อยากให้ได้ลองอ่าน และวิจารณ์นิยายครับ
ตั้งกระทู้ใหม่
ผมเผยแพร่นิยายออริจินัลเรื่องแรกของตัวเองมาได้สักพัก แต่ยังไม่ได้รับฟีดแบ็กจากนักอ่านเลย ผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจว่างานของตัวเองออกมามีคุณภาพหรือยัง
ตอนนี้จึงขอมาตั้งกระทู้เผื่อจะมีคนผ่านมาสนใจ ได้ลองอ่านและลองให้คำวิจารณ์ครับ ยินดีรับฟังทุกความเห็น
Beyond the Universe - สุดขอบจักรวาล
https://writer.dek-d.com/Keerakit__/writer/view.php?id=2552608
นิยายเป็นแนววิทยาศาสตร์ การเมือง ผสมกับความแฟนตาซีอยู่บ้าง ดังนั้นจะไม่เน้นหลักการหรือทฤษฎีมากมาย แต่จะเน้นไปที่เนื้อหาเกี่ยวกับตัวละครและเหตุการณ์ในเรื่อง อีกทั้งรายละเอียดของจักรวาลในนิยายเป็นสิ่งที่ผมค่อนข้างใส่ใจเป็นพิเศษ ทำให้มีการบรรยายรายละเอียดของสิ่งของ ตัวละคร หรือสถานที่ค่อนข้างมากในช่วงแรก
เนื้อเรื่องคร่าว ๆ แบบไม่ลงรายละเอียดคือ "นางเอกต้องหลบหนีไปทั่วกาแล็กซี่หลังจากจักรวรรดิได้ล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของเธอ จึงกลายเป็นว่านางเอกต้องผจญภัยไปตามดวงดาวต่าง ๆ และด้วยตัวตนที่พิเศษของเธอ นางเอกจึงถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องการเมืองและความขัดแย้งในสงครามระหว่างดวงดาว"
สำหรับนักอ่านที่มีเวลาก็อยากให้ได้ลองอ่านสัก 3 ตอนขึ้นไปครับ (ตอนละประมาณ 2 หมื่นถึง 3 หมื่น ตัวอักษร) เพราะกลัวว่าแค่ตอนแรกอาจจะยังเห็นภาพรวมของเรื่องได้ไม่มากพอ
อยากได้คำวิจารณ์ในทุก ๆ เรื่องเท่าที่จะวิจารณ์ได้เลยครับ จะได้นำไปปรับแก้และพัฒนาในตอนต่อ ๆ ไป หรือถ้าตรงไหนดีแล้วก็บอกกันได้ครับ
อนึ่ง เนื้อหาในนิยายเรื่องนี้ไม่มีเจตนาทำขึ้นเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสร้างความชอบธรรมหรือภาพลักษณ์ที่ดีหรือร้ายต่อบุคคล หรือองค์กรใด ๆ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
9 ความคิดเห็น
ไม่เกี่ยวกันเลยครับ เป็นแค่บันทึกของเจ้าหญิง ซึ่งไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ถ้าอ่านไปเรื่อย ๆ จะเข้าใจความซับซ้อนของเรื่องราวมากขึ้นครับ
เม้นแบบนี้ค่อนข้างเสียหายนะครับ ขอให้ทำความเข้าใจใหม่ด้วย
กรุณากลับมาตอบเพื่อไขความกระจ่างด้วยนะครับ อย่าให้ผู้อ่านคนอื่น ๆ ต้องเข้าใจผิด เพราะมันส่งผลเสียต่อผลงานของผมโดยตรง
