รถคันด้านหน้าหรือคันที่สวนทางมามองเห็นไฟจากรถเราได้ง่ายขึ้น รวมทั้งควรตรวจสอบสภาพยางทุกเส้นรวมทั้งยางอะไหล่ ให้มีความลึกพอจะรีดน้ำได้ดี เติมลมยางให้พร้อมก่อนออกเดินทางเสมอ

ไม่พร้อม ไม่ขับ

ควรอยู่ในสภาพพร้อมเดินทางไกลทั้งคนและรถ เช่น ตรวจสอบไฟหน้า ไฟหลัง แบตเตอรี่ ถังน้ำมัน ที่ปัดน้ำฝนต้องรีดน้ำบนกระจกได้เต็มประสิทธิภาพ สัญญาณไฟเตือนต่าง ๆ สายเบรก สายลากรถ สายพ่วงแบตเตอรี่ ประแจ แม่แรง และที่เติมลมพกพา หรือถ้าเป็นการขับขี่มอเตอร์ไซค์ก็ต้องมีหมวกกันน็อกทุกครั้งทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย รวมทั้งมีการวางแผนเส้นทางและพร้อมรับมือกับสภาพการจราจรที่อาจจะติดขัดในบางจุด มีแผนสำรองเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันเสมอ ไม่ขับรถเร็ว ไม่ใช้อารมณ์หรือประมาทเวลาขับขี่ ไม่แซงทางโค้ง ไม่ฝ่าไฟแดง ไม่เปลี่ยนเลนด้วยความคึกคะนอง

และเพื่อให้ทุกคนมีแนวทางการขับขี่อย่างปลอดภัย ในช่วงเทศกาลแห่งความสุข อย่าลืม ! ดาวน์โหลดคู่มือ #Saveสมอง จากอุบัติเหตุการขับขี่ โหลดฟรีและอ่านเวอร์ชันออนไลน์ได้ คลิกเลย : https://www.thaihealth.or.th/?p=353265

ดาวน์โหลดคู่มือ #Saveสมอง

กดติดตามข้อมูลข่าวสาร แคมเปญที่น่าสนใจ และกิจกรรมดีๆ จาก สสส  เพิ่มเติมได้ที่ :

Facebook : Social Marketing Thaihealth by สสส.

Line : @thaihealththailand

Tiktok: @thaihealth

Youtube: SocialMarketingTH

Website : Social Marketing การตลาดเพื่อสังคม

ข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวประชาสัมพันธ์ - Columnist ข่าวประชาสัมพันธ์ภายในเว็บไซต์ Dek-D.com

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด