น้อยใจแม่เรื่องนี้ผิดมั้ย
ตั้งกระทู้ใหม่
คือตอนนี้เรากำลังจะขึ้น ม.5 ค่ะ แต่แม่ชอบบอกว่า เรามันทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่มีแม่ก็ไปไหนไม่รอดหรอก ชอบว่าว่าคนอย่างมันจะทำอะไรได้ ทั้งตอนที่อยู่กับเราลำพังแล้วก็ต่อหน้าคนนอก เพียงเพราะไม่ชอบสายงานที่แม่อยากให้เป็น เราเสียใจมากที่แม่ชอบพูดอย่างงั้นควรทำยังไงดีคะ
8 ความคิดเห็น
ใช้ปัญญา วิเคราะห์แม่ว่าเป็นยังไง พยายามมองด้วยสายตามคนนอก อาจจะได้คำตอบที่ดี
ขอบคุณค่ะ
ทุกวันนี้น้แงทำอะไรเองบ้างนอกจากเรียนหนังสือ งานบ้านทำเองมั้ย กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ล้างจาน ทำกับข้าว หุงข้าว ทำเองมั้ย ปิดเทอมทำอะไรบ้างนอกจากเที่ยวเล่นกับเพื่อน อ่านนิยาย เล่นเกม เรียนพิเศษ
พิจารณาแค่นี้ก่อนค่ะ ตอนพี่เด็กๆแม่พี่ก็ด่าแบบนี้แหละ เพราะพี่ไม่ทำอะไรเลย และมันก็จริงอย่างที่แม่ว่าอะ พอไม่มีแม่ชีวิตลำบากมาก
ลองเริ่มต้นทำอะไรซักอย่างให้แม่มั่นใจในตัวน้องก่อนว่าจะใช้ชีวิตรอดในสังคมที่มันห่วยแตกโดยที่ไม่มีแม่ได้ เรื่องเรียนก็ต้องพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าถ้าเรียนสายที่เราชอบจะสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ดีพอๆกับที่แม่เลี้ยงเรามา แม่แค่เป็นห่วงเพราะเค้าเองคงอยากให้น้องอยู่ในเซฟโซนของเค้า เช่นเรียนสายที่เค้าคุ้นเคย เพราะอาชีพที่เค้าคุ้นเคยมันมั่นคง รายได้ดี และน้องคงจะไม่อดตาย
ขอบคุณนะคะ
ไม่ผิดที่จะน้อยใจ อยากให้มองถึงจุดประสงค์
โดยส่วนตัวเราคิดว่าแม่เป็นห่วงค่อนข้างเยอะค่ะ
คนไทยชอบเลี้ยงลูกแบบโอ๋ ไม่ว่าลูกจะโตแค่ไหน ก็ยังมองเป็นตัวเล็กตัวน้อยเสมอ
ถ้าคนไทยให้ลูกหัดเดิน จะคอยอยู่ใกล้ๆ พยายามไม่ให้ลูกล้มเลย ในขณะที่บางวัฒนธรรมคอยดู และยอมให้ลูกล้มบ้าง (ในขอบเขตที่ไม่อันตราย)
การที่พูดแบบนั้น อาจเป็นไปได้ว่า เป็นห่วง ไม่มั่นใจในทางที่เราเลือกจะไป และเค้าก็ไม่มีความรู้ทางด้านนั้น ถ้าเราล้มหรือไปต่อไม่ได้ ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
ความคิดอาจจะเป็นแบบอื่นก็ได้ คุณที่รู้จักว่าแม่เป็นคนยังไง อยากให้คุยกันไปตรงๆ ว่าทำไมถึงคิดถึงพูดแบบนั้น เราแคร์แม่และคำพูดเหล่านั้นทำให้เรารู้สึกไม่ดียังไง รวมถึงทำความเข้าใจร่วมกันว่าทางที่เราเลือกเกี่ยวกับอะไร ไปต่อยังไง มีอนาคตมั้ย ขอให้โชคดีค่ะ
ขอบคุณนะคะ
ต้องถามกลับตัวเองด้วยว่าเราทำอะไรให้แม่คิดแบบนั้น
- รับผิดชอบตัวเองได้หรือยัง ทำกับข้าว,หาข้าวกินเอง,หาเงินใช้เอง,เสื้อผ้าซักเองรีดเอง,ทำความสะอาดห้องนอนและบ้านเอง
- รับผิดชอบหน้าตัวเองเต็ม100%หรือยังไม่ต้องถึงขนาดรับผิดชอบคนอื่นๆ เอาแค่การเรียนการเล่นตั้งใจขนาดไหน แม่ต้องบ่นให้ทำการบ้านอ่านหนังสืออยู่ไหม ตื่นนอนเองหรือให้แม่ปลุก
ถ้าทั้งหมดนี้ยังไม่สามารถรับผิดชอบเองได้ ที่แม่พูดก็คือเรืีองจริง
