Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำไมต้องทดแทนบุญคุณพ่อแม่

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ไม่ต้องทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ในกรณีของพ่อแม่ที่มอบปัจจัย 4  ทั้งการศึกษา อาหาร ที่พักอาศัย ถึงอาจไม่ดีเท่าครอบครัวคนอื่นที่มีเงินเยอะพอที่จะเลี้ยงดูให้ใช้ชีวิตแบบหรูหรา ด้วยจำนวนทรัพย์ที่น้อยจึงอาจต้องให้ลูกช่วยแบ่งเบาบ้างในบางเวลา ทำไมถึงถูกมองกลับมาว่าตัวพ่อและแม่ไม่พร้อมที่จะมีลูก ต้องให้ลูกใช้เวลาว่างมาช่วยทำงาน

ตัวเราที่เป็นลูกควรทำอะไรบ้าง นอกจากสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เช่น การศึกษา(ที่พ่อแม่ส่งเรียน) หรือเรื่องส่วนตัว เช่น อาหารการกิน(ที่พ่อแม่ให้กินฟรี[ถึงแม้อาจจะไม่ได้กินหรูหรา]) ที่พักอาศัยและของใช้ส่วนตัว(ของพ่อแม่[อาจไม่ได้ใหญ่โต]) ในขณะที่เมื่อเรายืมเงินคนอื่นเขาทวงให้ใช้หนี้ กับเงินที่พ่อแม่ให้เรามาทำไมเงินส่วนนี้เราไม่ต้องคืนเขา


นิยามของคำว่าพร้อมสำหรับพ่อแม่คืออะไร? ในเมื่อตัวพ่อแม่มีอาหารพอจะเลี้ยงดูเราซึ่งอาจจะไม่ได้อร่อยเหมือนของแพง ที่พักอาศัยให้เรานอนที่อาจจะไม่ได้ดีแต่ก็มีให้เราอยู่อาศัย  แต่ทำไมพอตัวลูกไม่พอใจอยากได้อะไรที่เป็นผลประโยชน์ต่อตัวเอง จะต้องอ้างว่า มีลูกเมื่อพร้อมนะพ่อแม่   กรอบของนิยามคำว่าพร้อมอยู่ที่ตรงไหน และควรมีเท่าไหร่ถึงจะพอ

คำว่า "ลูก" คืออะไร เมื่อตอนที่พ่อแม่ยังมีกันอยู่แค่สองคน  รักกันและมีลูกด้วยกัน 1 คน เกิดมาจึงเริ่มเลี้ยงดูลูก แค่นั้นก็คือความพร้อมแล้วหรือเปล่า พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตถึงแม้อาจจะไม่ได้ดีเท่าครอบครัวอื่น ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไรกับกระบวนการสืบทอดเลยก็ได้ แต่ก็เริ่มเลี้ยงดูมา พอลูกโตมาไม่ได้สิ่งที่ตัวเองพอใจกลับกลายเป็นความไม่พร้อม

"ถ้าไม่พร้อมจะให้หนูได้รับสิ่งดีๆ ไม่ต้องทำให้หนูเกิดมาก็ได้"  พ่อแม่ที่รักลูกจะเคยคิดบ้างรึป่าวว่า "จริงๆพ่อแม่ก็ไม่อยากให้เกิดมาหรอก แต่ดันเกิดมาเลยต้องเลี้ยงดูทั้งที่ตอนแรกก็อยู่กัน 2 คนพ่อแม่ ดันมีีอะไรก็ไม่รู้ชีวิตที่ 3 เกิดมาจากความรักของ 2 คน เกิดมาแทนที่จะได้หวังพึ่ง ดันมาเป็นภาระ"

ทำไมถึงไม่ต้องคืนอะไรให้พ่อแม่เลย ทั้งที่ไปยืมอะไรคนอื่นเขาไว้ก็คืนกัน ยิ่งเป็นพ่อแม่ยิ่งทวงไม่ได้อีก เดี๋ยวจะหาว่าทวงบุญคุณ ไม่ได้อยากเกิดมาเองอีก ทำให้เกิดก็ต้องเลี้ยงดูตามหน้าที่อีก

เหตุผลอะไรทำไมเราถึงไม่ต้องทดแทนบุญคุณอะไรพ่อแม่เลย 
ยกตัวอย่างในกรณีที่ พ่อแม่เลี้ยงดู (น้อย) (ปานกลาง) (มาก) เท่านั้น
ไม่นับสำหรับคนที่ไม่เคยเจอพ่อแม่เลยสักครั้งตั้งแต่เกิดมา
จากความเห็นของเด็กยุค 2000 ต้น

แสดงความคิดเห็น

5 ความคิดเห็น

White Frangipani 5 เม.ย. 67 เวลา 07:14 น. 1


ทำไมต้องทดแทนบุญคุณพ่อแม่


สวัสดีค่ะ


มากระทู้นี้ คุณมีประเด็นที่เป็นหัวข้อที่ดีมาก ๆ


เม้นต์นี้ช่วยตอบให้คุณในแบบแลกเปลี่ยน แบ่งปัน จากความคิดเห็นที่เป็นส่วนบุคคลให้คุณ จากคำถามทั้งหมดที่คุณส่งเข้ามานะคะ


ก่อนอื่น ก่อนที่จะทำการตอบให้คุณด้วยความเห็นที่เป็นส่วนตัวนะคะ ขอเกริ่นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ว่า มาวันนี้โดยทั่วไป คือในทุกหนแห่งในวันนี้นะคะ การที่คนเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศใด หรือจะอยู่ในวัยใดก็ตาม เกี่ยวกับการคิดถึงพระคุณของบุพการี หรือการที่จะคิดทดแทนบุญคุณท่านนั้น มาวันนี้หลาย ๆ คนสามารถเลือกที่จะคิด เลือกที่จะทำตามที่ตนต้องการ นั้นเป็นอะไรที่คล้ายกับว่าเป็นกฎของสากลไป กฎของสากลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้


คือมาวันนี้ ใครจะคิดตอบแทนพระคุณพ่อแม่ของเขาหรือไม่ นั้นไม่มีกฎตายตัว ไม่มีวัฒธรรมที่ว่าเป็นการผิด หรือว่าเป็นการถูกแต่อย่างใดนะคะ


คือใครเขาอยากจะปฎิบัติอย่างไรกับบุพการี หรือกับพ่อแม่ของเขา เขาก็ทำได้ตามความต้องการ...ของเขานั้น มาวันนี้มีเกิดขึ้นมากมาย


คือไม่มีการตัดสินใด ๆ ได้ว่าผิด หรือถูกแต่อย่างใด


(และนั้นเป็นความจริงที่เราต้องยอมรับนะคะ ว่าเหตุเช่นนี้ได้เกิดขึ้นจริง)


