Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิวการเข้าแพทย์รามารอบ 1 (Portfolio) หลักสูตร M.D-M.Eng ปี 67 EP.2

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีครับ เราชื่อณัฐนะ ก็สืบเนื่องมาจาก EP. แรก นะครับ  หากว่ายังไม่ได้อ่านสามารถลองเข้าไปอ่านได้จากลิงก์  https://www.dek-d.com/board/view/4105754  นะครับ  แต่สำหรับใครที่อ่านมาแล้ว  เรามาต่อกันครับ

การสอบสัมภาษณ์

รอบทวนสอบข้อมูลใน Portfolio

ปีนี้แบ่งการสัมภาษณ์ออกเป็น 2 รอบครับ รอบแรกเรียกว่ารอบทวนสอบ Portfolio จะมี 2 ห้องครับ ใช้เวลาห้องละ 15 นาที เราเจอคำถามคล้ายๆ กันทั้ง 2 ห้อง คือให้เล่าผลงานที่อยากเล่าที่สุด เราก็เล่าเรื่องโครงงานที่ทำไป ห้องแรกบรรยากาศจะสบายๆ คนสัมภาษณ์ดูจะสนใจเรื่องที่เราพูด เค้าจะพยายามถามให้เราพูดเยอะๆ แต่ไม่ได้กดดันนะ ส่วนอีกห้องนึงบรรยากาศจะตึงๆ หน่อย มีอาจารย์ 3 คนนั่งจ้องเรา กดดันใช้ได้ แล้วเค้าก็ตั้งคำถามมาคำถามนึง เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราพูดนั่นแหละ สำหรับเรา เราคิดว่ารอบนี้เค้าน่าจะแค่อยากดูว่าพอร์ตทำเองรึเปล่า รวมๆ แล้วใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้นกระบวนการครับ

การสัมภาษณ์แบบ MMI

รอบต่อมาเป็นการสัมภาษณ์แบบ MMI (Multi Mini Interview) ครับ รอบนี้แบ่งออกเป็น 2 วันครับ

วันแรก

วันแรกจะเป็นการทำข้อสอบจิตวิทยา ให้เวลา 80 นาที มี 3 ตอน ตอนแรกให้เวลา 30 นาที เราจำไม่ได้ว่ามีกี่ข้อ แต่เยอะจนทำไม่ทันครับ ตัวอย่างเป็นประมาณนี้ครับ

ผู้ชาย______________________________________________________
ผู้หญิง_____________________________________________________
ฉันชอบแม่ของฉัน แต่ว่า________________________________

ตอนที่ 2 ให้เวลา 20 นาทีครับ โจทย์คือให้วาดรูปอย่างสุดความสามารถพร้อมคำอธิบาย ไม่ต่ำกว่า 5 บรรทัด มี 4 ข้อ คือ วาดรูปบ้าน ต้นไม้ คน และคนเพศตรงข้ามกับข้อก่อนหน้า ตอนนี้เราก็ทำไม่ทันเหมือนกัน ทำได้แค่ 2 ข้อแรกก็หมดเวลาแล้วครับ

ตอนที่ 3 ให้เวลา 30 นาที โจทย์คือเขียนเรียงความ 2 เรื่อง หัวข้อ ความรักของฉัน กับความเกลียดของฉัน contrast ดีเนอะ 5555 เรื่องแรกไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไหร่ครับ เขียนถูๆ ไถๆ ไปได้อยู่ แต่เรื่องที่ 2 นี่ทั้งเวลาน้อย แล้วก็ต้องพยายามเขียนให้มันเป็นแง่บวกด้วย ยากใช้ได้ หัวข้อนี้เราเขียนไม่จบครับ ไม่ทันอีกแล้ว

