Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เปิดพอร์ต BAScii+แชร์คำถามสัมภาษณ์และการสอบเข้า BAScii ปี 2024

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ตามนั้นเลยครับ วันนี้เราจะมาเปิดพอร์ตที่ใช้ยื่น BAScii แล้วติดตัวจริงในรอบ Early Admission 2024

[Scores]

ขอเกริ่นเรื่องคะแนนก่อนเลยเพื่อประกอบข้อมูลในการสอบเข้าด้วย โดยเราใช้คะแนน SAT Maths+IELTS ยื่นไป(คะแนน sat verbal เน่ามากกก เลยขอยื่นไอเอลดีกว่า555555)

IELTS Overall 7.5, SAT Math 780

เอาจริงนี่ก็ว่าคะแนนค่อนข้างช่วยในการสอบเข้ามากๆนะสำหรับชาวอินเตอร์ เรามองว่ามันคือปัจจัยที่ควบคุมได้ดีกว่าพอร์ตและการสัมภาษณ์ที่มันใช้เกณฑ์วัดค่อนข้างยาก แล้วใช่ว่าของทุกคนจะเหมือนกันด้วยยย ดังนั้น ใครที่มีเวลาเยอะๆขอให้ปั่นคะแนนไว้เยอะๆเลยเพราะเราจะได้เปรียบคนอื่นในการสอบเข้ามากๆๆๆ

[Portfolio]

เรารู้ตัวอยากเข้า BAScii ตั้งแต่มิถุนา 66 ตอนนั้นก็เลยเริ่มเตรียมตัวเก็บพอร์ตมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย เอาจริงๆคือค่อนข้างเริ่มจาก 0 เลยนะนอกเสียจากกิจกรรมที่เราทำเป็นปกติตามโรงเรียน แต่โชคดีที่เราค่อนข้างเป็นเด็กกิจกรรมอยู่แล้ว และ engaged ในกิจกรรมนอกรร.มากๆ(แต่ไม่เอาเรื่องเรียนในรร.เลย55555)เพราะเราใช้เวลาทั้งม.5 ไปค่ายเยอะมากๆ(ทั้งหมดก็ 7-8++ ค่ายได้แหนะ)เพราะอยากหาคณะที่ใช่ด้วยและก็ชอบไปค่ายเป็นการส่วนตัว5545555 เราก็เริ่มเก็บพอร์ตเน้นด้าน Business เพราะเป็นคนสนใจด้านนี้

ส่วนเรื่องการเขียนลงพอร์ตจริงๆเราก็เริ่มทำไปเรื่อยๆตั้งแต่เปิดให้รับสมัครเลย แต่เอาจริงๆมาเร่งทำในวันสุดท้ายของวันสมัครเพราะเราไม่มีตัวอย่าง/ref ดูเลย ซึ่งเราก็ไม่แนะนำเวย์นี้มากๆควรทำไปเรื่อยๆแล้วส่งพอร์ตก่อน registration deadline สักวันสองวันก็ดี

ลิสต์ของกิจกรรมที่เราเขียนในพอร์ตมีตามนี้เลยๆ(เราเอาเรื่องที่ทำล่าสุดขึ้นก่อนนะ แล้วแต่ละช่องหัวข้อจะพิมพ์ได้แค่ 1,000 characters เท่านั้น ซึ่งน้อยมากๆเลยแหละ):

ข้อ 1-4 คือข้อมูลทั่วไปของผู้สมัคร ข้อ 5-12 คือตัวพอร์ตเน้นๆเลย

 

5. Awards & Competitions (High school only)

- Tested and qualified as a school representative for the Economics Contest at Bansomdejchaopraya Rajabhat University in January 2024.
- TBS Business Quiz 2023: My team qualified for the Semi-final round for the last 30 teams.
- G-Hack 2023: Won the 2nd Runner-up for the mini-hackathon workshop as a team.
- English Speech Contest 2023: I won 11th place on the topic of “What is the most important issue your generation is facing?”
- Science Project Showcase (2022): Together with my friends, my team and I received a silver award from my school.