ยกตัวอย่างลูก หรือบุตรบางคนจงเกลียด จงชังพ่อแม่ของตนหนักหนา จงเกลียดจงชังมาก ถึงขั้น สาปแช่ง สาปส่งพ่อแม่ของเขาในทุกวันที่พ่อแม่ของเขามีชีวิต เพียงได้ยินชื่อพ่อแม่ของตนเขาเองก็ร้อนรน และทุกข์ทรมาน เพราะความเกลียดชังพ่อแม่ของตน เหตุเช่นนี้ก็มีเกิดขึ้นจริง ซึ่งเราต้องยอมรับนะคะว่า มีเกิดขึ้นจริง


ในบางรายพ่อแม่ได้ทำมาหากินมาด้วยการขยันขันแข็ง อดออมจนมีฐานะดี มีเงินทองมากมาย มีทรัพย์สมบัติมากมาย และเขาก็ลูกของตนสุดหัวใจ พ่อแม่ทำทุกอย่างเพื่อบุตรของตน แม้ท่านจะสั่งสอนอบรมลูกด้วยรัก และห่วงใยด้วยจิตใจรักต่อลูก ๆ ของเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ลูก ๆ ก็ไม่เข้าใจ กลับจงเกลียดจงชังพ่อแม่อีกด้วย และในบางรายฆ่าได้แม้พ่อแม่ของตน ฆ่าพ่อแม่เพื่อทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่หามา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มีเกิดขึ้น และเรา ๆ คงต้องยอมรับให้ได้ว่า เหตุเช่นนี้มีเกิดขึ้นจริง และเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ ก็นับวันก็จะหนักหน้าขึ้นทุกวันอีกด้วย


ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ มีเกิดขึ้นจริงนะคะ


และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ในเหตุการณ์ที่คุณยกมาเป็นคำถามเป็นข้อ ๆ นี้ แน่นอนว่า สามารถเกิดขึ้นได้จริงด้วยเช่นกัน ซึ่งเรา ๆ ต้องยอมรับว่าเหตุเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงนะคะ


-------------------


ในส่วนของข้อความต่อไปนี้ จะเป็นการแบ่งปัน แลกเปลี่ยนความคิด และมุมมองให้คุณ ตามที่คุณมีความสงสัย และส่งเข้ามานะคะ


มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ไม่ต้องทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ในกรณีของพ่อแม่ที่มอบปัจจัย 4 ทั้งการศึกษา อาหาร ที่พักอาศัย ถึงอาจไม่ดีเท่าครอบครัวคนอื่นที่มีเงินเยอะพอที่จะเลี้ยงดูให้ใช้ชีวิตแบบหรูหรา...


มีเหตุผลอะไร? น่ะหรือ ตอบคุณว่า น่าจะเป็นเหตุส่วนตัวของคนผู้นั้นเอง เป็นสาเหตุค่ะ

เพราะการที่คนเรานะ จะรู้สึกว่าเขารัก เขาขอบคุณ เขารู้คุณพ่อแม่ของเขา และมีความรู้สึกว่าเขาต้องทำการตอบแทนพระคุณท่าน ทั้งหมดนี้นะคะเป็นความรู้สึกที่ดี ๆ ที่ติดบวก และแน่นอนว่า ความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นได้ หรือไม่ นั้นขึ้นอยู่ที่ส่วนบุคคลค่ะ


และความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นได้นี้ จักเกิดเป็นผลลัพธ์ และจักเป็นผลต่อเนื่องต่อตัวของบุตรเอง นั้น คือมีผลที่จะเกิดเป็นความสุขที่จิตใจของเขาเองอย่างแท้จริง


หากแต่. การที่ว่า คนเรานะ จะรู้คุณพ่อแม่ หรือไม่นั้น มีสาเหตุเป็นปัจจัยมากมายเป็นองค์ประกอบมากมายด้วยนะคะ เช่น ผู้ที่เป็นลูกที่เขาเกิดมาดี เขาเข้าใจในเหตุที่เป็นผลดีภายใต้การกระทำ เขาก็ทำความดี คือไม่ว่าเขาจะถูกพ่อแม่เลี้ยงดูมาในแบบไหน ภายใต้การเลี้ยงดูของพ่อแม่นั้นจะดี หรือจะยากลำบาก ยากแค้นเพียงไร แต่เมื่อเขาเกิดมาดี(เขามีบุญดี เขามีสติที่ดี และเขาเบิกบาน เขาก็จะเข้าใจในสัจธรรม เขาจะเข้าใจในแก่นสารของเหตุแห่งความเป็นจริงของชีวิตได้ดี ว่าด้วยชีวิตที่แท้จริงนะมีได้ทั้งทุกข์ และสุข คือเขามีฐานพลังความคิด มีสติ มีความเข้าใจที่ดี เป็นตัวขับเคลื่อนเขาอยู่นั้นเอง) ในธรรมชาติของคนเช่นนี้ เขาก็จะมีพลังที่จักสามารถทำความดีในแบบที่ไม่มีข้อยกเว้นได้ง่าย ๆ คือเป็นธรรมชาติของเขานั้นเองค่ะ


คือเขาจะรู้ถึงคุณพ่อแม่ มีความรัก มีความเคารพ และทำการตอบแทนพระคุณท่าน


ทั้งหมดนี้มีตัวตน มีธรรมชาติ การเป็น...ของผู้เป็นลูกเองเป็นตัวแปรสำคัญ หรือเป็นแก่นสารที่สำคัญในการก่อ เกิดความดี เช่นการรู้คุณของพ่อแม่ และต้องการทำการตอบแทนค่ะ


ตัวเราที่เป็นลูกควรทำอะไรบ้าง นอกจากสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เช่น การศึกษา(ที่พ่อแม่ส่งเรียน) หรือเรื่องส่วนตัว เช่น อาหารการกิน(ที่พ่อแม่ให้กินฟรี[ถึงแม้อาจจะไม่ได้กินหรูหรา]) ที่พักอาศัยและของใช้ส่วนตัว(ของพ่อแม่[อาจไม่ได้ใหญ่โต]) ในขณะที่เมื่อเรายืมเงินคนอื่นเขาทวงให้ใช้หนี้ กับเงินที่พ่อแม่ให้เรามาทำไมเงินส่วนนี้เราไม่ต้องคืนเขา


ตอบคุณว่า ก็ควรคิดดี ทำดี พูดดี ปฎิบัติดี แก่พ่อแม่ เช่นการนอบน้อม สักการะ ช่วยเหลือท่านในโอกาสที่ลูก ๆ จะทำได้ และทั้งหมดก็จะดีค่ะ ซึ่งทั้งนี้ ผลแห่งการทำดีทั้งหมดนี้ ผู้ที่ปฎิบัติเองที่จะเป็นผู้ที่ได้รับผลสุทธิ นั้นเป็นผลพวงแห่งกฎของธรรมชาติ


คือเขา ผู้ที่เป็นบุตรเองที่จักได้รับทั้งสิ้น พ่อแม่จะได้รับก็เพียงความรู้สึกที่ดี ที่ลูกของเขาทั้งหลายเป็นผู้เป็นคนดีได้ และแน่นอนพ่อแม่จะสุขใจ และตายตาหลับ เพราะหมดความห่วงใยในลูกของตน หรือคนที่พ่อแม่รัก ก็เท่านั้น หากแต่การกระทำความดีต่อพ่อแม่ เช่นการรู้คุณ การตอบแทนคุณพ่อแม่ จะเป็นพลังหนุนนำให้...จิตใจของลูกเองมีพลัง...บวก ซึ่งพลังบวก เป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน และนั้นเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยม


นิยามของคำว่าพร้อมสำหรับพ่อแม่คืออะไร?


