Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

บทเรียนสำคัญของนักเขียน ไม่คิดว่าสนพ.ชื่อดังจะทำกับนักเขียนแบบนี้...

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

บุ๋ง...บุ๋ง บุ๋ง

เสียงฟองอากาศดังขึ้นภายในตู้กระจกที่เป็นเหมือนหลอดแก้วขนาดใหญ่ใต้ฐานของมันมีวงแหวนเวทสีเขียวหมุนวนเพื่อทำหน้าที่บางอย่างอยู่ ร่างหนึ่งที่สวมโค้ทสีดำยาวปกปิดทุกส่วนของร่างกาย ที่หัวนั้นมีฮู้ดของเสื้อโค้ทคลุมบดบังไว้ ราวกับไม่ให้ใครสามารถรู้ได้ว่าร่างนั้นมีรูปประพันธ์สัณฐานเช่นไร มือที่สวมถุงมือหนังสีดำถือปากกาด้ามเล็กๆกลิ้งไปมาในมืออย่างนิ่งๆ พร้อมกับมองดูสิ่งที่อยู่ภายในตู้กระจก ร่างของหนังสือที่ยังไม่ได้ถูกแกะวางอยู่ มีฝุ่นเกาะราวกับไม่ได้ถูกแตะต้องมาหลายปี ณ ห้องนั้นยังมีหนังสือแบบเดียวกันอีกนับพัน รอวันที่จะได้รับการออกขาย จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งเข้ามา

"มีรายงานมาครับ" ผู้ที่กำลังมองหนังสือนั้นไม่ตอบกลับแต่นำปากกาเก็บไว้ในแขนเสื้อโค้ทสีดำ ทำให้ผู้ที่เข้ามาใหม่อ่านรายงานทันที

"ทีมงานที่ประจำอยู่ที่สำนักพิมพ์นั้น ทำงานพลาด เราพบซากของหนังสือกองอยู่ที่มุมห้องหนึ่ง สภาพหนังสือ..." เสียงที่อ่านรายงานราบเรียบราวกับชินชากับเรื่องแบบนี้แต่เมื่อเห็นสัญญาณจากมือของผู้นำให้หยุดก็ต้องเงียบไป

"เรื่องของซากหนังสือช่างมันเถอะ ฉันต้องการรู้เรื่องสภาพของต้นเหตุของเรา" น้ำเสียงนั้นเย็นชาไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความผิดพลาดที่ซ้ำซาก

"ทั้งประโยค วลี ตัวอักษรของหนังสือส่วนใหญ่ถูกปีศาจชิงไป แต่อีกส่วนดูเหมือนจะถูกยำเละให้เป็นอีกแบบหนึ่งแล้วครับ" เสียงหนังสือล้มครืนดังขึ้นเมื่อทั้งคู่เงียบไป จนร่างในโค้ทสีดำเงยหน้าขึ้นนิดๆจนเห็นปลายคาง แต่มันก็ไม่สามารถทำให้ผู้ที่มารายงานรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของผู้นำที่แสนลึกลับของเขาได้

"ก็ยังดี ถึงจะเป็นเพียงแค่เล่ม 2นั้นก็พอที่จะให้พวกเราสามารถดำเนินงานต่อไปได้ แต่มันก็มีเรื่องน่าสนุกนิดหน่อย สำนักพิมพ์ต่างๆใกล้รู้เรื่องความผิดพลาดซ้ำสองของเป้าหมายแล้ว คงต้องบอกทุกคนที่แฝงตัวตามเวปต่างๆให้เตรียมตัวให้พร้อม เพราะบางทีตอนนี้อาจจะมีเหยื่ออีกหลายคนที่โดนเหมือนเรา"

"ครับท่าน" เขารับคำสั่งแล้วเดินออกจากห้องแห่งนั้นไป บุคคลที่ดูลึกลับแม้แต่กับพวกเดียวกันมองหนังสือ 2เล่มที่อยู่บนโต๊ะก่อนที่จะหยิบทั้งสองเล่มขึ้นมาดู

เหล่าผู้อ่านทั่วประเทศหวังต้องการที่จะอ่านหนังสือดีๆ แต่มีความผิดพลาดเยอะแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน เพราะสุดท้ายจุดหมายปลายทางของต้นเหตุก็ต้องมาจบลงที่นี่ทั้งคู่อยู่ดี ที่ 'วังไก่ชน' เพียงที่เดียว... 

ร่างนั้นคิดแล้วก็ปาหนังสือสองเล่มลงถังขยะมีพิษ

                หนังสือเล่มแรก เป็นหนังสือที่มีชื่อว่า Crisis วิกฤตการณ์ป่วนข้ามมิติ เล่ม 2 ซึ่งผิดพลาดโดยถูกหยิบต้นฉบับผิดไปพิมพ์ และอีกเล่มหนึ่ง ถูกชำแหละต้นฉบับเป็นชิ้นๆ ที่มีชื่อว่า Crisis วิกฤตการณ์ป่วนข้ามมิติ เล่ม 2 พิมพ์ครั้งที่ 2

 

สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกคน วันนี้โทริมาทักทายด้วยความเหนื่อยใจ ซึ่งเป็นการตั้งกระทู้เองครั้งแรกของโทริ เนื่องจากทนกับสิ่งที่สำนักพิมพ์ทำไม่ไหว เนื่องจากคุณภาพที่ต่ำลงจนน่าตกใจในช่วงนี้ และความผิดพลาดที่แสนเยอะเหลือเกิน จนกระทั่งตอนนี้ ได้เกิดความผิดพลาดที่โทริไม่ให้อภัยเด็ดขาด

ช่วงนี้สำนักพิมพ์มีการแลกหนังสือกันเยอะ เนื่องจากเกิดความผิดพลาด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือหนังสือของโทริ คือ เล่ม 2 ที่ตีพิมพ์ครั้งที่ 2

คงต้องเล่าเท้าความกันตั้งแต่สาเหตุที่ทำไมนิยายของโทริต้องมีการพิมพ์ครั้งที่ 2 ทั้งที่พิมพ์ครั้งที่ 1 ยังขายไม่หมด และอีกทั้งยังต้องมีการแลกหนังสือให้ยุ่งยากลำบากกับทุกท่าน

แต่สาเหตุจริงๆแล้ว ตอนที่พิมพ์ครั้งแรกทีมงานของสำนักพิมพ์ได้หยิบต้นฉบับที่ผิดของโทริไปพิมพ์ เนื่องจากสมัยแรกที่โทริส่งต้นฉบับเพื่อไปพิจารณา ทางสำนักพิมพ์ได้ขอต้นฉบับไป 2 เล่ม เพื่อเป็นการพิจารณาเรื่องให้ผ่าน โทริก็จัดการส่งไปให้ พร้อมกับบอกกับทางบรรณาธิการว่า เล่ม 2 ที่ส่งไปให้นั้น อย่าเพิ่งตีพิมพ์ เนื่องจากเป็นเนื้อหาที่ยังไม่สมบูรณ์ โทริยังไม่ได้เกลาภาษาพร้อมกับปรับเนื้อเรื่องให้สมเหตุสมผล ซึ่งทางเขาก็รับคำว่าจะไม่ตีพิมพ์เล่ม 2 

