Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

วิศวะลาดกระบังรอบพอร์ตปี 67

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

กระทู้นี้จะยาวหน่อยนะครับ
       สวัสดีครับ dek68 เเละน้องๆปีถัดๆไป วันนี้ผมจะมาเเชร์ประสบการณ์การสมัครรอบพอร์ตของวิศวะลาดกระบังนะครับ สาขาที่ผมสมัครคือเมคคาทรอนิกส์เเละออโตเมชั่น อาจจะไม่ใช่สาขาที่เเข่งขันกันดุเดือดเท่าไหร่เเต่ก็จะมาเเชร์เเละให้คำเเนะนำกันครับ ในบางหัวข้อเช่น เกณฑ์การให้คะเเนนในเเต่ละโครงการจะเป็นการคาดเดาของผมนะครับ เพราะว่าทางสถาบันไม่ได้มีการเปิดเผย โดยผมขอเเบ่งหัวข้อเป็นดังนี้นะครับ 
1️⃣ข้อเเตกต่างของรอบพอร์ตปี67 กับปีก่อนหน้า 
2️⃣การสมัครมีโครงการอะไรบ้างเเละเราควรสมัครโครงการไหนดี 
3️⃣การสอบสัมภาษณ์เเละเเนวทางการตอบคำถามของผม 
4️⃣สิ่งที่อาจจะมีในปีถัดๆไป  
5️⃣ตัวอย่างPort Folio เเละคะเเนนของผม + ไฟล์รายละเอียดรอบพอร์ตปี 67 (ลิ้งค์)

1️⃣ข้อเเตกต่างของรอบพอร์ตปี67 กับปีก่อนหน้า 

         ต้องขอบอกไว้เลยครับว่าในปี 67 กับปีก่อนหน้ามีการปรับเปลี่ยนในหลายๆอย่างเลยครับ ถ้าใครขี้เกียจอ่านผมขอสรุปสั้นๆให้เลยนะครับว่า ให้ไปอ่านรายละเอียดของปี67 เลยไม่ต้องอ่านปีก่อนหน้า เเต่ถ้าใครอยากรู้ข้อเเตกต่างมาดูกันเลยครับ 

1.1 โครงการที่เปิดรับ ปี 67 จะมีการเพิ่มโครงการ young engineering talent เเละโครงการ engineering pathway เข้ามา (ส่วนรายละเอียดของเเต่ละโครงการเดียวไปดูกันอีกทีนะครับ) 

1.2 ในปี 67 มีการใช้คะเเนนอื่นเข้ามาด้วย โดยจะใช้ Tgat +Tpat3 หรือจะเป็นคะเเนนจากการเรียนล่วงหน้า(คะเเนนนี้ต้องไปดูรายละเอียดอีกทีนะครับว่าจะต้องได้เกรดขั้นตํ่าเท่าไหร่เเละใช้วิชาอะไรบ้าง) เข้ามาใช้ในการพิจารณาในบางโครงการ (ซึ่งปีก่อนๆหน้าไม่มี TT ) 

เท่าที่ผมนึกออกก็น่าจะมีประมาณนี้ 

2️⃣ การสมัครมีโครงการอะไรบ้างเเละเราควรสมัครโครงการไหนดี 

 โครงการในปีนี้นะครับจะมีทั้งหมด 6 โครงการ 

    1)Young Engineering Talent  

            โครางการนี้จะเน้นไปที่การเเข่งขันค่อนข้างมาก โดยคุณสมบัติที่ต้องมีก็คือ เคยได้รับรางวัลการเเข่งขันในระดับชาติหรือนานาชาติ อย่างน้อย 1 รายการ โดยที่การเเข่งขันก็ควรจะเกี่ยวกับ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเป็นหลัก ซึ่งความพิเศษของโครงการนี้ก็คือ จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์เร็วกว่าโครงการอื่น เเละหากใครที่ไม่ติดสัมภาษณ์ในรอบเเรกก็ยังสามารถยื่นคะเเนน tgat tpat3 หรือคะเเนนจากการเรียนสะสมหน่วยกิจของสถาบัน เพื่อพิจารณาอีกรอบได้ เอาง่ายๆก็คือ จะมีการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ 2 ครั้ง ครั้งเเรกจะพิจารณาจากผลงานเป็นหลัก ส่วนรอบที่สองจะมีการพิจารณาคะเเนนกับผลงานรวมกันครับ 

