เพศของนักเขียนนิยาย มีผลต่อวิธีการคิดเรื่องความรักยังไง
ตั้งกระทู้ใหม่
ไม่ขอถามเขียนพล๊อตยังไงสนุก ไม่ถามหาวิธีเขียนตอนจบ แต่อยากรู้แนวคิดผ่านกลั่นกรองของนักเขียนต่างเพศ ตั้งแต่การออกแบบตัวละคร วิสัยทัศน์เรื่องความรัก รสนิยมส่วนบุคคล รู้ว่าผู้หญิงสนใจเขียนนิยายรักมากกว่า แต่นักเขียนชายก็สรรหาวิธีให้พระเอกจีบนางเอกให้ได่ แม้เขียนแนวอื่นก็ดี
ที่ถามก็เพราะได้ยินว่า ผู้หญิงสนใจความรักมากกว่าผู้ชาย คิดว่าผู้ชายน่าจะมีหลักการความรักของชายหญิงไม่เท่ากัน
9 ความคิดเห็น
เสิร์ชหลาย ๆ เว็บ แล้วคิดดู รอคนมาตอบ เสียเวลาชาวบ้าน
เรื่องแบบนี้หนังสือจิตวิทยาเยอะแยะ
มีแต่พวกสมองกลวงเท่านั้นที่เอะอะก็ตามหนังสือจิตวิทยา แต่คนมันไม่เคยใช้สมองคิดวิเคราะห์อะไรเลยอะนะ
นิยายจะเขียนเพื่อตอบสนองแฟนตาซีของผู้อ่าน สำหรับผู้ชายสนใจเรื่องชัยชนะ คุณค่าในตัวฉันที่ทุกคนได้เห็น ความรักเป็นเพียงของรางวัลของการทำสิ่งเหล่านั้นสำเร็จ นั่นคือไม่ต้องจีบ ผ่านอีเว้นบางอย่างค่าความรักในตัวหญิงสาวก็เพิ่มขึ้นเอง
สำหรับผู้หญิงแฟนตาซีคือครอบครัวที่มั่นคง และการได้รับความรักเป็นอาวุธเดียวที่มี ตัวละครของผู้หญิงจึงได้รับความรักแบบไม่ต้องถามเหตุผล เวลามีปัญหาพระเอกเข้ามาช่วย ตามใสเอาใจรับใช้ เชื่องกว่าหมาก็สามีนี่ล่ะ ต่อให้ดุกัดทุกคนบนโลกแต่ก็เชื่องกับนางเอก
ขอให้ความเห็นในมุมมองของผู้ชายนะครับ ไม่อิงหลักการวิชาการใด ๆ ตอบเอาตามความรู้สึก เป็นแค่ความเห็นของผมเท่านั้น
ประเด็น #1 ความรักของผู้ชาย สำหรับผู้ชายแล้วความรักคือสิ่งสวยงาม ก็เหมือนผู้หญิงคิดนั่นแหละ แต่ผู้ชายจะมีอีโก้สูงในเรื่องของความแข็งแรงและความเป็นผู้นำ มันเลยออกมาในรูปของการปกป้องหรือการนำพาคนรักไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย ดังนั้นนิยายที่นักเขียนชายแต่งส่วนมากจะออกมาในแนวการต่อสู้หรือแอ็กชั่นเพื่อปกป้องคนที่รักหรือเพื่อทำให้คนที่รักประทับใจ มากกว่าการค่อย ๆ สร้างความรักขึ้นมาแบบกระหนุงกระหนิง
ประเด็น #2 เรื่องเซ็กส์ของผู้ชาย บางคนอาจจะคิดว่าผู้ชายใช้ความรักแลกเซ็กส์ ผมคิดว่ามันไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ เป็นแค่ผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ที่คนกลุ่มนี้มักคิดเรื่องเซ็กส์ก่อนเพราะโดยธรรมชาติผู้ชายจะถูกกระตุ้นทางเพศได้ง่ายกว่า ต่อเมื่อเกิดความอยากได้ทางเพศแล้วการจะได้มาก็ต้องใช้ข้ออ้างเรื่องความรักเพราะมันง่ายกว่าและทำให้อีกฝ่ายวางใจได้มากกว่า เลยทำให้ถูกมองว่าใช้ความรักแลกเซ็กส์ ผู้ชายกลุ่มนี้จะยังไม่เกิดความรัก มีแค่ความรู้สึกของการเป็นเจ้าของเท่านั้น ทีนี้จะเกิดความรักตามมาทีหลังหรือไม่ก็แล้วแต่แต่ละบุคคล ประเด็นเรื่องนี้เลยถูกจับมาเขียนในนิยายรักมากกว่า เพราะมันให้อารมณ์สร้างเรื่องราวให้น่าสนใจ น่าดึงดูด น่าติดตามได้มากกว่า ผมเห็นนักเขียนหญิงใช้รูปแบบนี้ในนิยายรักกันเยอะ
