Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทันตะยังน่าเรียนอยู่ไหม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

อย่างแรกเลยนะคะหนูมีความฝันอยากเป็นหมอฟันมาตั้งแต่เด็ก พอหนูขึ้นม. ปลายหนูเรียนสายวิทย์-คณิตค่ะ แต่เกรดหนูค่อนข้างที่จะแย่ค่ะ เกรด 2 เกือบ 3 ทุกเทอมเลยค่ะตอนนี้หนูกำลังจะขึ้นม 6 หนูยังมีโอกาสเรียนทันตะได้อยู่ไหมคะ แล้วทันตะยังน่าเรียนอยู่ไหม หนูกลัวว่าถ้าหนูเรียนไปหนูจะไม่มีงานทำ ส่วนเรื่องสอบติดไหมหนูคิดว่าหนูต้องอ่านหนังสือเรียนให้มากขึ้นหนูจะพยายามสอบเข้าให้ได้ค่ะ 

แสดงความคิดเห็น

12 ความคิดเห็น

กัลย์ 7 เม.ย. 67 เวลา 08:52 น. 1

ทันตแพทย์สถาบันรัฐ ยังน่าเรียนมาก รองจากแพทย์ เพราะรู้ว่าเรียนจบมาแล้ว มีงานทำแน่นอน ตั้งแต่ตอนจบ ม.6 ไม่ต้องไปตระเวณสมัครหางาน ไม่ตกงาน


เกรด ม.ปลาย 2 กว่าๆ ต้องพยามยามมากๆ เด็กโรงเรียนทั่วไป ชื่อเสียไม่ดังมาก ที่ได้เกรด 3.8-3.9 สอบติดแพทย์ ทันตะ ยากมาก

2
บ้านนอกติดทันตะ 19 เม.ย. 67 เวลา 07:44 น. 1-1

ตัวเลขนั้นวัดอะไรไม่ได้หรอก ดิฉันจบเกรด2.7 รร.นอกอำเภอก็ติดทันตะ กสพท จร้า อย่ามาตัดสินคนเพราะตัวเลขทศนิยมหรือขิง3.8 3.9ติดยาก อยู่ที่คนล้วนๆ

0
M_a_R_c_H 7 เม.ย. 67 เวลา 15:50 น. 3

ถามว่ายังน่าเรียนมั้ย ก็ตอบว่าน่าเรียน แต่ในปัจจุบันแผนการผลิตทันตแพทย์มีแนวโน้มลดลง ดังนั้น อัตราการแข่งขันก็จะสูงขึ้นครับ ซึ่งสนามใหญ่ก็จะเป็นรอบ กสพท แต่ตามมหาวิทยาลัยภูมิภาค ก็จะรับในรอบโควต้าราวๆ 50% ของจำนวนรับในแต่ละมหาวิทยาลัย

แม้ว่าการรับรอบ กสพท จะไม่กำหนดเกรดเฉลี่ยขั้นต่ำ แต่ถ้าน้องเรียนแล้วได้ 2 ปลายๆ น้องก็ต้องตอบตัวเองให้ได้ ว่าถ้าเทียบกับคนที่อยากเรียนทันตเหมือนกัน แต่เขาได้ 3 ปลายๆ น้องคิดว่าใครเหมาะสมหรือมีโอกาสสอบติดได้มากกว่ากัน ในระบบการตัดเกรดระดับมัธยม ที่ 100 คะแนน มีคะแนนสอบกลางภาค/ปลายภาค 50% คะแนนเก็บ 50% และตัดแบบ 8 เกรด แต่เกรดน้องยังไม่สวยงามเท่าไร ก็ต้องมาพิจารณาตรงนี้ด้วยครับ


การอ่านหนังสือมากๆ ไม่ได้ช่วยให้น้องสอบติด การที่น้องจะสอบติดได้ คือน้องต้องทำข้อสอบได้ ก็คือต้องมีความรู้และนำความรู้มาประยุกต์ได้ นั่นคือน้องต้องมีความเข้าใจ โดยการอ่านหนังสืออย่างมีคุณภาพครับ ไม่ใช่ปริมาณ