ไม่ใช่ก็ดีครับ เรื่องแบบนี้ผมควรจะแจ้งแบบเป็นการส่วนตัวจริงๆ อย่างไรก็ขอโทษด้วย คุณสามารถแจ้งลบโพสผมได้เลย กดไปที่ เมนู แล้วแจ้งลบ
ปัญหาคือมันสามารถตีความแบบที่ผมคิดได้ โดยการอ่านไม่หมด แนะนำให้นำคำว่าเผด็จการ ประชาธิปไตย หรือ คอมมิวนี้ ออกไปไม่บอกตรงๆ แล้วให้นักอ่านเข้ามาตีเอาเอง
ขอบคุณครับ จะรับไปปรับแก้ครับ
ผมคงกังวลมากเกินไปครับ ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ
ไม่หลอกครับ การถกเถียงเป็นเรื่องปกติ ถ้าจะเดินในเส้นทางนักเขียนที่ไม่ได้ทำงานคนเดียว มักพบเหตุการณ์ประมาณนี้เป็นธรรมดา ผมเจออะไรที่รุนแรง ขนาดนักเขียนลาบวชมาแล้ว ผมรับมือได้และหวังว่าคุณก็เช่นกัน
ขอบคุณครับ
ไม่ไหวครับอ่านจบตอนแรกแล้วก็รู้สึกว่าอ่านไม่รู้เรื่องเลยครับ ไม่รู้ว่าผู้เขียนกำลังเล่าเรื่องอะไร
ที่สำคัญคุณไม่คุยกับคนอ่านเลย ตัวละครคุยกันเอง นักเขียนก็ไม่ได้สนใจว่าเขียนให้ใครอ่าน ตั้งใจเขียนนิยายแต่ออกมาเป็นบันทึกของตัวเอง อ่านเอง สนุกเอง รู้เรื่องเอง ไม่ได้สนใจจะเล่าเรื่องราว
เล่าเรื่องสิครับ เล่า 5W1H Who What Where When Why How ถ้าเล่าทั้งหมดมันยังยากไปค่อย ๆ จับคู่ "ใคร" กับ "ทำอะไร" ออกมาก่อน
เล่า "ใคร" ต้องไป "ทำอะไร" ให้คนอ่านรู้สึกน่าสนใจก่อน
ลองหาเพื่อนมาแล้วนั่งเล่าเรื่องแบบปากเปล่าให้เพืื่อนฟังก่อนก็ดี ไม่มีเพื่อนหรืออายเพื่อนก็อัดเสียงแล้วลองฟังดู ถ้าไม่พยายามสื่อสารกับคนอ่าน นิยายจะเหงาเอานะ
ผมควรแก้ยังไงครับ ผมยังไม่เข้าใจว่าปัญหาที่คุณว่าคืออะไร ช่วยยกตัวอย่างได้ไหมครับ เพราะผมอธิบายฉากหลังและการกระทำของตัวละครที่ดำเนินไปเรื่อย ๆ ตามเส้นเรื่อง ผมไม่เก็ตว่าจะ "สื่อสารกับคนอ่าน" อย่างที่คุณบอกยังไง
ถ้าคุณไม่เก็ตว่าตัวละครพูดอะไรกันในฉากร้านอาหาร อันนั้นพอเข้าใจได้ครับ เพราะมันเป็นเหมือนการค่อย ๆ เติมชิ้นส่วนปริศนาเข้ามาเพื่อให้นักอ่านรู้สึกสงสัยว่าข้อมูลนี้ที่คุยกันคืออะไรและสนใจจะตามต่อ ดังนั้นสิ่งที่ต้องโฟกัสไม่ใช่การหาความกระจ่างของข้อมูลที่ถูกพูดถึง ณ เวลานั้น เพราะมันจะค่อย ๆ เฉลยในเนื้อเรื่องต่อ ๆ ไป แต่เราต้องติดตามตัวละครไปเรื่อย ๆ ดูว่าพวกเขากำลังจะพาเราไปเจออะไรต่อ มันคือการเล่าเรื่องด้วยบทสนทนาครับ ถ้าผมอธิบายข้อมูลทุกอย่างออกมาหมดเลยคงไม่เหลือความตื่นเต้นในการอ่านและสำรวจโลกของนิยายครับ
สืื่อสารกับผมบอกกับผมให้รู้ข้อมูลของ 5W1H แล้วผมจะอ่านรู้เรื่อง
ข้อมูลที่คุยกันนี้เคยถามนักอ่านคนอื่นไหมครับว่าน่าสนใจไหม?
