Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

คนไทย ถูกหลอกให้ดื่มนม !!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขอเริ่มต้นด้วยประโยคค่อนข้างรุนแรงอย่างนี้แหละครับ

เพราะผมคิดแบบนั้นจริงๆ คนไทยถูกบริษัทขายนมปลูกฝังความคิดว่านมวัวเป็นอาหารที่สุดเลิศ
เด็กน้อยจะแข็งแรงตัวสูงและฉลาด ต้องดื่มนมวัว อืม…โฆษณาล่าสุดที่ผมนึกได้ คือ “ไม่เสียแรงเปล่า
ที่เราดื่มนม” เด็กผู้หญิงน่ารักท่าทางแข็งแรง สะพายเป้ไว้ข้างหลังเดินขึ้นเนินด้วยความคล่องแคล่ว
เจอเด็กผู้ชายกำลังลากเป้ขึ้นเนิน แล้วเด็กผู้หญิงก็เอาเป้เด็กผู้ชายมาสะพายข้างหน้าเดินขึ้นเนินพร้อม
2 เป้ ด้วยความแคล่วคล่องว่องไว……..และจบด้วย….. “ไม่เสียแรงเปล่า ที่เราดื่มนม”
นี่มันเทคนิคการโฆษณา เทคนิคทางการตลาดชัดๆ แน่จริงเอางานวิจัยมาว่ากันสิ…

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมวัวครับ
แต่ใช้น้ำจากอกแม่เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ (….ค่าน้ำนมแม่นี้ จะมีอะไรเปรียบเหมือน…) มากกว่า 30 ปี
ที่คนไทยโดนหลอกจะด้วยตั้งใจ ไม่ตั้งใจ หรือรู้เท่าไม่ถึงการ ทำให้คนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่า
นมวัวคืออาหารจำเป็นสำหรับเด็กทุกคนจะขาดเสียไม่ได้

ไม่จริงหรอกครับ ก็แค่โปรตีนกะแคลเซียมในนม อาหารไทยๆของเราอย่างอื่นก็มีครับ
น่องไก่1ชิ้นมีโปรตีนมากกว่านม 1 กล่องครับ ไข่ไก่ 1ฟองหรือนมถั่วเหลือง 1กล่อง ก็มีโปรตีนพอๆกับนมวัว
1กล่องครับ แคลเซียมในปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง กุ้งเสียบ มีมากกว่านมเป็น 10 เท่า

ประมาณ พ.ศ.2500 มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์เอาหางนมวัวมาบริจาคให้เด็กไทยสมัยนั้น
นัยว่าฝรั่งสงสารเด็กไทยที่มีปัญหาขาดสารอาหาร
แต่จริงๆคือการระบายหางนมที่ฝรั่งช้อนเอาเนยไปกินหมดแล้ว แทนที่เขาจะเอาหางนมไปทิ้งทะเล
ก็บริจาคให้เด็กไทยกินจะได้ดูเป็นการกุศล แต่มีวาระซ้อนเร้นคือการอ่อยเหยื่อ ? ศ.นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว
อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข เล่าว่า ในสมัยนั้นเด็กไทยที่ดื่มนมวัวบริจาคพากันท้องเสียหมด
เพราะว่าเด็กไทยไม่คุ้นเคยกับน้ำตาลและโปรตีนในนม นั่นคือ เด็กไทยแพ้นมวัว
แต่เรื่องดังกล่าวถูกมองว่าไม่ใช่ปัญหา ก็ให้เด็กค่อยๆชินกับนมวัวทีละนิดจนดูเหมือนเด็กจะดื่มนมได้
การบริจาคครั้งนั้นจึงเป็นการเปิดทางให้ฝรั่งขายนมวัวให้กับเมืองไทยนั่นเอง

จากการศึกษาของรพ.จุฬาลงกรณ์ และ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ พบว่า
ถ้าเทียบอัตราแพ้นมวัวเฉพาะในเด็กทารกกับทารกด้วยกันเองจะพบว่า ตัวเลขของอาการแพ้นมวัวมีมากถึง 50%
ของทารกที่ดื่มนมวัว