สิ่งที่เราควรทำคือโฟกัสตัวเองและรับผิดชอบเรื่องขิงตัวเองให้ดีที่สุด และรู้สึกขอบคุณแม่ที่ยังซัพพอร์ตเราเสมอ ความน้อยใจเป็นเรื่องปกติเข้าใจได้ แต่หลังจากน้อยใจแล้วเราจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น หรือโทษแม่ที่บ่นเราต่อไปอันนี้อยู่ที่ทัศนคติเลย สู้ๆ️
เรื่องงานบ้านปกติหนูเป็นคนทำอยู่แล้วค่ะ ส่วนเรื่องงานหนูจะทำแค่ช่วงปิดเทอมเพราะว่าห้องหนูเรียนหนักแต่จะพยายามหาข้อเสึยของตัวเองมาปรับแก้นะคะ
อันนี้พูดถึงการจัดการอารมณ์นะ อย่างแรก มนุษย์ เป็นสัตว์ครับ ดำเนินชีวิตด้วย อารมณ์ มากกว่าเหตุผล ดังนั้นที่แม่คุณพูด ให้คุณพิจารณาดีๆ ว่าอะไรเป็น ข้อเท็จจริง อะไรเป็นอารมณ์ของแม่ ถ้าคุณคิดว่าสักวันนึงคุณต้องโตและออกไปทำงาน มันขัดกับหลักเหตุผลที่ว่า ทำอะไรไม่ได้ ก็แปลว่าในความเป็นจริง คุณมีสิ่งที่ทำได้ เท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องอื่นเช่นการพูดคุยกับแม่ แลกเปลี่ยนสอบถามว่าทำไมเขาพูดอย่างนั้น การคุยเปิดอกเปิดใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร เป็นรายละเอียดที่มีแค่คุณจะตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อ การพูดคุยในครอบครัวเป็นสิ่งจำเป็นครับ เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ยังเป็นครอบครัว ทั้งนี้คุณจะคาดหวังแน่ๆ ว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยน ให้เตรียมใจด้วยว่าอาจจะไม่เป็นอย่างที่หวัง(เหมือนที่เราก็ไม่เป็นไปดังหวังของผู้ปกครอง) เป็นกำลังใจให้นะครับ
ขอบคุณมากๆนะคะ
น้อยใจแม่เรื่องนี้ผิดมั้ย
สวัสดีค่ะ เม้นต์นี้เข้ามาร่วมสนทนา เป็นเพื่อนคุย ในยามที่คุณอาจจะรู้สึกสับสน และสงสัย เกี่ยวกับการเป็นไปในชีวิตของทุกวัน ซึ่งมีคุณแม่ร่วมชีวิตเป็นสาเหตุ ด้วยนะคะ
ด้วยที่เหตุการณ์ในเคสของคุณนี้นะคะ มีองค์ประกอบมากมาย คือมีเหตุที่เป็นปัจจัยในการเกิดขึ้นที่ดูจะซับซ้อน เพราะฉะนั้นเม้นต์นี้ ก็คงจะเป็นเม้นต์ที่ยาวๆๆๆ นะคะ
คุณลองอ่าน ๆ เล่น และนำไปพิจารณานะคะ
อยากบอกคุณด้วยค่ะว่า การที่เรา ๆ จะพูดคุย ถามไถ่ รับฟัง แลกเปลี่ยน แบ่งปันประสบการณ์ ความคิดเห็นแก่กัน และกัน เช่นที่คุณทำ ผ่านการตั้งกระทู้ถามเข้ามาเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ดียิ่งค่ะ
กระทู้นี้มีหัวข้อเป็นประเด็นที่บอกได้ว่า คุณต้องการรู้ คุณต้องการเข้าใจ คุณต้องการให้ผู้อื่นแนะนำ คุณต้องการให้หลาย ๆ คนช่วยดูผ่านการอ่านคำบอกเล่าจากเหตุการณ์ของคุณนี้ ทั้งนี้ เพื่อที่คุณต้องการเรียนรู้...อย่างตั้งใจ แบบนั้นนะคะ
คุณเจ้าของกระทู้น่ารักมาก ๆ ค่ะ
ทั้งหมดนี้นะคะ บอกได้ว่า คุณเป็นผู้ที่มีจิตใจกว้างขวาง เป็นคนที่เปิดเผย เป็นผู้ที่ยอมรับความจริงได้ และดียิ่งในการกระทำของคุณนี้ คือคุณต้องการรู้ และต้องการเรียนรู้จากมุมมองของคนอื่น ๆ นะคะ คุณจึงกล้าเล่า กล้าถามเข้ามา
