3 เกมส์ที่แสนขมขื่น !

    หลังจากกลับมาจากการเบรกพักโปรแกรมทีมชาติเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนก็ดูเหมือนผ่านช่วงมรสุมไปนะครับ สำหรับ ทีมอื่นๆแต่มีอยู่หนึ่งทีมที่ได้รับยกเว้นในเรื่องนั้น......

ฟิลิปเป้  คูตินโญ่กลับมาสู่ทีม และได้ลงเล่นอีกครั้งในรอบเกือบๆ 2 เดือน

                ทีมนั้นที่ผมพูดถึงที่ดูเหมือนมรสุมยังไม่ผ่านไป ที่ครั้งแรกดูเหมือนจะเบาลงในเรื่องของฟิลิปเป้  คูตินโญ่ ที่ยังอยู่กับทีมต่อไปแต่เมื่อกลับมาแข่งขันเข้าจริง กลายเป็นว่า มรสุมเรื่องคูตินโญ่ นั้น เล็กไปเลยสำหรับทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล

                แน่นอนก่อนหน้านั้น ก่อนที่จะเปิดฤดูกาล ลากยาวจน 2สัปดาห์ก่อนที่ตลาดซื้อขายได้ทำการปิดตัวลงไปนั้น ลิเวอร์พูลต้องพบเจอเรื่องนอกสนาม เกี่ยวกับการซื้อขายพอสมควร แต่ทว่าเรื่องเหล่านั้นก็มีผลกระทบกับเกมส์พอสมควร แต่ก็ดูเหมือนจะผ่านมาได้

                แต่ไฉนหลังจากผ่านพ้นโปรแกรมทีมชาติลงไปโปรแกรมการแข่งขันที่ยิ่งเข้มข้นขึ้น ทั้งเกมส์ลีก และเกมส์บอลถ้วยระดับทวีปกับเลวร้ายกับทีมแบบ น่าใจหาย

                เริ่มจากการการที่โดนคู่แข่งขันพื้นที่บนอย่างเรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่มยับถึง 5 ประตูต่อ 0และยังต้องมาผิดหวังกับโปรแกรมต้อนรับการกับไปเล่นเวทีใหญ่ของยุโรป อย่าง ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก อีกครั้ง ในการพบคู่ปรับที่ต้องแก้แค้นให้ได้อย่างเซบีย่าก็ได้แค่ผลเสมอ และเกมส์ล่าสุดกับเบิร์นลีย์ ในบ้าน ก็ได้แค่ผลเสมอเช่นกัน

                โอเครเกมส์แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างที่ผมได้บอกในในฉบับก่อนว่า แฟนบอลอาจยอมรับและเข้าใจได้เพราะเกมส์นั้นมันมีข้อเสียเปรียบกันอยู่

                แต่ผลการแข่งขันกับเซบีย่าและ เบิร์นลีย์ ที่แอนฟิลด์ 2 เกมส์ล่าสุดนั้น เจอร์เก้น  คลอปป์ คือผู้รับชะตากรรม กับเสียงกร่นด่าและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่ถาโถมเข้าใส่แบบเป็นพายุของแฟนบอลตัวเอง

                2เกมส์ ล่าสุด แฟนบอลต้องผิดหวัง ซึ่งมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆเพราะเป็นเกมส์ที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน และสมควรได้รับคำว่าชัยชนะ ทั้ง 2 เกมส์ไม่ใช่ได้เพียงแค่ผลเสมอ

                แน่นอนสิ่งที่แฟนบอลผิดหวังและรับไม่ได้ ไม่ใช่รูปแบบการเล่นแต่มันอยู่ที่การปรับเปลี่ยนอะไรบางสิ่งบางอย่างที่มันเห็นกันมาเนิ่นนานซะเหลือเกิน กับปัญหาเกมส์รับ ที่ยังตามหลอกหลอนแฟนบอลไม่เลิก

                เจอร์เก้น  คลอปป์ ที่นำไปเปรียบเทียบว่าไม่ได้แตกต่างอะไรกับยุคของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส แต่สำหรับผม มันแตกต่างกันเยอะ ถึงแม้ในเรื่องของเปอร์เซ็นต์ต่างๆมันจะไม่ได้แตกต่างหรือดีกว่า แต่ในเรื่องของรูปเกมส์นั้นน่าดูชมกว่าเยอะนะครับ

                สิ่งที่แฟนบอลรับไม่ได้ในเรื่องเกมส์รับ ก็แน่นอน ผมก็ค่อนข้างเห็นด้วย ว่า เกมส์รับยังเป็นปัญหาแต่หากเพ่งเล็งดีๆ ในส่วนของแดนกลางนั้น มีส่วนสำคัญในเรื่องนี้

                นักเตะของทีมเน้นเกมส์รุกตามสไตล์โค้ช แต่เกมส์รับ ยังเล่นไม่ได้ตามสไตล์โค้ช ต้องการผมมองอย่างนั้น...โอเคร แน่นอนว่าบางส่วน นักเตะอาจไม่ดีพอแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะครับผมว่า

                แต่หากมองแล้วอาการในจุดที่ผมบอกไปนั้น ก็ยังน่าเป็นห่วงว่า ถ้ายังแก้ปัญหาตรงจุด กับจุดที่มองเห็นอยู่อย่างทนโท้ไม่ได้ก็น่าคิดเหมือนกัน เพราะเกมส์รุกทึ่คลอปป์ เน้นนักเน้นหนา นั้น ยังไม่คมพอและเกมส์รับพร้อมเสียตลอดเวลา

                3เกมส์ที่ผ่านมานี้ ถือเป็นบทเรียนสำคัญ ที่เจอร์เก้น  คลอปป์ จะต้องแก้ให้ตรงจุดเพราะมันขมขื่นสำหรับแฟนบอลเหลือเกิน หากยังไม่แก้ไข

                มีกระแส “คลอปป์ เอาส์” ผมว่าเรื่องนี้มันเกินไปเนื่องจากแฟนบอลสมัยนี้มองผลงานจากทีมอื่นเป็นแกนสำคัญด้วยมันจึงทำให้รับไม่ได้กับผลการแข่งขันของทีม ผมว่ามันยังไม่ถึงจุดนั้น

                แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมว่า คลอปป์ เอง ก็คงมองเห็นในจุดที่เราเห็นกันนั่นแหละครับเพียงแต่ตอนนี้มันก็ได้แต่แก้ไขให้ได้กันไปเท่านั้น .....มันก็จริงอย่างที่คลอปป์เคยพูดว่า กองหลังที่เป็นปัญหา ที่เขาไม่เลือกซื้อมานั้นเพราะหากไม่ได้นักเตะที่ต้องการ ก็ไม่รู้จะซื้อคนอื่นมาทำไม ก็ไม่แน่ใจว่าจะดีกว่าที่มีอยู่รึเปล่า

                ก็อยากพูดให้มองกันในหลายๆแง่มุม.....หวังว่าผลการแข่งขันเมื่อคืน จะได้เห็นอะไรดีๆ และแก้อะไร มาบ้างนะครับถึงแม้จะไม่ใช่ชุดใหญ่ ก็ตามที !