Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิว ศัลยกรรมปรับโครงหน้าและจมูก ของคุณตี๋ #DeeHupHouse #ดีฮัพเฮ้าส์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ก่อนผ่าตัด 
หลังจากตัดสินใจเดินทางมาผ่าตัดที่รพ.บาโนบากิ ประเทศเกาหลี วันนี้มีนัด consult กับคุณหมอครั้งสุดท้ายก่อนผ่า ซึ่งรอบนี้จะเป็นอะไรที่เห็นภาพชัดที่สุดแต่ก่อนจะได้คุยกับคุณหมอ เราต้องเตรียมตัวตรวจความพร้อมร่างกายให้ดีก่อนคับ นั่นคือการไปถ่ายรูปหน้าเราในทุกองศาหน้า (ตรงนี้บอกตามตรงเลยว่ารอดยากจริงๆ 55) แล้วก็เข้าเครื่อง Xray เพื่อดูโครงหน้าของเราทั้งหมด (สำหรับผ่าตัดโครงหน้า) จากนั้นก็เจาะเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับความดันเป็นขั้นตอนถัดไปปป


เอาล่ะถึงเวลาปรึกษาแล้วว หมอโอชังฮยอนก็แนะนำแบบรวดเร็วทันใจแบบไม่ต้องเปิดไพ่หรือขอวันเดือนปีเกิด ก็วินิจฉัยบอกปัญหาอย่างตรงจุดแบบที่เราเห็นด้วยทุกอย่างและเป็นปัญหามานาน คือหน้าบานเป็นดวงจันทร์ ฮ่าา หมอโอไม่รอช้า เนรมิตสิ่งต่างๆ เพื่อแก้ปัญหานี้ทันที (ซึ่งก็ไม่น้อยเลย สำหรับคนที่เพิ่งทำศัลยกรรมใหญ่ครั้งแรก) มีดังต่อไปนี้ ... 


เหลาโหนกกรามเพื่อให้เล็กเข้ากับรูปหน้า เพราะถ้าดูจากรูปก่อนทำจะเห็นเลยว่าการมีโหนกแก้มของเราคือปัญหาใหญ่ที่ทำให้หน้าป้านมาก ตัดกราม เราเป็นคนมีกรามนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หน้าเราโดยรวมออกมาแล้วไม่ได้สัดส่วนคางก็สำคัญ แต่เป็นสิ่งไม่ได้คาดคิดมาก่อนเหมือนกันว่าจะเป็นปัญหาว่าการที่เรามีคางยาวไม่สมส่วนกับหน้า หมอโอก็จะตัดให้สั้น เข้ากับรูปหน้าอีก จุดที่ได้อธิบายไปข้างบน ฟังทั้งหมดนี้แล้วเหมือนจะหมด ยังงง หมอโอของแถมแบบที่สุดพิเศษคือการเอากระดูกที่ตัดออกไปแล้วมาเติมที่ร่องแก้มให้และที่บอกว่ามันพิเศษเพราะหมอบอกว่าถ้าเราทำแบบนี้จะทำให้ไม่ต้องฉีดโบท็อกซ์อีกเลยยย สุดๆๆ และมันเป็นครั้งเดียวเท่านั้นที่จำทำได้สำหรับคนที่ผ่าตัดโครงหน้าโดยเฉพาะ เพราะเขาจะเอากระดูกที่ตัดไปในส่วนอื่นมาใส่ให้ที่ร่องแก้มเรานั่นเอง
 

ถ้าถามว่าของเราจบหรือยังก็บอกเลยว่ายังง.. เพราะยังเหลือหมออีกท่านที่เราต้องไปปรึกษา คือหมอลียูจองที่จะมาดูแลจมูกของเรานั่นเอง พอเข้าไปถึงห้องคุณหมอก็ถามถึง REF ของจมูกที่เราอยากให้เป็นและอธิบายให้เราฟังอย่างง่ายเลยว่า จมูกของเรา ตอนนี้มันสั้น จึงต้องเอาซิลิโคนมาเติมตรงกลางจมูกและเอากระดูกซี่โครงหรือหลังหูมาต่อที่ปลาย เพื่อให้ได้รูป แต่-ูก็บอกเอาไว้ก่อนแล้วว่าโครงสร้างจมูกเราไม่เหมือนกับ REF ที่ให้มา ถ้าจะให้ธรรมชาติ (ตามบรีฟแรก) -ูก็จะทำให้ได้เพียงใกล้เคียงเท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการ 


