Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เด็กบูลลี่กัน=เรื่องปกติ?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ตอนเด็กๆวัยอนุบาลประถม ใครเคยแกล้งเพื่อนแรงๆ ล้อพ่อล้อแม่ บูลลี่หน้าตา/รูปร่าง/ฯลฯ บ้าง ตอนนี้ยังมองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปทำกันในวัยเด็กไหม? ถ้าสมมุติว่าเซเลปที่คุณชอบท่านหนึ่งโดนแฉว่าเคยมีวีรกรรมเปรตๆในวัยเด็ก คุณจะยังสนับสนุน/ออกมาดีเฟ้นปกป้องคนที่คุณรักหรือไม่?

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

ปกติพ่อง 27 เม.ย. 67 เวลา 12:53 น. 1-1

ปกติกี่โมงเอ่ย โตมายังไงก่อน คนปกติที่ไหนจะบูลลี่เพื่อนตั้งแต่เด็ก สันดานเสีย พ่อแม่ไม่สั่งสอน โตมาเป็นคนเฮี้ย สวะสังคม ต่ำ สถุน อุ฿

0
Pontsu 27 เม.ย. 67 เวลา 11:10 น. 2

ไม่เคยบูลลี่ใครก่อน แต่ถ้าแกล้งมาเราสู้กลับ สังคมโรงเรียนที่เคยอยู่เพื่อนปกติไม่ค่อยมีใครทำกันนะ พวกที่ทำคือเด็กเกเรนิสัยไม่ดี ถ้าศิลปินที่ชอบทำก็คงเสียใจ แต่ไม่ปกป้อง ผิดคือผิด ต้องยอมรับผลการกระทำของตัวเอง

0
อย่าดังนะมึง ดับแน่ 27 เม.ย. 67 เวลา 12:59 น. 3

อีพวกบูลลี่ขี้เหยียดคนอื่นสมควรโดนประจาน แฉเรื่องอุบาทว์ๆของมันให้หมด ให้สังคมได้รับรู้ว่ามันชั่วแค่ไหน

0
สื่อศิลป์ 27 เม.ย. 67 เวลา 13:27 น. 4

การบูลลี่แอนตี้ หรือการแกล้งกันแบบรับได้กับรับไม่ได้ ต้องแยกให้ออกอย่าเอามารวมกัน


ในวัยเด็กก็น่าจะรู้ๆอยู่วุฒิภาวะความยับยั้งชั่งใจยังอ่อน ถ้าจะเอาเรื่องพฤติกรรมแย่ๆในวัยเด็กเพื่อมาลงโทษผู้ใหญ่ตอนโตแล้ว ผมว่าเห็นทีจะโดนทั้งปรับทั้งจำอาจจะถึงขั้นติดคุกกันครึ่งประเทศล่ะครับ(รวมผมด้วยแหละ555+)


ดังนั้นก็ต้องพิจารณาเป็นรายๆ ผู้ใหญ่ที่สำนึกผิดในพฤติกรรมแย่ๆตอนเด็กของตัวเองก็หยวนๆกันได้ แต่ถ้าผู้ใหญ่ที่พูดถึงพฤติกรรมไม่ดีสมัยเด็กของตัวเองแล้วยังมองเป็นเรื่องที่สมควร แบบนี้แหละครับที่ควรลงโทษเอาเรื่อง


สรุป

ตัวอย่างที่คุณว่าจะต้องปกป้องหรือไม่ก็ต้องดูการแสดงออกของเขาล่ะครับ

8
Sis 27 เม.ย. 67 เวลา 16:31 น. 4-1

ประสาท เด็กที่แกล้งคนอื่นมีอยู่แล้วแต่ไม่ได้เยอะขนาดครึ่งห้องหรอก ถ้าโรงเรียนที่คุณเรียนเป็นอย่างนั้นก็รู้เอาไว้ด้วยว่าไม่ใช่ทุกโรงเรียนจะเป็นอย่างนั้น

0
สื่อศิลป์ 27 เม.ย. 67 เวลา 20:15 น. 4-2

คอมเม้นท์ผมหมายถึงเด็กปกติทั่วไป ไม่ได้เจาะจงถึงใครโดยเฉพาะ ที่คุณคอมเม้นท์มามันคือเด็กมีปัญหาไม่ใช่เด็กทั่วไปแล้วจะเอามาเหมารวมกับเด็กปกติได้ไง? แยกแยะนิดนึง