แบลงก้า-มาเรียและคณะ พบว่า เด็กทารกที่มีคนในครอบครัวมีประวัติภูมิแพ้
หากดื่มนมวัวจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ 20% แต่ถ้าดื่มนมแม่แต่เพียงอย่างเดียว
อัตราเสี่ยงต่อภูมิแพ้จะมีเพียง 0.5-1.5% เท่านั้น

ในอังกฤษ มีการศึกษาในเด็ก 1,456 คน พบว่าหากเด็กดื่มนมแม่นานกว่า 3 เดือน
เด็กจะป่วยด้วยโรคหอบหืด 10.3% หากดื่มนมแม่น้อยกว่านั้นจะเกิดหอบหืด 17.1%


มีงานวิจัยหลายสิบชิ้นตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ทั่วโลกยืนยันเรื่องการดื่มนมส่งผลต่อโรคภูมิแพ้
รวมทั้งงานวิจัยของ ศ.นพ.สุขสวัสดิ์ เพ็ญสุวรรณ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
ท่านทดลองให้พลทหารไทยดื่มนม แล้วส่องกล้องดูลำไส้ ปรากฏว่าพลทหารเหล่านั้น
ต่างมีเยื่อเมือกลำไส้บวมหมดทั้ง 100% ของกลุ่มผู้รับการทดลอง

ถึงตอนนี้ท่านคงตั้งคำถามว่าอะไรในนมวัว ที่ทำให้เด็กแพ้ มีอย่างน้อย 2 อย่างครับ
คือ 1.โปรตีนในนมชื่อว่า เบต้าแล็กโตโกลบูลิน 2.น้ำตาลในนมที่เรียกว่า แล็กโตส

เบต้าแล็กโตโกลบูลิน เป็นโปรตีนที่มีในนมวัว แต่ไม่มีในนมแม่
เนื่องจากโปรตีนในนมวัวตัวนี้เป็นโปรตีนขนาดเล็ก
จึงสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดของร่างกายได้ทั้งสาย
โดยไม่ต้องย่อยให้เป็นกรดอะมิโนเสียก่อนแบบที่เราเคยเข้าใจ
สมัยก่อนเราคิดว่าโปรตีนอะไรก็ตามจะไม่เข้าไปทั้งสายเต็มรูป
นั่นคือโปรตีนทั้งหลายหากจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายก็จะต้องถูกน้ำย่อยทำให้แตกตัวออกเป็นกรดอะมิโนก่อน
แต่ปัจจุบันความเชื่อนี้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อนักวิทยาศาสตร์มีความรู้มากขึ้น
เขาก็รู้ว่าโปรตีนบางชนิดมีขนาดเล็ก เช่น โปรตีนในนม
กระทั่งโปรตีนที่เป็นเอนไซม์บางตัวสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายโดยคงรูปไว้เช่นเดิม ดังนั้น
โปรตีนในนมวัวจึงเข้าไปเป็นโปรตีนแปลกปลอมในร่างกาย
และหากโปรตีนแปลกปลอมอย่างเบต้าแล็กโตโกลบูลินในน้ำนมวัวเกิดเข้าไปในร่างกายแล้ว
ร่างกายก็จะโต้ตอบโดยมีปฏิกิริยาของภูมิแพ้

การที่แพ้น้ำตาลในนมวัว ที่แพ้เพราะแล็กโตส
ข้อเท็จจริงแล็กโตสเป็นน้ำตาลในนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกประเภท ในน้ำนมคนก็มี
น้ำตาลนี้ถูกย่อยโดยเอนไซม์แล็กเตส ได้เป็นกลูโคสและกาแล็กโตส
ร่างกายเราใช้น้ำตาลแล็กโตสไม่ได้แต่ใช้ น้ำตาลกลูโคสและกาแล็กโตสได้ ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
รวมถึงคนเรา เมื่อเกิดมาใหม่ๆ ทารกต้องดื่มนมเป็นหลัก ธรรมชาติก็ให้น้ำย่อยมาย่อยนมในลำไส้
แต่เมื่อเด็กโตขึ้นหรือสัตว์โตขึ้น เอนไซม์แล็กเตสก็จะหายไป และจะหายไปหมดเมื่อเด็กอายุประมาณ 2 ปี
นี่คือสัญญาณทางธรรมชาติที่บอกว่า เด็กควรงดดื่มนมได้แล้วเมื่ออายุมากกว่า 2 ปี
ท่านเคยเห็นสัตว์ที่โตแล้วอะไรบ้างที่ดื่มนม นอกจากมนุษย์