จบแล้ว สำหรับวันปรึกษาอันเหน็ดเหนื่อย เพราะมีทั้งความ กังวล ตื่นเต้น และไม่รู้ว่าตัวเองตัดสินใจถูกไหมกับการทำครั้งนี้ แต่ในเมื่อโอกาสมาแล้ว และเคยสัญญากับตัวเองว่าจะพยายามรับทุกโอกาสที่เข้ามาให้ได้ ก็ต้องขอบคุณโรงพยาบาลบาโนบากิด้วยนะค้าบบ 
- 
วันผ่าตัด
ทางโรงบาลก็จะนัดเรามีเช็ครอบสุดท้าย เพราะตารางผ่าเราคือ 10 โมง และจะต้องตรงเวลากันมากๆ  เพราะหากเราเลทจะยิ่งทำให้เคสต่อไปเลื่อนไป ซึ่งไม่ดีเลย ฉะนั้นเราควรห้ามสายเด็ดขาดด 
 
เอาล่ะ ฮือออ เป็นวันที่ตื่นเต้นและอึนๆ กับตัวเองเหมือนกัน ที่เดินทางมาถึงจุดนี้ได้ มันแบบไปต่อได้ยังเดียว  ถอยหลังไม่ได้แล้ว จังหวะที่พี่ล่าม เดินมาบอกว่าถึงเวลาขึ้นไปห้องผ่าตัดแล้วคือแทบไม่อยากจะเชื่อ แต่เอาเถอะะ คิดแค่ว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ไม่เสียหายและผลของมันหลังทำก็จะดีมาก ๆ ด้วย จังหวะนั้นคืออยากกรี๊ดดดด  สักที แต่กลัวคนหาว่าบ้า 555
 
พอเข้าไปถึงก็บ้วนปากรอบสุดท้าย และก็โดนเรียกตัว ไปที่ห้องผ่าตัด ก็เจอพี่ๆพยาบาลเรียงรายมากมาย จนเราเข้าไปถึงบนเตียง พี่ๆ พยาบาลก็จะเช็คเราอีกครั้ง เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพต่างๆ พร้อมล็อคมือและเท้าเราไว้ (เพราะร่างกายเราอาจจะขยับหรือกระตุกได้ ในช่วงที่เขาผ่าตัด) จังหวะนั้นเองหมอวิสัญญีก็จะเข้ามาเพื่อวางยาสลบเรา  ตอนนั้นโคตรของโคตรตื่นเต้นนๆๆ ไม่คิดไม่ฝัน ว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น  แล้วสักพักควันยาสลบก็ค่อยๆ ลอยเข้ามา พยาบาลก็นับถอยหลัง  จนกระทั่งเราเหมือนหลับไปโดยไม่รู้ตัว ภาพตัด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขาเอาเครื่องปล่อยยาสลบมาที่หน้าเราเมื่อไหร่ เปิดประสบการณ์มากๆ
 
รู้ตัวอีกที เราก็ถูกปลุกให้ตื่นซะแล้ว จังหวะนั้นเองที่เราเพิ่งคิดได้ว่าทุกอย่างผ่านไปแล้ว เขาผ่าตัดเสร็จแล้ว อย่างแรกคือหันไปดูนาฬิกาาา  18:30 แล้วว  ผ่านไปตั้ง แปดชั่วโมง ไวเหมือนโกหก จังหวะที่ตื่นมาได้แต่บอกกับตัวเองว่าต้องดึงสติตัวเองเอาไว้ให้ได้แต่มึนและเมายาสลบอยู่ ไม่รวมความเจ็บและปวดจากการผ่าตัด แต่เอาวะพยายามหายใจเพื่อเอายาสลบภายในร่างกายออกไป แล้วพี่ล่ามก็บอกจะยังไม่สามารถกินน้ำได้สี่ชั่วโมง ตอนแรกก็คิดว่าเอาวะเราทนไหวแหละ แต่ระหว่างรอกว่าจะดื่มน้ำได้เนี่ยแหละ ที่สุดแห่งการรอแล้ว คอแห้ง เจ็บคอ หายใจลำบาก ไหนจะสายเดรนอีก นี่มันโหดไปไหม อะไรที่คิดว่าจะได้เจอก่อนทำ ตอนนี้ได้เจอกับตัวเองแล้ว ประสบการณ์ชีวิตครั้งนี้ไม่มีลืมเด็ดขาดด
 