สำหรับผมมันไม่น่าสนใจนะ
อา...ไม่ได้จะมาทะเลาะนะครับ ผมคงอ่านไม่รู้เรื่องเอง ถ้าอยากสบายใจ เขี่ยของที่ไม่อยากรับประทานไว้ข้างจาน และข้ามไปความเห็นถัดไปเถอะครับ
ไม่ครับ ผมอยากรู้ทางแก้จริง ๆ แต่ก็ไม่ลืมจะอธิบายว่าตัวเองทำอะไร ทีนี้ผมไม่เห็นภาพจริง ๆ ว่าจะแก้ยังไงก็อยากให้ช่วยยกตัวอย่างการแก้มาให้หน่อยจะขอบคุณมากครับ เพราะตามที่คุณวิจารณ์มามันทำให้ผมตกใจมากและคิดเลยว่าตัวเองเขียนนิยายผิดวิธีหรือเขียนไม่เป็นเลยมาตลอด ถ้าคุณสามารถช่วยได้ก็ยินดีครับ
สรุปคือปัญหามันอยู่ที่ฉากร้านอาหารใช่ไหมครับ แล้วยังมีปัญหาตรงไหนอีกไหม
ผมคงกังวลมากเกินไปครับ ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ
คุณต้องใจเย็นลงหน่อย อย่าลืมว่าคุณมาขอความเห็นคนอื่น สำหรับผมว่าตัดย่อยหน้าแรกไปก็จะดูดีขึ้นเยอะ คือเปิดหัวมาว่าเล่าบันทึก มันอาจมีคนปิดนิยายคุณลง แล้วอีกเรื่องผมว่าหนึ่งตอนคุณเยอะไป หากเข้าประเด็นกระชับขึ้นจะดีกว่านี้ ทำให้ผู้อ่านไม่ต้องโพกัส เข้าใจเนื้อหาที่จะสือได้ง่ายขึ้น
ขอโทษที่ใจร้อนครับ
ในส่วนของบันทึก ผมกลับคิดว่ามันอาจช่วยเพิ่มมิติและเรื่องราวที่เราไม่ได้เห็นในเนื้อเรื่องหลักได้จากการให้ตัวละครเจ้าหญิงซึ่งไม่ใช่บุคคลธรรมดาบอกเล่าถึงโลกของนิยายผ่านมุมมองของเธอ ในที่นี้ตัวเธอจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตครับ จึงใส่เข้ามาในลักษณะนี้เพื่อให้ผู้อ่านคุ้นเคยและรู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครนี้ ตอนที่นางโผล่มาในเนื้อเรื่องหลักจะได้ไม่งงว่านางเป็นใครและรู้นิสัยใจคอของนาง
ส่วนเรื่องความยาวตอนจะไปปรับแก้ครับ
ผมคงกังวลมากเกินไปครับ ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ
วิจารณ์ไม่เป็นครับ
แต่ส่วนตัวอ่านนิดเดียวแล้วคงปิด เพราะจู่ๆ ยัดเนื้อหาเป็นตันๆ เข้ามาทีเดียวเลย
นิยายที่ดีควรกระชับเข้าใจง่าย ยิ่งเขียนเรื่องที่ซับซ้อน ยิ่งเขียนยาก
นิยายคืองานอดิเรกที่อ่านเพื่อความบันเทิง ไม่ใช่วิชาประวัติศาสตร์ คนอ่านส่วนใหญ่ไม่ต้องการอะไรมากมาย
แค่บอกว่า ใคร ทำ อะไร ที่ไหน อย่างไร
ให้กระชับ ให้รู้เรื่อง เปิดหัวมาเป็นบันทึกแทบจะครึ่งหน้าก็คงไม่อ่านต่อน่ะครับ
สำหรับตัวผมนะ คนอื่นไม่รู้
อ่านตอนแรกไปตอนเดียว ส่วนตัวผมอ่านเข้าใจนะ ไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดนั้น เปิดเรื่องแบบหนังไซไฟ ก็น่าสนใจดี แต่บอกตามตรงว่าอ่านยาก
อ่านยากเพราะหลายสาเหตุ ถึงจะจินตนาการตามได้ แต่ก็ติดขัดเยอะ ส่วนใหญ่มาจากการบรรยายนี่แหละ ขอแบ่งเป็นหัวข้อประมาณนี้