6. Project Experiences

- Samsung Solve for Tomorrow 2023
I had a workshop that let me innovate a service that aimed to solve my local community's overwhelming number of water hyacinths by using Design Thinking. The hands-on community-based project guided by the steps of Design Thinking let me understand its core concepts and applications. Although my team did not get into the semi-final round, I never felt regretful about the skills I attained in joining this worthwhile competition.
- Triamudom Case Competition 2023
Since this was my first time attending a case competition and at the start, I had no idea how I should tackle this case. Fortunately, with the help of the workshop, I could go along the steps of doing simple actions like making a presentation, doing analytics, financials, and more which paved the foundation for doing further projects.

7. Internship or Work Experiences

อันนี้เราเขียนไป 3 อย่างซึ่งเป็นช่วยธุรกิจที่เราช่วยที่บ้านทำ

8. Extracurricular Activities

- I can play piano and I applied for XXX School's Music Programme(High School) as Piano Major and scored the highest in the admission year of 2021 on the first additional round

-I can play saxophone and recorder and had the chance to perform saxophone at Goethe Institut in 2019
- I can play badminton
- I can swim

คืออันนี้ไม่ชัวร์ว่าใส่แบบนี้มันถูกปะนะ แต่แบบเห็นมีรุ่นพี่เขียนแบบนี้ก็เลยเอาแบบพี่เขาแหละ555565

9. Overseas Experiences

- APU Global Camp 2023 เราบอกเลยว่าเป็นเรื่องบ้ามากๆที่เราทำเพื่อใส่พอร์ตบาสไซ คือเราไม่มีอะไรใส่ในด้านนี้เลยก็เลยยอมควักเงินไปค่ายนี้ ซึ่งเราไม่รู้นะว่าช่วยได้เยอะมั้ยแต่อย่างน้อยช่องนี้ของเราก็ไม่ว่างแล้ว5555455 เอ้อ อันนี้เขียนเรื่องที่ไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้นะ

10. Continuing Education

- Finished Design Thinking in Practice course on SET e-Learning
- Attended ChanGOlogy Camp 11 by School of Global Studies, Thammasat Univ.
- Attended BIZ HUB #1: Dare to RISK! Workshop by Newdegate
- Currently learning HTML and CSS coding languages on freeCodeCamp since November 2023
- Attended "To Be True B.E. 2023" Camp by Faculty of Economics, Thammasat Univ.
- Qualified into POSN Geography (Camp 1) organised by the Department of Geology, Chulalongkorn University
- Attended "MICE Walk Rally" by IMPACT Muang Thong Thani
- Finished Basic German Course by Prince of Songkla Univ.
- Attended "SCIAC 22nd" Camp by Faculty of Science, Mahidol Univ.
- Attended SIIT Insight Camp 2023 by SIIT, Thammasat Univ.
- Attended "1 Day Being a BIOT Student" activity at Assumption Univ.
- Attended Jubjit 10th Camp by Psychology Programme, Thammasat Univ.
- Currently learning German on Duolingo since January 2023
- Attended AHS Gown Camp 17 by Faculty of Allied Health Sciences, Chulalongkorn Univ.

ตามที่ฟังรุ่นพี่บาสไซพูดกันหลายๆคนว่า "มีอะไรใส่ให้หมด" เราก็เอาเลย555555 เราก็เลยพยายามเชื่อว่าบาสไซชอบเด็กความสามารถรอบด้านและหลากหลาย คือที่เราไปค่าย เรียน online courses และเข้า workshop ตอนม.5และม.6 ก็ถือใส่หมดเลยนะ เน้นเยอะไว้ก่อน ถถถถ