แล้วนมวัวสัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้อย่างไร
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าร่างกายของเรามีวิธีจัดการกับโปรตีนแปลกปลอมหรือสารก่อภูมิแพ้ต่างๆอย่างไร
ร่างกายเราจะนำอิมมูโนโกลบูลินหรือสารที่ทำหน้าที่ต้านทานชนิดหนึ่ง ไปจับกับสารแปลกปลอมเอาไว้
ซึ่งอิมมูโนโกลบูลินที่ร่างกายใช้กำราบสารแปลกปลอมคือ IgA

หากเด็กดื่มนมวัวเข้าไป ร่างกายจะเอา IgA ไปจับกับโปรตีนจากนมวัวสายนี้เอาไว้
เพื่อป้องกันไม่ให้โปรตีนแปลกปลอมรุกล้ำเข้าไปในร่างกายแล้วก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแแพ้ที่อาจจะเป็นอันต
รายได้ หากดื่มนมวัวเป็นประจำและดื่มเป็นจำนวนมาก ร่างกายก็จะเปลือง IgA มาก และเมื่อ IgA
ถูกขนไปเรียงรายตลอดความยาวของลำไส้ IgA
ที่อยู่แถวเนื้อเยื่ออ่อนของทางเดินหายใจและผิวหนังก็จะมีน้อยกว่าปกติ
จนไม่อาจต้านทานโปรตีนแปลกปลอมอื่นที่อาจเข้าสู่ร่างกายทางนี้ได้
ยิ่งถ้าเป็นภูมิแพ้โดยกรรมพันธุ์อยู่แล้ว จะมี IgA ในร่างกายน้อยกว่าชาวบ้านเค้าก็เสร็จกันสิ
ความเสี่ยงของอาการแพ้อากาศและผื่นแพ้ที่ผิวหนังก็มากขึ้นตามไปด้วย

ผมเป็นเภสัชกรที่รักษาผู้ป่วยด้วยยาร่วมกับวิธีการทางธรรมชาติบำบัด
ขอเล่าตัวอย่างผู้ป่วยที่ผมให้เลิกดื่มนมแล้วโรคภัยหายไป 3 ตัวอย่าง
(ความจริงขอโม้ว่า…ตัวอย่างผู้ป่วยที่หายขาดจากโรคเรื้อรังต่างๆมีอีกเพียบ )

กรณีที่ 1 เด็กชาย 2.5 ปี เป็นโรคหอบหืดเรื้อรัง รักษาที่รพ.ใหญ่แห่งหนึ่งแต่อาการไม่ดีขึ้น
จนเด็กต้องกินยาขยายหลอดลมแทบทุกวัน เนื่องจากมักมีอาการหอบตอนกลางคืนแทบทุกคืน
พ่อเด็กเป็นเพื่อนบ้านกัน มาถามผมว่าทำไงดีหมอ ผมบอกว่าให้ลองเลิกดื่มนมผงสิ ตอนแรกไม่เชื่อ
แต่อาการเด็กน่าเป็นห่วงจึงกลับมาหาผมใหม่ ผมจึงบอกไปว่าลองทดลองเลิกดื่มนมวัวดูสัก 1 อาทิตย์ดูก็ได้
ระหว่างนี้ก็ให้กินน้ำเต้าหู้แทนนมสิ ปัจจุบันเด็กคนนี้หายขาดจากโรคหอบหืดแล้ว