ตอบคุณว่า ความพร้อมในที่นี้ น่าจะเป็นการที่ว่า พ่อแม่รักกันด้วยความจริงใจ และมีผลจากความรักที่มีกันและกัน คือลูกเป็นสิ่งที่พ่อแม่ที่รักกันมีความรักใคร่ และภาคภูมิใจ ดั่งที่เราเรียกเขาว่า" ลูก คือพยานรัก" นั้นเองค่ะ


เมื่อพ่อแม่รักกันด้วยความจริงใจ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเด็กที่เกิดจากความรัก ก็เท่ากับเด็กโคชดีในขั้นหนึ่งของเด็กแล้ว เพราะความรักนะ มีพลังเป็นบวกที่มหาศาลมาก และเป็นพลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังมาก ๆ เมื่อใดก็ตามที่ทุกอย่างมีความรักอยู่เป็นพื้นฐาน หรือถูกล้อมรอบด้วยความรัก สิ่งเหล่านั้นจะถูกขับเคลื่อนผ่านไป...ได้จากทุกอุปสรรค์นานา เป็นธรรมชาตินะคะ


และนอกเหลือจากความรักที่พ่อแม่มีให้กัน แน่นอนพ่อแม่ในแบบนี้จักรักลูกมาก ๆ เพราะตามธรรมชาติในจิตสำนึก ในสัญชาติญาณพ่อแม่จะรู้สึกได้ว่า ลูกคนนี้ถูกสร้างจากความรัก ซึ่งเป็นธรรมดานะคะ ที่ชายหญิงจะรู้สึกดังกล่าวนี้ เพราะทั้งหมดนี้เป็นความจริง ที่คนเราทุกคนน่าจะรู้ได้ภายใต้การกระทำในทุกอย่างของตน และเมื่อรู้ได้เกี่ยวกับผล...และเกิดเป็นผลผลิต(ผลจากการกระทำ) แน่นอนพ่อแม่เช่่นนี้จะมีความรัก จะมีความภูมิใจในตัวเด็ก หรือในตัวลูก ซึ่งเป็นอาการต่อเนื่องของธรรมชาติ เกี่ยวกับเหตุดังกล่าวนี้ เป็นธรรมดานะคะ


ส่วนที่สองที่รองลงมาคือ ปัจจัยที่สำคัญคือ ฐานะ(ในที่นี้คือ เงิน รายได้) ที่พ่อแม่ที่มีความรักครอบครัว รักสามี รักภรรยา รักลูกต้องมีความพร้อม หรือต้องมีความรับผิดชอบ เช่น การที่พ่อแม่จะไม่ปล่อยให้ลูก ๆ ต้องประสบปัญหาต่าง ๆ ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นระบบสังคม เช่นการเรียน การศึกษา ที่อยู่อาศัย อาหาร เป็นต้น เป็นสำคัญ ที่สำคัญ ที่พ่อแม่ต้องเตรียมความพร้อมในการมีพยานรัก ทั้งหมดนี้ คือความพร้อม ที่ดี ที่คู่รักต้องเตรียม และที่ต้องมีในการที่คิดจะมีลูกค่ะ


คำว่า "ลูก" คืออะไร เมื่อตอนที่พ่อแม่ยังมีกันอยู่แค่สองคน รักกันและมีลูกด้วยกัน 1 คน


ลูก แท้จริงน่าจะเป็นบุคคลที่เกิดจากคนสองคนรักกันนะคะ และเมื่อลูกเกิดมาแล้ว ลูกควรจะเป็นอันที่รักใคร่ของพ่อแม่ ความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกนะ ยังเกิดเป็นผลให้ผู้เป็นพ่อแม่เป็นสุขอีกด้วย เป็นธรรมดา


ลูกคือหน้าที่ ที่พ่อแม่ต้องเอาใจใส่ ต้องเลี้ยงดู อบรม ปลูกฝัง สั่งสอนในสิ่งที่ดี ๆ ให้แก่เขา ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะเกิดเป็นคนดี และเป็นสุขได้ในอนาคตต่อไป พ่อ แม่ ลูก เป็นสิ่งที่เกี่ยวพันธ์กันอย่างแท้จริงชนิดจะไม่มีอะไรที่จะสามารถลบล้างได้ ไม่ว่าพ่อ แม่ ลูก จะมีอันต้องเกลียดกันปานใดก็ตามที


คือพ่อ แม่ ลูกจะรักกันหรือไม่ก็ตามที ความสัมพันธ์ของคนทั้งสามก็จักไม่มีวันดับหายไปได้ แม้ว่าความเกลียดชังจะเกิดขึ้นต่อกัน และกันต่อพ่อ แม่ ลูกหรือไม่ ก็ตามที แต่สายใยนั้นจักไม่มีวันดับหายไป


หากแต่ผลของความรัก...และ ความเกลียดชังของพ่อ แม่ ลูกนั้นมีผลต่างกัน ชนิดไกลลิบลิ่ว หรือต่างกันคนละขั้ว ความเกลียดชังมีผลเป็นทุกข์ และทรมาน ความรัก เคารพ นับคือ รู้คุณ เป็นผลแห่งความสุขอย่างแท้จริงเท่านั้นเองค่ะ


"ถ้าไม่พร้อมจะให้หนูได้รับสิ่งดีๆ ไม่ต้องทำให้หนูเกิดมาก็ได้" พ่อแม่ที่รักลูกจะเคยคิดบ้างรึป่าวว่า "จริงๆพ่อแม่ก็ไม่อยากให้เกิดมาหรอก แต่ดันเกิดมาเลยต้องเลี้ยงดูทั้งที่ตอนแรกก็อยู่กัน 2 คนพ่อแม่ ดันมีีอะไรก็ไม่รู้ชีวิตที่ 3 เกิดมาจากความรักของ 2 คน เกิดมาแทนที่จะได้หวังพึ่ง ดันมาเป็นภาระ"