วันที่ 2

ในวันแรก อาจารย์เค้าจะให้เราเลือกที่นั่งในห้องสอบเองครับ โดยแต่ละที่เนี่ยจะมีกระดาษพิมพ์เลขแปะอยู่ พอพลิกมาก็จะเจอว่าได้สอบรอบไหน เราได้รอบเช้าครับ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ต่างกันหรอก ถ้าสอบ track เดียวกัน ก็จะได้กรรมการชุดเดียวกันครับ พอเราไปถึงที่สอบ เค้าจะให้รหัสอันนึงมาแทนตัวเรา จากนั้นเราจะไม่สามารถพูดชื่อหรือโรงเรียนได้ เพื่อลดความ bias ครับ จากนั้นก็จะแบ่งเราไปตาม track ที่สมัครเอาไว้ จากนั้นก็จะแบ่งอีกทีเป็น 2 กลุ่มครับ กลุ่มนึงจะไปรอเข้าฐานจิตวิทยา อีกกลุ่มจะไปวน MMI พอถึงเวลาก็จะสลับกันครับ เราได้เริ่มด้วยฐานจิตวิทยาครับ ฐานนี้จะเข้าทีละคนครับ ใครได้คิวท้ายๆ ก็รอนานหน่อย โดยในฐานนี้เค้าให้แนะนำตัว (บอกชื่อได้) แล้วก็เค้าจะถามในเรื่องที่เราพูด แล้วก็อีกคำถามก็คือ เค้าจะมีการ์ดคำศัพท์อยู่ แล้วก็จะสุ่มมาใบนึง ให้เราอธิบายว่าตัวเราเหมือนหรือต่างกับคำๆ นั้นยังไง เราได้คำว่า aesthetic ครับ ยังถือว่าโชคดีที่เราเอาตัวรอดมาได้ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสกิลการพูดกับดวงของแต่ละคนด้วยครับ

แล้วเราก็ได้เข้ามาวนฐานของจริงครับ

การสอบสัมภาษณ์แบบ MMI ปีนี้มีฐานที่ต้องเข้าสอบอยู่ 6 ฐานด้วยกันครับ แต่ละฐานใช้เวลา 8 นาที ที่เหลือจะเป็นฐานพัก ซึ่งเราจะได้พักอย่างน้อย 1 ฐานก่อนเข้าฐานที่สอบครับ ยกเว้นฐานนึงที่จะทำโจทย์แล้วเข้าห้องเลย แต่ละคนจะได้ลำดับฐานที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นกับดวงของตัวเองครับ

ฐานหมวด role play มี 2 ฐานด้วยกันครับ

เราเป็นหมอ มีคนไข้ป่วยไข้หวัด 2 คน อาการเดียวกัน มาโรงพยาบาลพร้อมกัน มียาตัวใหม่ตัวนึงที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมเล็กน้อย แต่งบโรงพยาบาลมีไม่พอ ทำให้จ่ายยานี้ให้ได้คนเดียว วันรุ่งขึ้นลูกผู้ป่วยที่ได้ยารุ่นเก่ามา complain เรา หน้าที่เราคือคุยกับลูกผู้ป่วยคนนั้นครับ เราตอบไปประมาณว่ายาตัวที่ให้ไปก็มีประสิทธิภาพเพียงพอ แล้วก็มั่นใจได้เนื่องจากใช้มาระยะนึงแล้ว โดยช่วงแรกๆ ที่เราตอบเค้าก็จะพูดแทรกมาเรื่อยๆ นะ เราก็ต้องคอยหยุดพูดเป็นระยะๆ เพื่อฟังเค้า แต่ผ่านไปสักพักเค้าก็เริ่มสงบครับ กลายเป็นเรานั่งจ้องหน้าเค้า เราพยายามให้เค้าถามเราเยอะๆ เผื่อได้คะแนนเพิ่ม55555 ฐานนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ใจเย็นไว้อย่างเดียวพอ
เราเป็นหมออยู่ในห้องฉุกเฉิน มีพยาบาลมาเรียกเพราะพ่อมีลูก 3 ขวบปวดท้องมาห้องฉุกเฉิน รอ 1 ชั่วโมง โวยวายกับพยาบาลอยู่ ให้เราเข้าไปสงบสติอารมณ์เค้า ตอนแรกเค้าโวยใส่เราเสียงดังเลย ตกใจอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน แต่พอคุยไปสัก 4-5 นาทีเค้าก็หมดมุก นั่งจ้องเรา (อีกละ) เราก็พยายามเค้นเค้าจนได้คำถามเรื่องสวัสดิการมา มีโดนถามเรื่องการใช้มือถือตอนตรวจด้วย อันนี้เราอ้างว่าแชทกับพยาบาลเรื่องรับผู้ป่วยฉุกเฉินไป นอกนั้นก็ไม่ได้มีอะไรครับ เราแค่คอยคุยกับเค้าไปให้ครบเวลา คอยบอกว่าเราจะรักษาอย่างเต็มที่เมื่อถึงคิว ฯลฯ แล้วก็จบฐานครับ