กรณีที่ 2 เด็กชาย 8 ปี เป็นโรคภูมแพ้เรื้อรังแสดงออกทางระบบทางเดินหายใจ
การเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ แพทย์ที่ตรวจรักษาประจำบอกว่าต้องดื่มนมวันละ 3 แก้วทุกวัน
แม่เด็กเป็นคนไข้ประจำของร้านยาผม วันนั้นเล่าเรื่องปัญหาสุขภาพของลูกชายคนเล็กให้ผมฟัง
ผมบอกว่าก็ให้ลูกเลิกดื่มนมสิ..โตตั้ง 8 ขวบแล้วไม่ต้องดื่มแล้วก็อธิบายเหมือนกับข้อเขียนข้างต้นนี้แหละ
แม่เด็กเชื่อ ปัจจุบันน้องคนนี้ไม่มีปัญหาโรคภูมิแพ้และการเจริญเติบโตปกติทันเพื่อนรุ่นเดียวกันแล้ว

กรณีที่ 3 ผู้หญิงวัยทำงาน อายุไม่น่าเกิน 27 ปี มีปัญหา คัดจมูกเรื้อรัง
ผมซักประวัติพบว่าเธอดื่มนมแทบทุกวัน ผมให้เลิกดื่มนม
ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดและศาสตร์แพทย์แผนจีนบางอย่าง
ปัจจุบันเธอหายขาดจากอาการคัดจมูกเรื้อรังแล้ว


คำบรรยายโดย คุณหมอ อารีย์ วชิรมโน

"นม....ปลอดโรคหรือเพิ่มโรค
ไม่ทราบว่าทราบกันหรือยังหรือว่าต้องการเอานมนั้นมาเป็นปัญหาเรื่องได้กินกัน หรือเรื่องจะคอรัปชั่น
ก็ไม่ทราบครับ นมในที่นี้ไม่ได้หมายความนมจากเต้าของท่านนะครับ แต่คือนมจากนมวัว นมสัตว์ครับ
นมสัตว์เป็นนมที่มีพิษมหาศาลเลย นมที่ท่านดื่มได้และใกล้เคียงกับนมของมนุษย์มากที่สุดคือ นมแพะ นมแกะ
ที่เลี้ยงตามธรรมชาติ แต่ถ้าเอามาเลี้ยงตามที่เขาเลี้ยงกันทุกวันนี้ ทานไม่ได้ครับ สารพิษมหาศาล
ยิ่งนมวัวนี่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ฮอร์โมน เห็นไหมฮะ สารกระตุ้นมีครบหมด พวกปฏิชีวนะติดมาหมดครับ

ทุกวันนี้พวกท่านทานนมดทั้งหลายนั้นมะเร็งกันสลอนเลยครับ
อย่าโกรธนะครับท่านที่เป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งปากมดลูกอย่าโกรธนะครับ
นมพวกนั้และช่วยให้ท่านเป็นมะเร็งได้ง่ายมากเลยครับ ทานแต่ละทีมีทั้งเนื้อทั้งนม
เสร็จเลยครับติดเข้าไป ไม่ใช่แค่ฮอร์โมน ปฏิชีวนะ มีสิ่งต่างๆเยอะแยะติดเข้าไปในนั้น

สำคัญที่สุดในนมนะฮะ โปรตีนในนมวัวมันมีโปรตีนสูงมากโดยเฉพาะโปรตีนเคซีนในนมวัว
มันมีสูงมาก สูงกว่านมมนุษย์ถึง 4 เท่า นอกจากมีโปรตีนสูงแล้วยังมีแคลเซียมสูง
มนุษย์เราไม่มีเอนไซม์ที่จะมาย่อยโปรตีนจากนมวัวที่มันมีมากมหาศาลนี้ได้
เพราะฉะนั้นพอเด็กทานเข้าไปท้องจะเสีย แล้วทีนี้นมวัวคนชอบให้ทานเพราะอะไร
เพราะว่าโปรตีนกับแคลเซียมทำให้ร่างกายเจริญเติบโตเร็ว แต่นั้นคือสัตว์ครับ สัตว์มันต้องโตเร็ว