โครงการนี้เหมาะกับใคร+เกณฑ์การให้คะเเนน 

        โครงการนี้เหมาะกับคนที่มีผลงานโดดเด่นเป็นพิเศษ คะเเนนส่วนใหญ่จะมาจากผลงานเป็นหลัก+การสอบสัมภาษณ์  สัดส่วนสำหรับรอบเเรกที่ไม่ใช้คะเเนนอาจจะ ผลงาน 60-70% สัมภาษณ์ 30-40% รอบที่ใช้คะเเนนอาจจะ ผลงาน คะเเนน สัมภาษณ์พอๆกัน   

คำเเนะนำสำหรับโครงการนี้ 

         หากใครที่ไม่มีผลงานระดับชาติหรือนานาชาติผมคิดว่าไม่ควรจะสมัครนะครับ เพราะคุณสมบัติไม่ครบอาจจะไม่ได้รับการพิจารณา 

      2)โครงการเรียนดีช้างเผือก 

โครงการนี้ผลอาจจะอธิบายละเอียดหน่อยนะครับเพราะผมสมัครโครงการนี้พอดี55 

       โครงการนี้จะเน้นไปที่อันดับของตัวเราในสายชั้นโดยจะใช้เกรดเฉลี่ยในการวัด  ซึ่งหากเราไม่มีชื่อก็จะไม่สามารถสมัครได้นะครับ โดยในเเต่ละโรงเรียนก็จะมีโควต้าส่งนักเรียนได้ไม่เท่ากันตามจำนวนนักเรียนสายวิทย์-คณิต(หากโรงเรียนไหนเป็น หญิงล้วน ชายล้วน เเล้วมีโครงการพิเศษเช่น วมว. ที่มีนักเรียนชาย/หญิงด้วย โรงเรียนก็จะนับอยู่ในอันดับด้วยนนะครับ)   โดยผมขอยกตัวอย่างโรงเรียนผมที่มีนักเรียนสายวิทย์-คณิต เกิน 201คน โรงเรียนจะสามารถส่งนักเรียนไปได้ 20 คน จากนักเรียนอันดับที่ 1-50 บางคนอาจจะสงสัยนะครับว่าจะส่งนักเรียนยังไง 20 คน จาก 50 คน ก็คือในตอนเเรกคุณครูเเนะเเนวจะเอารายชื่อนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยอันดับที่ 1-50 ของสายชั้นมา เเล้วให้ผู้ที่มีรายชื่อเซ็นชื่อว่ามีความประสงค์ที่จะสมัครโครงนี้หรือไม่ หากไม่ประสงค์ก็จะเอาที่นั่งที่เหลืออยู่ไปให้คนที่อันดับตํ่ากว่า โดยคนที่มีอันดับสูงกว่าจะมีโอกาสในการส่งรายชื่อมากกว่าคนที่อันดับตํ่ากว่านะครับ ถึงตรงนี้บางคนอาจจะงงนะครับ55 ผมขอสมมติสถานการณ์ว่า ผมมีอันดับอยู่ที่ 35 ของสายชั้น  ซึ่งผมจะมีชื่ออยู่ในใบของครูเเนะเเนว ในตอนนี้ผมอาจจะหรือไม่มีมีโอกาสในการสมัครก็ได้ โดยหาก 