อยากบอกว่าคุณยืนอยู่ในจุดที่ดีมาก ๆ...และอยากบอกคุณว่า ในวันข้างหน้า ปัญหาทุกปัญหาของคุณ คุณก็จะเห็นปัญหานั้น ๆ เป็นเพียงการทดสอบ...ที่คุณจักสามารถผ่านทุกด่าน...ในการทดสอบได้ดีเยี่ยมค่ะ เพราะคุณเป็นผู้ที่มีความกล้า และแกร่ง ที่จักเรียนรู้ และกล้าที่จะเปิดใจรับได้ กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับคุณ เช่นที่เห็นเป็นคำบอกเล่าของคุณในกระทู้นี้
คุณเป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมให้แก่คนรุ่นใหม่ เพื่อการพัฒนาอันดีนะคะ ขอให้คุณได้รู้ ในสิ่งที่คุณทำนี้ค่ะ
คือจากคำบอกเล่าของคุณนี้นะคะ สามารถบอกได้ว่า คุณคือผู้กล้า คือคุณกล้ายอมรับเหตุที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณเอง และคุณก็กล้าตั้งคำถาม เพื่อคำแนะนำจากผู้คนในที่สาธารณะ ซึ่งอาจจะมีอยู่มากมายที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์ที่คุณเล่าเข้ามา และจากหลายมุมมอง ทั้งนี้เพื่อการเรียนรู้ ชนิดที่ไม่เกรงกล้วว่าคำตอบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้นั้น ๆ จะออกมาในรูปแบบใด
คือคุณเป็นผู้ที่กล้าแกร่งมาก ๆ
ขอชมเชย คุณค่ะ
-------------------
ทั้งหมดที่กล่าว และเกริ่นเข้ามาข้างบนนั้นนะคะ ทั้งนี้เพื่อให้รู้ว่า...การเกิดเป็นหัวข้อประเด็น และเกิดเป็นการตั้งกระทู้นี้...นะคะ มีที่มาค่ะ
คืออยากจะบอกคุณว่า กระทู้นี้นะคะ เกิดจากคนรุ่นใหม่ที่มีความกล้า คุณเป็นผู้กล้า ซึ่งเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก ๆ ค่ะ
ข้างล่างต่อไปนี้ จะช่วยออกความคิดเห็นให้คุณ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในเคสที่เกิดขึ้นกับคุณนะคะ ซึ่งความคิดเห็นนี้ อาจจะเป็นความคิดเห็นที่แตกต่างจากของหลาย ๆ คน ซึ่งนั้นก็เป็นธรรมดานะคะ ที่สามารถเกิดขึ้นได้
เพราะคนเรานะคะมีประสบการณ์ มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ ซึ่งเป็นธรมดา หากแต่จะเป็นการดียิ่ง เมื่อเรา ๆ สามารถรับรู้ อ่าน พิจารณา ยอมรับ ทำความเข้าใจ ในมุมมมองที่แตกต่างกันได้ นั้นจักเป็นสิ่งที่ดียิ่ง เหนือสิ่งอื่นใดค่ะ
ช่วยออกความเห็นให้คุณ ในเคสที่เกิดขึ้นกับคุณนะคะ
น้อยใจแม่เรื่องนี้ผิดมั้ย
ไม่ผิดค่ะ เพราะการที่คนเรานะได้รับรู้ ได้ยิน ได้ฟังคำที่เป็นคำที่ให้ความหมายติดลบนะคะ คนเราก็น้อยใจ เสียใจหมดกำลังใจได้เป็นธรรมดา คือคุณไม่ผิดนะคะ
แต่ การที่จะสร้างภูมิต้านทานขึ้นที่ใจเรา เพื่อที่เราจะไม่รู้สึกแย่ และพร้อมที่จะแก้ไขสาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นปัจจัยในเหตุ แห่งการเกิดขึ้นนี้ ก็จะเป็นการดียิ่งค่ะ
คือตอนนี้เรากำลังจะขึ้น ม.5 ค่ะ แต่แม่ชอบบอกว่า เรามันทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่มีแม่ก็ไปไหนไม่รอดหรอก ชอบว่าว่าคนอย่างมันจะทำอะไรได้ ทั้งตอนที่อยู่กับเราลำพังแล้วก็ต่อหน้าคนนอก เพียงเพราะไม่ชอบสายงานที่แม่อยากให้เป็น เราเสียใจมากที่แม่ชอบพูดอย่างงั้นควรทำยังไงดีคะ