แต่เราเป็นมนุษย์ ในนมมนุษย์นั้นโปรตีนมีน้อยเป็นพวกโกโบรลิน แคลเซียมก็มีน้อย
แต่มีฟอสฟอรัสสูง ฟอสฟอรัสในนมคนมันต้องเอามาพัฒนาสมองและระบบประสาท ซึ่งมีสูงกว่านมวัว
เพราะว่ามนุษย์เราเนี่ย ต้องพัฒนาสมองหรือระบบประสาทก่อนที่จะมาพัฒนาการความเจริญเติบโตของร่างกาย
โดยพัฒนาร่างกายไปช้าๆ เจริญเติบโตไปเรื่อยๆ แต่สัตว์มีสมองหรือประสาทเติบโตช้า เพราะมีฟอสฟอรัสน้อย
แต่ร่างกายเติบโตเร็ว

ทีนี้พวกมนุษย์โง่ทั้งหลาย พวกเราทั้งหลาย อย่างพวกหมอหมาอย่างผมเนี่ย เรียนมาผิด
อยากโตเร็วนะต้องกินนมเป็นไงครับ โตแต่ตัวแต่สมองเป็นไงครับ เห็นไหม
เด็กทุกวันนี้ทำไมการวิจัยบอกว่าไอคิวต่ำ แต่ตัวเท่ายักษ์ ตัวใหญ่ก็บอกว่าเด็กเจริญเติบโตดี
สนับสนุนให้กินนม
คอรัปชั่นเรื่องนมยังไม่พอ ยังเอาสารพิษมาให้ลูกหลานกินกันอีก นี่แหละครับผมจะบอกให้ถ้าจะทานนม
ทานเถอะครับนมถั่วเหลือง ท่านจะเอาอะไรแคลเซียมก็มีและโปรตีนคุณภาพจากนมถั่วเหลืองมีครบ
ท่านไม่ต้องเอาโปรตีนจากสัตว์ ซึ่งมีทั้งฮอร์โมนและสารพิษ เห็นไหมครับ มีใครเคยคิดบ้างไหมครับ ไม่มีเลย

เพราะฉะนั้น วันนี้ผมต้องขอโทษครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นหมอเหมือนกับผมทุกคนด้วยครับ
เพราะผมใช้คำพูดค่อนข้างรุนแรง แต่ผมไม่ได้ด่าอาจารย์นะครับ คือผมด่าทั้งหมดรวมทั้งตัวผม
เพราะผมก็โง่เหมือนกัน เมื่อก่อนนี้ เอะอะก็กิน เนื้อ นม ไข่ อยู่นั่นแหละครับ
โง่จนมะเร็งรับประทานไปเลย นี่นับว่ายังโชคดีกลับตัวทัน

คำบรรยายโดย คุณหมอ อารีย์ วชิรมโน
PS.   คุยกันได้เป็นกันเอง

แสดงความคิดเห็น

>

102 ความคิดเห็น

chickenhome 10 ม.ค. 52 เวลา 17:51 น. 1

อื้ม ยาวจ้ะ อ่านไม่หมด แหะๆ -*-

แต่ก็พอรู้เรื่องคร่าวๆอ่ะน่ะ

เราเคยได้ยินมาว่า

ถ้าดื่มนมแล้วตัวสูง

เรื่องนี้จริงป่าวอ่ะ???

0
มันก็ยัง งงๆ 10 ม.ค. 52 เวลา 18:02 น. 2

อาหารทุกอย่างมันก็มีคุณมีโทษทุกอย่างแหละ

กินผักบางตำราก็ว่าไม่ดี

ยังไง เกิดมาแล้วขอกินทุกอย่างที่ชอบละกัน

จะตายวันไหนก็ไม่รู้


PS.  คู่ต่อสู้ ศัตรูที่เราแสนเกลียด บางครั้งเราต้องกอดมันไว้ ไม่ใช่เพราะรัก ก็แค่..หนีบหมัด ไม่ให้มันต่อยเราถนัดเท่านั้นเอง
0
||-HeDw!g & P!gw!Dgeon-|| 10 ม.ค. 52 เวลา 18:12 น. 3

คห.1
นมมีแคลเซียมไง - -''
แคลเซียมทำให้กระดูกแข็งแรง

ถ้าดื่มนมกะออกกำลังกายมันก็สูงได้หนิ


PS.  _____POTTERMANIA* .. Harry Potter devotee : )_____
0
tee2539 10 ม.ค. 52 เวลา 18:42 น. 4