เมื่อเล่ม 1 ได้วางแผงขายซักพัก โทริก็ทำการรีไรท์เล่มที่ 2 ให้สมบูรณ์เพื่อส่งไปให้ตีพิมพ์ โทริจัดการแนบไฟล์พร้อมแบบฟอร์มที่ต้องส่งอีเมลล์ไป(ถ้าเป็นนักเขียนที่ต้องส่งต้นฉบับจะรู้ว่าต้องแนบแบบฟอร์มอะไร) 

ในตอนนั้นโทริได้ลืมเรื่องเล่ม 2 ที่ส่งไปตอนแรกสนิท ประกอบตอนที่โทริส่งต้นฉบับทางสำนักพิมพ์ กำชับอย่างเด็ดขาดว่า ต้นฉบับที่ส่งจะต้องมีการแนบแบบฟอร์มไปด้วย โทริจึงไม่ได้คลางแคลงใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ผิดพลาดนี้ขึ้น แต่แล้วมันก็เกิดค่ะ เมื่อเล่ม 2 ที่พิมพ์ครั้งแรก เกิดเป็นต้นฉบับเก่าเนื่องจากมีการหยิบไฟล์ผิดไปพิมพ์ ไฟล์เก่านั้นมันเป็นไฟล์ที่ทำให้โทริไม่สามารถดำเนินเรื่องต่อไปได้ และเป็นภาษาที่โทริแต่งเป็นภาษาเมื่อสมัยยังเด็กๆ พอโทริทราบว่าเป็นไฟล์เก่าแน่นอนค่ะว่า โทริโทรศัพท์ทันทีเพื่อที่จะไประงับการวางขาย

จากนี้ไปจะเป็นการต่อสู้คนเดียวของโทริค่ะ โดยที่มีแค่ครอบครัวเท่านั้นที่ให้กำลังใจ วันนั้นโทริโทรศัพท์ไป เพื่อที่จะแจ้งบอกไปว่าหนังสือได้มีการหยิบไฟล์ผิดไปพิมพ์ ขอให้ระงับการวางจำหน่ายโดยด่วน ตอนแรกก็เงียบไปสักพักแล้วก็มีบรรณาธิการมารับสาย โทริได้อธิบายไปตามที่ว่าว่าเกิดอะไรขึ้น และขอให้ระงับการวางจำหน่าย แต่สิ่งที่โทริได้กลับมาก็คือคำกล่าวหาว่าเป็นความผิดของโทริ ที่ส่งต้นฉบับผิดมาให้ทางสำนักพิมพ์เอง 

                (ตอนแรกโทริก็คิดโทษตัวเองว่าโง่ส่งต้นฉบับผิดเหมือนกันค่ะ แต่ว่าไม่ โทริเช็คจากอีเมลล์แล้ว โทริส่งต้นฉบับถูกพร้อมแนบแบบฟอร์ม) โทริก็ได้ตอบกลับไปว่าโทริส่งถูกแล้ว แต่เขาก็พูดสื่อเหมือนกับว่าโทริฟังไม่รู้เรื่องถึงการส่งต้นฉบับ ทางเขาก็พล่ามถึงวิธีการส่งต้นฉบับที่ถูกต้อง ซึ่งโทริก็ทราบดีอยู่แล้ว โทริจึงสวนกลับไปว่า ต้นฉบับที่สามารถตีพิมพ์ได้นั้นต้องแนบแบบฟอร์มไปด้วย ไม่งั้นไม่มีวันที่จะเอาไปตีพิมพ์ได้ แล้วโทริก็บอกให้เขาไปเช็คในอีเมล์ของเขาดู ตอนแรกเขาไม่เชื่อคงคิดว่าโทริดูผิดหรือไม่มีหลักฐาน โทริจึงบอกวันเวลาที่ส่งต้นฉบับที่ถูกต้อง พร้อมจำนวนหน้า จากนั้นเขาก็วางสายไปค่ะ

สนทนารอบสอง เขาโทรกลับมาเพื่อ เพื่อทำในสิ่งที่โทริคาดไม่ถึง... เขาขอให้โทริช่วยปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้บอกใคร แน่นอนว่าโทริแย้งโดยให้เหตุผลว่าต้นฉบับที่ผิดไม่สามารถต่อกับต้นฉบับที่โทริแต่งไปถึงเล่มที่ 5 ได้แต่คำตอบที่เขาให้มาทำให้โทริอึ้งเข้าไปอีก เขาขอให้โทริแก้เนื้อเรื่องของโทริให้เข้ากับเล่ม 2 ที่ผิดพลาดไป ทั้งๆที่โทริพยายามแต่งไปถึงเล่ม 5 แล้ว จากนั้นเขายังทำการยกตัวอย่างความผิดพลาดที่เหมือนกับโทริแต่นักเขียนคนนั้นยังสามารถแก้ได้และยอมความกันไป 

              (ขอโทษค่ะ มันต่างกันนะคะ เรื่องแฟนตาซีกับรักหวานแหวว โทริไม่ได้คิดจะดูถูกรักหวานแหวว เพราะก็ชอบอ่านเหมือนกัน และโทริไม่ทราบว่านักเขียนท่านนั้นต้องแก้ไขมากน้อยขนาดไหน แต่ของโทริมันผิดที่ปมปริศนาที่โทริผูกไว้ และรอแก้ในเล่มถัดๆไป ถ้าไม่มีปมในตอนแรก โทริจะแต่งต่อทำบ้าทำไมคะ) โทริก็บอกไปด้วยความใจแข็งว่าให้วางขายไม่ได้ เขาก็ขอร้องจนพล่ามมาถึงชีวิตการงานของเขา อนาคตของเขา และอะไรอื่นๆของเขาอีกมากมาย ว่าเขาจะสูญเสียทั้งอนาคต การงาน และอื่นๆอีกมากมาย 

(ขอระบายความในใจค่ะ ตอนแรกที่โทริทราบว่าต้นฉบับผิดพลาด โทริพยายามโทรหาเขา โทรหลายรอบมาก แต่ก็ไม่ติดเลยสักครั้ง ในตอนนั้นโทริคิดจะขอให้เขาช่วยแก้ไขปัญหานี้ โทริไม่เคยคิดแม้แต่นิดว่าเป็นความผิดของเขา โทริคิดโทษลูกน้องเขาค่ะ ระดับเขาไม่มีทางที่จะทำผิดพลาดหรอก พอซักพักเขาโทรกลับมา โทริดีใจมากรีบรับสายเพื่อที่จะขอให้เขาช่วย แต่เขากลับชิงขอให้โทริช่วยแทน ตอนที่เขาพล่ามเรื่องอนาคต การงาน ของเขา โทริคิดว่าเขาไม่คิดถึงอนาคตหนังสือของโทริบ้างเลยหรือ เขาไม่ใส่ใจบ้างเลยหรือ หรือน้ำหนักชีวิตโทริกับชีวิตเขามันต่างกัน โทรินึกไปถึงตอนที่เขารับต้นฉบับโทริไปใหม่ๆ เขาบอกกับโทริว่าเขาจะเป็นคนดูแลต้นฉบับของโทริเอง มีปัญหาอะไรโทรมาได้ที่เบอร์นี้ แต่ตอนที่โทริมีปัญหาพยายามโทรหาเขา เขากลับไม่รับและพอเขามีปัญหาเขากลับโทรมาหาโทริและขอให้ช่วยเขาด้วย ตกลงใครต้องดูแลใครกันแน่ค่ะ)