จากที่อ่าน ๆ คำบอกเล่าของคุณแล้วนะคะ เจ้าของเม้นต์ได้นำมาคิด และพิจารณาให้ลึกลงไปตามความเป็นจริงแล้ว ก็เข้าใจว่า ที่คุณแม่ของคุณมีนิสัยในการใช้คำที่ไม่ภิรมณ์ และปฎิบัติต่อคุณ คล้ายคุณเป็นผู้ที่ติดลบกับคุณเช่นนี้ คงจะมีสาเหตุมาจากคุณแม่ท่านกระทำจนติดเป็นนิสัยเท่านั้นเองค่ะ
คือคุณแม่อาจจะไม่เคยคำนึงถึงความรู้สึกของคุณในการใช้คำของท่านเอง คงแบบนั้นค่ะ
และทั้งหมดนี้ อาจจะมีสาเหตุมาจากที่ว่า คุณแม่เขาโตมาอย่างไร? เช่น เมื่อคุณแม่เป็นเด็ก เป็นวัยรุ่นในวัยเท่าคุณ คุณแม่อาจจะถูกกระทำ เช่นที่ท่านทำกับคุณนี้ และทั้งหมดนี้ คุณแม่ก็นำมาทำกับคุณ
คือเกิดเป็นวัฒนธรรมในส่วนบุคคลขึ้นในตัวท่าน และท่านก็นำมันติดตัวผ่านกาลเวลาท่านมา...และตราบที่คุณแม่ไม่ยอมมองให้เห็นว่าตนเองทำอะไรที่ไม่ดี ไม่สวยงาม ไม่เหมาะสมกับลูกของตน ท่านก็จะไม่มีโอกาสเปลียนแปลงได้
คือทั้งหมดนั้นเป็นวัฒนธรรมซึ่งตัวท่านเองเติบโตมาด้วยกับมัน ท่านจึงเป็น และอยู่กับมัน จนเกิดเป็น เป็นตัวตน เป็นส่วนหนึ่งของคุณแม่ไป ซึ่งทั้งหมดนี้นะคะ เกิดขึ้นได้ เป็นธรรมดา
ทั้งนี้ ในความเป็นจริงนะคะ ไม่มีแม่คนไหนอยากทำร้ายนํ้าใจลูก ไม่มีแม่คนไหนอยากทำให้ลูกเสียใจ ไม่มีแม่คนไหนที่อยากทำให้ลูกหมดกำลังใจ ไม่มีแม่คนไหนที่ต้องการใช้คำกดดันให้ลูกของตนรู้สึกตกตํ่าเสียใจผ่านคำพูดของตน หากท่านมีสติ แลถ้าท่านตื่นได้เมื่อไร ท่านจะรู้ว่า ไม่เป็นการสมควร ท่านก็จะสามารถหักดิบในวัฒนธรรมแย่ ๆ ที่ท่านเองก็เคยถูกกระทำได้ และหยุดมันลง อย่างแน่นอนค่ะ
คือเมื่อท่านตื่น ท่านเบิกบาน และเห็นเหตุแห่งความเป็นจริงได้ว่าการกระทำของท่านนั้นเป็นความ ผิด ถูก ชอบ ชั่ว ดี เหมาะสม สมควรหรือไม่ อย่างไร ได้เมื่อไรนะคะ ท่านจะเสียใจ ในนิสัย และการกระทำ ในการที่ท่านที่ใช้คำที่ยํ่าแย่กับคุณ อย่างแน่นอนค่ะ
คุณรู้ไหมคะว่า ในความจริงนะคะ ผู้ที่เป็นพ่อแม่ที่มีสติดี ท่านทุกคนที่รู้ตัวตนว่าท่านทำอะไรอยู่ ท่านจักไม่สามารถทำร้ายลูกของท่านได้ด้วยวิธีใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะด้วยกาย(การตี) วาจา(ด้วยคำพูด) ใจ (ด้วยการคิดที่ติดลบต่อลูกของตน) นั้น พ่อแม่ผู้ที่มีสติดี และพ่อแม่ในผู้ที่มีวัฒนธรรมส่วนบุคคลที่ดีพอ ท่านจักไม่สามารถทำร้ายลูกท่านได้เลยนะคะ
และทั้งหมดนี้เป็นธรรมชาติของพ่อแม่ ผู้ที่มีสติที่ดี ผู้ที่รู้ตัวตนได้ดี หรือผู้ที่มีสติที่ตื่นรู้ตัวทั่วพร้อมค่ะ
เพราะแท้ที่จริงนะคะ คุณพ่อ คุณแม่ทุกคนนะคะ ท่านมีสัญชาติญาณที่รักลูก ๆ ของท่านด้วยจิตที่บริสุทธิ์ทุก ๆ คน ทั้งนี้ เพราะความรักที่ท่านมีให้ลูกของท่านในแบบที่กล่าวมานี้นะคะ ผู้ที่เป็นสุขก่อนใครอื่นเลยนะคะ คือตัวท่านเอง เป็นความจริงนะคะ
และที่เป็นความจริงที่สุด ๆ ในคนนะคะ ทุก ๆ คนนะ ต้องการรู้สึกเป็นสุขด้วยกันทุกคนทั้งสิ้น จริงนะคะ เพียงที่พ่อแม่นะรักลูกของตนด้วยความบริสุทธิ์ใจได้เมื่อไร ท่านก็ตักตวงความสุขเพื่อตัวท่านเอง เป็นธรรมชาติที่ดีที่เกิดขึ้นเป็นผลต่อเนื่อง เป็นความจริงนะคะ