สรุปนะครับ

ที่เขาวิจัยมาน่ะ กุ้งแห้งมีแคลเซียมเยอะสุดครับ ประมาณ 2000 ( จำหน่วยวัดไม่ได้ง่ะ )


PS.   คุยกันได้เป็นกันเอง
0
โปเยเลโปโป 10 ม.ค. 52 เวลา 19:25 น. 7

เราไม่กินนมมาตั้งหลายปีแล้ว
เมื่อก่อน กินนมแล้วอ้วก ไม่ก็ปวดท้องประจำเลยล่ะ
แต่พอเริ่มมาลดความอ้วน พอไม่กินนม ร่างกายก็ดีขึ้นนะ

เอาจริงๆแล้ว นมน่ะ มีประโยชน์ แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับตนเอง
ถ้าอ้วน แต่ชอบกินนมหวาน ก็อาจเปลี่ยนเป็นนมเปรี้ยว โยเกิร์ต หรือนมจืดแบบพร่องหรือขาดมันเนยก็ได้
ถ้าผอม ก็กินนมเยอะๆพวกนมหวาน หรือพวกที่มีมันเนยเยอะๆ อะไรแบบนี้

ทุกอย่าง ล้วนมีด้านบวกและด้านลบ

ถ้ากินกุ้งแห้ง จริงอยู่ที่แคลเซียมสูง แต่กุ้งแห้งมันก็ทิ่มเหงือกทิ่มฟันได้เผลอๆบางที กินแล้วอาจติดคอได้
และอย่าลืม กุ้งแห้งมีโซเดียมสูงนะ ถ้าได้รับมากเกินไปก็เป็นโทษต่อร่างกายเช่นกัน


***สรุป จะกินอะไรก็ต้องเลือกที่มีประโยชน์ และกินให้เหมาะสมต่อร่างกายตนเองนั่นแล....***

0
auตัว!!สบ 10 ม.ค. 52 เวลา 19:43 น. 8

แต่เด็กบางคนกินนมแม่ตอนเป็นทารก

ก็ยังเป็นภูมิแพ้อยู่ดีอ่ะ


PS.  ~o@ เวลาเปลี่ยนไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป แม้กระทั่งใจของคน ยังเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา @o~
0
อีแอบ 10 ม.ค. 52 เวลา 20:07 น. 9

นนมถั่วเหลืองเหอะ อร่อยกว่า - -
(เหตุผลที่เลือก แค่เนี้ย)


PS.  "To lodge all power in one party and keep it there is to insure bad government and the sure and gradual deterioration of the public morals." - Mark Twain, Famous American Writer
0
ZtablE 10 ม.ค. 52 เวลา 20:55 น. 10

ผมคนนึงหละที่ดื่มนมคุณแม่น้อย(ผมลูกคนแรกแม่ท่านเลี้ยงยังไม่เก่ง)
แล้วแม่ก็ให้กินนมวัวมาโดยตลอด ตอนนี้อายุ 17 สูง 184 แต่เรื่องโง่ไม่โง่นี่ไม่รู้นะครับ
ส่วนเรื่องโรคนี่ก็เป็นภูมิแพ้มาตั้งแต่เกิดครับ

0
*** 10 ม.ค. 52 เวลา 22:53 น. 11

ถ้าแพ้นมวัวก็ดื่มนมแพะแทนซิคะ

มันก็ยังมีประโยชน์กับเราอยู่หรอกคะนมพวกนี้

0
Necross 11 ม.ค. 52 เวลา 00:36 น. 12

เดี๋ยวนะครับ คุณจขกท. จากที่อ่านมา สรุปประเด็นว่า 
ควรให้ ทารกกินนมแม่ มากกว่านมวัว นะครับ 
เด็ก(หมายถึง3-12ปีรึเปล่าครับ คงต้องถามคุณหมอ)ทานนมวัวเป็นแหล่งเสริมโปรตีนกับแคลเซียมได้ ยกเว้นกรณีที่พบว่าแพ้ ก็กินอย่างอื่นแทน (แต่ว่าแพทย์ควรเป็นคนวินิจฉัยเพื่อคอนเฟิร์มมากกว่านะ ผมว่า)