 1)นักเรียนอันดับที่สูงกว่าผมเซ็นว่ามีความประสงค์ในการสมัครครบ 20 คน ผมก็จะหมดสิทธิ์ในการสมัคร(โควต้ามีเเค่ 20 คน จาก 50 คน) 
2)หากคนที่มีอันดับสูงกว่าผมสละสิทธิ์อย่างน้อย 15 คน ผมก็จะสามารถสมัครโครงการนี้ได้ (อันดับของผมจะเลื่อนขึ้นทำให้ไปอยู่ใน 20 คนเเรกที่ประสงค์จะสมัครโครงการนี้) พอเรามีชื่อเเล้วครูเเนะเเนวก็จะจัดการเอกสารของโรงเรียนให้  ในส่วนของเกรดเฉลี่ยว่าเท่าไหร่ถึงจะได้ก็ต้องบอกเลยนะครับว่าเเล้วเเต่โรงเรียนเลย อย่างโรงเรียนผมเป็นชายล้วน นักเรียนส่วนใหญ่ก็อยากจะเข้าวิศวะ+โรงเรียนให้เกรดค่อนข้าง่าย(ในห้องวิทย์-คณิต
ธรรมดาอ่ะนะ555) เกรดตํ่าสุดของโรงเรียนผมในปีนี้ก็เลยจะอยู่ที่ 3.96 เเต่บางปีโรงเรียนผมก็อาจจะอยู่ที่ 3.89  เเล้วเเต่ปีการศึกษาจริงๆ

 เพิ่มเติม 1 ในส่วนของเกรดเฉลี่ยหากเรามีเกรดเฉลี่ยเท่าเพื่อนจะถือว่าเราอยู่อันเดับเดียวกัน ตัวอย่างเช่น หากเราเเละเพื่อนอีกสองคนรวมเป็นสามคนมีเกรดเฉลี่ย 3.97 เราก็จะอยู่อันดับเดียวกัน โดยคนที่มีเกรดเฉลี่ยน้อยกว่าก็จะข้ามอันดับไปเลย  สมมติ นักเรียนที่ได้เกรดเฉลี่ย 3.98 อยู่อันดับที่ 15 ผมกับเพื่อนอีกสองคนรวมเป็น 3 คนได้ 3.97 จะอยู่อันดับที่ 16 ส่วนคนที่ได้เกรด 3.96 จะอยู่อันดับที่  19 (ข้ามอันดับที่ 17 18)   

เพิ่มเติม 2 เกรดเฉลี่ยที่ใช้วัดอันนี้ผมไม่เเน่ใจว่าใช้เกรดเฉลี่ยรวมทุกวิชาไหมหรือว่าใช้บางวิชา เพราะตอนเเรกในใบรายชื่อที่ครูเเนะเเนวเอามาให้ผมดูเป็นการใช้เกรดเฉลี่ยรวมทุกวิชา เเต่พอมาตอนหลังก็ใช้เเค่ คณิต ฟิสิกห์ เคมี อังกฤษ อันนี้ผมไม่เเน่ใจจริงๆครับ เอาเป็นว่าทำเกรดทุกวิชาให้เต็มที่ก็พอครับ 

โครงการนี้เหมาะกับใคร +เกณฑ์การให้คะเเนน 

          เหมาะกับคนที่มีเกรดสูงๆ เเต่ไม่ค่อยจะมีผลงานมากนัก โดยโครงการนี้จะเน้นไปที่ คะเเนน tgat tpat3 เเละการสอบสัมภาษณ์ สัดส่วนคะเเนนน่าจะคะเเนนสอบ 70-80% สัมภาษณ์ + ผลงาน20-30%  

คำเเนะนำสำหรับโครงการนี้ 

         โครงการนี้ถ้าเป็นปีก่อนๆหน้า หากเรามีชื่อที่โรงเรียนส่งไปเเล้วเเทบทุกคนจะมีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์  เเต่มาปีนี้มีการใช้คะเเนนเข้ามาคิดด้วยเลยอาจจะทำให้ค่อนข้างเหนื่อย เพราะผมคิดว่านักเรียนที่สมัครโครงการนี้น่าจะมีคะเเนนที่ค่อนข้างสูง เลยต้องเเข่งขันกันมาก 