แต่ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่จะเป็นแบบนี้ ผู้ชายที่มองเรื่องรักก่อนมองเรื่องเซ็กส์ทีหลังก็มี (ซึ่งหาได้ยาก จากเหตุผลข้างบนที่ผู้ชายถูกกระตุ้นทางเพศได้ง่ายกว่า) หากเกิดความรักขึ้นก่อนจริง ๆ พวกเขากลุ่มนี้จะมองเรื่องรักอย่างเดียว จะไม่มองเรื่องเซ็กส์เลย พูดง่าย ๆ ว่าเมื่อรักแล้วจะให้นึกภาพอีกฝ่ายโป๊หรือแก้ผ้าก็ยังไม่อยากนึก มันไม่ใช่สิ่งที่อยากเห็น ไม่ได้อยากดู แค่อยากรักเขาและอยากให้เขารักตอบก็เท่านั้นเอง แต่โดยธรรมชาติของผู้ชายแล้วเรื่องเซ็กส์มันจะตามมาแน่ ๆ เพราะของมันต้องมี ของมันต้องมา แต่กับคนกลุ่มนี้มันจะมาทีหลังสุดโน่นเลย เท่าที่สังเกตประเด็นนี้ถูกนักเขียนหญิงจับมาทำนิยายรักน้อยกว่า เพราะไม่ค่อยน่าตื่นเต้น สร้างเรื่องราวได้ไม่น่าดึงดูดเท่าแบบแรก แต่ตรงกันข้ามนักเขียนชายกลับจับรูปแบบนี้มาเขียนนิยายแนวอื่นที่ไม่ใช่แนวรักกันเยอะ สาเหตุกลับไปดูที่ประเด็นแรกสุด มันแสดงความปกป้องและความแมน ๆ ในฐานะผู้ชายได้มากกว่า
งานเขียนรักสำหรับเรา เป็นเรื่องของสไตล์มากกว่าเพศ
น่าจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนมากกว่าค่ะ
เพราะนักเขียนผู้หญิงก็สามารถเขียนมุขจีบที่ตัวเองชอบได้ ส่วนผู้ชายก็เขียนถึงความโรแมนติกที่ผู้หญิงต้องการได้
ถ้าลองให้เดา นักเขียนผู้ชายอาจจะมองในภาพรวมๆ กว้างๆ ว่าความรักคือความโรแมนติก คือการให้ การปกป้อง ส่วนผู้หญิงจะเขียนแบบสนใจดีเทล รายละเอียดข้อดีข้อเสียของคน การให้อภัย มากกว่ามั้งคะ
สำหรับเรา เราสนใจเพียงเนื้อเรื่องที่ผู้แต่งต้องการจะสื่อเท่านั้น จะเพศไหนก็ไม่มีผลสำหรับเรา เพราะความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนไม่ได้ถูกจำกัดไว้แค่เพศ
แบบความเห็นส่วนตัวคือ
เพศหญิงจะเล่ามุมมองความรักผ่านอารมณ์ความรู้สึกครับ จะให้บรรยากาศค่อนข้างอ่อนไหวและโรแมนติก เพราะผู้หญิงจะรู้ว่าผูู้ชายปฏิบัติกับตนเอง หรือสถานการณ์แบบไหนที่ทำให้อบอุ่นหัวใจได้ แยกประเภทออกไปก็จะแบ่งตามช่วงวัยอีก บางทีแค่พระ-นางแตะเนื้อต้องตัวกัันนิดหน่อย ก็ใจฟูขึ้นมาได้
ในขณะที่นักเขียนชายอาจจะไม่ค่อยโฟกัสตรงจุดนี้มากเท่าไหร่นักครับ แล้วแต่มุมมองของคนว่าจะโฟกัสไปที่อะไร ส่วนใหญ่ผู้ชายจะชอบตอนจีบกันมากกว่าครับ
ถ้านักเขียนคนไหนเจ้าชู้นี่อ่านดูก็รู้เลย พระเอกในนิยายจะลูกเล่นแพรวพราวมาก มีลูกล่อลูกชน หยอดนางเอกได้ก็หยอด แตะอั๋งได้ก็แตะ (ทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ) ในขณะที่ผู้ชายไม่เจ้าชู้เขาก็จะมีอุดมคติไปอีกแบบ เช่นต้องทำดีกับฝ่ายหญิงให้มากหรือต้องแสดงความสามารถให้ผู้หญิงเห็น
โดยส่วนตัวแล้วชอบพระเอกลูกเล่นแพรวพราว มันเรียลดีครับ ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองได้ย้อนกลับไปสมัยเรียน ยิ่งอ่านแล้วเจอพระเอกแบบวิเคราะห์ความงามหรือนิสัยสาวๆแล้วแบบ หมอนี้มันร้าย! ใครจะไร้ยางอายเท่าชายคนนี้! เอารางวันตุ๊กตาทองคำให้ชายคนนี้ที! มันก็ขำดีครับ