การแพ้นม พบได้บ่อยจริง แต่ว่ามันขึ้นกับความรุนแรงด้วยนะครับ เคยได้ยินมาหลายปีละว่าคนไทยมียีนที่เกี่ยวกับการทนทานต่อLactose(Lactose Intolerance) แต่ว่าอาการจะออกนั่นแปลว่า ซัดโฮกไปกว่า3ขวดใหญ่ ถึงจะแสดงออกมา เช่นท้องเสีย

คิดว่าที่คุณหมอ(ที่เขียนบทความ)กังวล น่าจะหมายถึงทารก(ซึ่งเดี๋ยวนี้มีโฆษณานมผงสำหรับเด็กเยอะเหมือนกัน) และ เด็กที่พบว่าแพ้นมวัวในภายหลังมากกว่า

ส่วนที่ว่าทานอย่างอื่นทดแทน ก็แล้วแต่ครับ บางทีไม่ได้ทานนม กินปลาเล็กปลาน้อย ก็ได้เหมือนกัน แต่ว่า เด็กคงเบื่อถ้าวันๆกินแต่ปลา จะกินนมสลับบ้าง ก็ไม่น่าจะเป็นไรไป

สิ่งสำคัญคือ ผู้ปกครองที่ให้เด็กทานนมต้องคอยสังเกตด้วยว่าลูกผิดปกติรึเปล่า มีภูมิแพ้ ท้องเสีย อาการแพ้ ถ้าเกิดสงสัยเรื่องนม ก็ลองหยุดดู อาการดีขึ้นก็เดาไว้ก่อนเลยว่าอาจจะใช่

ส่วนเรื่องความโง่นั้น มีหลายปัจจัยครับ(บทความคุณหมอเป็นแค่เหน็บแนมเฉยๆ) Geneticบ้าง Cognitive functionบ้าง Environmentบ้าง หลายอย่างมากมาย

คงไม่ได้ขัดความหวังดีของจขกท.มากมายนะครับ ต้องขอโทษล่วงหน้าครับ

0
i read 13 ม.ค. 52 เวลา 02:57 น. 15

ไม่ชอบกินนมอะ

กินแล้วอิ่ม!


มาอยู่ที่เยอรมัน เขาบอกว่า นมไม่ช่วยให้สูงหรอก ....&nbsp ที่บ้าน(เยอรมัน) ไม่ได้กินนมเพรียวๆ แต่ใส่กะ กาแฟ กับ ชาดำ อะ

0
chavas Social Media Marketing 13 ม.ค. 52 เวลา 05:48 น. 16

แนะนำให้กินนมถั่วเหลืองนะ


แต่ ดื่มนม ก็ยังดีกว่า น้ำอัดลม เหล้า เบียร์ ชาเขียว หนิ


PS.  กำ = ="Let's go to the temple to make merit
0
puum 13 ม.ค. 52 เวลา 06:01 น. 17

ใครบอกให้ดื่มนมวัวตั้งแต่ยังเป็นทารกว่ะ
เป็นความคิดที่งี่เง่ามากเลย นมแม่ก็มี
นมวัวดื่มแค่ช่วงวัยเจริญเติบโตก็พอแล้ว 4-18ปี ประมาณนั้น
หลังจากนั้นก็ควรเลิกดื่มได้แล้ว ดื่มไปมันก็ไม่ย่อยโปรตีนนมวัวแล้ว(บางคนนะ)
แต่ก็อย่างว่า ในอดีตคนไทยเราก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องนี้มากมาย พอฝรั่งเอาของเหลือมาแจกเราก็กินกัน จนฝรั่งเห็นช่องทางค้าขาย
จนเดี๋ยวนี้ก็ยังมีออกผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับเด็กทารกอีกมากมาย จะไม่ให้เด็กได้ดื่มนมแม่กันบ้างหรือไงนะ
แต่เดี๋ยวนี้การที่เด็กทารกจะดื่มนมอะไรก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมครอบครัวที่เลี้ยงดูด้วยแหละ มีตังค์ก็ถูกหลอกง่ายหน่อย แล้วแต่จะคิดกัน