อย่างที่บอกวุฒิภาวะเด็กยังอ่อน กฏหมายเขายังมีเว้นโทษลดโทษให้เลย ถ้าสังคมยึดถือพฤติกรรมตอนเด็กเป็นสำคัญ ตอนโตมาจะเป็นยังไงก็ช่างแต่ตอนเด็กทำเลวไว้ต้องเอาให้ตายไม่ให้มันได้ผุดได้เกิด ผู้ใหญ่ทั่วโลกทั้งสังคมตะวันตกตะวันออกเขาจะให้ความสำคัญดูแลคุ้มครองเด็กกันไปทำไม? ที่สำคัญเด็กๆที่ต้องโทษไปอยู่สถานกักกันเยาวชนทำไงล่ะ ประหารทิ้งไปเลยดีมั้ยเพราะไม่ต้องการให้เด็กแก้ไขปรับปรุงตัวเองแล้วนิ...........


ที่ยกตัวอย่างมาเพราะต้องสื่อให้เข้าใจว่าไม่ควรเอาวัยเด็กมาปนกับวัยผู้ใหญ่....เว้นเสียแต่ผู้ใหญ่มันไม่สำนึกในพฤติกรรมแย่ๆของตัวเองตอนเด็กแบบนั้นก็จัดเต็มไป


ก็นานาจิตตัง ดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควรสังคมส่วนใหญ่ตัดสินได้ครับ

0
Shalnark T Diabolus 27 เม.ย. 67 เวลา 21:16 น. 4-3

4-1 การบูลลี่มันมีเคสเบา เคสหนัก แล้วก็เคสที่เข้าขั้นอาชญากรรม ซึ่งเคสเบาหลายๆเคสมันก็มาในลักษณะของคำแซวหรืิอการหยอกกัน ที่ตัวคนพูดหรือคนทำก็ไม่ได้คิดว่ามันคือการบูลลี่นะครับ เพราะงั้นมันก็พูดไม่ได้เต็มปากนะครับว่าจำนวนคนที่เคยบูลลี่คนอื่นมันไม่เยอะเท่าที่คห.4บอกอ่ะ

0
Sis 27 เม.ย. 67 เวลา 21:55 น. 4-4

กระทู้นี้เขาพูดถึงเรื่องบูลลี่หรือการกลั่นแกล้ง แล้วคุณพูดถึงเด็กปกติ? คุณสับสนนะ คุณนั่นแหละที่ควรแยกแยะ ก็อย่างที่บอกไปเด็กที่แกล้งเพื่อนมีแต่ไม่ได้มีเยอะขนาดครึ่งห้อง เด็กที่แกล้งเพื่อนเป็นเด็กส่วนน้อย ก็น่าจะอยู่ที่ระดับของโรงเรียนด้วยน่ะ ถ้าเป็นโรงเรียนตลาดล่างในห้องก็อาจจะมีเด็กเกเรเยอะหน่อย แต่ถ้าถึงขนาดครึ่งห้องคงเป็นโรงเรียนระดับต่ำที่สุดของประเทศ

0
สื่อศิลป์ 28 เม.ย. 67 เวลา 01:49 น. 4-5

ทำไมคนอื่นเขาอ่านแล้วเข้าใจที่ผมสื่อ บรรทัดแรกผมก็เขียนไว้ชัดเจนว่าผมแบ่ง การแกล้งกันเป็นสองกรณีคือรับได้ กับแกล้งแบบหนักเกินรับไม่ได้


แล้วคุณก็มาพูดถึงเด็กแกล้งกันครึ่งห้องอะไร??? มันเกี่ยวอะไรกับคอมเม้นท์ผมตรงไหน??? ที่สำคัญคห.ผมก็ไม่ได้เกี่ยวกับสถาบันอะไรสักเสี้ยวเลย แต่คุณก็ยังจะย้ำถึงแต่โรงเรียน???


ถามจริงประเด็นที่ผมสื่อสื่อถึงเรื่องอะไร? คุณเข้าใจรึเปล่า


ก่อนที่จะมาตอบโต้ต่อไป คุณกับผมจูนคลื่นให้มันตรงกันก่อนดีไหม?