11. CREATIVITY & INNOVATION IDEA

เราทำเรื่อง Cricket Chips ได้แก้ปัญหาเรื่อง greenhouse gas emissions จาก traditional livestock และให้คนกล้ากินแมลงมากขึ้นจากการเปลี่ยนให้มันเป็น chips ตอนแรกก็แอบกังวลอยู่ว่ามันจะถือว่าเป็น innovation อยู่มั้ย แต่เราก็รู้สึกว่ามันน่าเสี่ยงดี แล้วมันก็ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครเลยด้วย5565655 แต่เรื่องนี้มันติดที่ต้องพูดเกริ่นเยอะหน่อยเพราะต้องพูดถึงปัญหาโลกร้อน แล้วนำการกินแมลงขึ้นมาแล้วพูดถึง benefits ของการกินแมลง แล้วต่ออีกว่าแต่คนยังไม่กินเพราะกลัวจากหน้าตา คือมันต้องพูดยาวมากๆลยแหละ ตก 3 นาทีเต็มๆได้เลย

12. PHOTOS & SUPPORTING DOCUMENTS

อันนี้เป็นพาร์ทที่เราเสียใจมากๆเพราะใส่ไม่ทัน คือรู้สึกว่ามันจะไม่ได้ fixed นะว่าใส่แต่กี่อัน แต่มันใส่ได้เยอะมากๆ นี่อยากใส่สัก 20+ ด้วยซ้ำ(ใส่ได้ไปแค่ 8) แต่ก็ตามที่บอกเรามาปั่นวันสุดท้ายมันเลยเป็นส่วนที่เราทำไม่ทัน เสียใจตรงนี้มากๆ

[Innovation Idea]

*อ่านในช่อง comment นะของหน้า portfolio นะ อยู่ข้อ 11ๆ

[Aptitude Test]

ปีนี้ก็มีเวลา 30 นาทีตามเคย มีจับ pattern, เติมเลข, เติมคำ(business terms) ประมาณนี้ๆ มีแค่ 10 กว่าข้อถ้าจำไม่ผิดนะ เอาจริงก็ซ้อมๆทำไปหน่อยก็ดีนะ ทำไปนิดนึงให้เรารู้แนวก็พอ(รู้สึกว่าไม่ได้สำคัญอะไรมากในการสอบเข้า) ให้ search ในเน็ตเลยว่า IQ Test ไรงี้อะ ทำได้หมดเลยยย

[Interview]