มาต่อค่ะ หลังจากฟังเขาพล่ามมาซักพัก ก็ถึงเวลาที่โทริต้องให้คำตอบ โทริตอบไปว่า ขอโทษค่ะพี่ แต่โทริให้วางขายไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็ตัดใจวางสายไป ตอนนั้นโทริก็คิดเหมือนกันค่ะว่าโทริใจร้ายไปไหม อนาคตของเขา กับหนังสือแฟนตาซีเพ้อฝัน แต่สาเหตุที่ทำให้โทริต้องใจแข็งมากๆ คือพี่สาวของโทริ พี่สาวโทริกำชับไว้ว่า ถ้ายอมเขาเราขาดกัน แต่อย่าเพิ่งคิดว่าพี่สาวโทริใจร้ายนะคะ (ขอแก้ตัวให้พี่ง่า) พี่สาวโทริต้องบอกได้ว่าเป็นคนที่ทำให้โทริเศร้าและกังวลมากที่สุด ตอนที่รู้เรื่องนี้พี่สาวของโทริร้องไห้ตลอดเลยล่ะค่ะ ร้องไห้ไม่หยุด สาเหตุที่พี่สาวของโทริเศร้าได้ขนาดนี้ เพราะ พี่ของโทริเป็นคนเชียร์และผลักดันให้เข้าสำนักพิมพ์นี้ค่ะ พี่สาวโทริบอกว่ารู้สึกเหมือนทำผิดเอง เฮ้อ ตอนนั้นเศร้าจริงๆ 

ก็มีเวลาให้ทำใจได้สักพักนะค่ะ เพราะในวันเดียวกันนั้น ก็มีคนโทรมากอีกค่ะ แต่เป็นอีกคนหนึ่ง พี่คนนี้มาด้วยความประมีนอมกล่อมโทริ ในขณะที่โทริฟังการบรรยายการแก้ปัญหาของเขา ทำให้โทริสรุปความได้ว่า เขาต้องการให้เรื่องเงียบ ให้คนซื้อหนังสือของโทริไปเยอะๆก่อน แล้วค่อยเอาต้นฉบับที่ถูกต้องลงเวปไซด์ให้ทุกคนได้อ่าน บอกเท่านั้นล่ะค่ะ ปรี๊ดขึ้นสมอง โทริเลยบอกไปว่า 

คุณจะหลอกให้ทุกคนซื้อ หนังสือของโทริไปทั้งหมดก่อน แล้วค่อยบอกให้ทุกคนรู้ว่า หนังสือที่ผู้อ่านซื้อไปเป็นหนังสือที่ไม่สมบูรณ์ และคุณยังคิดจะเอาต้นฉบับที่ถูกต้องของโทริไปฟรีๆเพื่อแก้ไขความผิดของคุณ พี่เค้าก็บอกว่าพอถึงเวลาตีพิมพ์ครั้งที่ 2 จะเอาต้นฉบับที่ถูกต้องมาตีพิมพ์ให้ โทริเลยสวนกลับไปว่า 

แล้วเมื่อไหร่จะได้ตีพิมพ์ครั้งที่ 2 ล่ะค่ะ ในเมื่อเล่ม 2 ที่พิมพ์ครั้งที่ 1 มันเน่าขนาดนั้น และทุกคนก็สามารถอ่านได้ในเวปไซด์  แล้วถ้าได้ตีพิมพ์ครั้งที่ 2 จริง คุณจะบอกยังไงกับ3000คนแรกที่ซื้อไป คุณหลอกให้คน 3000 คนซื้อผลงานเสียๆของโทริไปเลยนะคะ เพื่อที่จะให้ฉบับสมบูรณ์กำเนิดออกมา คุณจะหลอกลูกค้าของคุณหรือค่ะว่าให้ซื้อไป เพราะโทริก็รู้ค่ะ ถ้าบอกว่าเป็นของเสียก็ไม่มีใครอยากซื้อ โทริตอกกลับด้วยคำนี้ไป คุณไม่มีจรรยาบรรณเลยเหรอคะ เพียงเท่านี้ สงสัยจะแรง พี่เค้าเลยตัดบทชิงขอคำตอบจากโทริว่าให้วางแผงหรือไม่ โทริเลยตัดบทบ้างว่า ขอปรึกษากับคนในครอบครัวก่อนพรุ่งนี้ค่อยให้คำตอบ 

               (บอกตรงๆตอนนั้นมึนหัวแทบแตกค่ะ เลยขอพักยก)  พี่เค้าถามกลับมาทันที น้องไม่ได้เป็นคนเซ็นสัญญาเหรอคะ โทริก็สวนกลับไปทันที ไม่เกี่ยวกับสัญญา แต่เป็นเรื่องในครอบครัว... อืมแล้วก็จบกันไปอีกยกหนึ่งค่ะ

มาต่ออีกยกค่ะ หลังจากที่ได้พักไป1วัน ที่นอนไม่หลับ ถึงเวลาขึ้นสังเวียน เอ้ย ให้คำตอบค่ะ ก็เป็นพี่ที่ขอคำตอบจากโทริเมื่อวานมาฟังคำตอบ โทริบอกไป ว่าไม่ได้ค่ะ ให้วางไม่ได้ แต่เขาก็ตอบทันที เขาจะวาง (เท่านั้นเอง โทริก็ประมวลผลออกมาได้ทันที ไม่ว่าดิฉันจะตอบยังไง ท่านก็จะวาง แล้วจะให้ดิฉันคิดคำตอบมาทั้งคืนทำเพื่อ...) โทริก็เลยตอบกลับไปอย่างมั่นใจว่า โทริไม่อยากให้วาง เขาก็ย้ำให้แน่ใจว่าเขาจะวาง โทริเลยตัดสายไป