คุณเข้าใจคอมเม้นท์ผมว่ายังไง แล้วที่โต้มาเพื่อให้ผมเข้าใจถึงเรื่องอะไร

ตอบโต้กันแบบนี้ถ้าไม่ได้ทำความเข้าใจให้ตรงกัน

ถ้าต่างคนต่างพูดไปคนละเรื่องเดียวกันมันไม่จบ


0
Sis 28 เม.ย. 67 เวลา 07:27 น. 4-6

ก็คุณบอกว่าอาจจะติดคุกกันครึ่งประเทศนี่คือประสาทมาก ถ้าอาจจะติดคุกกันครึ่งประเทศก็หมายความว่ามีเด็กที่แกล้งเพื่อนรุนแรงครึ่งห้องใช่ไหมไม่อย่างนั้นครึ่งประเทศมีที่มาจากไหน อ่านแล้วหัดตีความนะ ไม่ใช่ต้องให้คนอื่นอธิบายทุกเรื่อง เด็กที่แกล้งเพื่อนรุนแรงมีแต่เป็นเด็กส่วนน้อย ถ้าแกล้งหรือหยอกล้อเพื่อนเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ล้อเพื่อนว่าไม่ได้ใส่กางเกงในอย่างนี้ต้องติดคุกเลยเหรอ

0
สื่อศิลป์ 28 เม.ย. 67 เวลา 10:45 น. 4-7

ตรรกะเปรียบเทียบแปลกๆนะ ครึ่งประเทศเท่ากับครึ่งห้อง??? เด็กไทยทุกคนได้เข้าเรียนในห้องเรียนทุกคนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเลยเหรอ คุณถึงตีความว่าครึี่งประเทศเท่ากับครึ่งห้อง มั่วสุดๆเลยนิครับ??? แม้แต่ประเทศที่เจริญแล้วทุกประเทศก็ไม่มีเด็กได้รับการศึกษาตามพื้นฐานทุกคนครับ นับประสาอะไรกับประเทศไทย

เอาสิ่งที่คุณมโนเองมาใช้ใครจะเข้าใจ??? ถ้าผมไม่ถามป่านนี้ก็ยังไม่รู้เรื่อง


ที่สำคัญคุณเข้าใจคำว่า" อาจจะ " รึเปล่า มันคือสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นไม่ใช่เกิดขึ้นแน่นอน

ผมใช้คำว่า" อาจจะ "ติดคุกกันครึ่งประเทศ หมายความว่ามีโอกาสติดคุกหมด หรือไม่มีเลยก็ได้ คุณจะมาเหมาว่าคำว่า" อาจจะ " คือต้องใช่แน่นอน มันไม่ถูกต้องครับ


การล้อเพื่อนไม่ใส่กางเกงใน ถ้าเป็นผู้ใหญ่ อาจจะถูกข้อหาพูดจาทำให้ผู้อื่นเกิดความอับอายได้ การล้อเล่นที่คุณมองว่าเล็กน้อยของจริงอาจจะเป็นคดีความกันได้คุณยังบอก

เล็กน้อย??? แค่บรรทัดฐานคุณมันก็ไม่ปกติแล้ว ผมถึงบอกวัยเด็กเขาไม่รู้อะไรหนัก เบา

เขาเล่นแค่สนุก คนถูกล้อก็ไม่รู้มันเลยไม่มีอะไร



สุดท้าย ผมว่าผมก็เขียนไว้ชัดๆว่า สิ่งที่ผมต้องการให้คนอ่านรวมถึงตัวคุณรับรู้คือ วัยเด็กมีวุฒิภาวะอ่อน ไม่ควรยึดถือเป็นหลักในการพิจารณาผู้ใหญ่ ........ สิ่งที่ควรยึดถือในการพิจารณาผู้ใหญ่คือพฤติกรรมในปัจจุบัน....นี่คือสาระสำคัญที่ผมต้องการสื่อ ที่เหลือมันแค่ข้อความขยาย


