อย่าคบเด็กสร้างบ้าน
อย่าคบเด็กสร้างบ้าน
รู้กันหรือยังว่ามีผู้ผุดไอเดียจะทุบสะพานสารสินและสะพานเทพกระษัตรีทิ้งแล้วสร้างใหม่ให้สูงขึ้นเพื่อให้เรือสำราญสามารถแล่นลอดรอบเกาะภูเก็ตได้
เนื่องจากรัฐบาลตาลุกจากตัวเลขจำนวนเรือสำราญเข้ามาจอดที่ภูเก็ตกว่า 60 เที่ยวในปีที่ผ่านมา
โดยอ้างว่าสะพานสารสินและสะพานเทพกระษัตรีเป็นอุปสรรคในการที่จะให้เรือสำราญแล่นรอบเกาะได้
ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นคนแรกในวงการศึกษาของประเทศที่คิดแหกคอกจัดการเรียนสาขาช่างซ่อมบำรุงเรือ (ยอร์ช) ขึ้นที่วิทยาลัยเทคนิคภูเก็ต ในขณะที่ผู้เขียนทำหน้าที่หัวหน้าคณะวิชาช่างกลเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว
วิทยาลัยเทคนิคภูเก็ตเป็นสถานศึกษาหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่จัดการเรียนการสอนในสาขาช่างซ่อมบำรุงเรือ
แรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้เขีบนจัดการเรียนการสอนสาขาช่างซ่อมบำรุงเรือเกิดขึ้นมาจากที่มีผู้สร้างมารีน่าแห่งแรกขึ้นในภูเก็ตคือ โบ้ชลากูน
ในขณะนั้นผู้เขียนตื่นเต้นกับโบ้ชลากูนมาก และมักพูดกับเพื่อนๆครูเสมอว่าผู้เขียนจะใช้ที่นี่เป็นโรงเรียน
เมื่อนำความคิดไปหารือกับผู้ประกอบการหลายแห่ง ทุกคนเห็นด้วยและยินดีสนับสนุน ผู้เขียนจึงเปิดสาขาช่างซ่อมบำรุงเรือขึ้นในระบบทวิภาคี คือใช้สถานประกอบการเป็นสถานที่เรียน
และเป็นครั้งแรกที่นักเรียนเข้าเรียนระดับ ปวช.จะได้รับค่าแรงวันละ 120 บาทตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียน
ก่อนที่ผู้เขียนจะเปิดสาขาช่างซ่อมบำรุงเรือ ความคิดของผู้เขียนในขณะนั้นคิดว่า การซ่อมเรือมันจะยากอะไร ชิ้นส่วนก็น้อยกว่ารถยนต์ ซ่อมรถยนต์เรายังจ้ดการเรียนการสอนได้เลย
แต่เมื่อได้ลงมือทำไปแล้ว ผู้เขียนต้องศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบต่างๆของเรือ เทคโนโลยีเกี่ยวกับเรือ การเดินเรือ และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ต้องยอมรับว่ายิ่งเข้าไปสัมผัสมากขึ้น ความรู้เกี่ยวกับเรือที่เคยทะนงตัวว่ามันจะไปยากอะไรก็เล็กลงเรื่อยๆ จากที่เคยทะนงตัวว่าตัวเองความรู้ระดับปริญญานานวันเข้าเหลือไม่เกินอนุบาล จะเทียบก็ได้แค่เด็กน้อยเท่านั้นเอง
สำหรับเรือสำราญที่เข้ามาจอดพักที่ภูเก็ต เคยสังเกตไหมว่าครึ่งปีแรกเรือจะจอดทอดสมอที่อ่าวมะขาม พอครึ่งปีหลังซึ่งเป็นช่วงมรสุม ต้องย้ายเข้าไปจอดทอดสมอที่ป่าตอง
แต่ทั้งการจอดทอดสมอที่อ่าวมะขามและที่หาดป่าตอง ต้องใช้เรือเล็กลำเลียงนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งทั้งสิ้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ทั้งนี้เพราะท่าเรือภูเก็ตไม่สามารถเป็นท่าเรือหลัก ที่เรียกว่า Mother Port ได้