แค่นั้นเองค่ะ โทริวางโทรศัพท์มาหน้าเวปเด็กดี จัดการโพสลงในบทความของตัวเอง ถ้าใครมีโอกาสได้อ่านก็คงจะรู้ว่าโทริปากจัดขนาดไหน(แต่ตอนนี้คงรู้กันหมดแล้วล่ะ ฮะฮะ) ไม่ถึง10นาที ทางสำนักพิมพ์โทรกลับมาใหม่ โดยส่งคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหนังสือมาเจรจา เป็นคนที่โทริคิดว่าโทริสนิทที่สุดในสำนักพิมพ์และ แน่นอนคราวนี้เขาส่งมาถูกคนค่ะ โทริใจอ่อน เขาอธิบายถึงเหตุผลเกี่ยวกับสัญญาตามร้านหนังสือที่ต้องให้เรื่องของโทริวางแผง และโทริก็เข้าใจเลยยอม ให้วางแผง แต่โทริก็บอกไปว่าปัญหานี้ยังไม่จบนะคะ โทริขอคุยกับเจ้าของสำนักพิมพ์ด้วยค่ะ เท่านั้นล่ะค่ะ วางสายทันทีเลย แต่สักพักก็โทรมาอีกที โทรมาเพื่อถามว่าโทริเอาสิ่งที่ โพสลงเวปออกหรือยัง โทริก็บอกไปว่า โทริลบไปตั้งแต่วางสายแล้ว ก็จบกันไป 

หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่โทรินัดคุยกับเจ้าของสำนักพิมพ์ ตอนนั้นโทริตื่นเต้นมากเลยค่ะ เจ้าของเขาจะว่าอย่างไร จะเข้าข้างลูกน้องเขารึเปล่า หรือเขาได้รับรู้อะไรไปผิดๆหรือไม่ พอคุยกับเขา เขาก็บอกว่าเขาทราบเรื่องแล้ว และเข้าใจเรื่องที่โทริขอร้องดี แต่เขาก็บอกถึงเหตุที่ต้องวางแผงว่าเป็นเพราะติดสัญญา เป็นการคุยกันอย่างแฟร์ๆเรียบง่าย และราบรื่นจนทำให้โทริในตอนนี้ไม่อยากให้มีวันนั้นเกิดขึ้น 

สรุปผลก็คือที่เขาบอกกับโทริเป็นสัญญาปากเปล่าเพราะโทริเชื่อใจเขา เขาจะทำการตีพิมพ์ให้ใหม่ เซ็นสัญญาใหม่ ปกใหม่ บรรณาธิการใหม่ ทุกอย่างใหม่หมด และใจเย็นๆรอเวลาออก โดยบอกว่าสามารถแลกได้กับเล่มใหม่ที่สมบูรณ์ เขาบอกการแลกทางปฏิบัติแล้วนั้นคงไม่สามารถทำได้หมดทุกคน แต่ก็จะให้แลกได้มากที่สุด เขาทำได้เท่านี้เอง ซึ่งโทริก็เข้าใจและก็ยอมรับในเหตุผล และเขาทิ้งท้ายด้วยจะให้เล่มสองฉบับสมบูรณ์นี้ ออกในงานหนังสือเพื่อประชาสัมพันธ์และแลกในงานหนังสือ 

จากที่โทริยอมไปนี้ ก็ทำให้โทริทำได้แค่กล่าวประชาสัมพันธ์เล็กๆน้อยๆว่าหนังสือเล่ม 2 ที่วางแผงนี้มันผิด ต้องรอตีพิมพ์เล่ม 2 ฉบับสมบูรณ์ โดยที่โทริไม่เคยป่าวประกาศว่าเป็นความผิดของสำนักพิมพ์เพื่อปกป้องชื่อเสียงของพวกเขา โทริบอกไปแค่ว่าผิดพลาด ใครผิดจริงๆนั้นโทริไม่ป่าวประกาศไป ใครจะคิดว่าโทริผิดก็ช่างขอแค่ให้เล่ม 2 สมบูรณ์ได้มีโอกาสออกโทริก็ดีใจแล้ว

            จนมาถึงปัจจุบันนี้ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 โทริได้รับหนังสือ Crisis วิกฤตการณ์ป่วนข้ามมิติ เล่ม 2 พิมพ์ครั้งที่ 2 มาอยู่ในมือ โทริต้องขอบอกว่าทุกอย่างมันเป็นแค่ความหวังฝ่ายเดียวของโทริ โทริทนและยอมมาตลอดเวลาที่รอคอย ขอระบายหน่อยนะคะว่าโทริต้องทนกับอะไรบ้าง

                ปัญหาของโทริเกิดเมื่อประมาณเดือนกุมภาปีนี้ และพอถึงในวันงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติตอนต้นปี

โทริไม่กล้าไปที่บูทของตนเอง คนที่เคยไปงานหนังสือครั้งที่ออกเล่ม 1 คงจะรู้ว่าโทรินั้นไปช่วยขายหนังสืออย่างไร โทริช่วยขายหนังสือของทุกคน โทริอธิบายเรื่องย่อให้กับลูกค้า แนะนำหนังสือทุกแนว โทริพยายามช่วยทุกอย่างที่โทริทำได้มาโดยตลอด แต่งานหนังสือในช่วงที่มีปัญหา โทริไม่กล้าที่จะไปที่บูท โทริเชียร์หนังสือตัวเองไม่ลง 
               
                แต่วันหนึ่งโทริไปเพื่อซื้อหนังสือในงาน มันค่อนข้างดึกโทริเลยแอบไปดู พอถึงบูทจึงรู้ว่าไม่มีการแจ้งอะไรเลย ยังเอาหนังสือที่ผิดๆของโทริมาวางขาย แล้วพอมีคนมาถามถึงข่าวเรื่องความผิดพลาดก็บอกว่าเล่มที่วางขายเป็นเล่มที่แก้ไขแล้ว ตอนนั้นโทริงงและสับสนได้แต่ยิ้มฝืดๆให้น้องๆคนขาย จนกระทั่งมีนักอ่านที่รู้ว่าโทริเป็นคนเขียนเรื่องนี้ ก็เลยยื่นหนังสือเล่ม2ที่ผิดๆมาให้โทริเซ็น โทริเซ็นค่ะ พร้อมกับอยากจะร้องไห้ตรงนั้น พอเซ็นเสร็จ โทริรีบลาพวกเขาแล้วไปจากบูททันที จากวันนั้นโทริก็ไม่เคยแวะไปที่บูทอีกเลย

                โทริพยายามที่จะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเล่มสองที่เสียๆ นึกในใจไว้ว่าเดี๋ยวมันก็ดีเอง ไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจทุกอย่าง อย่างเช่น

                โทริส่งต้นฉบับเล่ม2 ฉบับสมบูรณ์ เพื่อที่จะออกให้ทันงานหนังสือ แต่กลับไม่มีข่าวคราว พอโทรถามก็บอกว่ายังไม่มีกำหนด จนเวลากระชั้นชิดมาเรื่อยๆ โทริถามจี้มากๆเข้า เพราะว่ายังไม่มีการเซ็นสัญญาเล่ม 2 ฉบับสมบูรณ์เลย ก็เลยได้คำตอบมาว่า เรื่องของโทริต้องไปออกหลังงานหนังสือ

                ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร โทริเข้าใจค่ะว่า ตามหลักความเป็นจริงการแลกหนังสือในงานหนังสือนั้น จะเป็นอะไรที่วุ่นวายมากเพราะจะทำให้เช็คสต็อกหนังสือยากมากๆ ไม่อยากทำให้น้องๆที่ขายลำบากและเดือดร้อน โทริเลยทำการอดทนค่ะ ทนมาได้ตั้งครึ่งปี ทนอีกนิดคงไม่ขาดใจตายหรอกค่ะ 