ท้ายสุด

ถ้าคุณไม่ต้องการคุยประเด็นหลักที่ผมโพสต์ ผมจบแค่นี้แหละ

0
Sis 29 เม.ย. 67 เวลา 17:19 น. 4-8
ประสาทแล้วยังไม่มีความรู้อีก นี่ไม่รู้กฎหมายเลยเหรอว่าประเทศไทยมีการศึกษาภาคบังคับผู้ปกครองต้องส่งเด็กเข้าโรงเรียน และถ้ามีเด็กที่ไม่ได้เข้าโรงเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐมีอำนาจตามกฎหมายตรวจสอบและดำเนินการให้เด็กเข้าเรียนได้ เด็กที่ไม่ได้เข้าโรงเรียนเป็นเด็กส่วนน้อยมาก จากข้อมูลของหน่วยงานของรัฐอัตราเข้าเรียนสุทธิของระดับประถมศึกษาปีการศึกษา 2565 อยู่ที่ 98.93% คุณนั่นแหละมโนและไม่มีความรู้ คงเป็นเด็กมัธยมนะ แล้วใครบอกว่าอาจจะคือต้องใช่แน่นอน คุณไปสรุปผิด ๆ เอาเอง และถ้าคุณคิดว่าเด็กที่ล้อเพื่อนว่าไม่ใส่กางเกงในอาจจะติดคุกถ้ามีการดำเนินคดีแบบผู้ใหญ่จิตใจคุณไม่ปกติแล้วล่ะ
0
มัณทนา 27 เม.ย. 67 เวลา 14:59 น. 5

ถ้าสมมุติว่าเซเลปที่คุณชอบท่านหนึ่งโดนแฉว่าเคยมีวีรกรรมเปรตๆในวัยเด็ก คุณจะยังสนับสนุน/ออกมาดีเฟ้นปกป้องคนที่คุณรักหรือไม่?

-ด่าสาปแช่งเลยจ้า สาปแช่งไม่ให้มีคนมาจ้างงาน

พร้อมที่จะสนับสนุนคนที่เคยเป็นเหยื่อด้วย

มีอยู่คนหนึ่งที่เคยเป็นอดีตนักแสดงเด็กและเคยเป็นนักแสดงระดับนางเอกที่โด่งดังมาก่อน

แต่มีวีรกรรมวีนชาวบ้านไปทั่วทั้งนักแสดงรุ่นใหญ่และเพื่อนนักแสดงรุ่นราวคราวเดียวกัน

หนึ่งในนั้นมีนักแสดงรุ่นใหญ่ระดับอดีตนางเอกช่อง 7 ที่เราชื่นชอบรวมอยู่ด้วย

เพราะสามคนนี้ดันได้เล่นละครเรื่องเดียวกัน

คุณแม่กับพี่สาวก็ตรรกะบ้ง ๆ พอกัน ไม่แปลกใจที่โดนผู้ชายเท

หน้าที่การงานตกต่ำลง

ในขณะที่เพื่อนนักแสดงเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันที่ออกจากวงการไปนานมากแล้ว

และยังอยู่ในวงการกลับได้ดิบได้ดี ไปทำธุรกิจส่วนตัว ได้คนดี ๆ มาเป็นคู่ครอง

ส่วนคู่กรณีที่เป็นเหยื่อกลับเจริญขึ้น ๆ และมีงานเข้ามา

0
Shalnark T Diabolus 27 เม.ย. 67 เวลา 19:20 น. 6

มันเป็น "เรื่องปกติที่ไม่ควรจะเป็นปกติ" ครับ โดยพื้นฐานแล้วสังคมยุคก่อนไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ดังนั้นถ้าหากจะมีคนที่ในอดีตเคยทำอะไรแบบนี้โดยคิดว่ามันปกติใครๆก็ทำกัน...ไม่แปลก และถึงทุกวันนี้สัังคมยุคนี้จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้นก็ตาม แต่คนรุ่นก่อนๆที่ยังมองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติก็ยังมีอยู่ และถ้าจะมีเด็กที่อยู่ใกล้คนเหล่านั้นที่ยังมองว่าเรื่องแบบนี้มันปกติ...ก็ไม่แปลกเช่นกัน เพราะงั้นทุกวันนี้คนที่ตระหนักได้แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำถึงต้องช่วยกันไงครับ เริ่มจากตัวเองแล้วขยายไปสู่คนรอบตัว กระจายค่านิยมใหม่ออกไป ให้มันกลบทับค่านิยมเก่าจนกว่ามันจะหายไป