3
อออออออ 19 เม.ย. 67 เวลา 08:00 น. 3-1

ตอบในมุมทันตแพทย์นะคะ ปัจจุบันการผลิตเพิ่มขึ้นนะคะ จะพบว่ามีหลายมหาลัยเปิดเพิ่ม แต่เนื่องด้วยปัจจัยการเรียนทันตแพทย์ใช้เครื่องมือเยอะมาก และบุคลากรเยอะมาก ทำให้การเปิดมีจำกัดค่ะ แต่เข้ามาเรียนแล้วจบยากตรงที่มีการเก็บเคสคนไข้ที่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งใช้เวลานานกว่าทพ.ที่จบมาแล้วมาก ทำให้คนไข้หายไประหว่างทางและต้องเก็บใหม่เรื่อยๆ ทำให้หลายคนไม่จบตามเกณฑ์ 6 ปีค่ะ

0
ไม่รู้ๆๆๆ 19 เม.ย. 67 เวลา 21:35 น. 3-2

จริงๆแล้วในสถาบันของรัฐมีแนวโน้มที่จะรับลดลง แต่ที่มหาลัยต่างๆ เปิดเพิ่มขึ้น ก็เพื่อทำรายได้ส่วนนึง ถ้าลองไปดูค่าเทอมของที่ใหม่ๆที่เปิดก็จะเข้าใจเลยค่ะ555

0
อิอิ 20 เม.ย. 67 เวลา 07:59 น. 3-3

ค่าเทอมที่สูงมากเพราะรัฐยังขาดการสนับสนุน แต่จบมายังต้องใช้ทุนของรัฐนะ มหาลัยเก่าๆเน้นไปที่หลังปริญญามากขึ้น ปัจจุบันยังขาดอีกมาก มีกลุ่มไว้หาทพ.ลงอีกเยอะ

0
หมอฟัน 7 เม.ย. 67 เวลา 22:39 น. 4

คนเรียนเก่ง แต่ทำงานจริงไม่เก่งมีไม่น้อยหางานยาก การแข่งขันสูง บางคนจบมาขูดหินปูนยังทำไม่เก่ง

0
Jame 9 เม.ย. 67 เวลา 00:05 น. 5

หางานไม่ยาก แต่ต้องถามว่าจะเรียนจบเป็นทันตะยากแค่ไหน เข้าเรียนตอน ปี 1 มี 100คน จบจริงมี 10 คน เพราะแบบนี้คนเรียนจบถึงไม่ล้นตลาดแรงงาน บางสาขาเรีียนจบง่ายมี 100 คน จบ 100คน สาขาแบบนี้คือล้นตลาดการแข่งขันสูง ใครไม่เก่งพอตกงานเป็นเรื่องปกติ

0
Kornkorja 9 เม.ย. 67 เวลา 16:52 น. 6

พูดเฉยๆว่าจะตั้งใจมากขึ้น ใครมันก็พูดได้ครับ การกระทำสำคัญกว่าคำพูด


ถ้าตั้งใจจริง ไม่ต้องไปแคร์โซเชียล อ่านวันนี้เลย

0
Dhabfhd 9 เม.ย. 67 เวลา 18:52 น. 7

เสียดายที่คุณมีความกังวลเกี่ยวกับเกรดและโอกาสในการเรียนทันตะค่ะ อย่างแรกหนูอยากให้คุณรู้ว่าเกรดไม่ใช่ตัวชี้วัดความสามารถและค่าความสำเร็จของคุณเท่านั้น มีหลายปัจจัยที่มีผลต่อโอกาสในการเรียนทันตะ เช่น ความพยายามในการศึกษา ความมุ่งมั่น และการใช้เวลาให้เหมาะสมกับการเรียนรู้

แนะนำให้คุณตระหนักถึงความตั้งใจและความพยายามในการศึกษา เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการเรียนทันตะ นอกจากนี้ คุณยังสามารถดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบติดทันตะได้ดังนี้:
1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการสอบทันตะ: ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการสอบทันตะที่คุณสนใจ เช่น วิธีการสมัคร รูปแบบของการสอบ และวันเวลาที่จัดสอบ เพื่อให้คุณมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการสอบ
2. เตรียมตัวกับวิชาที่เกี่ยวข้อง: ศึกษาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการสอบทันตะ เช่น วิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวิชาภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมความพร้อมในการตอบคำถามและแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวิชาเหล่านี้
3. ฝึกทำข้อสอบ: ฝึกทำข้อสอบตัวอย่างหรือข้อสอบย้อนหลัง เพื่อเข้าใจรูปแบบของข้อสอบและประเภทของคำถามที่อาจเกิดขึ้นในการสอบ
4. ปรึกษาและศึกษาวิธีการเตรียมตัว: หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม คุณสามารถปรึกษากับครูที่ปรึกษาหรือครูที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับการสอบทันตะได้ค่ะ
อย่างสำคัญที่สุดคืออย่ากังวลค่ะ ให้คุณพยายามทำดีที่สุดในการเรียนและเตรียมตัวให้พร้อม
0
kosen 11 เม.ย. 67 เวลา 06:38 น. 8