วันคืนผ่านไป งานหนังสือก็จบไปโดยที่โทริไม่มีโอกาสได้ไปที่งานหนังสือเนื่องจากติดฝึกงานที่จีนพอดี พอโทริกลับมาถึงประเทศไทย โทริก็รีบโทรถามถึงสัญญาเล่ม 2 ใหม่ว่าจะเซ็นเมื่อไหร่ ทางเขาก็บอกมาว่าไม่ต้องค่ะ เราใช้สัญญาเดิม โทริก็ตอบไป อ้อ อย่างนั้นเหรอค่ะ เดิมก็เดิมค่ะ ไม่เป็นไร ไม่สงสัย ไม่ว่ากัน เจ้าของเขารับปากจะดูแลให้เราแล้วนิ ก็รอต่อไปอีก จนถึงวันที่หน้าปกหนังสือเดือนพฤศจิกายนออก และทางสำนักพิมพ์บอกถึงกำหนดการแลกอันแสนสั้นจนเหมือนจะหนีน้ำท่วม จากที่สัญญาไว้

                จากที่บอกว่าจะเซ็นสัญญาใหม่ แต่ตอนนี้มาใช้ฉบับเดิม ก็ไม่เป็นไร

                จากที่บอกว่าหน้าปกใหม่ ใช้หน้าปกเดิม ก็ไม่เป็นไร

                จากที่บอกจะให้แลกในงานหนังสือ แต่มาแลกช่วงเวลาสั้นๆหนีน้ำท่วมแทน ก็ไม่เป็นไร

                ข้อสุดท้ายมีอิจฉานิดหน่อยเหมือนกันนะคะ ขออ้างถึงเรื่องลาสแฟนตาซี รีเทิร์น กับเซเทอเรียส เรื่องของพวกเขาวางขายเมื่อเดือนตุลาที่ผ่านมาแปปเดียว พวกเขาได้แลกเป็นระยะเวลา 1 เดือน ส่วนของโทริวางขายมาครึ่งปีทั่วประเทศ ได้แลกอยู่ 10 วัน ขอบอกตรงๆรู้สึกอิจฉา แต่ไม่เป็นไร ทนได้

                แต่ท้ายที่สุดความอดทนของโทริก็แตกสะบั้น เมื่อโทริเปิดอ่านหนังสือที่ตีพิมพ์ครั้งที่ 2 (อ้อลืมบอกไปค่ะ ตอนเห็นราคาก็ตกใจ เรื่องฉบับสมบูรณ์มันมีจำนวนหน้ามากขึ้น แต่ทำไมราคามันเท่าเดิม หรือทางเขาจะยอมขาดทุนเพื่อลูกค้า นับถือ นับถือ) แรกๆที่เปิดอ่าน ดูจำนวนหน้า โอ้ สำนักพิมพ์เก่งมากๆ สามารถทำให้จำนวนหน้ามีจำนวนเท่าเดิมได้ ทั้งๆที่ต้นฉบับใหม่มันมีจำนวนหน้าเพิ่มขึ้นเยอะพอดู จัดหน้ากันเก่งจริงๆ ตัวหนังสือเล็กลงนี่เองเลยทำให้หน้าเท่ากันได้ เอาน่ะหยวนๆไม่เป็นไร เขาคงไม่อยากเสียชื่อเสียง โทริแค่อดทนคนเดียวก็พอ

แล้วโทริก็อ่านไปประมาณหน้าที่ 11 ตกใจชื่อตัวละครหายไปเลยทำให้การกระทำนั้นมีคนอื่นมาทำแทน จากนั้นก็อ่านมาเรื่อยๆ ก็พบที่ผิดแบบเดียวกันมากขึ้น คือ การที่สรรพนามบุรุษที่ 1 2 3 ของโทริถูกเปลี่ยนเป็นชื่อตัวละครมันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้าเขาเอาชื่อที่ถูกต้องมาแทน แต่นี่มันผิดค่ะ!!

โทริอ่านไปแค่ช่วงแรกไม่ถึงครึ่งเล่ม พวกเขาก็แทนผิดไปประมาณ 4 ที่ โทริบอกตรงๆว่าไม่ใช่ความผิดของโทริแม้แต่นิด เขาเปลี่ยนของเขาเองไม่ได้แจ้งหรือสอบถามโทริแม้แต่นิดเดียวกับเรื่องที่เปลี่ยนไป และที่ทำให้โทริตกใจมากที่สุด คือประโยคที่ว่า 

จิลเรย์แหงนหน้ามองพระจันทร์ 

พระเอกของโทริไม่เคยใช้คำว่า 'แหงน' คำที่โทริใช้คือคำว่า 'เงย' เขาเปลี่ยนของโทริด้วยความที่โทริมั่นใจบวกเริ่มเครียด จึงเปิดเมลที่ส่งต้นฉบับไปเพื่อเช็คดูว่าโทริพิมพ์แหงนไปจริงๆหรือ สรุปโทริใช้คำว่าเงยจริงๆ ทุกคนอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่เป็นเรื่องเล็กที่ทำให้โทริพบจุดใหญ่ จุดใหญ่ก็คือ

ข้อความของโทริถูกตัดออกไป ทุกย่อหน้าราวกับเขาอ่านแล้วสรุปออกมาให้เป็นใจความสั้นๆ เขาเก่งมากค่ะ เพราะแรกๆโทริจับไม่ได้ เพียงแค่ด่าตัวเองว่าสำนวนห่วยจริงๆ ทำไมมันห้วนสั้น ไร้อารมณ์เช่นนี้

สิ่งที่เขากระทำกับหนังสือคือ

- โทริแต่งไป2ประโยค เขาจะย่อให้เหลือแค่ประโยคเดียว จะเหลือแค่ ประธาน กริยา กรรม ไม่มีคำขยายใดๆให้มากความทั้งสิ้น

- เขาตัดคำเชื่อมของโทริ ตัดข้อความในหนังสือของโทริที่เขาคิดว่ามันไม่จำเป็นต่อผู้อ่าน

- ที่สำคัญยังมีการปรับสำนวนของโทริให้เป็นสำนวนของเขาซึ่งโทริก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

- ซ้ำร้ายยังพิมพ์ผิดเพิ่มผิดๆมาอีกทั้งๆที่โทริก็พิมพ์ถูกอยู่แล้ว เขาแถม งอ งูให้โทริมาตัวนึง(ใครหาเจอดีใจด้วย)

โทริอยากถามว่าใครเป็นคนเรียงร้อยถ้อยคำเหล่านี้ในเรื่องค่ะ หน้าที่ของพวกคุณมีมากขนาดเลยหรือ ถ้ามีก็ช่วยกรุณาบอกให้โทริจำใส่กะโหลกไว้ด้วยค่ะ จะได้แต่งเรื่องส่งแค่ ประธาน กริยา กรรม แล้ว ให้คุณไปเติมสำนวนของคุณเอง