       3)โครงการรางวัลเเละประกาศนียบัตรทางด้านวิชาการ 

      โครงการนี้นะครับจะคล้ายๆกับโครงการที่ 1 เเต่ทางด้านผลงานจะไม่ได้เน้นมากนัก ซึ่งเเค่มีผลงานระดับเขตก็สามารถสมัครได้เเล้ว หรือใช้เกียรติบัตรทางวิชาการที่ออกโดย สจล. ก็ได้นะครับ ซึ่งเกียรติบัตรพวกนี้ผมก็คิดว่าน่าจะอยู่ในงานต่างๆที่สถาบันได้จัดขึ้น เช่น งาน K-engineering งานKmitl  innovation expo เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเกียรติบัตรเหล่านี้ก็อาจจะยังไม่พอ อาจจะต้องหาผลงานเเข่งขันอื่นๆมาเสริมกันด้วยนะครับ  

โครงการนี้เหมาะกับใคร +เกณฑ์การให้คะเเนน 
            เหมาะกับคนที่มีผลงานเเข่งขันเเต่อาจจะไม่ได้เน้นเท่าโครงการที่ 1 ดังนั้นเกณฑ์คะเเนนน่าจะมาจาก ผลงาน+คะเเนนสอบ+สอบสัมภาษณ์ ถ้าให้ผมเดาน่าจะอย่างละเท่าๆกัน 

คำเเนะนำสำหรับโครงการนี้ 
           โครงการนี้ผมก็ไม่รู้จะเเนะนำอะไรมากเพราะเป็นโครงการที่คล้ายๆกับมหาลัยอื่น เเต่เรื่องที่จะเเนะนำก็คงเป็นการเเบ่งเวลาในการเเข่งขันกับการอ่านหนังสือสอบนะครับ 

          4) โครงการโรงเรียนวิทยาศาสตร์ 

  โครงการนี้รายละเอียดจะค่อนข้างนัอย เพียงเเค่เป็นนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนวิทยาศาสตร์ เช่น โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ของจังหวัดต่างๆ โรงเรียนกำเนิดวิทย์ เป็นต้น หรือจะเป็นนักเรียนในห้องเรียนพิเศษที่เกี่ยวกับวิทย์-คณิตก็ได้(ห้องเรียนพิเศษนี้ผมไม่เเน่ใจว่าต้องเป็นห้องเรียนพิเศษที่กำหนดไว้รึเปล่าหรือเเค่เป็นห้องเรียนพิเศษที่เกี่ยวกับคณิต-วิทย์ก็พอ อันนี้ต้องลองถามครูเเนะเเนวดูนะครับ) 

โครงการนี้เหมาะกับใคร+เกณฑ์คะเเนน 
      เหมาะกับนักเรียนที่อยู่โรงเรียนวิทย์ หรือห้องเรียนพิเศษเเล้วไม่ค่อยมีผลงานหรือเกียรติบัตร ในส่วนของเกณฑ์คะเเนนผมคิดว่าน่าจะคล้ายๆกับโครงการที่ 3 ก็คือคะเเนนส่วนผลงาน คะเเนนสอบ สอบสัมภาษณ์น่าจะพอๆกัน 

คำเเนะนำสำหรับโครงการนี้ 
         ก็คงต้องบอกว่าคนที่จะสมัครโครงการนี้คงจะเป็นเด็กเก่งกันหมดล่ะครับเพราะโรงเรียนหรือห้องเรียนพิเศษนี้ก็ไม่ได้เข้ากันง่ายๆ ก็คงจะบอกได้ว่าอย่าประมาทมากนะครับ  

5) โครงการ Engineering pathway 

โครงการนี้ก็จะเป็นการเรียนล่วงหน้าที่จัดโดย สจล. ต้องมีคะเเนนเฉลี่ยสะสมอย่างน้อย 3.5 จาก 6 วิชา โดยจำนวนการรับจะไม่เกิน 5 คนต่อ 1สาขา ถ้าเกินจะคัดคนจากคะเเนนสูงสุด 5 คนเเรก ในส่วนของวิชาที่ลง อันนี้ผมไม่เเน่ใจ เเต่ก็น่าจะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับวิศวะครับ  