ส่วนถ้าถามว่าถ้าหากดาราเซเลปคนที่ติดตามหรือคนสำคัญเคยเป็นผู้กระทำ จะยังโพรเทคเค้ามั้ย ถ้ากรณีดาราเซเลป ไม่โพรเทค ส่วนจะติดตามต่อมั้ยก็ขึ้นอยู่กับตัวเค้าในปัจจุบัน อย่างที่บอกค่านิยมนี้มันไม่ปกติในยุคนี้ แต่มันเคยปกติในยุคก่อน ฉะนั้นถ้าในอดีตเค้าเคยทำแต่ปัจจุบันเค้าคิดได้ว่านั่นมันผิดก็พร้อมสนับสนุนต่อ แต่ถ้าไม่ก็บาย ส่วนกรณีที่เป็นคนสำคัญ ถ้าปัจจุบันเค้าไม่ได้มีค่านิยมแบบนั้นแล้วก็คงโพรเทค ถ้ายังมีก็คงโพรเทค+สอน แต่ถ้าสอนแล้วไม่ฟัง...ก็แล้วแต่เลยละกันไม่ยุ่งละ


เพิ่มเติมนิดนึง - บูลลี่มันมีหลายระดับ ที่ว่ามาก็คือถ้าอยู่ในระดับที่มันไม่ถึงขั้นที่จะเรียกได้ว่าเป็นอาชญากรรมอ่ะนะ แต่ถ้ามันถึงขั้นเป็นอาชญากรรมก็อีกเรื่องอ่ะนะ

0
White Frangipani 27 เม.ย. 67 เวลา 20:53 น. 7


เด็กบูลลี่กัน=เรื่องปกติ?


สวัสดีค่ะ คุณดิสคัสกันโหน่ย


ก่อนอื่นนะคะ อยากบอกว่าชื่อของคุณนะ น่าสนใจมาก ๆ เห็นชื่อของคุณแล้วรู้สึกคุณเป็นคนที่น่าสนใจค่ะ และน่ารักมาก ๆ เลยด้วยค่ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-04.png


เม้นต์นี้ เม้นต์เข้ามาแลกเปลี่ยน และแบ่งปันความคิดเห็น(เป็นความสนุกสนาน ถือได้ว่ามีโอกาสระลึกถึงเหตุการณ์เก่า ๆ ด้วย)นะคะ


เด็กบูลลี่กัน=เรื่องปกติ?


ตอบคุณว่าเป็นเรื่องปรกติค่ะ


เพราะเด็กในวัยที่คุณถามเข้ามานี้นะคะ เป็นวัยที่ไม่รู้ว่าผลที่เขาทำนั้นเป็นเช่นไรนะคะ คือเขาทั้งหลายอยู่ในวัยที่ไร้เดียงสานะคะ


ตอนเด็กๆวัยอนุบาลประถม ใครเคยแกล้งเพื่อนแรงๆ ล้อพ่อล้อแม่ บูลลี่หน้าตา/รูปร่าง/ฯลฯ บ้าง


ในที่นี้ คุณตั้งคำถามเข้ามาในช่วงเวลา ในวัยอนุบาล และวัยประถมนะคะ ตอบคุณว่า โดยส่วนตัวไม่เคยเลยค่ะ


หากแต่ มีแต่ถูกแกล้งค่ะ ฮื้อออ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-13.png


ถูกล้อก็มีค่ะ


มีถูกตั้งชื่อให้ด้วย


ถูกตั้งชื่อว่าลูกคุณหนูบ้างล่ะ (เพราะเรามีพี่เลี้ยงหลายคนสับเปลี่ยนกันมารับส่ง ตอนเป็นเด็ก ๆ นะ เป็นคนที่ซนมาก ๆ พ่อแม่ต้องจ้างพี่เลี้ยงรวมกันห้าหกคนเพื่อเลี้ยงเราคนเดียว เลยด้วยค่ะ และยังมีรถส่วนตัวมารับด้วย ยังมีคนขับรถส่วนตัวที่ตามใจเรามาก ๆ อีกด้วยค่ะ เลิกเรียนจากอนุบาลแล้วนะ เพียงพูดได้ ก็ชี้ให้คนขับออกนอกเส้นทางที่จะกลับบ้านเลยด้วยนะ ชี้ ๆ ให้เขาขับไปร้านขนมเลยด้วยค่ะ ฮ่า ฮ่า https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png คนขับก็ตอบว่าโอเค โอเคครับ และคนขับรถก็ตามใจด้วย ขับรถพาเราไปร้านขนม ดูเขามีความสุขมาก ๆ ที่ตามใจเราด้วยค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png)


ทั้งหมดนี้นะ จึงเป็นสาเหตุให้ถูกเพื่อน ๆ ตั้งชื่อเล่น แซว ๆ กันว่า ว่าเป็นลูกคุณหนูค่ะ