                โทริขอโทษทุกท่านที่โทริให้ความหวังกับเล่ม 2 ฉบับสมบูรณ์มากเกินไป ทุกท่านพยายามสอบถามโทริ และส่งหนังสือเพื่อให้แลกได้ทันเวลาที่กำหนด ซ้ำยังโทริยังเชียร์ให้ทุกคนแลกน่าอนาถตัวเองเลยจริงๆ แต่โทริขอบอกว่ามันเป็นเพียงผลงานที่ถูกสำนักพิมพ์ย่ำยีเพราะความที่โทริไว้ใจเท่านั้น มันไม่ใช่หนังสือของโทริที่อยากให้ทุกท่านที่ต้องรอคอยได้อ่าน ทุกท่านอดทนมาพร้อมกับโทริ โทริทำให้ทุกท่านเชื่อใจ โทริต้องขอโทษทุกท่านจริงๆค่ะ โทริพยายามได้แค่นี้และสุดท้ายก็ไม่สำเร็จ

โทริก็ไม่เคยโกรธ เรื่องหน้าปกหนังสือ ขนาดตัวหนังสือที่เล็กลง เพราะอย่างที่เล่าไปตอนแรก โทริเข้าใจเรื่องการค้า และรักษาชื่อเสียง แต่น้อยใจนิดหน่อยที่เขาพูดให้ความหวังว่าจะเปลี่ยนปกใหม่ให้ ทั้งที่ถ้าบอกมาแต่แรกว่าจะต้องทำให้เหมือนกับเป็นพิมพ์ครั้งที่ 2 แต่แรกโทริก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว แต่ที่โทริเคืองมากที่สุดก็เรื่องต้นฉบับที่ถูกแก้ไขซะเละเทะนี่ล่ะค่ะ

โทริไม่แน่ใจว่าหน้าที่ในส่วนนี้เป็นของใคร แต่จากที่โทริไปหาข้อมูลดู  แต่แก้ไขต้นฉบับได้ ต้องเป็นการแก้ไขให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นเท่านั้นนี่คะ และจากที่โทริอ่านเล่ม 2 พิมพ์ครั้งที่ 2 ดู อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของโทรินะคะ โทริมั่นใจว่าต้นฉบับสมบูรณ์เดิมของโทริดีอยู่แล้วค่ะ

ส่วนเรื่องจรรยาบรรณของบรรณาธิการ

โทริไม่แน่ใจว่าเขามีขอบเขตหน้าที่ถึงเรื่องการเปลี่ยนสำนวน ตัวละคร รวมไปถึงตัดประโยคของโทริออกหรือไม่(ทุกอย่างไม่ได้แจ้งหรือถามโทริซักคำนะคะ) ถ้าใครที่มีความรู้ทางด้านนี่ หรือมีปัญหากรณีแบบเดียวกัน กรุณาช่วยตอบโทริด้วยนะคะ จะเป็นพระคุณอย่างสูง



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 ธันวาคม 2551 / 14:51

แสดงความคิดเห็น

225 ความคิดเห็น

รันจัง 1 ธ.ค. 51 เวลา 16:02 น. 1

ไม่น่าทำกันได้เลยนะ ตัวสำนักพิมพ์เองก็ไม่ใช่ สนพ.noname ซักหน่อย เวลามีงานหนังสือบูทก็ใหญ่ด้วย

รึเพราะคิดว่าเป็นนักเขียนเด็กๆ หน้าใหม่ๆ ยังไม่ค่อยมีชื่อเสียง เลยทำกันแบบนี้

แย่จริงๆเลย

0
-.- 1 ธ.ค. 51 เวลา 16:29 น. 2

สถาพร [สะ-ถา-พอน] ว.ยืนยง, มั่นคง (ส.สฺถาวร;ป.ถาวร)

ไม่ยืนยงมาพักใหญ่แล้ว ไม่มั่นคงมาเกือบปี นักเขียนที่สร้างชื่อมาย้ายค่ายกันหมดแล้ว
ไม่ใช่สำนักพิมพ์ไม่ดี แต่เป็นเพราะกองบรรณาธิการไม่ตระหนักถึงความเป็นนักอ่านเช่นเดิม
เพราะยึดถือชื่อเสียงแต่แรกเริ่ม จึงยึดติดว่าตนจะไม่มีข้อผิดพลาด

0
[ พี่เปรี้ยว ] 1 ธ.ค. 51 เวลา 16:47 น. 3

น้องพี่ ส่งสัญญาของบริษัทนี้มาให้พี่ที เดี๋ยวจะหาคนช่วยตีความแล้วส่งเรื่องฟ้องร้องให้ (ถ้าน้องอยากเอาคืน) เข้มแข็งไว้น้อง พี่คอยเชียร์อยู่

พี่ปอ

0
sasadao 1 ธ.ค. 51 เวลา 17:16 น. 4

ฟังดูคล้ายๆ กรณีเดียวกับเนอวาน่าของคุงป๊อคหรือเปล่านะ - -*


PS.  ฉันชื่อซีนู พระเจ้าแห่งดาวซูลู ในปี 2009 ฉันจะเดินทางจากกาแลคซี่อันไกลโพ้นมายึดครองโลก พวกมนุษย์ทั้งหลาย หากอยากรอดตายจากวิกฤติการณ์ครั้งนี้ จงสร้างหลุมหลบภัยราคา 10 ล้านเหรียญซะ
0
Mookiiez 1 ธ.ค. 51 เวลา 17:17 น. 5

อย่าคิดมากนะคะโทริ มุกก็เคยโดนแก้นิยายแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่หนักแค่นี้ มุกโดนอย่างมากก็แค่เพิ่มประโยค ตัดประโยคเปลี่ยนคำพูด ตัดอะไรหลายๆ ออกเยอะแยะ ลดบทเศร้าของมุกให้มันดูเศร้าน้อยลง แต่ถึงตอนนี้มุกก็ทำใจได้แล้ว แต่ของโทรินี่หนักมาก เป็นมุก มุกก็คงทนไม่ไหวเหมือนกัน 

สิ่งหนึ่งที่สนพ เค้าคิดคือ เค้าเห็นเราเป็นเด็ก เด็กที่ไม่รู้ประสีประสา บางทีเค้าก็อาจจะแอบเอาเปรียบเราบางอย่างโดยที่เราไม่รู้

สู้ๆ นะคะ

มุกเป็นกำลังใจให้


PS.  ความสุขของนักเขียนคือการที่เราได้เขียนอะไรบางอย่างและทำให้คนอื่นอิ่มเอมไปกับมันด้วย....ฉันจะทำหน้าที่นี้ต่อไปให้ดีที่สุด
0
แบบนี้ก็มีด้วย 1 ธ.ค. 51 เวลา 17:18 น. 6

กำลังคิดว่าอยากลองส่งผลงาน รู้อย่างนี้ก็กลับตัวได้ทัน สู้ๆ นะคะเป็นกำลังใจให้ (แต่ไม่น่าร่วมงานด้วยตั้งแต่แรกๆ ที่คุยกันเรื่องจะวางแผงให้ได้แล้วอ่ะ)