ถ้าไม่อยาก ตกงาน เรียน

Kosen

1. เรียนฟรี

2. มีเงินเดือน

3. จบมามีงานทำแน่ๆๆ

4. สิ้นเดือน พาแม่ไปกิน หมูกะทะ

5. เด็กทำสีผม หรือตัดผมทรงอะไรก็ได้ “สิ่งที่อยู่บนหัวไม่เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในหัว” รองเท้า ถุงเท้า สีอะไรก็ได้

-------------------------------------


https://www.dek-d.com/board/view/4083182/

0
ติ๊งเนกาทีฟบอย 19 เม.ย. 67 เวลา 08:00 น. 9

ทุกสาขาวิชา ทุกศาสตร์ ที่เกี่ยวกับหมอทุกอย่างในประเทศไทย ยังสำคัญอยู่ทั้งหมดเลยครับ ทุกวันนี้บุคคลากรแพทย์ที่จบมาแต่ละปีค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรองรับประชากรในประเทศได้ทั้งหมด ประเทศไทยยังต้องการแพทย์อีกในหลายๆสาขาเลยครับ

0
mynameismeemie 19 เม.ย. 67 เวลา 08:35 น. 10

ยังไงก็มีค่ะงาน ตำแหน่งงานราชการก็ไม่ใช่น้อย ต่อให้มีไม่พอ ก็วิ่งรับจ๊อบตามคลินิกก็ได้ บางจังหวัดยังมีคนจบรุ่นละ1-2คนอยู่เลย มีอีกหลายอาชีพหลายคณะที่น่ากังวลกว่าทันตะนะ555 เอาเป็นว่ายังไงก็มี น้องห่วงแค่ว่า น้องมั่นใจมั้ยว่าชอบคณะนี้จริง อยู่กับงานฝีมืองานแลปเยอะๆได้จริง อยู่กับความเครียดมากๆๆในคณะได้จริงมั้ย (เรียนหนักและเครียดพอๆกับคณะแพทย์เลย) ถ้าเห็นแล้วว่าตัวเองเหมาะกับคณะนี้ ก็โฟกัสแค่ว่าทำยังไงจะสอบให้ติดพอค่ะ 555

0
ทันตะที่จบมา 3 ปี 19 เม.ย. 67 เวลา 11:40 น. 11

ทันตะเรียนจบยากนะคะ เอาตรงๆก็ไม่ใช่อาชีพที่น่าทำถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ เพราะเราทำงานกับร่างกายมนุษย์ ดังนั้นนอกจากห้ามรักษาพลาดแล้ว เราต้องมีสกิลการสื่อสารกับคนไข้ที่ดี เพื่อให้เข้าใจว่าการรักษาที่เราจะลงมือทำ ทำไปเพื่ออะไร การสื่อสารที่ดีจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เกิดความบาดหมางกับคนไข้ ไปจนถึงการโดนฟ้องร้อง และขั้นตอนการรักษาก็ค่อนข้างละเอียด เราทำงานกันในหน่วยมิลลิเมตร ตอนทำแลปในคณะจะคุยกันว่า ต้องเพิ่มลดตรงนั้นตรงนี้ราวๆ ครึ่งมิลฯ นี่เป็นเรื่องปกติมาก บางวิชาก็ไม่ได้ใช้ความรู้วิชาการอย่างเดียว แลปปี 2-3 ใช้ฝีมือทางศิลป์ค่อนข้างเยอะ ใครทำงานฝีมือไม่เก่งจะทรมานมากหน่อย 5555