ฐานกดดัน (?) เปิดห้องเข้าไปก็จะเจออาจารย์สองคนนั่งยิ้มอยู่ พร้อมกับขวดเจลล้างมือ อาจารย์ถามเราก่อนว่ารู้ขั้นตอนล้างมือมั้ย มีกี่ขั้นตอน เราเดาเลขถูกว่ามี 7 แต่จำขั้นตอนไม่ได้ครับ พออาจารย์ให้สาธิตเราก็ยิ้มให้อาจารย์แล้วก็มั่วๆ ไป สักพักกลายเป็นอาจารย์สอนเราล้างมือแทนครับ จากนั้นก็ถามเราเรื่อง 5 moment of hand hygiene เราก็ตอบไม่ได้อีก อาจารย์ก็อธิบายให้ฟัง แล้วก็ถามเราว่าฐานนี้ได้อะไรบ้าง แล้วก็หมดเวลาครับ ฐานนี้ตอนแรกเราคิดว่าเค้าวัด growth mindset ครับ เพราะอาจารย์อธิบายเราแทบทุกอย่างเลย แต่พอมาคุยกับเพื่อน track อื่นเค้าบอกมันกดดันนะ ถามแต่คำถามแรงๆ ก็ถือว่าเราโชคดีที่เจออาจารย์ใจดีแหละครับ

ฐานทำโจทย์ โจทย์มี 2 ข้อ ให้นั่งทำก่อน 8 นาทีแล้วเอา A4 ที่เขียนไว้แผ่นนึงเข้าห้องสอบได้ครับ

ข้อแรก ให้เรื่องสวัสดิการรัฐมา (สิทธิข้าราชการ บัตรทอง ประกันสังคม) ให้ลิสต์ 3 ประเด็นที่เป็นความท้าทายของวงการแพทย์ (เราจำคำที่เค้าใช้จริงๆ ไม่ได้ แต่ความหมายประมาณนี้)
ข้อ 2 ช่วงโควิดปี 63 มีคนนอนตายข้างถนน มีคนเข้ารักษาไม่ได้ การรักษาถึงแต่คนบางกลุ่ม สะท้อนปัญหาระบบสาธารณสุขยังไงบ้าง 3 ประเด็น

เราใช้เวลาตอบไปประมาณ 4 นาที ก็เลยคิดวิธีแก้ปัญหาสดๆ ในห้อง เป็นการใช้ระบบ cloud กลางที่เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย แล้วก็อธิบายให้มันไปแก้ปัญหา แต่ละประเด็น พอเราเริ่มอธิบายวิธีการแก้ปัญหาเหมือนอาจารย์คนนึงที่นั่งชมนกชมไม้เค้าหันมาฟัง พอเราหยุดพูดก็บอกว่าเหลือเวลาอีก เหมือนอยากฟังเราต่อ (ไม่รู้คิดไปเองมั้ย) เลยคิดว่าเป็นจุดนึงที่น่าจะได้คะแนนอยู่ โชคดีที่เราเชื่อมโยงทุกคำตอบไว้ตอน 4 นาทีแรก พออธิบายวิธีแก้ปัญหาเลยแค่พูดตามไปครับ ความยากคือเรานั่งหันหลังให้ทีวีที่เป็นนาฬิกาครับ เราไม่รู้ว่าเหลือเวลาเท่าไหร่นอกจากอาจารย์จะบอกครับ ทำให้เราวางแผนการพูดยาก ถ้ารวบรัดเกินแล้วเหลือเวลาก็ไปต่อยากอยู่ครับ ฐานนี้เหมือนไม่ยากแต่ก็ตึงเอาเรื่องครับ