ความโชคดีนึงคือการมีเพื่อนไปด้วย ก็เป็นสิ่งที่ช่วยได้เยอะเหมือนกันในแง่ได้มีเพื่อนคุยระหว่างรอตั้งสี่ชั่วโมง มันอาจจะไม่ได้ไวขึ้นแต่มันดีกว่ารอโดยไม่มีใครสี่ชั่วโมงแน่ๆ แต่คนทำศัลย์ที่เกาหลีนี่เก่งกันจริงนะ เพราะเหล่าคนที่ได้รับการผ่าตัดวันนี้ ทุกคนล้วนรุกขึ้นมาเดินไปรอบ ๆ โดยมิได้นัดหมายด้วยกัน คงเป็นเพราะการเดินมีผลทำให้ฟื้นตัวไวด้วยนั่นเอง 
แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงสี่ทุ่มพอดีเป๊ะ จังหวะนั้นคือรีบบอกให้เพื่อนไปหยิบน้ำเทใส่แก้วมาทันทีแล้วดื่มจนครึ่งขวด 
จากนั้นก็ไล่เพื่อนกลับไปเพราะคืนนี้เราต้องนอนพักฟื้น คืน แต่พอได้กินน้ำเราก็ดีขึ้นมากจริงๆ แต่ความโหดต่อมาคือความไม่เคยชินกับการหายใจที่ลำบาก ต้องนอนหน้าตรงเท่านั้นน นี่แหละที่ทำให้เรานอนยากมากๆ สำหรับคืนแรก
แล้วจะกลับมาอัพเดทให้เพื่อนๆ ได้อ่านต่อนะครับ

 

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

bandittee 25 เม.ย. 67 เวลา 14:43 น. 1

วันที่ 1 หลังผ่าตัด

https://image.dek-d.com/28/1011/8167/134248965

เป็นคืนที่ยาวนานลากมาจากวันผ่าตัด มาถึงตรงนี้สิ่งเดียวที่ทำให้ผ่านไปได้

ก็มีแต่ความอดทนเท่านั้น เราจะรู้สึกหลายอย่างมากแต่นั่นก็เป็นอาการหลังจากผ่าตัด

ซึ่งหลักๆ คือปวดบริเวณที่ทำ หายใจลำบาก กลืนน้ำลงคอยาก อยากให้ทุกคนสู้

หากตัดสินใจทำแล้ว มันคือบทๆ นึงที่ต้องผ่านไปให้ได้

แค่บอกว่าตัวเองว่าเราจะผ่านมันไปได้แค่นั้นพอ

แล้วคืนอันยาวนานก็ผ่านพ้นไป เพื่อนๆ ก็มารับในตอน 10:00 น.

พร้อมด้วยที่พี่พนักงานเข้ามาอธิบายรายละเอียดวิธีปฏิบัติการหลังผ่าตัด

ความรู้สึกเราตอนนี้มันดีขึ้นก็จริง แต่ก็ยังไม่เข้าที่

เรามีไปเดินช้อปปิ้งนิดหน่อยในย่านกังนัมด้วยความท้าทาย

เพราะตอนแรกหน้ายังไม่บวมเท่าไหร่

ตกเย็นกลับเข้าที่พักก็ประคบเย็นวนไปทั้งคืนจ้าา

การนอนในวันนี้ยังคงยาก หลับๆ ตื่น ๆ มีไข้ขึ้นระหว่างนอน

จนต้องไปเติมลดไข้ระหว่างคืนด้วย แต่ก็ผ่านคืนนี้ไปได้


วันที่ 2 หลังผ่าตัด

https://image.dek-d.com/28/1011/8167/134248966

วันนี้หน้ายังคงบวมตุ่ยเหมือนเดิม อาการไม่แย่แต่ก็ไม่ดี ฮ่าา

การใช้ชีวิตหลังผ่าตัดของเรา

ก็จะใช้เวลาไปกับการกินยา ล้างแผลและประคบเย็นบริเวณที่บวม

เพราะเราต้องกินอาหารเหลวๆ ย่อยง่ายรสชาติอ่อนๆ

วันนี้ยังคงน้ำมูกไหลทางจมูกออกมาตลอดๆ ก็แอบเซ็งๆ นอยๆ

ยังมีปวดบริเวณที่ทำแต่หากกินยาบรรเทาก็จะดีขึ้น

ระหว่างวันก็มีการออกไปเดินเล่น ดื่มกาแฟครั้งแรกด้วย

เพราะเป็นคนชอบดื่มกาแฟมากแต่ก็กินได้ไม่เยอะหรอก

คือรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้หิวโหยการกินอะไรขนาดนั้นเพราะรู้สึกว่าความกินยาก