0
อืม 13 ม.ค. 52 เวลา 08:42 น. 18

อารีย์ วชิรมโน&nbsp "ไม่ใช่หมอนะครับ"

บุกจับนายอารีย์ วชิรมโน หมอเก๊ที่ลวงโลก

เมื่อวันที่ 1 ธค. 47 เวลาประมาณ 13.30 น. เจ้าหน้าที่กองการประกอบโรคศิลปะ และสาธารณสุขจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภอ.นาหว้า ได้เข้าตรวจค้นและจับกุม นายอารีย์ วชิรมโน ที่บ้านเลขที่ 1-4 ม.12 ต.นางัว อ.นาหว้า จ.นครพนม หลังจากปรากฎพยานหลักฐานว่า นายอารีย์ วชิรมโน ไม่ใช่แพทย์ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับแพทยสภา และไม่ปรากฎหลักฐานใดๆ ที่อ้างว่า จบแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด หรือ จากประเทศรัสเซีย จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่โดยการล่อซื้อ พบมีการเปิดให้การรักษาพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีการจ่ายยาแผนปัจจุบันในการรักษา ทั้งยาฉีด น้ำเกลือ ยาเบาหวาน ลดความดัน ลดไขมันในเลือด วิตามินต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมและตั้งข้อหาความผิด 4 กระทง คือ ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต

สำหรับพฤติการณ์ของนายอารีย์ วชิรมโน มีการให้การรักษาพยาบาลมานาน จนมีผู้ร้องเรียนไปยังกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากเก็บค่ารักษาในราคาที่แพง โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งจะเสียค่าใช้จ่ายถึง 6 หมื่นบาท และผู้ป่วยแต่ละคนต้องไปเสียค่าเจาะเลือดรายละ 3 พันกว่าบาท โดยนายอารีย์จะมีการอ้างและให้ผู้อื่นโฆษณาตนเองและใช้คำนำหน้าว่า นายแพทย์ หรือ ศาสตราจารย์ ทั้งที่ไม่เคยแสดงหลักฐานใดๆ ในการจบการศึกษาจากแพทย์ ซึ่งจากการตรวจสอบจากแพทยสภา ไม่พบชื่อนายอารีย์ อยู่ในทะเบียนของแพทย์แต่อย่างใด ซึ่งสื่อมวลชนได้กำหนดที่จะนำเสนอข่าว นายอารีย์ หมอเก๊ที่ลวงโลก ในรายการ ถอดรหัส ทางไอทีวี วันที่ 12 ธค. 47 นี้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตามประวัติ นายอารีย์เคยเป็นทหารเสนารักษ์ ไปรบสงครามเวียดนาม ก่อนไปที่อเมริกา และที่บอกว่า จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด รวมทั้งรัสเซีย ปากีฯ นั้น ก็ไม่เคยเห็นหลักฐานตามที่บอก

รวมทั้งที่บอกว่าอายุ 74 ปีก็โกหก ลองไปดูทะเบียนราษฎร์ จะพบว่าอายุประมาณ 60 ปีเศษเท่านั้น

พฤติการณ์ของนายอารีย์ คล้ายๆ กับแก๊ง 18 มงกุฎ เพราะตัวนายอารีย์มีความสามารถในการพูดจา ทำให้ดูน่าเชื่อถือ แม้จะอายุเกือบ 70 แล้วก็ตาม และการรักษา ก็ใช้ยาที่มาจากเมืองนอก ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน คิดค่ารักษาแพงมาก ตก 60,000 บาท สำหรับโรคมะเร็ง หลายคนต้องเลิกรักษาเพราะค่ารักษาที่แพง


แล้วจะยังจะเชื่อบทความนี้มั้ย..

0
MM(thaikid) 13 ม.ค. 52 เวลา 09:04 น. 19

ถ้าอยากสูงกินลูกเดือยหรือปลาตัวเล็กๆที่กินได้ทั้งตัวก็ได้เพราะมีเเคลเซียมสูงมากๆๆๆๆๆๆ

นมนี่เราก็ดื่มนะ เพราะบางทีเรากินข้าวเช้าไม่ทันก็ดื่มนมเเทน

0