1.Wording - ศัพท์สวยพอประมาณ แต่การเลือกใช้คำยังทำได้ไม่ดี ขาดความกระชับ บางคำบริบทการใช้ไม่ถูกต้องชวนให้งง หลายประโยคเวิ่นเว้อเกินความจำเป็น ยังไม่รวมเรื่องใช้คำซ้ำติดกันบ่อยๆ อ่านแล้วพาสะดุด
2.Focus - จุดนี้สำคัญ ผมว่าเป็นสาเหตุให้บางคนอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะคุณโฟกัสไม่ถูกจุดว่าจะเล่าอะไรกันแน่ อะไรควรมาก่อน อะไรควรมาหลัง
อย่างช่วงแรก ที่เล่าเรื่องการหลบหนี คุณบรรยายถึงป่าวอดวายตั้งหลายบรรทัด ในหัวคนอ่านคือกำลังคิดถึงป่า แต่ประโยคสุดท้ายอยู่ดีๆ ก็มี "สลับกับเงาดำสูงต่ำของหมู่อาคารระฟ้าตั้งอยู่ ณ จุดที่เคยเป็นมหานคร"
อ้าว กลายเป็นว่าจู่ๆ มีมหานครโผล่มากลางป่าเฉยเลย พอนึกออกมั้ยครับ ว่าตรงนี้แหละที่มันทำให้ผู้อ่านสับสน
3.Action or Narration - หัวข้อนี้ต่อมาจากหัวข้อที่แล้ว และเป็นส่วนที่ทำให้อ่านสะดุดที่สุด(สำหรับผม) นั่นคือ การไม่เข้าใจบริบทในการเล่าเรื่อง ตอนไหนควรเน้น Action(การกระทำ) ตอนไหนควรเน้น Narration(บทบรรยาย) จุดนี้ต้องแยกกันให้ออก
ผมเข้าใจว่าผู้เขียนชอบการบรรยาย ติดการบรรยาย ชอบใส่รายละเอียด ผมเองก็เป็นเหมือนกัน แต่การเล่าเรื่องมันต้องเข้าใจบริบท ณ เวลานั้นด้วย ช่วงที่เน้นเป็นการบรรยาย คุณจะบรรยาย 10-20 บรรทัดก็ไม่มีปัญหา แต่ช่วงที่ต้องเน้นการกระทำ ต้องชัดเจนว่าจะเล่าเรื่องอะไร อะไรสำคัญ อะไรไม่สำคัญ อย่าเอา Action กับ Narration มาปนกันจนเกินพอดี มีบ้างได้พอหอมปากหอมคอ แต่ถ้ามากไป มันจะทำให้อ่านแล้วติดขัด ลองอ่านทบทวนดู อะไรตัดทิ้งได้ อะไรไม่จำเป็น ตัดทิ้งไปเลย
ยกตัวอย่าง ช่วงที่พูดถึงกลุ่มนักวิทยาศาสตร์วิ่งหนี ช่วงนี้มันควรจะเน้นไปที่ Action เพื่อให้คนอ่านรู้สึกลื่นไหล คล้อยตามไปกับเหตุการณ์ แต่พอไปติดบรรยายมากเกินไป กลายเป็นความรู้สึกขาดช่วงอย่างเห็นได้ชัด
การบรรยายอย่าง "ในมือถือปืนไรเฟิลอัตโนมัติติดศูนย์เล็งวัดระยะอัจฉริยะเตรียมพร้อมรับมือข้าศึกทุกสถานการณ์" ส่วนนี้มันไม่จำเป็นเลย แค่อธิบายสั้นๆ ว่า "ในมือถือปืนไรเฟิลไฮเทค" แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว คนอ่านไม่ต้องรู้รายละเอียดขนาดนั้นก็ได้ มันไม่ส่งผลกับเรื่องเลย ยิ่งทหารคนนี้สุดท้ายปืนก็ไม่ได้ยิง ศูนย์เล็งก็ไม่ได้ใช้ บทมีแค่พาเด็กวิ่งหนีไป ตัดส่วนนี้ทิ้งไปไม่มีปัญหาอะไรเลย
ลองนึกภาพว่า ถ้าซีนนี้เล่าเรื่องแบบภาพยนตร์ ช็อตวิ่งหนีแบบนี้ กล้องควรจะถ่ายอะไร การมาโฟกัสปืนทหาร โคลสอัพสโคปปืน มันผิดธรรมชาติ ผิดบริบทสุดๆ