และเมื่อเรานำเอาความจริงทั้งหมดนี้ มาเป็นพื้นฐาน...ว่าเป็นความจริงมีอยู่เป็นธรรมชาติดังนี้แล้ว ก็ขอให้คุณเจ้าของกระทู้นะคะ จงมองให้เหตุแห่งความเป็นจริงว่าด้วย การที่คุณแม่ของคุณเป็นเช่นนั้น และใช้คำพูดแบบนั้นกับคุณนะคะ เพราะท่านไม่รู้ได้ว่าคุณเสียใจ ท่านไม่รู้ได้ว่าท่านทำอะไรอยู่
คือท่านไม่รู้จักวิธีการใช้คำพูดที่จักสามารถเกิดเป็นความรู้สึกดีได้แก่คุณนี้ ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นได้อาจจะเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านมาก่อน...ก่อนที่คุณเกิด เช่นคุณแม่ของคุณอาจจะถูกกระทำมาก่อน หรือท่านอาจจะตกอยู่ในสังคมที่เขาทั้งหลาย จากสังคมสิ่งแวดล้อมเขาทั้งหลายมากมาย ใคร ๆ เขาก็ใช้วัฒนธรรมที่ยํ่าแย่นี้ด้วยกันทุกคนเป็นปรกติ และทั้งหมดนั้น และทั้งหมดนี้ก็หล่อหลอมให้เกิดเป็นนิสัย เกิดเป็นการกระทำ เกิดเป็นวัฒนธรรมส่วนบุคคลไป
และท่านก็นำมาใช้กับคุณ ทั้งหมดนี้ คือสาเหตุค่ะ
และเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว วิธีแก้ไขนะคะ แนะนำให้คุณบอกคุณแม่ทุกครั้งที่ท่านใช้คำต่าง ๆ ที่ติดลบเกี่ยวกับคุณว่า "คุณแม่รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกไป? คุณแม่รู้ไหมว่าทำอะไรออกไป?" ให้คุณบอกท่าน ถามท่าน ตรง ๆ นะคะ
และขณะที่ถามท่าน คุณก็มองหน้ามองตาท่านด้วย(ทั้งนี้เพื่อปลุกให้มีสติขึ้นมา และเพื่อช่วยให้ท่านตื่นจากภวังค์ ตื่นจากการถูกล้างสมองจากวัฒธรรมเก่า ๆ แบบนั้นนะคะ) และภายใต้การนี้ ขอคุณจงให้ความนับถือยํ่าเกรงท่านด้วย คือบอกท่านผ่านด้วยความรู้สึกห่วงใย และรักใคร่ นับถือท่านนะคะ
ขอให้คุณระลึกตลอดเวลานะคะว่า ไม่ว่าคุณแม่ของคุณจะเป็นเช่นไร ท่านก็คือคุณแม่ของคุณ ขอให้คุณคิดเช่นนั้นเสมอนะคะ เพราะนั้น จะทำให้คุณมีพลังเสริมที่แรงกล้า ที่จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไข ปรับเปลี่ยนนิสัยที่ยํ่าแย่ของคุณแม่คุณได้ง่ายขึ้นค่ะ
คือพลังแห่งการรัก เคารพ นับถือคุณพ่อคุณแม่ของตน ด้วยความบริสุทธิ์ใจนะคะ จะเกิดเป็นพลังหนุน และเป็นพลังขับเคลื่อนที่มหัศจรรย์มาก ๆ แก่ลูก ๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติต่อเนื่องด้วยค่ะ
หรือคุณจะบอกคุณแม่ไปว่า"คำพูดของคุณแม่นะ ทำให้หนูเจ็บ ทำให้หนูหมดกำลังใจนะแม่รู้ไหม?" คุณบอกท่านไปค่ะ ท่านได้รู้ตัวว่าท่านทำอะไรอยู่ค่ะ
คือหากคุณไม่บอกนะคะ ท่านจะไม่มีวันรู้ได้ค่ะ
หรือคุณจะบอกว่า"แม่จะให้หนูทำอะไรก็ให้แม่บอกดี ๆ บอกกับตัวหนูเองเลย ไม่ต้องนำไปบอกชาวบ้านเขา หรือต่อหน้าชาวบ้านเขา เพราะชาวบ้านเขา หรือไม่ต้องทำคล้ายประจานหนูกับชาวบ้านเขานะ เพราะชาวบ้านนะไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตในครอบครัวเรา" หรือ "ถ้าแม่เห็นว่าหนูทำไม่ได้ ทำไม่ดี ก็ให้แม่บอกตามนั้น และแม่สอนหนูนะคะ" คุณบอกไปค่ะ
คือเมื่อคุณไม่บอก เมื่อคุณไม่อธิบาย และตราบที่คุณไม่ชี้ให้ท่านเห็นว่าการกระทำของท่านนั้นเป็นเหตุที่ติดลบด้วยเหตุและผลที่แย่นะคะ ท่านก็จะไม่มีวันรู้ได้
จริงไหมคะ?