ท่าเรือน้ำลึกอ่าวมะขามถึงจะเรียกว่า ท่าเรือน้ำลึก แต่ก็ลึกไม่จริง ความลึกที่หน้าท่าเพียงแค่ 10 เมตร ซึ่งเรือสำราญเข้าเทียบท่าไม่ได้ ความยาวของท่าเทียบก็ยาวไม่พอ อีกทั้งถ้าหากจะพยายามนำเรือเข้าเทียบท่าต้องถอยเรือเข้า ซึ่งเป็นข้อห้ามของกฎการเดืนเรือสากล
เมื่อนำเรือเข้าจอดเทียบท่าไม่ได้ ทำให้เรือต้องจอดทอดสมอข้างนอก พอถึงฤดูมรสุมฝั่งอ่าวมะขามจอดทอดสมอไม่ได้ต้องไปจอดฝั่งป่าตอง
จากข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้เรือสำราญที่เข้าจอดที่ภูเก็ตจอดได้เพียงระยะสั้นๆ ครึ่งวันหรือหนึ่งวันเท่านั้น เพราะไม่ใช่ Mother Port
เรียกว่าถ้าไม่รักภูเก็ตจริง คงไม่มีเรือลำไหนแวะมาหรอก
วกกลับมาที่ต้นคิดจากคนในรัฐบาล ไม่อยากจะเอ่ยชื่อว่าเป็นใคร เพราะบุคคลผู้นี้ผู้เขียนเคยฟ้องศาลปกครองมาแล้ว กรณีนำเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ไปซื้อหุ้นของบริษัทตนเองเมื่อครั้งเป็น ครม.สมัยแรกๆ และบริษัทขาดทุน ทำให้กองทุนขาดทุนร่วม 800 ล้านบาท
ความคิดของบุคคลนี้ไม่ต่างจากเด็กอนุบาล แม้หน้าจะแก่อายุจะมากแล้วก็ตาม เพราะเพียงแค่เจ้าพูดว่า รื้อสะพานสารสินเพื่อสร้างใหม่ยกให้สูงขึ้น เรือสำราญจะได้แล่นรอบเกาะได้
เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรือสำราญไม่ใช่เรือตังเก นึกจะแล่นไปไหนก็ไปได้ จะวนรอบเกาะก็วนได้ ถ้าเพียงแค่คิดจะทำ แต่ไม่มีความรู้ความฉิบหายมันจะบังเกิด
ถ้าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวเรือสำราญ ให้ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเรือสำราญจริง เจ้าไปทุ่มงบประมาณสักสองพันล้าน เพื่อปรับปรุงท่าเรือน้ำลึกให้มันลึกจริงและขยายท่าให้ได้เกินพันห้าร้อยเมตร และให้มีที่กลับเรือ
ปรับปรุงพื้นที่บนท่าเรือให้ท่าเรือภูเก็ตเป็น Mother Port แค่นี้เรือสำราญก็จะเข้าเทียบจนรับไม่ไหว ขนาดกระจอกอย่างทุกวันนี้เขายังฝืนเข้าเลย จริงมั้ย
เราชาวภูเก็ตต้องไม่ยินยอมให้พวกผลาญชาติรื้อสะพานสารสินโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากเสียงบประมาณการก่อสร้างที่สร้างไปแล้ว เสียงบประมาณที่จะสร้างใหม่ แล้วยังไม่เกิดประโยชน์กับภูเก็ตอีกด้วย
เพราะอย่างไรก็ไม่มีเรือสำราญลำไหนปัญญาอ่อนแล่นรอบเกาะตามที่นักการเมืองงี่เง่าพวกนั้นขายฝันหรอก
ที่แน่ๆ เมื่อรื้อสะพานเก่าสร้างสะพานใหม่ สิ่งที่ได้ก็คือนักการเมืองพรรคการเมืองสายพันธุ์กระสือเหล่านั้นได้เงินทอน เชื่อเถอะ
เรื่องเกิดประโยชน์มักทำเป็นโง่ เรื่องชั่วๆเห็นฉลาดกันนัก...
ที่มา : HC
แสดงความคิดเห็น