0
Ten-Pins [Saifon] 1 ธ.ค. 51 เวลา 17:23 น. 7

เออ ไม่คิดว่าสนพ. นี้จะเป็นแบบนี้นะเนี่ย ทำไมทำกันได้ละเนี่ย สงสัยพี่โทริอัดอั้นมานาน ระบายยาวมากกก


PS.  [Saifon] -> .."หนึ่งวินาทีนั้นก็ไม่อาจหวนคืน หนึ่งวินาทีข้างหน้าก็มิอาจมองเห็น ในสถานการณ์เช่นนี้สิ่งที่ฉันเลือกที่จะเชื่อคือหัวใจของเธอ"..
0
Deta 1 ธ.ค. 51 เวลา 17:57 น. 9

-*-
อ่านแล้วเคืองแทน
ถ้าเป็นข้าน้อย ข้าน้อยจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลยแหละ
ย่อตัวหนังสือไม่เท่าไหร่ แต่นี่ถึงกับมาตัดบท แก้ไขให้ใหม่...มันทำร้ายน้ำใจกันชัดๆ!!!
เป็นข้าน้อยนี่ คงไปวีนถึงสนพ.ไปตั้งนานแล้ว นับถือท่านจริงๆ ความอดทนสูงส่งยิ่งนัก  *-*
ไงๆก็สู้ตายนะฮับ ขอย้ายสำนักพิมพ์กลางคันเลยก็ได้มั้ง??? (เอ๊ะ? หรือติดสัญญาอะไรรึเปล่า???)


PS.  ขอให้ความYจงสถิตกับท่าน อาเมน -/l\- /// ไฮ้!!! ใครว่าข้าน้อยรั่วหา??? ข้าน้อยไม่รั่วเฟ้ย!!!!!!!
0
Dr.Jackal 1 ธ.ค. 51 เวลา 18:02 น. 10
เพื่อนผมก็โดนดองงาน พอโทรไปบอก "โทรมาใหม่นะครับ... ตอนนี้ง่วงนอน" หมอนั่นเลยคิดย้ายสนพ.ด่วน

ไม่ใส่ใจนักเขียน - งานเขียนเลยจริงๆ

PS.  ได้เวลาล่ากระต่ายแล้วสินะครับ ขอให้ผมได้สนุกกับการไล่ล่าครั้งนี้ด้วยครับ...
0
A-SAP 1 ธ.ค. 51 เวลา 18:45 น. 11

...คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย

ว่าจะเป็นกันแบบนี้?


PS.  ...คนอ่อนแอ จะมองว่าโลกนี้โหดร้าย แต่คนอ่อนโยน จะมองว่าโลกนี้สวยงาม
0
DarkAlice 1 ธ.ค. 51 เวลา 19:17 น. 13

เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ  ไม่รู้ถ้าเป็นซันจะทำได้ขนาดนั้นหรือเปล่า  

นับถือๆ

ป.ล ไปดูท้องฟ้ายิ้มแก้เครียดกันเถอะ

^_^


PS.  ความจริงเพียงอย่างเดียวก็คือปัจจุบัน อดีคและอนาคตเป็นเหมือนกองโจรที่ปล้นเอาปัจจุบันไปโดยไม่มีสิ่งใดกลับมา - RiverBoy
0
KennyHass 1 ธ.ค. 51 เวลา 19:20 น. 14

คห.10 ตอนนั้นโทรไปกี่โมงเหรอ ถ้าโทรตอนกลางคืน คนเขาต้องหลับต้องนอนสิ


PS.  If you listen, you are all that I've ever wanted now I whisper, my words are not promising but let me, be setting down on you forever ever...
0
Peachgal 1 ธ.ค. 51 เวลา 19:23 น. 15

ความเห็นส่วนตัว

: มันเป็นความผิดพลาดจากการติดต่อสื่อสารระหว่าง สนพ. กับ นักเขียน
ซึ่ง ถ้าติดต่อกันได้ คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น (แต่คงยากค่ะ เพราะหากไม่มี
Msn ของ บก. ก็ต้องรอคิวนาน กว่าบก.จะมาตอบ) อีกอย่าง พิมพ์ไปแล้ว 
มันก็หมายถึง ต้นทุน ที่เสียไปแล้ว จะให้เรียกคืนหนังสือมันก็...อย่างที่เข้าใจค่ะ
ธุรกิจ มันก็คือธุรกิจ ถึงแม้ว่าจะเป็นธุรกิจขายความฝัน มันก็ยังคือธุรกิจ ^^

อีกอย่าง...ทาง สนพ.เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจให้เปลี่ยนหนังสือได้ไม่ใช่เหรอคะ?
ก็ถือว่า สนพ.เองก็ไม่ได้ เอาเปรียบ ผู้บริโภคเสียทีเดียว (แต่ทำร้ายจิตใจนักเขียนไปเต็ม ๆ เหอๆ)

: เรื่องการรีไรท์ประโยค การแก้ไขต้นฉบับโดย บก. หรือ ทางกอง บก. ก็ไม่ได้มีแต่
ที่ สนพ. ของ จขกท. หรอกค่ะ ที่ สนพ.อื่นก็มี และไม่เกี่ยวกับว่า...เป็นเพราะนักเขียน
ยังเป็นเด็ก หรือไม่เด็ก หากแต่เป็นเพราะ....ให้ตรงตามมาตรฐาน ของสนพ.ต่างหาก 
^^ ดังนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าจะให้ดี ในสัญญาควรจะมีบอกไว้ด้วยก็ดี
ค่ะ จะได้ไม่เกิดกรณีพิพาทกับนักเขียน 

ถือว่าเรื่องนี้ เป็นกรณีศึกษาให้ทาง สนพ.ปรับปรุงการทำงานอีกเรื่องล่ะกันเนอะ 


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 1 ธันวาคม 2551 / 19:58

0
นักอ่านเงา 1 ธ.ค. 51 เวลา 19:24 น. 16

แนะนำให้เอาข้อความนี้ไปลงในถนนนักเขียน เว็บพันทิปด้วยค่ะ

เพราะทางนั้นมีนักเขียน+คนในวงการที่มีประสบการณ์หลายคน น่าจะให้คำปรึกษาดีๆได้ เคยเห็นมีหลายกรณีที่นักเขียนโดนสนพ.เอาเปรียบแล้วทางนั้นเค้าก็ออกมาช่วยกันจนเป็นผลน่ะค่ะ

อีกอย่างคือ ถ้าเรื่องไปถึงพันทิปล่ะก็ มันจะไม่เงียบหายไปกับสายลมค่ะ (หากคุณโทริไม่อยากให้มันเงียบไปพร้อมกับความไร้ความรับผิดชอบของสนพ.นะคะ)

0
Dr.Jackal 1 ธ.ค. 51 เวลา 19:29 น. 17
คห.10 ตอนนั้นโทรไปกี่โมงเหรอ ถ้าโทรตอนกลางคืน คนเขาต้องหลับต้องนอนสิ>>>>> เห็นว่าตอนบ่ายๆ คงหลับอยู่เหมือนกันละมั้งครับ

PS.  If you listen, you are all that I've ever wanted now I whisper, my words are not promising but let me, be setting down on you forever ever...
Name : KennyHass < My.iD > [ IP : 118.173.90.120 ]
Email / Msn:
วันที่: 1 ธันวาคม 2551 / 19:20

PS.  ได้เวลาล่ากระต่ายแล้วสินะครับ ขอให้ผมได้สนุกกับการไล่ล่าครั้งนี้ด้วยครับ...
0
~..Famel..~ 1 ธ.ค. 51 เวลา 19:39 น. 18

เคืองค่ะ = =^

สำนักพิมพ์ทำแบบนี้ได้ไงอ่ะ!