อยากบอกคุณด้วยค่ะว่า การบอกเล่า อธิบายด้วยเหตุผล นั้นเป็นสิ่งที่ควรทำค่ะ
แต่การถกเถียงท่านในแบบไม่มีเหตุผล และในแบบไม่นอบน้อมต่อท่านจะไม่มีผลดีแต่อย่างใดนะคะ จงอย่าได้ทำค่ะ
เพราะการถกเถียงแบบไร้เหตุผล ขาดการอธิบายชัดเจนของคุณนะคะ จะกลับ และกลายเป็นผลที่เสียหายมากมายแก่คุณเองค่ะ
คือคุณเจ้าของกระทู้จะเกิดเป็นผู้ที่เสียหายเสียเอง คือตามวัฒนธรรมเก่าแก่นะคะ มีอยู่ว่า ลูกที่ถกเถียงพ่อแม่ เป็นลูกไม่ดี และหลาย ๆ คน(ที่เขาติดยึดถือวัฒนธรรมเก่าแก่ หลงอำนาจในตนเอง) เขาทั้งหลายก็จะช่วยกันลงความเห็นว่า คุณเป็นเด็กที่ไม่ดี คุณจะกลายเป็นผู้ที่ถกเถียงแม่ คุณจะกลายเป็นลูกเนรคุณ ด้วยคำพูดของเขาทั้งหลายนั้นโดยปริยาย
คือคุณเป็นผู้ที่เสียหายเสียเอง จงอย่าทำค่ะ
หรือคุณเองที่จะเป็นผู้ที่ถูกมองว่า คุณเป็นผู้ไม่เข้าใจอะไรได้ดี คุณเป็นเด็กที่ยํ่าแย่ เพราะทั้งหมดนี้ เป็นการคิด เป็นวิธีคิด วิธีลงความเห็น และเกิดเป็นความเชื่อ(หลงผิด และติดลงโทษเด็กๆ เพื่อให้เด็กอยู่ใต้อำนาจของผู้ใหญ่ ซึ่งนั้นแท้จริงผิดมหันต์ จากการกระทำของผู้ใหญ่)คือทั้งหมดนี้ ได้เกิดขึ้น และติดเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ดั้งเดิม
(ที่เรา ๆ คนรุ่นใหม่ต้องแก้ไข ต้องเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเราเองค่ะ)
คือเป็นการตัดสินที่ผิด ๆ และคุณจะเป็นผู้ผิด เพราะฉะนั้นจงหลีกเลี่ยงการถกเถียงแบบไร้เหตุผล และหลบเลี่ยงการใช้เพียงอารมณ์นะคะ
คือถ้าคุณถกเถียงท่านกลับไปในแบบไร้คำอธิบาย ไร้เหตุผลนะคะ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ในยามที่คุณมีอารมณ์โมโห หากคุณเองไม่ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาดังกล่าวนี้
ซึ่งจะทำให้คุณเองยํ่าแย่ลงไป และที่แย่ ๆ คุณแม่ของคุณก็ติดเป็นนิสัยในการพูดไม่ดีกับคุณต่อไป ต่อไป และไม่ดีหนักขึ้น ๆ (คือคุณทำให้ท่านได้โอกาสที่จะติดสิ่งไม่ดีต่อไป โดยปริยายด้วยเช่นกัน) เพราะการถกเถียงแบบไม่มีเหตุผล จะกลับกลายเป็นการเติมเชื้อไฟให้คุณแม่ เพราะท่านเข้าใจผิด และหลงเชื่อว่า ผู้เป็นแม่นะ ทำในสิ่งที่ผิด ก็เป็นสิ่งที่ลูกต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ถูก และท่านติดเป็นคนที่มีความติดลบแม้ลูกของตนหนักขึ้น
ทั้งหมดนี้ แท้จริงเป็นวัฒนธรรมที่ยํ่าแย่ ที่คนเป็นพ่อแม่ ทั้งหลายหลงติด และกระทำตาม ๆ กันมา และท่านทั้งหลายก็นำมาทำร้ายลูกของตน และท่านเองก็ทุกข์ทรมานสับสน จริงนะคะ