แต่ที่รู้ ๆ และที่แน่ ๆ คือเพื่อน ๆ เขารักเราค่ะ บางครั้งนะเด็ก ๆ ก็แสดงความรักต่อกันในแบบที่แปลก ๆ จากสายตาของผู้ใหญ่ จริงนะคะ


แต่เราก็ไม่เคยโกรธค่ะ เพราะมันเป็นความจริงนะ คือพ่อแม่รักเรามาก และตามใจเรามาก ๆ ด้วยไม่ต่างเราเป็นคุณหนู แบบนั้นค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png


และเมื่อถึงช่วงวัยขึ้นประถม ก็โตพอแล้วเนาะ ตั้งแต่ป. 1 ก็มีเพื่อนร่วมห้อง ตั้งหลาย ๆ คนด้วยนะ บ้างแอบชอบเราแล้วด้วย(คือเขาบอกนะคะ ฮ่า ฮ่า เพื่อนเรานะไวไฟจริงด้วยดิ ฮ่า ฮ่า https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.pngส่วนตัวเรานะ ก็รู้สึกดีที่เพื่อนเรานะรักใคร่เรา คือช่วงนั้นรู้สึกเพียงความรักฉันท์มิตร แบบนั้นนะคะ รู้สึกดีจังhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-04.png)


ละเมื่อป.3 ,4 .5, 6 เริ่มโตขึ้น อ่านออก เขียนได้ดีบ้างแล้ว และโดยส่วนตัวเป็นคนที่มีนิสัยรักสันโดษ ชอบอยู่เงียบ ๆ ชอบความเป็นส่วนตัวนะ ในชั่วโมงที่ว่างก็ชอบอ่านหนังสือ ชอบอ่านประวัติศาสตร์ ชอบมาก ๆ


และชอบการละเล่นกีฬาหลาย ๆ ชนิดด้วย หลังเลิกเรียนก็ไปเล่นกีฬาเลย ซึ่งคุณพ่อส่งเสริมมาก ๆ คือหลังเลิกเรียนคุณพ่อก็ให้พี่เลี้ยงพาไปต่อ ไปเล่นกีฬาต่าง ๆ ที่แตกต่างชนิดกันไป วนไปแบบนั้น จนครบทุกวันในหนึ่งอาทิตย์


และเรานะรักการวาดรูป รักภ่ายภาพก็ด้วย ก็เข้าคอร์สหลังเลิกเรียนด้วย


ต่อมาอายุประถมปีสุดท้าย ๆ เรียนการบ้านการเรือนทุกอย่างเป็นคอร์สสั้น ๆ ก็ด้วย

(ทั้งนี้เพราะคุณพ่อบอกว่า เตรียมความพร้อม เพื่อในวันที่เราโต และวันนั้นเราต้องเป็นคุณแม่ จะเป็นภรรยานะ งานบ้านงานเรือนนะ ต้องเป็นให้ได้หมดฮ่า ฮ่า คุณพ่อจริงจังมาก คือเวลาที่เหลือจากเรียนนะ ก็นำไปใช้เพื่อการนี้หมด ไม่มีเวลาไปบูลลี่เพื่อน ๆ คนใดเลยค่ะ)


เข้าเรียนเต้นบัลเล่ย์ก็มี เพราะคุณพ่อคุณแม่บอกว่าการเต้นรำบัลเล่ย์นะ จะช่วยให้เราได้มีบุคลลิกที่ดี มีการเดินเหินด้วยท้วงท่าที่ดี มีสง่า มีราศรี และเข้าคอร์สเรียนรำไทยก็มี คอร์สเรียนเล่นดนตรีก็ด้วย เรียนดีไซเน่อร์ ออกแบบ ตัดเสื้อผ้า เย็บปักถักร้อยก็ด้วย คือทุกคนอยากให้เราเป็นกุลสตรีจริง ๆ แบบนั้นค่ะ

ฮ่า ฮ่า ฮ่า

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png


คือเป็นการปลูกฝังตั้งแต่เราเป็นเด็กเล็กเลย แบบนั้นค่ะ เพราะฉะนั้นในช่วงอนุบาลจนประถม ดูจะไม่มีเวลามากนัก จึงไม่มีโอกาสได้บูลลี่เพื่อนคนใดเลยค่ะ คือมัวยุ่งกับชีวิตของตนเอง และยิ่งช่วงที่อยู่ในวัยนี้นะคะ รู้สึกว่าเราต้องรับฟังคุณพ่อคุณแม่ และทุกคนในบ้านด้วย คือการที่เราอยู่ในช่วงวัยนี้ การที่จะทำสิ่งที่ไม่ดีคือการบูลลี่ใคร ๆ นั้นไม่ควรกระทำ