เราได้สัมภาษณ์ในช่วง 3:45 PM - 4:00 PM แต่เอาจริงได้เข้าไปสัมตั้งแต่ บ่าย 3 10 นาทีกว่าๆละ เหมือนคิวมันจะเลื่อนเข้ามานะ โชคดีในการสอบสัมช่วงบ่ายคือที่อาจารย์จะเหนื่อยละ จะถามอะไรยากๆหรือจี้เรามากไม่ได้แล้ว ห้องสัมก็จะมีทั้งหมด 5 ห้อง ขึ้นชื่อว่าห้องที่ 2 จะเป็นห้องที่สัมตึงและเดือดที่สุด ส่วนห้องที่ 5  เป็นห้องที่ชิลที่สุด ส่วนห้องอื่นก็จะธรรมดาๆทั่วไปๆ เราได้สัมห้อง 1 เข้าไปก็จะมีอจ.อยู่ 3 คน เป็นผู้ชายหมดเลย ตรงกลางคนเป็นคนไทย(คนนี้จะนั่งดูและอ่านพอร์ตของเราตลอดการสัมภาษณ์เลย บางทีถ้าสงสัยอะไรในพอร์ตเราก็จะถามจากตรงนี้แหละ) อีก 2 คนรอบๆ คนเหมือนจะนึงเป็น European(ฟังจากสำเนียง) กับอีกคนที่น่าจะเป็น British โดยที่การสัมภาษณ์ครั้งนี้เรารู้สึกว่ามันเหมือนจะเป็นการเช็ค passion ในการเข้าที่นี่มากกว่านะ เพราะเราไม่โดนถามเรื่องข่าวเลย(ซึ่งเราเตรียมมาเยอะมากๆ เพราะกลัวที่สุดว่าเราจะโดนถามแล้วตอบไม่ได้ละจะโดนจี้ไปอีก) ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามที่เกี่ยวกับตัวเราด้วยซ้ำ  เข้ามาเขาก็จะให้แนะนำตัวเองเลยเหมือนกับทุกที่ที่ไปสัมภาษณ์(ไม่ได้จำกัดเวลานะ) พูดเสร็จเขาก็ยิงคำถามต่อมาเลยว่า Why BAScii and have you applied to other programmes? เสร็จปุ้ปเขาก็ถามต่อในอนาคตของตัวเองว่าจบไปแล้วจะทำอะไรต่อ คุณมองตัวเองในอีก 5-10 ปียังไง คุยๆไปซักพักก็โย้กย้ายไปพูด Innovation Idea ที่ทุกคนจะได้พูดกันในพอร์ตอยู่แล้วโดยเราไม่ได้จำกัดเวลา ซึ่งดีมากๆ เพราะเราต้องพูดค่อนข้างเยอะจากการที่ต้องท้าวความปัญหามา 2 อย่างก่อนได้ ถึงจะสามารถนำเสนอตัว innovation ได้(เราเคย mock สัมแล้วได้แค่พูดมา 2 นาทีสรปุแล้วพูดไม่ทัน ยัง address ปัญหาไม่จบเลย ตอนนั้นเลยโดน comment เรื่อง inno idea เวิ่นเว้อจนเกินไป ถึงวันจริงแล้วเราก็พูดแบบเดิมแต่เต็มและครบทุกอย่างที่เตรียมมา) โดย form/guideline ที่เราใช้พูดก็จะมีประมาณว่า 1. เกริ่นปัญหา(และบอกประโยชน์ของแมลงก่อนโยงเข้าข้อ 2) 2. ตัว Inno(ให้ข้อมูล+ดีกว่า product ทั่วไปยังไง) 3. ช่องทางการขาย 4. technology implementation 5. ปิดจบด้วยคำหวานๆ ตอนพูดเสร็จก็มีอจ.คนนึงพูดมาเลยนะว่า "hmm, that's pretty elevated." เราก็แบบ ห๊ะ ว้าว45455565 แล้วเขาก็ถามเราต่อจากไอเดียนี้อยู่ 2 คำถามซึ่งไม่ยากมากและพอจะเตรียมมาได้(รู้สึกว่าถ้าเอาไปพูดใน presentation เราแล้วอะก็น่าจะไม่โดนถามต่อละนะ) 1. จะตั้งราคาเท่าไหร่(ข้อนี้เราค่อนข้าง reluctant ในการตอบ เพราะมันต้องคำนวณเยอะมากๆ เราก็เลยใช้การประมาณคร่าวๆเลยว่าราคาต้องแพงกว่าขนมทั่วไปอยู่แล้ว+การที่มันยัง mass produce ไม่ได้ ก็เลยบอกไปกลมๆว่า 40-50 บาท แต่ถ้าในระยะยาว บ.สามารถตั้งตัวได้ ก็จะสามารถ scale up ก.ผลิตได้ ดังนั้นราคาก็ต้องลดลงได้ อจ.ก็พยักหน้ากันหมดเลย 2. ส่วนประกอบของขนมนี้อะไรบ้าง เราก็ตอบได้หมดเลยเพราะเตรียม 2 อันนี้มาแล้วจริงๆ ให้เขารู้ว่าเรารู้ในเรื่องนี้จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ถามเราตรงนี้อีกเลย แล้วไปต่อในอะไรที่ไม่ค่อยตึงละ แบบ อจ.ฝรั่งถามว่า เอ้ ยูไปเรียนรร.อะไรเนี่ย ทำไมมันมีติดเข็มด้วย(ชิวเลยแหละ5656565) อีกอันอจ.คนไทยก็ถามว่าอะไรเล็กๆน้อยๆเรื่อยเปื่อยในพอร์ตของเราแค่นั้นก็จบแล้ว

[Character Assessment Test]