ซึ่งทั้งหมดนี้แท้จริงเป็นวัฒนธรรม ซึ่งคนรุ่นก่อนเก่าเขาใช้กันมา และโดยที่เขาทั้งหลายไม่รู้ตัวนะคะว่า สิ่งที่เขาทำนั้นแท้จริงมันผิด และความผิดนี้นะก็ทำร้ายทั้งผู้เป็นแม่เอง และลูก ๆ ของท่านด้วย ก็นำมาทำร้ายจิตใจกันและกันโดยที่เชาทั้งหลายไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้ในหนึ่งชีวิต ในหนึ่งช่วงเวลาของครอบครัวก็เกิดเป็นแต่ปัญหา มีแต่ดราม่า มีแต่ความทุกข์ทรมานในการอยู่ร่วมกัน
ซึ่งทั้งหมดนี้ มีสาเหตุมาจาก...การที่คนเราหลงติด และหลงยึดถือในวัฒนรรมเก่าแก่ ดั้งเดิม คือการไม่ใช้สติคิด ไร้ซึ่งการพิจารณาด้วยสติ และคนเหล่านี้ก็พากันเดินเรียงแถว...เข้ากรอบวัฒนธรรม...ยึดถือความยํ่าแย่ ตาม ๆ กันมา ซึงเป็นอะไรที่น่าหดหู่ยิ่งนัก กับในหนึ่งชีวิต
คือเมื่อไม่ใช้สติ ไม่มีการพิจารณาให้ดี และถี่ถ้วน คนเราก็หลง...ไป การหลง...ในการยึดถือวัฒนธรรมที่ยํ่าแย่...และเกิดเป็นวัฒนธรรมที่ยํ่าแย่ และนั้นเป็นสาเหตุทำให้ผู้คนในสังคมตกอยู่ในความทุกข์ทรมาน หรือที่เราเรียกว่า...การตกตํ่าของจิตใจ ตาม ๆ กัน...คือไม่มีความเจริญ ไม่มีการพัฒนาให้ดีขึ้น แต่กลับตกตํ่าลงไปเรื่อย ๆ เพียงเพราะคนเราขาดสตินะคะ เหตุเช่นนี้เกิดขึ้นได้ ตามที่เรา ๆ เห็น ๆ หรือตามที่คุณพบเจอนี้ เกิดขึ้นได้มากมาย เป็นความจริงค่ะ
คือเมื่อมีปัญหาก็จงแก้ไขที่เหตุนะคะ และการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตนะคะ การใช้สติพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริง ให้เป็นปัจจัยแห่งเหตุ...และแก้ไขมัน นั้นเป็นทางออกที่ดีเสมอค่ะ
คือจงค้นหาต้นเหตุ และสาเหตุนั้นให้ได้ดีก่อน และจงแก้ไขมัน และทุกอย่างจะถูกแก้ไขได้ด้วยดี จะเกิดเป็นผลดีค่ะ
อยากบอกคุณว่า หัวข้อประเด็นในกระทู้นี้...คือการแก้ไข คือการเปลี่ยนแปลงที่จักเกิดขึ้นได้...ในเวลาที่จะผ่านเข้ามาอย่างแน่นอนค่ะ
คือหวังว่า ผู้ที่เป็นพ่อแม่จะได้อ่าน และสามารถตั้งสติขึ้นมาบ้างว่า ท่านทั้งหลายทำอะไรอยู่กับลูกของตน
ขอยํ้านะคะ ว่า พ่อแม่ที่มีสติดี ท่านทั้งหลายจะไม่ทำร้ายลูกของตนผ่าน กาย ผ่านวาจา และผ่านจิตใจที่ติดลบของท่านอย่างแน่นอน แต่ท่านจะรัก ปรานี มีเมตตา อุ้มชู สั่งสอน อบรม ปลูกฝัง แนะนำ ชี้แนะสิ่งที่ดี ๆ แก่ลูกของท่าน...ทั้งนี้ก็คือผลที่จักเกิดเป็นความสุขที่แท้จริงของพ่อแม่เอง และเป็นผลที่ดียิ่งต่อลูกของท่าน และจักเกิดเป็นวัฒนธรรมอันดีต่อไป...ในสังคมการอยู่ร่วมกันของทุกคนในครอบครัว อย่างแน่นอนค่ะ
และพลังแห่งความรัก พลังแห่งความเมตตา พลังแห่งความปรานี จากคุณพ่อ คุณแม่ที่มีต่อลูก ๆ นะคะ จะเป็นพลังหนุน เป็นพลังขับเคลื่อนให้กับเด็ก ๆ ให้กับผู้เป็นลูก ๆ ได้ดีเยี่ยม และมหัศจรรย์มาก ๆ ตราบที่เขาทั้งหลายมีพ่อแม่ที่มีความเข้าใจ...ให้ความรัก ให้ความปลอดภัย และให้อบอุ่นภายใต้ความเมตตา และปรานี ผ่านภาคปฎิบัติอันดีได้ดีเยี่ยมแก่ผู้เป็นลูก ๆ