โครงการนี้เหมาะกับใคร+เกณฑ์คะเเนน 
      โครงการนี้เหมาะกับคนที่ไม่อยากจะเเข่งขันกับใครมากนัก เหมาะกับคนที่รู้ตัวไว หากได้คะเเนนเฉลี่ยเยอะจะมีโอกาสเข้าศึกษาต่อสูงมาก เกณฑ์คะเเนนเเทบทั้งหมดก็อาจจะมาจากคะเเนนเฉลี่ย พูดง่ายๆก็คือถ้ามีคะเเนนติด 5 อันดับเเรกของสาขาที่จะลงก็เเทบจะได้เข้าศึกษาต่อละครับ 

คำเเนะนำสำหรับโครงการนี้ 
       ต้องหนักเเน่นมากนะครับหากเลือกที่จะสมัครรอบนี้ ต้องมั้นใจว่าจะเอาที่นี่ เพราะถ้าเปลี่ยนใจทีหลังอาจจะทำให้เราไม่มีผลงานไปสมัครที่อื่นได้เลย หรือหากใครสามารถเเบ่งเวลาได้ก็ลองได้เลยครับ 

6) โครงการ Kmitl one 

โครงการนี้จะเป็นโครงการพิเเศษที่เพิ่มมา โดยจะเป็นหลักสูตรของ สจล.ชุมพร ถ้าเราสามารถสมัครโครงการที่ 1-5 โครงการใดก็ได้ จะสามารถสมัครโครงการนี้เพิ่มได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในส่วนของเกณฑ์ /คำเเนะนำก็ไม่มีอะไรเจะเเนะนำเลยครับ

3️⃣การสอบสัมภาษณ์เเละเเนวทางการตอบคำถามของผม

      ในสาขาของผมนะครับจะเรียกสัมภาษณ์ 180 คน เเล้วคัดเหลือ 120 (ผมจำได้ว่าปีก่อนๆเรียกสัม 300 กว่าเลยถ้าจำไม่ผิด)การสอบสัมภาษณ์ก็จะมีเป็นช่วงเวลานะครับ มีอยู่ 4 ช่วง จะมีพี่ปี1 มาค่อยตรวจความเรียบร้อยของเอกสารให้ เเละเรายังสามารถขอคำเเนะนำจากรุ่นพี่ในการสอบสัมภาษณ์ได้ด้วย โดยในวันสัมภาษณ์ผมได้สัมภาษณ์รอบสอง ช่วงประมาณ สิบโมงครึ่งถึงเที่ยง เเต่ผมจำได้เลยว่าเวลาประมาณเก้าโมงสี่สิบได้เข้าห้องสัมภาษณ์ละ55 ดังนั้นควรมาก่อนเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงนะครับ ในห้องสัมภาษณ์จะเป็นห้องสโลป ที่ใช้ในการเรียนน่ะครับ ข้างล่างก็จะมีกรรมการสัมภาษณ์เเบบหนึ่งต่อหนึ่ง นักเรียนที่รอสัมภาษณ์ก็จะนั้งอยู่ข้างบน(จะไม่ได้ยินเสียงเพื่อนที่กำลังสัมภาษณ์นะครับ) เเล้วกรรมการก็จะเรียกลงมาทีละคน ความรู้สึกตอนนั้นก็เหมือนรอเข้าห้องเชือด555 ผมได้สัมภาษณ์เวลาประมาณ สิบโมงกว่า ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที  ส่วนคำถามเเเละคำตอบของผมนะครับก็จะมี 

อาจารย์ : ไหนลองเเนะนำตัวซิ 

ผม: (อันนี้เเล้วเเต่คนเลยนะครับ อาจจจะบอกชื่อ-สกุล มาจากโรงเรียน เเรงบัลดาลใจที่ทำให้อยากจะเข้าศึกษาต่อที่คณะ สาขานั้นๆ เเล้วเเต่เลยนะครับ เวลาที่พูดไม่ควรเกิน 1 นาทีนะครับ) 