นี่อาจจะเป็น highlight สำหรับชาว BAScii candidates ในรุ่นถัดๆไป555455 ตอนแรกที่ออกเกณฑ์ใหม่นี้เราก็ช็อคและตกใจเหมือนกัน ตอนนั้นก็เครียดขึ้นมาเลยแหละเพราะเราไม่รู้อะไรเลย โชคดีที่ตอนนั้นหลังประกาศรับนร.ใหม่(รู้ตอนประกาศรับสมัครออก)ก็มีงาน OPH ของบาสไซพอดี ตอนนั้นเราก็เลยพอได้ข้อมูลมาว่ามันคือ half-day activity ที่จะ assess behaviour ตอนที่เราทำงานเป็นทีมไรงี้

ของเราจะได้ช่วงเช้าตั้งแต่ 9:00-12:00 AM (บ่าย 1:00-4:00 PM มีทั้งหมด 2 ช่วง) ละเอาจริง admission ของบาสไซเป็นอะไรที่ค่อนข้างกินเวลานะ ถ้าใครที่สมัครหลายๆที่อะ มีโอกาสโดนบาสไซชนได้เยอะสุดเลย เพราะเราต้องไปสอบกับบาสไซ 2 วัน วันแรก apitude test ตอนเที่ยง+สอบสัมภาษณ์ในวันเดียวกันซึ่งเป็นได้ตั้งแต่ประมาณ 8 โมง ถึง 4 โมงเย็นเลย(ขึ้นอยู่กับ slot เวลา 15 นาทีที่สัมภาษณ์ที่เราได้อะนะ) แล้วอีกวันนึงก็ต้องหมดช่วงเช้าไม่ก็บ่ายในการสอบ character assessment แต่เหมือนว่าจะมีคนที่ขอทางคณะเลื่อน assessment test ได้นะ แล้วบอกตรงๆเลยว่าชนสัมกับที่อื่น(รู้สึกได้เลยว่าคณะใจดีมากกก)

เข้าเรื่อง จากวันแรกที่เราได้ทำ register ไว้ เขาจะให้ทำ DISC personality assessment(เหมือนทำ MBTI) พอวันที่ 2 เขาก็จะเอา type ที่เราได้ไปปรนกับ type อื่นๆให้คละๆกัน เป็นทีมละ 6 คน รวมเป็น 10 ทีม ปีเราเป็นปีแรก เขาใช้พื้นที่ของ Sasin School of Management ที่อยู่ตรงข้ามบาสไซ จัดใน hall ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า แล้วจะมีเหมือนโต๊ะจีนกระจายทั่วห้องแล้วมีเวทีอยู่หน้าสุดของห้องเลย ตรงนั้นจะเป็นที่ๆ host พูดดำเนินงานต่างๆ

ก่อนเข้าห้องเขาจะเน้นย้ำมากๆเลยนะตรงเรื่องการเข้าห้องน้ำ คือถ้าเข้าไปแล้วจะออกจากห้องมาไม่ได้เลยจนว่าจะจบกิจกรรม เราแนะนำว่าตอนเช้าดื่มน้ำไปน้อยๆเลยนะ เข้าไปค่อยไปจิบๆเอา5555 ในแต่ละโต๊ะก็จะมีเก้าอี้อีก 2 ตัวตั้งอยู่ห่างๆไว้สำหรับอาจารย์(เป็นได้ทั้งไทย ทั้งต่างชาติ)ที่คอยจด คอยสังเกตสิ่งที่เราทำตลอด(บังคับให้พูดอิ้งตอนทำงานนะเพราะเขาก็ต้อง assess เราจากตรงนั้นอะ) เก้าอี้อีกตัวให้รุ่นพี่บาสไซช่วยดูแลเรื่อง หยิบ เก็บของในการทำกิจกรรม พอเริ่มงานก็จะมี 2 กิจกรรมหลักๆเลย 1. Ice Breaking 2. Group Project ตามที่ให้โจทย์มา(โจทย์เหมือนกันหมดทุกกลุ่ม)