ตอบคุณว่า หากแต่ ในส่วนนี้ แท้จริงการมาเกิดของลูกนั้น พ่อแม่อาจจะมีส่วนก็จริง แต่ในความแท้จริงไม่ใช่ทั้งหมดทั้งมวลนะคะ คือเมื่อในความจริงมีอยู่ว่า ในหนึ่งหยดของอสุจิมีเสปิร์มเป็นแสน เป็นล้านตัว และตัวที่แข็งแรงที่สุด และเร็วกว่าตัวอื่น ๆ เท่านั้น ที่จะมีสิทธ์วิ่งเข้าไปชนไข่ของคุณแม่ และในเสี้ยววินาทีนั้นได้ก่อนใคร ๆ และเสปิร์มตัวนั้นสามารถทำสำเร็จ...คือแท้จริงการจุติของคนเรานั้น พ่อแม่ไม่มีส่วนเลย และไม่สามารถควบคุมได้ว่าใครที่จะมาเกิด ไม่รู้ได้ว่าเสปิร์มตัวไหนจะมีโอกาส ที่จะทำสำเร็จ และลูกที่เกิดมานั้นจะเป็นใคร...นั้นไม่ใช่การเลือก ไม่ใช่การขอ หรือการควบคุมของพ่อแม่แต่อย่างใด นั้นเป็นความจริงนะคะ


ตรงนี้กลับเข้ามาเสริมให้เห็นเป็นหลักฐานนิดนึงนะคะ(จะเป็นเม้นต์ที่ยาว ๆ มากขึ้นล่ะ)

คือ ในเหตุที่ลูก ๆ ด่าทอ โทษพ่อแม่ว่าเป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่ทั้งหมดที่ลูกมาเกิด ซึ่งนั้นไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ซึ่งความจริง แท้จริงตรงนี้ มีหลักฐานดังที่ว่า ตามที่เรา ๆ เคยได้ยินผ่าน ๆ ผู้ที่เป็นพ่อแม่บ่นๆ กับลูกที่ดื้อ หรือมึนมากแบบไร้สติ คือลูกบางคนดูมึนมากในแบบมืดมนจนพ่อแม่เหนื่อยมาก และทุกข์มากเพราะความห่วงใยนะ ว่า เป็นลูกในแบบนี้(หรือลูกคนนี้นะ)เป็นลูกที่นรกส่งมาเกิด เกิดมาก็ทำให้พ่อแม่ได้เหนื่อยหนัก และช้ำใจแบบนั้นนะคะ ฮ่า ฮ่า https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.pngหรือในเคสที่พ่อแม่มีความยินดีมากมาย มีความภาคภูมิใจในตัวลูกที่เป็นคนดี มีจิตใจดี ลูกมีความเมตตตา มีความเฉลียวฉลาดสามารถเข้าใจอะไร ๆ ได้ง่าย ๆ และดี พ่อแม่ก็เป็นสุขใจ ลูกในแบบนี้พ่อแม่ก็เชื่อว่า ลูกคนนี้นะเทวดาส่งมาเกิด ฮ่า ฮ่า ฮ่าhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png คือทั้งหมดนี้เป็นหลักฐานได้ว่า แท้จริงแล้วการเกิด...ของคนเรานี้พ่อแม่นะไม่ใช่คนบงการ พ่อแม่ไม่สามารถควบคุมได้นะว่าใครกันที่จะมาเกิดเป็นลูกของตน พ่อแม่นะทำได้ก็เพียงต้องรักใคร่ และเลี้ยงดูเท่านั้น ที่ท่าน ๆ สามารถทำได้ และพ่อแม่ทุกคนอยากมีลูกที่ดีด้วยกันทุก ๆ คน ทั้งนี้เพื่อทุกคนที่จะมีโอกาสมีส่วนร่วมได้ และมีความสุขร่วมกันถ้วนหน้า อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น จงอย่าด่าทอพ่อแม่นะคะ


หากแต่การผสมพันธุ์ การสมสู่(การมีเซ็กส์)ของคู่รักนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่เป็นขั้นตอนการทำให้ชีวิตได้มีการจุติ หรือการเกิดเท่านั้นเอง นั้นเป็นความจริง


เพราะฉะนั้นผู้เป็นลูกที่ด่าว่าพ่อแม่ที่ทำให้เกิดขึ้น เพราะเขาเองที่เข้าใจผิด และไม่รู้ลึกซึ้งในเหตุแห่งความเป็นจริงนะคะ


หากลูก ๆ ผู้ที่จะกล่าวคำนี้รู้ว่า เขาเองที่แกร่ง แข็งแรง และเร็วกว่าใคร ๆ ในวันแรก ในครั้งแรกแห่งการที่เป็นสาเหตุ ที่จะได้มาเกิดบนโลกนี้ เขาเองจักภูมิใจในตัวของเขาเองมาก และเขาจะขอบคุณพ่อแม่ ที่(เพียง)ให้โอกาส และโอกาสนั้น เขาเองที่คว้ามันมาได้ และพ่อแม่ก็ทำได้เพียงเลี้ยงดู อบรม สั่งสอน และรักใคร่เขา เท่านั้น และอย่างแน่นอนค่ะ


คือคนเรานะ เมื่อสามารถรู้เหตุที่เป็นความจริงแท้ได้เมื่อไร เขาจะไม่สับสน เขาจะไม่มั่ว เขาจะไม่โกรธ เขาจะไม่โทษสุ่มสี่ สุ่มห้า อย่างแน่นอน นั้นเป็นธรรมดาด้วยค่ะ


เพราะการรู้แจ้ง...ในเหตุที่เป็นจริงนะ จะทำให้คนเราเข้าใจ และสว่างไสว ชัดเจนได้ในเหตุนั้น ๆ เขาทั้งหลายก็จะไม่มั่ว จะไม่มืดมน และจะไม่ทำในสิ่งที่นำทุกข์ทรมานมาสู่ตน และสู่คนรอบด้านอย่างแน่นอน เป็นธรรมดาค่ะ


แต่ที่เกิดการมั่ว การโทษ การด่าทอ และไม่รู้ตัวตนว่าตนทำอะไรอยู่ และไม่รู้ถึงคุณของพ่อแม่ ทั้งนี้เพราะเขาไม่รู้...นั้นเองค่ะ


ทำไมถึงไม่ต้องคืนอะไรให้พ่อแม่เลย ทั้งที่ไปยืมอะไรคนอื่นเขาไว้ก็คืนกัน ยิ่งเป็นพ่อแม่ยิ่งทวงไม่ได้อีก เดี๋ยวจะหาว่าทวงบุญคุณ ไม่ได้อยากเกิดมาเองอีก ทำให้เกิดก็ต้องเลี้ยงดูตามหน้าที่อีก


ตอบคุณว่า เพราะเขาไม่รู้ค่ะ หากเขารู้ว่า การมีความรัก มีความเคารพ มีจิตใจที่รักใคร่ ขอบคุณพ่อแม่ และมีความเมตตาต่อพ่อแม่ ต่อบุพการีนั้นจักทำให้เขาเองเป็นสุข ทำให้เขามีพลังบวกมหาศาล เมื่อเขารู้ว่าเหตุเช่่นี้เกิดขึ้นได้ เมื่อไรนะคะ เขาจะทำหน้าที่ลูกที่ดีที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ


เพราะโดยธรรมชาติของคนเรานะคะ เรา ๆ ต้องการความสุข ความดีด้วยกันทุกคน และเมื่อผู้ที่หลงผิด คิดผิด ทำผิดต่อพ่อแม่ ต่อบุพการี ได้รู้ว่าการทำดีนั้นเป็นผลดีกว่า เขาจะปรับเปลี่ยน และทำความดี ด้วยการรักใคร่ ด้วยความเคารพ และตอบแทนคุณพ่อแม่ของเขาอย่างแน่นอน เป็นธรรมดาค่ะ


ยกตัวอย่างนะคะ ลูก ๆ ที่มีความคิดว่าจะเรียนให้จบให้จงได้ ทั้งนี้เพื่อพ่อแม่ได้เป็นสุข เขาก็จะมีพลังที่ดีเพื่อการนี้ และเขาก็จะสามารถสำเร็จได้ง่าย ๆ เพราะความรักที่มีต่อพ่อแม่นั้น แท้จริงเป็นพลังขับเคลื่อน...ที่มหัศจรรย์มาก ๆ

เป็นต้น


หรือชายในวัยที่สมควร เขาบวชเพื่อเรียนรู้ในเรื่องของธรรมะ เรื่องของศีลธรรมตามคำสั่งสอนของพระศาสดา บวชเพื่อให้สิ่งดี ๆ แก่พ่อแม่ของเขา ซึ่งสิ่งดี ๆ นี้ เกิดขึ้นภายใต้ความเชื่อ ภายใต้วัฒนธรรม ประเพณีอันดีที่ถือตาม ๆ กันมา ว่าด้วยลูกชายผู้นี้ทำสิ่งที่ดี คือการทดแทนคุณพ่อแม่ด้วยการบวชให้ท่าน เพื่อท่านสุขใจ เป็นต้นนะคะ หากแต่ ในความจริงผู้ที่เป็นสุขที่สุด และได้พลังบวกที่แท้จริง คือตัวเขาเอง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาติต่อเนื่องที่เกิดขึ้นได้จริงนะคะ


เหตุผลอะไรทำไมเราถึงไม่ต้องทดแทนบุญคุณอะไรพ่อแม่เลย


ตอบคุณว่า หากเขาไม่รู้สึกว่าต้องตอบแทนพ่อแม่ ก็คงเป็นเหตุผลส่วนตัวเขาเองนะคะ ซึ่งในเหตุเช่่นนี้อาจจะมีองค์ประกอบมากมายด้วยเช่นกัน เช่นพ่อแม่ผู้ที่ไม่รักกัน หากแต่มีความผิดพลาด เพียงการมีเซ็กส์กัน และเด็กเกิด เมื่อเด็กเกิด พ่อแม่ที่ไม่มีความรับผิดชอบในทุกสิ่งในชีวิต แน่นอนว่ามีขาด มีตกไป มีบกพล่อง เช่นอาหาร ที่อยู่อาศัย การเรียนเบื้องต้น(ระดับมัธยม)ในระะบบของสังคมก็ยากเย็น ขัดสน


คือมีความอดอยาก ยากจนเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ ก่อเกิดความขัดสน เป็นบ่อเกิดแห่งความเดือดร้อน เกิดเป็นชีวิตที่มีทุกข์ และทรมาน เกิดการไม่เข้าใจกัน ผิดใจกันระหว่างพ่อ แม่ ลูก แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุ เป็นปัจจัย...แห่งเหตุดังที่คุณยกมากล่าวนี้ มีเกิดขึ้นทั่วโลกในวันนี้ค่ะ

ยกตัวอย่างในกรณีที่ พ่อแม่เลี้ยงดู (น้อย) (ปานกลาง) (มาก) เท่านั้น

ไม่นับสำหรับคนที่ไม่เคยเจอพ่อแม่เลยสักครั้งตั้งแต่เกิดมา


ได้ทำการเม้นต์ให้คุณในแบบโดยรวมแล้วนะคะ และทั้งหมดนั้น เป็นความคิดเห็นในส่วนบุคคลซึ่งอาจจะมีความแตกต่่าง...ต่อข้อความที่คุณส่งเข้ามานี้นะคะ


ทำไมต้องทดแทนบุญคุณพ่อแม่


หากจะตอบเป็นคำสั้น ๆ จากคำถามที่คุณตั้งขึ้นมาเป็นหัวข้อนี้ ก็คงเป็นคำตอบได้ชัดเจน และถูกต้อง ดังที่ว่า...การทดแทนบุญคุณพ่อแม่...จะเกิดเป็นผลที่ดียิ่งแก่ผู้ที่พึงปฎิบัติค่ะ คือจะเกิดเป็นความรู้สึกดี ปริ่ม ปลื้ม และอิ่มเอิบ ทำให้เกิดเป็นพลังบวก และมีความสุขสงบ ร่มเย็นภายในตัวตนของเขาเอง คือผลจากการกระทำดังกล่าวนี้ค่ะ


และมากกว่านั้น ยังมีผลทำให้ผู้เป็นพ่อแม่รู้สึกยินดี เป็นสุข และภาคภูมิใจ และหมดห่วงใยในตัวลูก ๆ ของท่านอีกด้วย ดังที่ว่า...ลูกของท่านเป็นคนที่มีจิตใจดี สูงส่ง และท่านจะรู้ได้ด้วยว่า ทั้งหมดนี้จักหนุนนำให้ลูกของท่านสามารถอยู่ได้ในชีวิต ภายใต้ความดี และความสุข


คือทั้งหมดนี้จะทำให้พ่อแม่หมดห่วง และเป็นสุขสงบ สันติได้ เมื่อท่านแก่ชรา อย่างแน่นอน คือสิ่งที่ดี ๆ ที่ลูก ๆ ทำให้พ่อแม่ได้รู้สึกดี ๆ แน่นอนจะเกิดเป็นสิ่งที่ดี ๆ แก่ตัวตนของผู้เป็นลูกทั้งสิ้น


แต่นะ คนเรานะมีความคิด มีมุมมมอง มีความเชื่อ...ที่แตกต่างกันได้ แต่เราแลกเปลี่ยน แบ่งปันกันได้นะคะ


จากความเห็นของเด็กยุค 2000 ต้น


คุณอายุ 24 ปีแล้วนะคะ ในวันนี้คุณไม่เด็กแล้วค่ะ


ฮ่า ฮ่า ฮ่า

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


แต่ก็อยากจะบอกคุณว่าเป็นกระทู้ที่มีประเด็นดี ๆ นะคะ และคนอายุ24 มีคำถามที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับปัญาดังกล่าวนี้ ก็นับว่าคุณมีความคิด มีการตรึกตรอง(แม้จะเกิดเป็นความสงสัยขึ้นมา)ก็ตามที แต่เป็นความสงสัยที่ดี มีความคิดละเอียดถี่ถ้วน เกี่ยวกับเหตุดังกล่าวนี้ ที่คุณนำมาตีแผ่ เป็นคำถามของคุณเอง ซึ่งเหตุดังกล่าวนี้ มาวันนี้มีเกิดขึ้นทั่วโลกค่ะ