อาจารย์ : ไหนอธิบายสาขาที่เราสมัครมาหน่อย 

ผม : (คำถามนี้คาดว่ามีโอกาสเจอสูงมาก เเนะนำว่าให้ศึกษามาดีๆนะครับว่าสาขาที่สมัครมีเเขนงอะไรย่อยๆบ้าง เเละถ้าจะให้ดีเราก็อาจจะลองเลือกมาซักสาขานึงเลยก็ได้ครับ เพื่อให้กรรมการเห็นว่าเราอยากเข้าศึกษาที่นี่ในสาขานี้จริงๆ) 

อาจารย์ : ได้ยื่นที่อื่นบ้างไหม 

ผม : อ๋อ ไม่ได้ยื่นที่ไหนเลยครับ ยื่นที่นี่ที่เดียวเลย (ถ้าโดนคำถามนี้เเนะนำว่าให้ตอบประมาณนี้นะครับไม่ว่าจะไปสัมภาษณ์ที่ไหนก็ตาม เพราะมันจะทำให้เห็นว่าเรามีความมั้นใจที่จะศึกษาต่อที่นี่จริงๆ ) 

อาจารย์ : จริงไหมมม 

ผม : ใช่ครับผมยื่นที่นี่ที่เเรกเเละที่เดียวเลยครับ (ความจริงก็ยื่นที่นี่ที่เดียวเเหล่ะ เพราะมีคนป้ายยามา55) 

อาจารย์ : เเล้วทำไมถึงอยากเข้าที่นี่ล่ะ 

ผม : เพราะว่า...(อันนี้ให้พูดอวยเลยนะครับว่าที่นี่ดีอย่างงั้น ดีอย่างงี้ อาจจะบอกว่ามีคนรู้จักเเละให้ความเคารพนับถือจบจากที่นี่มา ซึ่งผมก็มีจริงๆนะ เเต่ว่าอย่าไปบอกว่ามหาลัยอื่นดีไม่เท่าที่นี่นะครับเพราะมันดูไม่ดีย์) 

อาจารย์ : เเล้วมีวิชาที่ไม่ชอบไหม 

ผม :  วิชาชีวทวิทยาครับ เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่จะเน้นการท่องจำเป็นหลัก ซึ่งผมจะชอบการทำความเข้าใจเเละประยุกต์มากกว่าครับ ส่วนเเนวทางการเเก้ไขของผมก็คือ ผมจะนำบทเรียนนั้นมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันครับ (จริงๆเเล้วกรรมการถามเเค่คำถามเดียวนะ เเต่พี่ตอบเกิน555 เเต่อย่างงี้เเหล่ะดีเเล้ว) 

อาจารย์ : เเล้วชอบวิชาไหนล่ะ 

ผม : ผมชอบวิชาฟิสิกห์ครับ เพราะ.... (อธิบายยาวๆเลยครับ ในส่วนของผมก็จะพูดเกี่ยวกับ ฟิสิกห์มันสามารถอธิบายหลักการทำงานของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันได้อะไรประมาณนี้ครับ) 

อาจารย์ : ได้ยื่นจุฬาไหม 

  ผม : ไม่ได้ยื่นครับ เพราะว่าผมอยากเข้าที่นี่จริงๆ (ในใจก็งงว่าทำไมเเกมาถามซั้า ก็ผมบอกไปเเล้วว่าผมยื่นที่นี่ที่เดียวววววว) 

อาจารย์ : ทำไมไม่ยื่นม.ขอนเเก่นล่ะ 

ผม : ไม่ได้ยื่นเลยครับ ผมอยากจะเข้าศึกษาต่อที่นี่ครับ (ถามอย่างงี้ติดกันเลยหรอพี่พพพพ )  