คือเป็นคำสั่งสอนที่ต้องปฎิบัติ ทั้งหมดนี้ จึงเป็นเหตุที่ไม่เคยมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่คุณถามเข้ามาค่ะ


และด้วยที่ครอบครัว ที่เป็นครอบครัวที่ยึดถือวัฒนธรรมเก่าแก่ คือการที่หลาน ๆ คนเล็กจะถูกนำไปหาคุณปู่คุณย่าบ่อย ๆ หรือคุณตาคุณยายบ่อย ๆ เพื่อเป็นการให้ความสุขแก่ท่าน ๆ ด้วยที่ว่า ปู่ย่า ตายายนะ มีความสุขได้กับการมีหลานตัวเล็ก ๆ เล่นด้วย และได้เชยชม ซึ่งก็เกิดเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องพาเราไปให้ท่าน เพราะฉะนั้นวันเสาร์ วันอาทิตย์ เราก็กลายเป็นตุ๊กตาที่มีชีวิตให้กับคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายก็ด้วย คือเวลาช่วงนั้นก็หมดไปจากอาทิตย์ต่ออาทิตย์ โดยสิ้นเชิง


คือไม่มีโอกาสได้บูลลี่ใคร ๆ เขาเลยด้วยค่ะ


ตอนเด็กๆวัยอนุบาลประถม ใครเคยแกล้งเพื่อนแรงๆ ล้อพ่อล้อแม่ บูลลี่หน้าตา/รูปร่าง/ฯลฯ บ้าง


ช่วงวัยประถม ก็ไม่เคยว่าให้ใครค่ะ เพราะทุกคนที่บ้านนะ บอกว่า การว่าให้ใคร ๆ เขาต้องรู้สึกเสียใจนะ เราเองจะเป็นบาปนะ จึงไม่ทำค่ะ


แต่เราเองที่ถูกเพื่อน ๆ ตั้งชื่อว่าดาราค่ะ


ฮ่า ฮ่า


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png


และถูกชมเสมอ(หรือว่าถูกบูลลี่ไม่รู้ได้เนาะ ฮ่า ฮ่า ฮ่าhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png)ว่า เราสวยงามมาก ๆ ด้วยที่เรามีดวงตาที่กลมโตของเรานะสวยงามมาก มีรูปตาคล้ายพญาอินทรีย์ ดูทรงพลังมาก ๆ ยังมีรูปร่าง และเรือนผมที่สวยงามเข้ากันได้ดี เพราะผมของเรานะ มีหลายสีผสมกัน จะสีดำก็ไม่ใช่ สีนํ้าตาลก็ไม่เชิง คือเป็นสีโค้ก หรือสีมฮอกนี่ เวลาที่อยู่ได้แสงอาทิตย์นะมันจะออกสีเลื่อมทอง ๆ และเรานะเริ่มรูปทรงองค์เอวที่เริ่มได้สัดส่วนที่ดี และสวยงามของเราเริ่มเห็นได้ชัดเจนในวัยที่เริ่มเติบโต คือในวัยประถมช่วงปลาย ๆ นี้ มีแต่ถูกชมค่ะ ถูกคนทุกเพศทุกวัยชมแบบนี้เสมอค่ะ ฮ่า ฮ่า

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png(คือเข้าใจด้วยว่า ไม่ใช่การถูกบูลลี่แต่อย่างใดค่ะ)


(หรือจะเรียกว่าเขาบูลลี่เราได้ไหมนะ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png)


แต่นะ มาถึงวันนี้ เพื่อน ๆ กัน ทุก ๆ คนก็โต ๆ กันหมดแล้ว มีโอกาสพบเจอกันเมื่อไรนะ ก็เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้กันและกันฟัง บางเรื่องนะ เราเองไม่รู้ตัวด้วยนะ ฮ่า ฮ่า คือเกิดเป็นความสุข สนุกสนานเมื่อช่วยกันคิดถึงเหตุการณ์ในวัยดังกล่าวนี้ค่ะ


ช่วงวัยอนุบาล และประถมนี้นะ ดูเวลาผ่านพ้นไปเร็วมาก ๆ จริงด้วยสิเนาะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


ตอนนี้ยังมองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปทำกันในวัยเด็กไหม?