ในที่นี้เด็ก ๆ ทุกคนที่มีสติดี(คือหากเขาไม่อยู่ในช่วงที่มืดมนตกตํ่า คือเด็ก ๆ นะมีโอกาสตกอยู่ในช่วงมืดมนตกตํ่าได้ ซึ่งนั้น ก็เป็นธรรมดา) เขาจะทำทุกอย่างสำเร็จได้อย่างแน่นอน (แม้ว่าเด็กบางคนต้องใช้เวลา) เพราะทุกอย่างในชีวิต...ในการดำรงไป...นะ มีองค์ประกอบ และซับซ้อนมากมาย หากแต่ความรัก ความเมตตา...ผ่านการส่งให้ลูกได้รู้ว่า เขาไม่ใช้ผู้ติดลบในสายตาพ่อแม่ นั้นเป็นสำคัญยิ่ง
ทั้งหมดนี้ เป็นความคิด เป็นความเข้าใจ เป็นมุมมองจากส่วนบุคคลนะคะ
ขอร่วมเป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้ค่ะ ขอคุณจงมีพลังอันดี และเข้มแข็งเพื่อที่จักแบกหาม...แก้ไข และเป็นกำลังใจให้คุณแม่ของคุณพบเจอแสงสว่าง พบเจอหนทางที่จะเข้าใจในการปฎิบัติอันดีแก่คุณ ทั้งนี้เพื่อตัวคุณแม่ของคุณ เป็นสำคัญด้วยค่ะ
สุดท้ายนี้ ขอร่วมเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่เป็นลูก ๆ และแก่ผู้ที่เป็นพ่อแม่ทุก ๆ คนด้วยค่ะ
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
ในทางจิตวิทยาก็คือแม่กำลังลดคุณค่าในตัวเธอ และกำลังโกหกคำโต ไม่มีใครในโลกหรอกที่เรียนรู้ หาประสบการณ์เพิ่ม ฝึกฝนจนเก่งแล้วจะไปไม่รอด ก็เหมือนตอนแม่ยังเด็กแม่ก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน แต่แม่อาจเลือกทางที่ปลอดภัยด้วยการพึ่งพาคนอื่น ทุกคนมีคุณค่าและความสามารถในตัวเองทั้งนั้น การที่เป็นแม่คนแล้วมาพูดจาสร้างปมด้อยค่าลูกตัวเองเพียงเพื้อให้ได้สิ่งที่เค้าต้องการมันก็ไม่ถูก เด็กหลายๆคนต้องเป็นซึมเศร้าก็เพราะถูกพ่อแม่ทำแบบนี้ใส่โดยไม่คิดหน้าคิดหลังนี่แหละ อย่าให้สิ่งที่แม่พูดมันลงไปอยู่ในจิตใต้สำนึกเธอ เพราะเธออยู่ม.5 เธอมีดีกว่านั้น เธอทำได้ทุกอย่างที่เธอต้องการและทำได้ดีกว่าที่แม่เธอคิดด้วย สิ่งที่แม่เธอพูดคือสิ่งที่แม่เธอคิด ไม่ใช่ความจริงที่เป็น อย่าไปเสียใจกับเรื่องไร้สาระที่แม่ทำ เดินตามทางที่ตัสเองมั่นใจก็ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก ตัวเองย่อมรู้ดีืี่สุดและพยายามมากที่สุดในทุกสถานการณ์อยู่แล้ว พ่อแม่วันนึงก็จากเราไปอยู่ดีแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะมาด้อยค่าเราได้ สิ่งที่เค้าต้องการไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการนี่ ตัวเค้าเองคิดว่าทำไม่ได้เค้าก็มายัดเยียดใส่หัวเราว่าเราก็ต้องทำไม่ได้ไม่ได้เรื่องอย่างที่เค้าคิดด้วย
ขอบคุณนะคะ️
ไม่ผิดๆๆๆ ปกตินะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?