คือลูก ๆ ไม่มีความรัก ไม่เคารพ ไม่รู้คุณพ่อแม่ ขาดการพินิจพิจารณาอันดีในสาเหตุให้ลึกซึ้งได้ จนทำให้เขาเอง คือทำให้ผู้ที่เป็นลูกเอง เกิดเป็นทุกข์ทรมานตาม ๆ กันด้วยความเวิ้งว้าง...สับสน และเขาทั้งหลายก็กลายเป็นคนหยาบ กระด้าง ขาดความรัก ขาดความเมตตา ขาดการนอบน้อมต่อตนเอง และสังคมแวดล้อม (คือเป็นธรรมดานะ แม้พ่อแม่ของเขาเอง เขาก็ไม่เคารพ ก็คงไม่ง่ายที่เขาจะเคารพตัวเขาเอง และคนอื่น ๆ เป็นธรรมดา) นั้นมีเกิดขึ้นจริงมากมายทั่วทุกหนแห่ง


สุดท้ายนี้ ขอบคุณสำหรับกระทู้ดี ๆ ที่คุณตั้งขึ้นในสังคม...เพื่อให้ผู้คนได้อ่าน...และได้คิดเพื่อหาคำตอบ...ต่อไปค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png

-------------


สุดท้าย ๆ หวังว่า กระทู้นี้ จะไม่ถูกลบทิ้งไปนะคะ

เม้นต์ยาว ๆ อยากให้เก็บไว้ให้เด็ก ๆ เขาอ่านค่ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


2
babarba 8 เม.ย. 67 เวลา 11:25 น. 1-1

ขอบคุณที่ให้ความสนใจนะครับ ผมอ่านทุกบรรทัดเลยครับ ด้วยความสงสัยที่ว่าคนอื่นจะมีความคิดยังไงผมจึงตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ในอีกไม่กี่ปีตัวผมก็อาจจะเป็นพ่อคน ก็ต้องยอมรับว่าเด็กในรุ่นต่อๆไปมีความฉลาดและความเฉลียวมากขึ้น ทำให้อะไรเดิมๆที่เคยทำกันมาถูกมองข้ามไป ในรุ่นผมก็จะมองว่ารุ่นก่อนหัวโบราณ และรุ่นผมก็จะถูกรุ่นต่อมามองว่าหัวโบราณไปเรื่อยๆ แต่จากการตกผลึกว่า เราไม่ควรมองข้ามฐานที่มี ถ้าฐานเราไม่มั่นคงตัวเราก็คงไม่สามารถต่อตัวให้สูงขึ้นไปในช่วงต่อๆไปได้


ผมจึงอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เราต้องทดแทนบุญคุณ เพื่อให้ผมเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกของผม ไม่ใช่ความกตัญญูที่ลูกผมควรมี แต่เป็นสิ่งที่ลูกอยากจะทดแทนด้วยหัวใจของลูกผมเอง และแน่นอนว่า ผมจะตอบแทนคุณพ่อแม่ของผมแน่นอนครับ


เพราะถ้าไม่มีฐานที่มั่นคงแบบท่าน ผมคงไม่มีทุกวันนี้ ขอบคุณที่เข้ามาแลกเปลี่ยนกันนะครับ

0
White Frangipani 13 เม.ย. 67 เวลา 17:24 น. 1-2


ได้กลับเข้ากระทู้อีกครั้ง ในวันขึ้นปีใหม่ไทย ในวันนี้นะคะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


สวัสดี และสุขสันต์เนื่องวันขึ้นปีใหม่ไทย แด่คุณเจ้าของกระทู้ และเพื่อน ๆ ทุก ๆ คนค่ะ


เนื่องในวันขึ้นปีใหม่นี้ ขออวยพรให้ทุก ๆ คนจงมีความสุข มีสุขภาพกาย และมีสุขภาพใจที่ดี และแข็งแรงนะคะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


เนื่องด้วยประเด็น และสาระในกระทู้นี้เป็นหัวข้อประเด็นที่ดี มีสาระ เกี่ยวกับคำว่า "ทำไมต้องทดแทนบุญคุณพ่อแม่" นะคะ


และด้วยคำเม้นต์ย่อยของคุณเอง ที่เป็นคำสรุปให้ด้วย ที่ว่า


ผมจึงอยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เราต้องทดแทนบุญคุณ เพื่อให้ผมเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกของผม ไม่ใช่ความกตัญญูที่ลูกผมควรมี แต่เป็นสิ่งที่ลูกอยากจะทดแทนด้วยหัวใจของลูกผมเอง และแน่นอนว่า ผมจะตอบแทนคุณพ่อแม่ของผมแน่นอนครับ

เพราะถ้าไม่มีฐานที่มั่นคงแบบท่าน ผมคงไม่มีทุกวันนี้ ขอบคุณที่เข้ามาแลกเปลี่ยนกันนะครับ


ซึ่งฐานที่มั่นคงของคุณนี้ ก็คือ


ในอีกไม่กี่ปีตัวผมก็อาจจะเป็นพ่อคน ก็ต้องยอมรับว่าเด็กในรุ่นต่อๆไปมีความฉลาดและความเฉลียวมากขึ้น ทำให้อะไรเดิมๆที่เคยทำกันมาถูกมองข้ามไป ในรุ่นผมก็จะมองว่ารุ่นก่อนหัวโบราณ และรุ่นผมก็จะถูกรุ่นต่อมามองว่าหัวโบราณไปเรื่อยๆ แต่จากการตกผลึกว่า เราไม่ควรมองข้ามฐานที่มี ถ้าฐานเราไม่มั่นคงตัวเราก็คงไม่สามารถต่อตัวให้สูงขึ้นไปในช่วงต่อๆไปได้


ซึ่งเป็นความเชื่อของคุณเองนะคะ


และในข้อความทั้งหมดซึ่งเป็นเนื้อหาของคุณ ที่คุณตอบเข้ามาเป็นบทสรุปของคุณเองนี้นะคะ แท้จริงเป็นความเชื่อ เป็นความศรัทธา เกี่ยวกับการที่คนเรามีต่อบุพการี ทั้งหมดนี้นะคะมีอยู่เป็นส่วนบุคคลเท่านั้นนะคะ


คือความเชื่อ ความศรัทธานะคะ สามารถเกิดขึ้นได้ในส่วนบุคคลเท่านั้น คือขึ้นอยู่ในแต่ละบุคคลเองเท่านั้นค่ะ