ตัดบท แก้ไขเรื่อง ทำแบบนั้นคนอ่านมันจะอ่านรู้เรื่องไหม!!  - -^

สำนวนที่หนูอ่านในนิยายของพี่ที่ลงเว็บก็ดีแล้วนะ 

แล้วเขาจะเปลี่ยนทำเพื่ออะไรคะ... 

สู้ต่อไปค่ะพี่ไก่

สู้ๆ !! >w< d!

ปล.ไม่ว่ายังไงก็รออ่านเสมอค่ะ >w<


PS.  นคราเซวีน่าคือหนึ่งเดียว
0
นักเขียนสถาพรคนหนึ่งผูเซ่งประสบปัญหาเดียวกัน... 1 ธ.ค. 51 เวลา 19:40 น. 19

ผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่สำนักพิมพ์นี้ (ไม่ขอเอ่ยนามปากกาตัวเอง เพราะอีกไม่นานผมก็จะย้ายออกแล้ว)
บัดนี้มีผลงานตีพิมพ์ไปสองเล่ม
ภาคต่อของเล่มสองโดนระงับเนื่องจากมันยาวไป ทุกวันนี้นักอ่านก็ยังถามเพื่อเจอพบ เห็นผมออนเอ็มเอสเอ็น
และเรื่องใหม่ที่ส่งไปตั้งแต่ปีที่แล้วยังไม่มีวี่แววของการตีพิมพ์
เริ่มแรกผมโทรหา บก. โป่ง (บรรณาธิการใหญ่ ขอเอ่ยชื่อเพราะเรื่องทั้งหมดเป็นความจริง) ไม่มีวี่แววของการรับสาย บางครั้งโทรหาไม่ติด ผมโทรอยู่เช่นนั้นเป็นอาทิตย์ๆ จนวันหนึ่งโทรไปตอนหกโมงเช้า ปรากฏว่าติด อีกฝ่ายกรอกน้ำเสียงงัวเงียมาตามสายโทรศัพท์ ผมคุยอะไรก็แสดงท่าทีรำคราญ บอกว่าจะโทรกลับ แต่กลับเงียบหายไป
ผมยังไม่หมดความพยายาม โทรอีกครั้ง หลายวันผ่านไปกว่าจะติด บก. ผู้นี้มีธุระอะไรบางอย่างอยู่ที่โรงพัก ซึ่งทุกวันนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าธุระอะไรและไม่เคยโทรไปอีกเลยเพราะไม่กล้า
นิยายเรื่องใหม่ของผมค้างอยู่ในกองเป็นแรมปี ขณะที่นักเขียนดังๆ คนอื่นส่งงานไปไม่ถึงหนึ่งเดือนแล้วออกวางขาย ตีพิมพ์ติดต่อกันเดือนต่อเดือน เพียงเพราะเขาขายดี
ผมเพิ่งตระหนักไม่นานหลังจากนั้นว่าปัญหานี้ไม่ได้พบในผมคนเดียว มีพี่นักเขียนคนหนึ่งเล่มแรกตีพิมพ์ไปเมื่อสองสามปีที่แล้ว เล่มสองยังไม่ออกสู่สายตาประชาชนเพราะเหตุผลที่ว่าเล่มหนึ่งยอดขายไม่ดี
ความหวังของผมริบรี่... ระหว่างนั้นถึงขณะนี้ผมแต่งนิยายจบไปสี่เรื่องด้วยกัน มีคนถามว่าทำไมไม่ตีพิมพ์สักที ผมเพียงตอบไปพวกเขาไปว่า "แต่งจบแล้วหลายเรื่อง แต่รอคิว"

ปัญหาของผมไม่ได้มีแค่นี้ เล่มหนึ่งของผมก็เป็นปัญหาไม่แตกต่งจากเจ้าของกระทู้ เนื่องจากผมส่งต้นฉบับไปสองรอบ แต่ปรากฏว่าเขาตีพิมพ์ต้นฉบับอบแรก
สำนวนภาษาทั้งเล่มถูกเปลี่ยนแปลง หนังสือยังไม่วาง แต่ผมรู้ก่อนว่าเขาตีพิมพ์รอบแรกหลังจากที่โทรไปเชคต้นฉบับและบอกให้เขาอ่านให้ฟัง มีข้อผิดพลาดดังต้นฉบับชุดแรก
เวลานั้นผมโทรไปที่กอง บก. เช่นกัน เขาบอกว่าต้นฉบับแก้ไม่ทันแล้ว บก ใหญ่โทรมาบอกว่าคงรับงานของผมตีพิมพ์ไม่ได้หากต้องให้ บก จัดการทำต้นฉบับใหม่
ผมยอมเรื่องนี้ไปอย่างน่าเศร้าเนื่องจากเป็นนิยายเล่มแรก เราเป็นนักเขียนหน้าใหม่จะมีงอะไรได้...
นั่นคือปัญหาให้ผมแก้เล่มสองจ้าละหวั่น เปลี่ยนเนื้อหาใหม่ทั้งหมด แต่งเสร็จรีบส่งต้นฉบับไป รอเกือบครึ่งปีก่อนจะตีพิมพ์
ผมรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กเหลือเกิน เล็กจนมองไม่เห็นในสายตาของคนอื่น ผมไม่กล้าบอกว่านักอ่านว่าหนังสือจะออกเมื่อไหร่&nbsp ไม่กล้าจริงๆ...
ผมส่งต้นฉบับเรื่องใหม่ที่แต่งจบไปสำนักพิมพ์อื่น เรื่องที่ค้างคาอยู่สถาพรก็ปล่อยมันไว้ตรงนั้น เลือกจะเดินหน้า ส่งงานประกวดทุกประเภท
จนวันนี้มาเห็นผู้มีความทุกข์ใจกับสำนักพิมพ์นี้เช่นผม
ผมก็เคยเห็นหนังสืของท่านของเจ้าของกระทู้เช่นกัน หนังสือเล่มหนึ่งของผมถ้าจำไม่ผิดออกก่อนของท่านประมาณหนึ่งปี น้อยหรือมากกว่านี้ไม่แน่ใจ
เป็นกำลังใจท่านเจ้าของกระทู้และตัวเองต่อไป...

0