Ice breaking ที่เราได้ทำก็คือการทำหอคอยจากเส้นสปาเกตตี้ดิบแล้วให้ marshmallow อยู่บนยอด ทำยังไงก็ได้ให้สูงที่สุด โดยมี material ให้ประมาณนี้: 

1. เส้นสปาเก็ตตี้ดิบ(10-20 อัน, หักเพื่อเอาไปใช้ได้)

2. marshmallow 1 ชิ้น

3. เทปสีแดง 1 อัน(คล้าย duck tape, ใช้มือฉีกได้ ไม่ต้องใช้กรรไกร)

4. เชือกสีแดง เส้น

พอ host จัดแจงรายละเอียดทุกอย่างอะไรหมดแล้วเขาก็จะให้เริ่มทำได้เลย ตอนนั้นน่าจะมีเวลา 15 นาทีนะ ก็ต้องวางแผนกับเพื่อนดีๆ ทำๆไปได้แป้ปนึง host ก็บอกว่า ให้ทุกคนยกมือข้างที่ถนัดขึ้นแล้วไว้ที่หลังของตัวเองแล้วก็ทำงานต่อ คือตลกมาก556565 ลำบากด้วย คือทุกคนต้องหันมาช่วยกันจริงๆอะ แม้จะใน task ง่ายๆก็เถอะ อย่างฉีกเทปไรงี้อะ พอ 5 นาทีสุดท้ายเขาก็ค่อยให้ใช้ได้ 2 มือตามปกติ พอจบปุ้ป ทุกอย่างต้องหยุดจริงๆ มือห้ามแตะอะไรเด็ดขาด สักพักเขาก็จะมาวัดส่วนสูงของหอคอยจนถึง height สูงสุดของ marshmallow เขาก็จะประกาศว่าทีมอะไรทำได้สูงที่สุด ส่วนทีมเราได้ความสูงประมาณ 26 cm +- นะถ้าจำไม่ผิด เอาจริงการทำอันนี้เราแนะนำเรื่อง plan ที่ดีกับการถ่วงน้ำหนักนะ เพราะพอติดมาร์ชเมลโล่ไปแล้วมันจะเอียงมากๆ5555 พอเสร็จอันนี้แล้วเขาก็จะให้เราเขียนตอบคำถาม 3 ข้อ เหมือนว่า 1.reflection ในสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากกิจกรรมนี้ 2. อะไรที่ต้องแก้ไขอีก ส่วน 3. เราจำไม่ได้แล้วอะ แงงง ซึ่งอันนี้อาจารย์เขาก็จะเอาที่เราเขียนไป graded นะเพราะทุกคนจะได้เขียน application number ไว้ ทั้งหมดนี้อันนีแค่น้ำจิ้มๆนะ56565656

ต่อมาใน highlight ของงานก็คือทุกทีมในช่วงเช้าจะได้โจทย์เดียวกันหมดเลย(ช่วงบ่ายคนละโจทย์ แต่เรื่องหอคอยสปาเก็ตตี้เหมือนกัน) เราได้ประมาณโจทย์ว่า ลุงบุญมีเป็นช่าง textile ที่มีฝีมือที่จ.ลำปาง แต่สิ่งที่ลุงทำกำลังจะหายไปจากปัญหาที่ลูกลุงและวัยรุ่นแถวนั้นต่างเข้าไปใช้ชีวิตเพื่อความก้าวหน้าที่ดีกว่าทางด้านการแพทย์ที่เชียงใหม่ บวกกับการที่ลุงโดนสินค้าจากจีนบุกเข้าไทย(ขายถูก ตัดราคาไรงี้) แล้วจะทำยังไงเพื่อแก้ปัญหานี้ แล้วเขาก็จะให้ใบ SDGs มาด้วย แล้วให้ relate สิ่งที่เราทำเข้ากับข้อนั้นๆ คือ approach มันกว้างมากๆมันแล้วแต่ละทีมเลยว่าอยากจะทำยังไง(ไม่มีจำกัดเรื่อง budget ด้วย) ทีมเรา brainstorm กันนานมากๆ มีหลายไอเดียสุดๆ ใช้เวลาอยู่พอสมควรเลย จนสุดท้ายไปจบที่การทำร้านคาเฟ่ที่ขาย souvenir ของลุงแก+design ร้านที่อิงมาจากลายผ้าไหมของลุง+เปิด workshop ให้คนที่สนใจเข้ามาทำอะไรที่เกี่ยวกับผ้าไหมไทยกับลุงได้ ทีมอื่นก็มีทั้ง subsribption box set, หุ่นยนต์ที่ mix and match ชุดที่มาจากผ้าไหมแก, แต่ส่วนมากก็ทำคาเฟ่เนี่ยแหละ56666 พอทำเสร็จแล้วก็จะให้ 2 คนในทีมมั้งนะ ออกไปพรีเซน ซึ่งเราก็ออกไป55554 แต่ทีมเราไม่ได้แย่งออกกันไปพรีเลยนะ เราก็เห็นมีเพื่อนคนึงที่อาสาออกไปพรี เราก็เห็นว่าในทีมคงไม่มีใครออก เราก็ออกไปด้วยกก็ได้556565