ซึ่งเจ้าของเม้นต์นี้ ซึ่งก็มีความเชื่อความศรัทธา เกี่ยวกับเหตุนี้ในแบบเดียวกับที่คุณเจ้าของกระทู้มีอยู่ ด้วยเช่นกันค่ะ


ในรุ่นผมก็จะมองว่ารุ่นก่อนหัวโบราณ และรุ่นผมก็จะถูกรุ่นต่อมามองว่าหัวโบราณไปเรื่อยๆ แต่จากการตกผลึกว่า เราไม่ควรมองข้ามฐานที่มี


เกี่ยวกับเหตุที่เกิดเป็นความเชื่อ ความศรัทธาในเรื่องของการรู้คุณพ่อแม่นะคะ แท้จริงนั้นเป็นการเชื่อ และการปฎิบัติต่อ ๆ กันมาช้านาน จึงเกิด และกลายเป็นเรื่องของวัฒนธรรม ประเพณีอันดีขึ้น...และวัฒนธรรมอันดีนี้ ก็ถูกนำมาปฎิบัตมาตามกาลเวลา และถูกนำพามา...ผ่านกาลเวลา และหลาย ๆ คนก็ให้ชื่อเหตุการณ์เหล่านี้ ว่าเป็นหัวโบราณ ซึ่งนั้นก็เป็นความจริงทั้งหมดนะคะ


แต่ดีนะคะที่เรา ๆ ยังคงมีสิ่งดี ๆ ที่ถูกนำผ่านกาลเวลามาได้จนถึงวันนี้ ทั้งนี้เพื่อบุตรหลานทั้งหลาย ผู้ที่มีจิตใจดี มีแรงศรัทธา มีความเชื่อว่าการทำสิ่งดี ๆ คือการนอบน้อม สักการะ การรู้ถึงคุณพ่อแม่นั้นเป็นสิ่งดี ๆ เขาได้นำมาปฎิบัติ เพื่อสิ่งที่ดี ๆ ต่อตัวของเขาเอง และบุพการีของเขาที่จักมีความสุขร่วมกันได้ต่อ ๆ ไปภายใต้วัฒนธรรมอันนี้ค่ะ



และเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ไทย คือในวันนี้ เข้าของเม้นต์จึงขออนุญาตแนบ วัฒนธรรมรดนํ้า ดำหัว ขอพรจากพ่อแม่ และปู่ย่า และตายาย ภายใต้วัฒนธรรมอันดีงาม สวยงามของไทยนี้ ไว้ภายใต้เม้นต์นี้ด้วยนะคะ


ในวาระนี้จึงขออนุญาตเจ้าของคลิป และขอขอบพระคุณ จากการแบ่งปันการปฎิบัติอันดี และเป็นแบบอย่างอันดียิ่งภายใต้วัฒนธรรมอันดีที่มีอยู่ และเชื่อถือ ยึดถือมาช้านานนี้ค่ะ


ขอนุญาตนำมาลงไว้เป็นแบบอย่างอันดี ภายใต้เม้นต์นี้นะคะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png





และตามด้วยบทเพลง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมอันดีของไทย ซึ่งเป็นวัฒนธรรม เป็นประเพณีที่ดี ๆ สวยงาม ตามเนื้อร้องที่ขับขาน และภายใต้รีวิวที่สนุกสนาน ครื้นเครงข้างล่างนี้ด้วยค่ะ


(วาววววว บทเพลงในภาษาอังกฤษนะคะ ไพเราะม๊ากกกกๆๆๆ เพียงแค่รับฟัง ก็มีความรู้สึกเป็นสุขได้ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-04.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-06.png)




0
Ppp 8 เม.ย. 67 เวลา 08:46 น. 2

อ่านแล้วงงๆ วนๆ แต่จะอธิบายให้ฟังนิดนึงนะ

ที่พ่อแม่มีลูก มันเป็นสัญชาตญาณการสืบพันธุ์ สัตว์อื่นก็สืบพันธุ์กันและมีลูก มนุษย์แค่ฉลาดกว่าสัตว์สปีชี่ส์อื่นๆ เลยมีการตั้งกฎเกณฑ์หรือกฎหมายต่างๆออกมามากมายเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้และดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปได้ไม่เกิดการสูญพันธุ์


ต่อมา ทำไมต้องบอกว่ามีลูกเมื่อพร้อม เพราะมนุษย์ฉลาดนี่แหละ ไม่สามารถเลี้ยงแบบทิ้งๆขว้างๆเหมือนหมาเหมือนแมวได้ ถ้าพ่อแม่ไม่พร้อมจะเลี้ยงดูแลแบรมสั่งสอน ก็ผลิตเด็กที่ไม่มีคุณภาพออกมาเรื่อยๆ


คำว่าพร้อมที่จะเลี้ยง ไม่ได้หมายความว่าต้องมีเงินเยอะแยะมากมาย แค่พร้อมจะให้ปัจจัยที่ 4 กับลูกที่เกิดมา และพร้อมจะอบรมสั่งสอนให้ลูกทำทุกสิ่งอย่างไผตามกฎเกณฑ์และกฏหมายที่พึงกระทำก็พอแล้ว


เรื่องกตัญญู มันเป็นสิ่งที่คนกลุ่มหนึ่งตั้งคำนิยามขึ้นมาเพื่อคาดหวังจะให้ลูกกลับมาเลี้ยงดูพ่อแม่ตอนแก่เฒ่านั่นแหละ ส่วนใครจะกตัญญูไม่กตัญญู ัััััััััััััััััััััััััััััััััััััััััััมันอยู่ที่การเลี้ยงดูของพ่อแม่ด้วยนะ ถ้าพ่อแม่ใส่ใจให้ความรักกับลูกมากพอ และไม่คาดหวังสิ่งตอบแทนอะไร ส่วนใหญ่ลูกจะกตัญญูเอง ส่วนคนที่เลี้ยงลูกแบบทิ้งๆขว้างๆก็อย่ามาถามหาคำว่ากตัญญูให้เสียเวลา


ตอนที่จะมีลูก พ่อแม่ไม่ได้นั่งไทม์แมชชีนไปถามลูกก่อนว่าลูกอยากเกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่ไหม แต่ซั่มกันจนท้องมีลูกออกมา เพราะงั้นมนุษย์ยุคใหม่ที่ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เลยมีคำพูดว่าไม่ได้ขอมาเกิด ขึ้นมาได้


แค่นี้ก่อน ปวดตาแล้ว

1
babarba 8 เม.ย. 67 เวลา 11:39 น. 2-1

ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นครับ อาจจะเขียนวนไปมาเพราะมึนๆนิดหน่อย 55 มนุษย์ในยุคต่อๆไปฉลาดขึ้นเรื่อยๆจริงๆแหละครับ ผมขอบคุณพ่อแม่ผมนะที่ทำให้เกิดมา แต่ผมก็กังวลว่าความพร้อมด้านปัจจัย 4 นี่แหละ มันไม่มีคำว่าสิ้นสุดจริงๆ