อาจารย์ : ok เเค่นี่เเหล่ะ ไปได้ละ (ตอนนั้นผมงงมากเลยว่า อ่าวเสร็จเเล้วหรอ ผมนิ่งจะเเปปนึงเลยเพราะที่ผมซ้อมมากรรมการจะต้องถามคำถามปิดท้ายว่า มีอะไรจะถามอาจารย์ไหม หลังจากนั้นผมก็สวัสดีเเล้วก็ลุกออกไปเลย ) 

ผมคิดว่าผมโชคดีมากเลยที่เจออาจารย์ใจดี ไม่เจอคำถามวิชาการเลย โดยรวมก็คือโดนถามยํ้าว่าอยากเข้าที่นี่ไหมหลายรอบมาก55  เเล้วก็เวลาที่พูดเเนะนำตัวอาจารย์ก็จะเปิดพอร์ตดูด้วยนะ

รายละเอียดเพิ่มเติม 

   กรรมการที่มาถามคำถามเราก็จะเป็นอาจารย์จากสาขาที่เราลงไว้นะครับ สาขาของผมก็มีเพื่อนโดนวิชาการเหมือนกัน ถ้ามีคำถามที่ตอบไม่ได้ก็ให้ตอบว่าไม่ทราบจริงๆเเล้วจะกลับไปศึกษาให้ละเอียดกว่าเดิม อย่าพูดไปมั่วๆนะครับ เพราะในชีวิตจริงหากเราเป็นวิศวกรเเล้วทำในสิ่งที่ไม่มีความรู้อาจจะทำให้เกิดความสูญเสียได้ (อันนี้ฟังมาจากรุ่นพี่ ) ส่วนของการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษก็อาจจะบอกว่าให้คลายกังวลได้เลยครับ เพราะกรรมการจะไม่มีคะเเนนการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษยกเว้นเเต่คนที่สมัครหลักสูตรนานาชาติอันนี้โดนเเน่ๆ เเล้วก็ใครที่จะสมัครสาขาที่เเข่งขันสูง เช่น คอม ไฟฟ้า โยธา เครื่องกล สาขาพวกนี้จะมีโอกาสโดนถามคำถามวิชาการมากๆ เตรียมกันไปดีๆนะครับ  

4️⃣สิ่งที่อาจจะมีในปีถัดๆไป 

  ผมคิดว่าน่าจะมีเกณฑ์ที่ออกมาในเเต่ละสาขาว่าใช้คะเเนนพอร์ต คะเเนน tgat tpat3 สัมภาษณ์อย่างละเท่าไหร่ คิดว่านะ ที่เหลือก็น่าจะเเนวๆปีนี้

5️⃣ตัวอย่างPort Folioเเละคะเเนนของผม + ไฟล์รายละเอียดรอบพอร์ตปี 67
https://drive.google.com/drive/folders/1-DrdlRNxgAhrVsWw1D3VcxDA8rUICxxP

ข้อมูลเพิ่ม 

1)ในทุกๆปีจะมีการสร้างกลุ่มไลน์ของรุ่นพี่ปี 1 มาดูเเลน้องๆครับ ทั้งในเรื่องของการสมัคร การเตรียมตัวต่างๆ กลุ่มน่าจะสร้างช่วงปลายๆปีครับ   

2) ในทุกปีอาจมีการรับเกินมาบ้างเช่น สาขาของผมประกาศรับ 120 คน เเต่รับเข้าจริงๆคือ 129 คน เกิดจากคะเเนที่เท่ากันเนื่องจากกรรมการเเต่ละคนก็จะให้คะเเนนเฉพาะนักเรียนที่สัมภาษณ์กับตนเท่านั้น คะเเนนเลยอาจจะเท่ากันบ้าง  

3) จะมีโครงการ สอวน.เเยกออกจาก 5 โครงการหลักนะครับ เเต่เวลาสัมภาษณ์จะเรียกสัมภาษณ์รวมกัน ) 

 เเล้วก็ใครสงสัยอะไรก็สอบถามเข้ามาได้นะครับ โชคดีนะครับ

IG : p_hoorin 

FB : Phoorin  Arsaphan

 

 

 

  

   

 

 

  

แสดงความคิดเห็น

>