Materials:

1. กล่องไปรษณีย์ขนาดยักษ์ ตัวเท่าคน5656556 ด้านนึงเป็นสีขาว อีกด้านเป็นสี cardboard ปกติๆเลย

2. ลัง/กล่องไปรษณีย์ขนาดเท่ามือ

3. กรรไกร 

4. Markers

ส่วนใหญ่ก็จะมีของประมาณนี้นะๆ อาจจะมีอย่างอื่นแต่ลืมไปละ ถถถ

จากที่มันค่อนข้าง repetitive กับกลุ่มอื่น พอได้มีโอกาสพรีแล้วเอาก็เลยพยายามใส่อะไรที่มัน unique ที่กลุ่มอื่นจะไม่มี(ได้พรีเป็นกลุ่มสุดท้าย) เช่นบนหลังคามี solar cells แล้วได้ในด้าน SDG ข้อ clean energy ด้วย, เนื่องจากร้านนี้จะอยู่ที่ลำปาง เราก็ให้ข้อมูลว่ามันสามารถเป็น bypass ให้คนที่จะผ่านไปหัวเมืองใหญ่ในภาคเหนืออย่างเชียงใหม่ได้ เราเลยจัดทำมุมถ่ายรูปสวยๆที่ใครเห็นแล้วก็ต้องรู้ว่าเป็นร้านลุงเพื่อ attract วัยรุ่นคนอย่างเราๆที่ติดโซเชียล, แก้ว take away ที่เป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้, เมล็ดกาแฟที่ sourced จากชุมชนรอบข้าง, website ที่ให้คนที่สนใจเข้ามาอ่านความเป็นมาและทำ online booking ที่เป็น workshop กับลุงได้ ประมาณนี้ พอแต่ละกลุ่มทำ presentation เสร็จ เขาก็จะให้ แต่ละกลุ่ม 2 นาทีเขียน reflection หรือ comment ให้แต่ละกลุ่มไว้ด้วย(เขียนทีมละ 1 แผ่น เป็นแผ่น post-it) เราก็จะได้อ่าน comments จากแต่ละทีมด้วยนะ หลังจบกิจกรรมนี้ก็ไม่ได้มีประกาศทีมที่ชนะหรืออะไรเลยนะ ต่อจากนี้ก็จะให้ทุกคนกรอก Google Forms ให้เลือก teammates 2 คนที่ทำงานดีที่สุดและ 1 คนที่ทำงานดีน้อยที่สุดพร้อมเขียนเหตุผล พอถึงตอนเที่ยงปุ้ปเขาก็ปล่อยเราเลยย

ก็หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์สำหรับคนที่สอบเข้าบาสไซไม่มากก็น้อยนะ ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยก็สามารถถามกันมาได้ในช่องคอมเมนต์เลย ขอบคุณมากๆครับ!

แสดงความคิดเห็น