ฐานอ่านงานวิจัย

เปิดประตูเข้าไปก็เจอกับงานวิจัยเรื่องอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเบาหวาน จำชื่อไม่ได้แต่ปี 2023 ให้มาแค่ abstract กราฟ ตาราง ไม่มีส่วนอื่น + ตารางอ่านยากมากครับ กราฟมี 4 อัน แกนตั้งเป็นอัตราการตาย แกนนอนเป็น serving ของเครื่องดื่มแต่ละชนิด 4 ชนิด คือน้ำเปล่า กาแฟ เครื่องดื่มใส่น้ำตาล เครื่องดื่มใส่วัตถุให้ความหวาน มีคำถาม 4 ข้อ
1.อธิบายกราฟและตาราง
2.แสดงความคิดเห็นต่อกราฟและตาราง
3.ถ้าปรับปรุงแก้ไขได้จะเพิ่มเติมตรงไหน
4.จะเอาไปใช้ประโยชน์อย่างไรได้บ้าง

ให้เวลา 8 นาที ทั้งทำความเข้าใจและตอบคำถามครับ เราคิดว่าถ้าเก่งชีวะหรือพอคุ้นเคยกับ topic นี้ก็คงไม่ยากมากครับ แต่สำหรับเราก็คืออ่านไม่รู้เรื่องครับ ตอนตอบก็เอากระดาษที่เค้าให้มาชี้ๆ แล้วก็แปลอังกฤษเป็นไทย วิเคราะห์กราฟให้เค้าฟังนิดหน่อย แล้วก็หมดเวลาครับ เราตอบข้อ 4 ไม่ทัน เพราะฉะนั้นอยากฝากให้บริหารเวลาดีๆ ครับ อาจจะไม่ต้องทำความเข้าใจงานวิจัยแบบละเอียดมากก็ได้ ไม่งั้นจะเสียเวลาเกินครับ

ฐานอะไรไม่รู้ มีคำถาม 2 ข้อครับ
เตรียมตัวเข้า md meng ยังไง
หากได้เข้า md meng แล้วจะพัฒนาตัวเองยังไง
เราตอบข้อแรกไปว่าศึกษาหลักสูตร ศึกษาสิ่งที่จะเป็นผลลัพธ์ของหลักสูตร ส่วนข้อสองก็พูดอะไรที่นึกออกไปเลยครับ ตอบไปว่าผมจะฝึกภาษาอังกฤษ ฝึกภาษาที่ 3 เรียนเขียนโค้ด ฝึกใช้ MATLAB แต่จนตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มสักอย่าง555555
จากนั้นเค้าจะถามคำถามเรานิดหน่อย เราโดนเรื่องการจัดการเวลา ก็ตอบๆ ไปว่าเอาสิ่งที่ต้องทำแต่ละวันมาจัดลำดับความสำคัญ ใส่สิ่งที่เลื่อนเวลาไม่ได้ลงไปก่อน บลาๆๆ ฐานนี้ไม่มีอะไรมาก โกหกได้แต่ต้องเอาตัวรอดให้ได้ อย่าตอบอะไรเว่อร์เกินก็น่าจะไม่มีปัญหาครับ

หลังจากจบทุกกิจกรรมก็จะให้ทำแบบประเมิน คุยกับอาจารย์ที่ดูแลเรื่องการสอบเพื่อรอคนรอบบ่ายมา จะได้ไม่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แล้วก็ปล่อยกลับบ้านครับ รอวันประกาศผลต่อไปครับ
พอเรารู้ว่าติดนี่เหมือนความคิด ความเครียดอะไรต่างๆ ที่พันกันในหัวสลายไปเลยครับ วันนั้นเราเปิดหน้าประกาศหลายรอบมาก กลัวว่าเค้าลงผิด ไม่ก็ฝันอยู่ ฟังดูเวอร์นะ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ สำหรับใครที่เตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยอยู่เราก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ เราเข้าใจว่ามันเหนื่อย แต่ผลลัพธ์จากการทำงานหนักมันตอบแทนเราได้คุ้มค่ามากจริงๆ ครับ สู้ๆ นะครับ หหากว่ามีข้อสงสัยใดๆ หรืออยากพูดคุยกันก็สามารถทำได้ผ่านช่องคอมเมนต์ด้านล่าง หรือจะติดต่อทาง IG lazyboizstudy_ ก็ทำได้เช่นกันครับ แล้วก็เรามีแพลนจะเปิดรับปรึกษาพอร์ตเร็วๆ นี้ ไปติดตามกันได้นะครับ ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น