ทำอะไรยากมันทำให้เบื่ออาหารไปเลยในตัว

จากนั้นก็เดินต่ออีกนิดหน่อย

วันนี้มีถอดเทปที่คางด้วยตัวเองด้วย

ก็จะยากๆ หน่อยเพราะมันแทบจะติดเนื้อเราไปแแล้ว

วันที่ 3 หลังผ่าตัด

https://image.dek-d.com/28/1011/8167/134248967

วันนี้ถือว่านอนตื่นมาแล้วเฟรชขึ้นมาก เพราะนอนหลับสนิทแล้ว

เป็นอะไรที่ดีมากๆ แต่ใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าปกติหน่อย

อาจจะเพราะยังคงปวดบริเวณที่ทำกับปวดหัว

มีไข้เล็กๆ แต่สิ่งที่ต้องทำคือรีบกินยาที่หมอให้แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

เคล็ดลับคือยากแก้ปวด ลดไข้ จริงๆ นะ

ที่ทำให้เราผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้ ยาวิเศษมีอยู่จริง

ชีวิตวันนี้ก็เหมือนปกติทุกวันคือการล้างแผลทำความสะอาดบริเวณที่ทำให้ดี

หากไม่อยากเกิดปัญหาทีหลัง ต้องมีวินัยกับความอดทนมากๆ จริง ๆ

วันนี้ยังคงมีน้ำมูกไหลอยู่ตลอดเหมือนเดิม

เป็นอะไรที่เซ็งมาก (เกิดจากเป็นภูมิแพ้พอดีของตัวเองด้วย)

พอออกไปเดินข้างนอกกก็จะลำบากหน่อย เพราะต้องซับจมูกตลอดดด

วันที่ 3 ก็ผ่านไปอย่างนอยๆ นิดหน่อยแต่ไม่มากเท่าวันแรกๆ

คงเพราะเริ่มชินและทำอะไรไม่ได้

บอกกับตัวเองว่าเอาวะ มันไม่ตลอดไปซะหน่อย..


วันที่ 4 หลังผ่าตัด


วันนี้หลับเต็มตื่นเช่นเคย แต่พอตื่นก็ต้องพยายามเซทอัพตัวเองดี ๆ

เพราะตื่นมาก็ต้องทำอยู่หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะล้างแผล บ้วนปาก กินยา ทานข้าว

บอกเลยเป็นชีวิตประจำวันในฝันฝุดๆๆ 55

อาการก็ยังทรงๆ คือปวดเจ็บบริเวณที่ผ่า ตายังบวมและเหลืองโดยรอบ

หน้าบวมแบบเดิม ยังกินอาหารยาก

หายใจดีขึ้นแล้วถ้าไม่เป็นภูมิแพ้ก่อนหน้านี้ก็จะเป็นลาภอันประเสริฐ

เอ้ออ จริงๆ แล้ว วันนี้เพิ่งรู้ว่าเวลานอนของคนผ่าตัด เขาจะนอนหัวสูงกัน 55

วันนี้เลยทดลองนอนแบบนั้น ตอนแรกกลัวนอนไม่หลับ

แต่พอลองนอนแล้วก็หลับได้ถือว่าโอเค เผื่อลดบวมได้อีกทางวุ้ยย

และแล้วก็ผ่านวันนี้ได้ไปอีกหนึ่งวัน พรุ่งนี้หมอนัดเอาเฝือกออกแล้ววว

มาติดตาามกันนนน ว่าจมูกจะโฮ่งซักแค่ไหนกันน


วันที่ 5 หลังผ่าตัด

วันนี้เริ่มแล้ววว หลังจากตื่นขึ้นมา ก็ฟีลคล้ายๆ เดิมทุกอย่าง

ความตึงที่ใบหน้ายังคงตึงสม่ำเสมอ ไม่รู้จะไปจบอย่างไร

แต่การนอนยกหัวสูงกว่าปกติก็ดูเหมือนจะช่วยได้จริงๆ นะ

ไม่บวมเท่าวันก่อนหน้าแล้วแต่ไม่เยอะนะ คือนิดเดียว

อาจจะเพราะเราประคบเย็นอย่างสม่ำเสมอด้วย

พอทำกิจวัตรช่วงเช้าเสร็จ วันนี้วางแผนไว้ว่าจะไปสระผมทีนึง

ก่อนไปโรงบาลเพราะหัวมัน หน้ามันแบบพร้อมทำของทอดมากก

แล้วไหนๆ ก็ถอดเฝือกจมูกให้หน้าผมดูดีหน่อยก็คงจะดีๆ

พอถึงโรงบาลก็พนักงานก็พาไปอบอ็อกซิเจน

ซึ่งเครื่องเป็นอะไรที่ใหญ่เหมือนเราเข้าไปในแคปซูลยักษ์แล้วนอนอยู่ในนั้น

ถือว่าเป็นอีกเครื่องที่น่าตื่นเต้นมากเพราะระหว่างทำมันรู้สึกสบายตัวแปลกๆ ทั้งตัวเลย