โดยรวมก็ประมาณนี้ละกันครับ แค่นี้ก็ยืดยาวมากแล้ว ไม่อยากให้ยาวกว่านี้ ปกติผมเป็นสายเงียบในกระทู้ขอคำวิจารณ์ เน้นอ่านอย่างเดียวมากกว่า แต่อันนี้เห็นว่าผู้แต่งพอจะมีแววอยู่ เห็นถึงความตั้งใจในการเขียน แค่ยังขาดประสบการณ์ ต้องการการขัดเกลา เลยขอทิ้งคำแนะนำไว้หน่อยแล้วกัน หวังว่าจะไม่หนักเกินไป
ขอบคุณมากครับ ได้แนวทางพัฒนาเยอะเลย
อ่านแล้วเหนื่อย เพราะตัวนิยายมันล้ำไปกว่าจินตนาการของผู้เขียนที่จะสามารถถ่ายทอดให้คนอ่านสนุกตามได้ การเลือกเหตุการณ์มาเล่าเพื่อเดินเรื่องให้น่าสนใจ เหตุผลของตัวละครที่จะต้องหลบหนี ปมขัดแย้งอะไรที่รุนแรงจนองค์จักรพรรดิต้องตามล่า ผมว่าลองไปดูเรื่อง Foundation เป็นตัวอย่างในการเล่าเรื่องดีกว่านะ อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณลำดับเหตุการณ์ที่จะเอามาเล่าได้ดีขึ้น ช่วยเติมจินตนาการในส่วนที่ขาดหายให้ชัดเจนมากขึ้น
ถ้าหมายถึงนิยาย ผมอ่านไปได้แค่เกือบครึ่งของเล่มแรกครับ ยังไม่ได้หาโอกาสอ่านต่อ
ก็ดีนะครับ ภาษาก็ดี ภาพก็เห็นชัด ข้อมูลภูมิหลังมีมากก็เป็นเรื่องปกติของไซไฟ-แฟนตาซีอยู่แล้ว ใส่มากใส่น้อยก็ตามแต่วิจารณญาณ สมัยที่ผมเขียนเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ประกวดนี่หนักกว่านี้อีก ยิ่งเป็นออริจินัลต้องยิ่งมั่นใจฝีมือตัวเองมากๆ แล้วดันเรื่องเขียนให้จบครับ จากนั้นพวกลูกเล่นหรือเทคนิคแพรวพราวอื่นๆ ต้องลองศึกษาไปเขียนไประหว่างทาง ต้องอย่าลืมว่าถ้าคนเขียนตึงเกินไปเรื่องจะออกมาตึงตาม ลองเพลาๆ เรื่องความสมบูรณ์แบบแล้วสนุกกับการเขียนดูครับ
ขอบคุณมากครับ
ชอบนะ ลายละเอียดเยอะดี ดูวางแผนมากดีเลย แต่ต้องจัดย่อหน้าใหม่ มันยัดๆๆมาทำให้ดูตึงไป แบบมีอะไรใส่มาหมดเลย บทบรรยายเว้นช่วงไม่ดี ทำให้เรื่องมันล้น ถ้าเป็นเราวิธีแก้ เราจะแต่งไปก่อน แล้วค่อยกลับมาแก้ มันจะเริ่มชินมือ เขียนไปเลย เยอะๆแบบนี้แหละ พอรอบที่กลับมาแก้จะมองเห็นเองว่าควรแก้ตรงไหน สรุป คิดว่าไปได้ไกลเลยเรื่องนี้
ขอบคุณมากครับ
เข้าไปอ่านแล้วนะครับ ดูแล้วผู้เขียนน่าจะมีรากฐานมาจากนิยายแปลฝรั้งพอสมควร ทำให้สำนวนที่ใช้เป็นสำนวลแปลครับ เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือคนที่ชินกับนิยายแปลจะมองข้าม ข้อเสียคือภาษาจะไม่ถูกจริตคนที่อ่านนิยายแนวอื่น อันนี้คือสิ่งที่อยากแนะนำเพิ่มเติมนะครับ
1. การเรียบเรียงประโยค ผู้เขียนน่าจะอยากเขียนให้ภาษามีความงดงาม เป็นเรื่องที่ดี หลายคำนั้นมีความสวยงามครับ เพียงแต่ในประโยคนั้นผู้เขียนยังไม่รู้ว่าควรจะเล่าอะไรก่อน เล่าอะไรหลัง มันเหมือนกับผู้เขียนจินตนาการณ์ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในประโยคนั้น แล้วใส่ทุกอย่างลงมา