จากคำถามของคุณนี้นะคะ ส่วนตัวเชื่อว่า เป็นธรรมดานะคะ ที่เด็ก ๆ วัยอนุบาล วัยประถม เขาทั้งหลายจะกระทำต่อกันบ้าง คือเป็นธรรมดาของคนวัยนี้นะคะ

(หากแต่การที่เจ้าของเม้นต์ไม่กระทำต่อใคร ๆ ก็เป็นธรรมดาด้วยเช่นกันนะคะ เพราะคนเรานะสามารถทำ หรือไม่ทำ ในสิ่งที่เหมือนกันได้เป็นธรรมดานะคะ แต่ที่ดีสุด ๆ คือการไม่ทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกเสียใจ น่าจะเป็นการดีที่สุดเนาะ)


ตอนนี้ยังมองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่คนทั่วไปทำกันในวัยเด็กไหม?


เป็นเรื่องปรกตินะคะ และเชื่อด้วยว่า เมื่อทุกคนโต ๆ ขึ้น เขาทั้งหลายก็จะเลิกที่จะทำสิ่งเหล่านั้นไป ซึ่งเป็นธรรมดาด้วยค่ะ


ถ้าสมมุติว่าเซเลปที่คุณชอบท่านหนึ่งโดนแฉว่าเคยมีวีรกรรมเปรตๆในวัยเด็ก คุณจะยังสนับสนุน/ออกมาดีเฟ้นปกป้องคนที่คุณรักหรือไม่?


ฮ่า ฮ่า ฮ่า


ก็ยังจะชอบ และจะยังคงสนับสนุน และรักใคร่เขาอยู่ดีค่ะ


ทั้งนี้ ด้วยที่เข้าใจว่า คนเรานะ การกระทำในหลายสิ่ง หลายอย่างในวัยเด็ก ๆ สามารถเกิดขึ้นได้นะ และด้วยที่เป็นวัยที่ไร้เดียงสา การที่เขาทั้งหลายทำอะไร ๆ ลงไป ด้วยที่ว่าเขาไม่รู้ถึงผลของมันนั้น เป็นเรื่องธรรมดาของเด็ก ๆ ค่ะ และเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเอามาเป็นเรื่องที่ควรถือสาเอาผิด คิดร้ายต่อกันและกัน แต่อย่างใดค่ะ


---------


และยิ่งหากเป็นเพื่อนเราด้วยแล้วนะคะ เพื่อนก็คือเพื่อน ยิ่งเป็นเพื่อนร่วมอนุบาล เพื่อนร่วมประถมนะคะ ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเพื่อนร่วมชีวิตเลยก็ว่าได้ คือเราเกิดมา เราลืมตาขึ้นมาเห็นโลก เรารู้ความขึ้นมาในชีวิต ในครั้งแรกนะ เรา ๆ ก็รู้จักกกันเลย รู้จักความเป็นคน...ผ่านวัยที่ไร้เดียงสามาด้วยกันเลยด้วยเนาะ เพื่อนในระดับนี้ ถือว่าเป็นเพื่อนแท้ เป็นมิตรแท้ ซึ่งจะเป็นเพื่อนที่รักกันได้มาก ๆ และเข้าใจกันได้ดี เป็นธรรมดานะคะ

คือคงจะไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงมิตรแท้ตรงนี้ไปได้ง่าย ๆ ค่ะ


สรุป คำตอบคือ แม้วันเวลาจะผันผ่าน...เพื่อน ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ทำสิ่งใด ๆ ด้วยความไร้เดียงสา มาวันนี้เขาทั้งหลายก็ยังคงเป็นเพื่อนเรา และจะคงเป็นเพื่อนเรา เป็นคนที่เรารักเสมอเหมือน จากทุก ๆ วันที่ผ่านมา ไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ หรือแม้คนที่เราชื่นชม และเขาอาจจะเป็นผู้ที่มีผลงานอันดีแก่สังคม เป็นที่รู้จักของผู้คนมากมาย และเรารู้ด้วยว่า ในวัยที่เขาไร้เดียงสา เขาเคยซุกซน และเขาเคยได้ทำสิ่งที่เราเรียกว่า...เขาแกล้งเพื่อนมาก่อน ก็จะไม่ลดละที่จะส่งเสริม และสนับสนุนเขาอยู่ดีค่ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png

2