https://image.dek-d.com/28/1011/8167/134248969

พอได้เห็นทรงจมูกก็สบายใจแล้วเพราะเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งมองมุมข้างยิ่งเห็นชัด แต่ความบวมทำให้มันยังไม่สามารถการันตีอะไรได้ร้อยเปอเซ็นจริงๆ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการมาทำศัลย์ครั้งนี้เลย ฮึบๆ จงหายบวมๆ ระหว่างเราจะกลับคุณ-ูมีออกมาดูอาการ

ดูทรงจมูกที่หมอทำไปและเป็นกำลังใจให้เราด้วยเป็นกันเองสุดๆ

จากนั้นเราก็เดินทางกลับกัน มีนัดอีกทีรอบ 7 วันหลังผ่าตัด

วันนี้่เราเดินลุยท่ามกลางหิมะกันเว่อร์ แบบลมหนาว ลมฝน หิมะโหมกระหน่ำ มีการหาร้านอาหารกินระหว่างทาง พอทำทุกอย่างเสร็จ เราก็รู้สึกเหนื่อยกว่าเดิมนิดหน่อย

ก็เลยบอกเพื่อน บอกบอสว่ากลับรถไฟไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยเรียกรถกลับกันทันทีหลังกินเสร็จ

เป็นอีกวันที่เหนื่อยมาก ๆ แต่เออวันนี้เราอาบน้ำได้แล้วด้วย เป็นอะไรทีฟินมากๆ

แต่แค่แผลซี่โครงใต้ราวนมจะต้องติดแผ่นกันน้ำเอาไว้ก่อน

ยังโดนน้ำไม่ได้ส่วนแผลบริเวณใบหน้าโดนได้แล้วแต่ต้องเป่าให้แห้งนั่นเอง


วันที่ 6 หลังผ่าตัด

https://image.dek-d.com/28/1011/8167/134248971

วันนี้ตื่นมาเช็คสภาพร่างกายหน้ายังคงบวม ตายังคงม่วง น้ำมูกยังคงไหล เหมือนเดิม ความน่าเบื่ออาจจะเป็นอะไรแบบนี้ในทุกๆ วัน แต่ก็สู้แหละ มาถึงวันที่ 6 แล้ว มาถึงจุดนี้ความอดทนเท่านั้นที่จะผ่านทุกอย่างไปได้ กินยาตามอาการ พักผ่อนให้เพียงพอ รอจนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น


วันที่ 7 หลังผ่าตัด

https://image.dek-d.com/28/1011/8167/134248972

วันนี้ก็ตื่นมาพร้อมความยังตุ่ยๆ ตายังคงช้ำ (แต่อะไรพวกนี้เร่งไม่ได้จริงๆ )

กิจวัตรทุกอย่างแทบจะเหมือนเดิมและอาการก็ยังคงเดิม

แต่จริงๆ อาการความรำคาญ ความนอยในความปวดเริ่มไม่ค่อยแล้ว

อาจจะเพราะชิน การกินก็ยังกินได้เหมือนเดิม

ถ้าไม่อยากเหนื่อยในการทำความสะอาดช่องปากน่ะ

ท่องไว้ ว่าเราจะดีขึ้น ๆ ซึ่งในวันนี้ก็ทิศทางดีขึ้นมาก

วันนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อยในวันนี้เราต้องไปย้ายไปนอนที่ฮง-ัน

พรุ่งนี้มีเตรียมตัวไปเจอกับคุณหมอโอที่โรงพยาบาล ดีใจมาก

และเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายที่อยู่เกาหลีแล้ว ตื่นเต้นเหมือนกัน

เราจะได้เห็นภาพ Xray หน้าหลังทำกันแล้ว

วันนี้เลยรีบนอน เพราะอาจต้องตื่นเช้าเพราะจากฮงแดไปโรงพยาบาลไม่ได้ใกล้เท่าไหร่นี่สิ

ไว้มาอัพเดทหลังจากนี้ให้ดูอีกทีนะครับ

0