เคยเขียนแนวนี้อยู่เรื่องสองเรื่อง ข้อเสียคือถ้าพระนางรักกันเร็วมันจะหมดสนุกทันที ต้องยืดออกไปเรื่อยๆ ให้คงมีซีนหยอดหรือแตะอั๋งแบบพอหอมปากหอมคออยู่ ยิ่งพระนางมีความขัดแย้งกันมากยิ่งดี จีบยากมากเท่าไหร่ยิ่งท้าทายมากเท่านั้น ปัญหาคือมันจะหมดมุขก่อน แก้ปัญหาด้วยฮาเร็มก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี ทำให้เขียนง่ายขึ้นเพราะสถานะนางเอกแตกต่างกันไป ทำให้มีมุขในการเล่นมากขึ้น
ดูแบบผิวเผินอาจจะรู้สึกว่าแนวนี้มันไม่ได้ให้อะไรในความรัก แถมไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้ชายแบบแนวที่ทำให้ผู้หญิงชอบด้วยการเอาใจใส่หรือแสดงความสามารถ แต่ถ้าหากจะเอาสาระหรือแก่นสาร มันแสดงให้เห็นว่าคนเราไม่เหมือนกัน ต้องการแตกต่างกัน A เป็นสาวเก่งมากความสามารถ อาจจะอยากได้คนที่เก่งกว่ามาดูแล เพื่อแบ่งเบาภาระ ส่วน B เป็นสาวมากความสามารถเหมือนกัน แต่เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เธออาจจะอยากได้คนที่เป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำก็ได้ ชีวิตคนเราอาจมีเหตุผลมากมายให้รักใครสักคน หรืออาจจะรักตั้งแต่แรกเห็นโดยไม่มีเหตุผลเลยก็ได้เช่นกัน
ผู้หญิงสนใจความรักมากกว่าผู้ชาย อันนี้่มันเป็นผลมาจากวิวัฒนาการของมนุษย์คับ
ผู้หญิง เป็นเพศที่ธรรมชาติออกแบบมาให้เป็นผู้กำเนิดลูก ปัญหาคือ ลูกของมนุษย์ในช่วงแรกๆ จะอ่อนแอมากๆๆๆๆๆๆ คือถ้าไม่มีคนดูแลคือตุยเย่ 100% และกว่าเด็กจะโตจนดูแลตัวเองก็ใช้เวลาอีกหลายปี รวมถึงตัวแม่เองที่หลังคลอดก็จะมีช่วงที่อ่อนแอลงไปเยอะเหมือนกัน เพราะงั้นระบบวิวัฒนาการเลยสร้างให้ผู้หญิงใส่ใจกับความรักมากกว่า ทั้งรักลูก และรักผู้ชายที่อาจเป็นพ่อ หรือไม่ก็ผู้ที่ดูแลตัวเองในช่วงเลี้ยงลูกนั้นด้วย
เพราะถ้าไม่รักลูก เด็กก็จะตุยกันหมด และเผ่าพันธุ์ของเราก็จะชิ_หายไปด้วยแน่นอนคับ
และถ้าทำให้ผัว/ผู้ที่ดูแลตัวเองรักไม่ได้ ก็อาจมีความเสี่ยงว่าจะโดนทิ้ง และทำให้ขาดคนดูแลในช่วงที่ตัวเองและลูกกำลังอ่อนแอนั้น เผ่าพันธุ์ของเราก็อาจจะชิ_หายได้เหมือนกัน
ส่วนผู้ชาย ก็จะมีวิวัฒนาการให้ชอบผู้หญิง เพื่อจะได้ปกป้องนางและลูกของนาง ระหว่างช่วงที่อ่อนแอนั้น และดูแลเด็กไปจนกว่าจะโตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้นั่นล่ะคับ
ก็ประมาณนี้สำหรับวิวัฒนาการของมนุษย์กับความรัก เพราะงั้นในแง่ของวิวัฒนาการแล้ว ความรักมันก็แค่เครื่องมิือนึงที่จะช่วยดำรงเผ่าพันธุ์ของเราเฉยๆ เหมือนการที่สัตว์หวงลูกหวงไข่ตามสัญชาตญาณ ส่วนนักเขียนจะตีความเพิ่มเติมยังไง ก็แล้วแต่สกิลของแต่ละคนเลยคับ
เราว่าการเขียน ต้องมีจินตนาการ เราใช้ความรักที่เราอยากมีเขียนออกมาจ้า
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?