วิธีแก้ = อ่านนิยายของตัวเองซ้ำครับ ปัญหาส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากเขียนจบแล้วลงเลย ไม่ได้รีรีดก่อน ถ้าอ่านเองก็น่าจะเห็นประโยคแปลกๆได้ครับ
2. ความกระชับของประโยค ผู้เขียนใช้คำเชื่อมมากเกินไป เป็นจุดอ่อนของคนเขียนนิยายแฟนตาซี ชายส่วนใหญ่แทบทุกคนครับ เกิดจากการที่เรากลัวว่าคนอ่านจะไม่เข้าใจที่เราเขียน เลยพยายามเชื่อมทุกคำ ขออณุญาตนำประโยคจากในนิยายของคุณมาเป็นตัวอย่างนะครับ
"ไม่นานก็มีอากาศยานบินโฉบเหนือศีรษะด้วยความเร็วสูงพร้อมคำรามเสียงเครื่องยนต์ไอพ่น ตามด้วยเสียงโซนิคบูมกังวาลแทบแก้วหูทะลุ ต่อด้วยคลื่นกระแทกส่งฝุ่นควันกระจายฟุ้งจนฟรีดต้องหลับตาและปิดหูแน่น จากนั้นเขาจึงแหงนมองท้องฟ้า เห็นยานบินสีดำขนาดไม่ใหญ่กำลังร่อนผ่านยอดเขาที่เว้าแหว่ง..."
เปลี่ยนเป็น
"อากาศยานบินโฉบเหนือศีรษะด้วยความเร็วสูง คำรามเสียงเครื่องยนต์ไอพ่น เสียงโซนิคบูมกังวาลแทบแก้วหูทะลุ คลื่นกระแทกส่งฝุ่นควันกระจายฟุ้งจนฟรีดต้องหลับตาปิดหูแน่น เขาแหงนมองท้องฟ้า เห็นยานบินสีดำขนาดไม่ใหญ่กำลังร่อนผ่านยอดเขาที่เว้าแหว่ง..."
อันใหม่คือผมไม่ได้เพิ่มอะไรเลย เพียงแค่ตัดคำเชื่อมที่ไม่จำเป็นออกครับ
3. ลำดับการเล่า
คนเขียนเปิดนิยายมาเหมือนกำกับภาพยนต์ครับ การเปิดด้วยจดหมายไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่คนอ่านส่วนใหญ่จะติดตามนิยายของเราเพราะตัวละครมากกว่าพล็อตที่ยิ่งใหญ่ คนอ่านจะต้องรู้สึก relate กับปัญหาตัวละครมากกว่า plot ถึงจะเล่าพล็อตได้ครับ ลองเขียนในผ่านมุมมองที่ตัวละครเอกต้องเจอดู ยกตัวอย่างเช่นเรื่องสิบปีก่อนเหตุการณ์เริ่มเรื่อง อาจไม่จำเป็นต้องเล่าตอนนี้ เก็บไว้เล่าช่วงที่เรารู้สึกว่าเราวางรากฐานตัวละครมาดีแล้วก็ได้ครับ
4. สุดท้าย ต้องเข้าใจว่าเราอยู่ในยุคที่ทุกคนล้วนใจร้อน
นักอ่านใจร้อนที่จะมีความสุขกับการอ่าน ยิ่งในยุคที่สื่อส่วนใหญ่อยู่ในมือถือ สมาธิในการอ่านของคนรุ่นใหม่จะน้อยลง ต้องยอมรับว่า "อ่านในมือถือ กับอ่านเป็นรูปเล่ม" สมาธิการอ่านตางกัน หากนิยายเรายังอยู่ใน mobile platform การเปิดเรื่องด้วยข้อมูลหนักๆ หรือ lore ประวัติศาสตร์ของโลกสมมุติที่เราสร้าง อาจจะไม่ใช่การนำเสนอที่ดีนักครับ
ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ^^
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?