พอขึ้นคลินิก น้องจะต้องทำงานกับคน ต้องรับมือคนเยอะมากๆ นอกเหนือไปจากการเรียนวิชาการ น้องต้องตื่นเช้า(ของพี่ต้องถึงคณะราวๆ 7.30) มาเตรียมเก้าอี้ทำฟัน แล้วไปเรียนเลคเชอร์ ต่อด้วยทำคนไข้ ซึ่งถ้าไม่แม่น ตอบคำถามไม่ได้ น้องจะไม่ได้ทำงาน และถ้างานไม่เสร็จ เก็บปริมาณงานไม่ครบตามที่กำหนด (เช่น ปีนี้ต้องอุดฟัน...ซี่ ขูดหินปูน...เคส) จะเลื่อนชั้นปีไม่ได้ แต่บางอย่างเราควบคุมไม่ได้ เช่นคนไข้ไม่ว่างมาให้ ไม่มีคนไข้ในงานที่เราขาด บางทีก็ต้องหาเคสเข้ามาเอง (ขอบพระคุณญาติๆและคุณแม่ 555) นั่นหมายความว่าน้องไม่มีทางวางแผนล่วงหน้าหรือเห็นอนาคตตัวเองได้อย่างชัดเจนเลยว่า จะจบปีนี้ไปได้โดยสวัสดิภาพไหม ชีวิตเราในคลินิก อยู่ในกำมือคนไข้และอาจารย์ มากกว่าในมือเราเองเสียอีก ถ้าใจไม่แกร่งพอ ไม่สู้พอ และไม่มีดวง กว่าจะจบก็อาจจะล้มลุกคลุกคลานหน่อย...


ไม่นับการสอบใบประกอบโรคศิลป์ที่สอบกัน 2 ส่วน ครั้งหนึ่งช่วงปี 3, อีกรอบช่วงปี 6 นั่นหมายความว่าในเวลาที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่เฟสต่อไปของชีวิตในคณะ และกำลังปั่นเคสจบการศึกษา น้องต้องแบ่งเวลาไปอ่านหนังสือสอบครั้งใหญ่ด้วย เพราะถ้าสอบไม่ผ่านใบประกอบ น้องจะทำคนไข้ไม่ได้ (คนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ พี่เรียนเก่งกลางๆเน้นใช้กำลังเข้าว่า นอนตี 3 ตื่นตี 5 ติดกันเป็นเดือนๆเลยค่ะ 55555)


พอจบมาแล้ว ถ้าจะใช้ทุนต่อกับราชการก็คงมีที่ทำงานเลยแหละ แต่เงินเดือนนี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ เคยได้ยินเพื่อนหลายคนบ่นๆว่าโดนตกเบิก (คือไม่จ่ายเงินเดือนให้) 6 เดือน บางรายเศร้ากว่า รพ.บอกยกเงินเดือนให้รพ.ได้ไหม ไม่มีเงิน 555555 มันไม่ได้เป็นทุกที่แหละ แต่มันมีอยู่จริงๆค่ะ ชีวิตแบบนี้ 55555


ถ้าทำงานคลินิกเอกชนข้างนอก มีอยู่สองอย่าง หนึ่งคือคลินิกที่เรทราคาไม่สูงมาก เช่น อุดฟันเริ่มซี่ละ 700-800 แต่นั่นแลกมาด้วยการที่ต้องทำงานในปริมาณที่เยอะมาก กับคลินิกที่เรทราคาอัพขึ้นมาหน่อย เช่น อุดฟันซี่ละ 1000 ค่ารักษานี่ คนไข้มองว่าราคาสูง แต่มันสูงเพราะต้นทุนค่ะ ค่ากาวประสานให้วัสดุติดกับเนื้อฟันนี่หยดละ ~200 ค่าวัสดุอุดขึ้นกับยี่ห้อ หลอดนึงก็ราคาหลายร้อยขึ้นไปถึงเซ็ตนึงหลักเป็นพัน นั่นแปลว่า ในค่ารักษา 1000 บาท เป็นต้นทุนที่คืนเข้าไปในช่องปากแล้ว 1/3 เหลือถึงหมอกับคลินิก 2/3 ไม่นับค่าน้ำที่ต้องเป็นน้ำเกรดดื่มได้ ถึงจะเอาเข้าปากคนไข้ได้ ค่าไฟที่จำเป็นกับการทำงานของเก้าอี้ทำฟัน...ที่เรียนมา 6 ปีนี่ ค่าความรู้หมออยู่ในค่ารักษา 1 ซี่แค่หลักไม่กี่ร้อยนะคะ 55555