ในขณะที่เราให้กินข้าวไข่เจียว ครอบครัวอื่นอาจกินหมูย่าง แล้วถ้าเรากินหมูย่าง อาจมีครอบครัวที่กินเนื้อวากิว มีอะไรให้เปรียบเทียบกับคนอื่นเยอะ ก็ต้องเข้าใจว่าความคิดเด็ก เขาก็อยากได้อยากมีแบบคนอื่นเขา แล้วกลัวว่าเราจะหาในสิ่งที่ลูกอยากไม่ได้ มันก็จะเป็นบาดแผลในใจเขารึป่าว


คำพูดที่ว่าเรื่องการเปรียบเทียบมันสอนให้เด็กเข้าใจกันได้ เราก็คิดว่าเด็กจะเข้าใจได้ยังไงคนที่กินแต่ข้าวไข่เจียวจะเข้าใจหัวอกคนกินหมูย่างได้ยังไง แล้วถ้าความต้องการมันมากขึ้นเรื่อยๆ ความพร้อมที่ผมเตรียมไว้มันอาจจะเป็นแค่สิ่งเล็กๆในสิ่งที่ลูกๆหวังถึง


ผมแค่หวังว่าผมจะทำได้ดีในตอนที่ผมเป็นพ่อแม่เหมือนที่พ่อแม่ของผมทำให้ผมเป็นผมในตอนนี้

0
.... 8 เม.ย. 67 เวลา 09:52 น. 3

ตอบแทนหมดค่ะ


พ่อแม่ดี = ดูแลดีหน่อย


พ่อแม่ไม่ดี = กางปีกได้ บินหนีไปให้ไกล ส่งเงินกลับไปให้นิดหน่อยพอ จบ

1
babarba 8 เม.ย. 67 เวลา 11:59 น. 3-1

ขอบคุณที่คิดแบบนั้นนะครับ ผมคิดเสมอว่าถึงพ่อแม่ไม่ดีเราก็ควรจะดูแล ไม่ใช่แค่เราที่พึ่งเกิดมาเป็นลูกครั้งแรก แต่พ่อแม่ที่มีเรา เค้าก็พึ่งเริ่มเป็นพ่อแม่ครั้งแรกเหมือนกัน เราทำพลาดมาได้ ทำไมพ่อแม่ถึงพลาดไม่ได้ เค้าไม่ได้้เป็นยอดมนุษย์ แต่ก็ถูกตั้งความหวังต่างๆมากมายจากลูกๆ ว่าเราต้องมีต้องได้แบบคนอื่นเขา


ขอให้พ่อแม่ทุกคนรักลูกๆด้วยใจจริง โตไปผมก็จะเป็นพ่อแม่ที่รักลูกๆมากๆ

ปล.ตีกรอบเฉพาะพ่อแม่ที่ไม่ดีในความหมายคือไม่ได้ทิ้งลูกในถังขยะ

0
ป้าท่านหนึ่ง 8 เม.ย. 67 เวลา 10:43 น. 4

อ่านคำถามเต็มๆแล้วกลับคิดว่าเจ้าของกระทู้ น่าจะอยากเข้าใจมุมมอง แต่ตัวเองไม่ได้คิดแบบนั้น

เท่าที่เราสัมผัสมา คนที่ใช้คำพูดแบบนี้แม้จะอยู่ในครอบครัวที่ให้ความรักความเอาใจใส่บ้างตามปกติ (ไม่พูดถึงคนที่ไม่รักไม่ดูแลนะ) อาจจะเกิดจากความอิจฉาเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น จนรู้สึกด้อย และยังไม่มีวุฒิภาวะพอจึงได้หาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมารับความผิดนั้นไป ซึ่งก็คือพ่อแม่

โดยที่พ่อแม่อาจจะเลี้ยงมาแบบปล่อยตามใจ และเอาใจมากไป เมื่อเจอสิ่งกระตุ้นในทางลบจึงไม่คิดขวนขวาย แต่โทษสิ่งรอบๆเพื่อระบาย และยิ่งพ่อแม่ไม่สอน แต่พยายามประเคนให้ซ้ำเพราะคิดว่าลูกยังขาด ก็จะยิ่งเกิดนิสัยวนซ้ำๆเมื้อตัดพ้อแล้วจะได้สิ่งตามต้องการ และคิดแบบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง

1
babarba 8 เม.ย. 67 เวลา 12:05 น. 4-1

ขอบคุณที่ให้ความสนใจนะครับ คำว่าพ่อแม่สำหรับผมไม่ได้เป็นเหมือนยอดมนูษย์เลย ก่อนเค้าเป็นพ่อแม่เค้าเกิดมาเป็นลูกมาก่อน แต่ฐานะในการมีชีวิตมันเปลี่ยนเพราะพยานรักที่เกิดมา ด้วยความที่ลูกพึ่งมาเป็นพ่อแม่ก็คงมีความคิดห่วงใย เพราะเคยเจออะไรๆมาก่อน อย่างรุ่น 90 ที่อาจถูกรุ่น 70 เลี้ยงมาแบบยากลำบาก รุ่น 90 ก็อยากเลี้ยงgen z ให้สบาย จนบางทีอาจทำให้มีนิสัยเสียติดตัวมาเพราะความเคยตัวเหมือนอย่างผม


แต่ผมสัญญาเลยว่าผมจะพยายามเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกผมเป็นแบบอย่างให้แก่ลูกๆของเค้า เหมือนที่ท่านๆเลี้ยงผมมา

0
sun 8 เม.ย. 67 เวลา 16:02 น. 5

ปกติมนุษย์เราถ้าโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ได้แย่จนเกินไป(เพราะเราเชื่อว่าไม่มีใครเพอร์เฟคในโลกนี้) ไม่ได้ทุบตีเราแบบไร้เหตุผล ไม่ทำตัวประสาท(มากเกินไป) เราเชื่อว่าเมื่อลูกเติบโตขึ้นและมีหน้าที่การงานแล้ว จิตสำนึกของคนทั่วไปจะรู้สึกเองว่าเราควรมอบอะไรกลับไปให้พ่อแม่หรือผู้อุปการะที่เลี้ยงดูเรามา เช่นอยากพาท่านไปกินอาหารดีๆ อยากพาท่านไปเที่ยว อยากให้เงิน บางคนสร้างบ้านที่ดีกว่าเดิมให้หรืออะไรก็ตามแต่ที่เรารู้สึกว่าจะทำให้ท่านมีความสุข มีชีวิตที่ดีขึ้น เหนื่อยน้อยลง...มันเป็นเรื่องปกติที่คนจะคิดแบบนี้โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบอก...เรื่องแบบนี้มันไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลหรือตั้งคำถามเลย คุณไม่อยากตอบแทน หรือคุณอยากตอบแทน เชื่ิิอว่าไม่ว่าจะตอบแบบไหน คุณก็มีเหตุผลในใจคุณอยู่แล้ว ...

0