อุดฟันในประเทศบ้านเราราคาค่าใช้จ่ายไปตามวัสดุที่หมอใช้ค่ะ ไม่ได้เก็บค่าวิชาชีพแยกต่างหาก เคยมีคนไข้เล่าให้ฟังว่าอุดฟันซี่นึงที่อังกฤษ ราคาปาเข้าไปแล้วด้านแรก 6000 - 8000 ทั้งที่หมอประเทศเราบางทีก็งานเนี้ยบกว่า และงานทันตกรรมมันเป็นงานละเอียดที่ใช้ร่างกายเยอะมากๆ โดยเฉพาะสายตา มือ คอบ่าหลัง และไหล่ ส่วนนี้จะไปก่อน ชั่วโมงทำงานต่อวัน 8-10 ชม. ขึ้นกับความขยัน ถ้าไม่ทำงานรายได้จะเป็น 0 ในวันนั้น หรือถ้านั่งเฝ้าคลินิกเปล่าๆ ไม่มีคนไข้ คือขาดทุนค่าเดินทาง และคนไข้ส่วนมากมาหาเราในวันหยุด นั่นแปลว่า วันหยุดนักขัตฤกษ์ทั้งหลาย รวมถึงวันสิ้นปี อาจไม่ได้หยุดแบบคนอื่นเขา


นั่นแปลว่านี่เป็นงานที่อยู่กับความเครียดตลอดเวลา ทุกวัน เพราะนอกจากงานต้องเป๊ะ ห้ามผิดพลาดในระดับมิลลิเมตรแล้ว เราต้องกังวลด้วยว่าวันนี้จะมีคนไข้ไหม พรุ่งนี้จะมีงานทำไหม ไม่ว่าจะเป็นหมอฟันที่ย้ายคลินิกประจำไปเรื่อยหรือเปิดคลินิก ชีวิตเหมือนพนักงานรับจ้างรายวันที่เงินดีกว่านิดหน่อยค่ะ 5555555555


สุดท้ายคือเรื่องหาที่ทำงาน ทันตแพทย์จะหางานทำได้ที่ไหน ขึ้นอยู่กับคอนเนคชั่นเป็นส่วนมาก คลินิกดีๆก็ไม่อยากได้หมอที่ไหนไม่รู้ ฝีมือไม่ทราบล่วงหน้ามาทำงานให้ เพราะถ้างานแย่แค่วันเดียว คลินิกต้องแบกชื่อเสียงแย่ๆไปตลอด ดังนั้นจริงๆแล้วทันตแพทย์นี่การแข่งขันสูงแถมหางานยากมากกว่าที่คิดเยอะค่ะ


จะเข้ามา ให้คิดให้จงหนัก คิดให้ดีๆและคิดเยอะๆว่าอยากอยู่แบบนี้ไปตลอดไหม เพราะอายุการทำงานของเรามันสั้นกว่าที่คิดนะ อายุสัก 60 สายตากับมือก็อาจจะไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่มีวินัยทางการเงินตั้งแต่อายุน้อยๆ มีสิทธิ์เกษียณแบบไร้เงินเก็บอยู่ค่ะ =w="

1
ทันตะที่จบมา 3 ปี 19 เม.ย. 67 เวลา 11:50 น. 11-1

...มีเรื่องสุดท้ายที่คนทั่วไปไม่ค่อยทราบ เมื่อหลายปีก่อนทันตแพทย์เป็นอาชีพที่มีสถิติการฆตตต่อปีสูงสุดในโลก สมัยพี่จบมาสักไม่กี่ปี มีรุ่นน้องปีสุดท้ายโดดคอนโด และก่อนหน้านั้นสมัยยังเรียนก็ได้ยินว่าหลายปีก่อนรุ่นพี่จะเข้า มีพี่ในคณะบอกสวัสดีผืนดินจากบนดาดฟ้าตึก น่าจะเป็นไม่กี่คณะที่นอกจากมีอัตราเรียนจบ น่าจะต้องทำสถิติอัตราการรอดชีวิตด้วย 55555 ปีหลังๆมันดีขึ้นแล้วนิดหน่อย หวังว่ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆน่ะนะคะ...


คนมีความฝันอาจจะถูกดับฝันได้นะ เพราะโลกในนี้มันไม่ได้สวยงามแบบที่คนข้างนอกมองเข้ามาหรอก แต่ถ้าน้องผ่านมันมาได้แบบไม่แตกสลายไปเสียก่อน ชีวิตนี้น้องไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วค่ะ

0