Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

กำเนิดปากกา

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

                                                            กำเนิดปากกา


           นอกจากตัวอักษรหรือตัวหนังสือซึ่งมนุษย์ได้คิดประดิษฐ์ขึ้นมาใช้แล้ว " เครื่องมือ " หรือ " อุปกรณ์ " ที่ใช้สำหรับการขีดเขียนก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะกว่าที่เราจะเขียนหนังสือด้วย "ปากกา " หรือ " ดินสอ " ดังเช่นในปัจจุบันนี้ มนุษย์ต้องใช้เวลาในการพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการขีดเขียนเป็นเวลานานหลายพันปี  

      ในยุคอดีตมนุษย์อาจจะใช้นิ้วจุ่มดินหรือหินสี ที่บดเป็นผงผสมกับยางไม้ หรือกาวจากหนังสัตว์ ขีดเขียนบนผนังถ้ำหรือเพิงผา ต่อมาอาจใช้ ดิน หิน ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม โดยการนำมาฝนหรือทำให้เป็นแท่งเพื่อความสะดวกในการขีดเขียน เช่น นำหินชนวนมาทำเป็นดินสอหิน สำหรับเขียนบนกระดานชนวน หรือการทำชอล์กจากผงแคลเซียมซัลเฟต จากเกลือจืด หรือยิปซัมผสมน้ำ แล้วทำให้เป็นแท่งเพื่อสะดวกในการใช้งาน เช่นในปัจจุบันนี้  
วิวัฒนาการของการเขียน
    จากการเขียนบนฝาผนังถ้ำ นำมาสู่การเขียนบนแผ่นไม้หรือแผ่นโลหะ ตลอดถึงการเขียนบนใบไม้ (เขียนหรือจารคัมภีร์โบราณลงบนใบลาน) มาจนถึงการประดิษฐ์กระดาษขึ้นใช้ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ มนุษย์ได้มีการพัฒนาเครื่องมือและกรรมวิธีในการเขียนมาอย่างต่อเนื่อง  

     ชาวอียิปต์โบราณเป็นชาติแรกที่ใช้แปรงเขียนหนังสือบนแผ่นกระดาษที่ทำจากต้นปาปิรุส (papyrus) เป็นการเริ่มต้นวิธีการเขียนด้วยการปล่อยหมึกหรือสีบนแผ่นรองเขียน เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือด้วยพู่กันของจีนและญี่ปุ่น ซึ่งอาจเป็นแนวความคิดเบื้องต้นที่พัฒนาไปสู่การประดิษฐ์ปากกา  
    ชาวกรีกโบราณประดิษฐ์ปากกาขึ้นจากต้นกกไส้กลวง โดยการปาดให้มีปากหลายๆแบบ ทำให้เขียนเส้นได้หลายขนาด ปากกานี้ไม่ใช้หมึกแต่ใช้เขียนบนผิวไม้ที่เคลือบขี้ผึ้งไว้ ทำให้เกิดรอยเป็นตัวอักษรบนผิวขี้ผึ้ง  
"ปากกาแพร่หลายในอังกฤษ"
   การนำวัสดุผิวเรียบมาเป็นสิ่งรองเขียนก่อให้เกิดการพัฒนา " เครื่องเขียน " ที่มีระสิทธิ ภาพสอดคล้องกับการใช้สอย มนุษย์เริ่มนำขนนกหรือขนห่านมาทำเป็น " ปากกา " เรียกว่า " ปากไก่ " สามารถเขียนได้คมชัดและเขียนติดต่อกันได้นาน ในศตวรรษที่ 5 " ปากไก่ " เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการเขียนหนังสือของชาวตะวันตก ในขณะที่ชาวตะวันออกยังนิยมใช้พู่กันไม้อยู่ แต่ทั้ง "ปากไก่" และ "พู่กัน" ไม่มีหมึกในตัวเอง ต้องจุ่มหมึกทุกครั้งที่ใช้เขียนทำให้เขียนได้ไม่สะดวก ต่อมาประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 15 มนุษย์เริ่มประดิษฐ์ " ปากกา " ที่มีปากเป็นโลหะและมีรอยผ่าตรงกลางปาก ทำให้เขียนได้นานโดยไม่ต้องจุ่มหมึกทุกครั้งที่เขียน  
  ในประเทศอังกฤษมีการทำปากกาชนิดนี้ขึ้นใช้กันอย่างแพร่หลาย มีการผลิต " ปากกา " ที่ปลายปากทำด้วยวัสดุต่างๆกัน เช่น เขาสัตว์ เปลือกหอย เหล็กและทอง มีการผลิตกันมากขึ้นจนกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรม แข่งขันกันในเรื่องของความสวยงาม พร้อมกับประดิษฐ์กล่องและที่ใส่หมึกควบคู่ไปกับปากกาด้วย แม้ว่าจะได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถประดิษฐ์ปากกาที่มีหมึกในตัวเองได้  
"บิดาแห่งการประดิษฐ์ปากกาหมึกซึม"
     ปี ค.ศ. 1884 Lewis Edson Waterman ได้ผลิตปากกาที่มีหมึกในตัว เรียกว่า " ปากกาหมึกซึม " (Fountain pen ) ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงถือว่า Waterman เป็นบิดาแห่งการประดิษฐ์ปากกาหมึกซึม มีการคิดค้นพัฒนาปากกาชนิดนี้ให้มีคุณภาพดีขึ้น สะดวกในการใช้งานและมีรูปทรงสวยงาม ผลิตในระดับอุตสาหกรรมทั้งในอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ สืบต่อมาจนถึงในปัจจุบัน มีนักประดิษฐ์ปากกาที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี อาทิเช่น George Parker, Walter A. Sheaffer เป็นต้น และได้ครอบครองความเป็นจ้าวแห่งเครื่องมือสำหรับการเขียนมาโดยตลอดเป็นเวลานานหลายสิบปี  
   ในปี ค.ศ. 1900 " ปากกาหมึกซึม " ได้พบคู่แข่งใหม่นั่นก็คือ " ปากกาลูกลื่น " ปากกาที่มีลูกกลิ้ง ( Ball ) กลมๆเล็กๆ อยู่ที่ปลายปาก เวลาเขียนลูกกลมๆเล็กๆนี้จะหมุน ( กลิ้ง ) ทำให้หมึกออกมาติดบนกระดาษ ปากกาชนิดนี้เกิดขึ้นมาประมาณ 100 กว่าปีมาแล้ว โดยชาวอเมริกาชื่อ จอห์น เอช. ลาวด์ เป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ขีดเขียนบนพื้นที่หยาบๆ ซึ่งไม่ใช่กระดาษ  
    ปลายปี ค.ศ. 1930 นักหนังสือพิมพ์และศิลปินชาวฮังกาเรียน ชื่อ ไบโร ได้ประดิษฐ์ปากกาลูกลื่นขึ้นมาใหม่ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นบรรณาธิการนิตยสารฉบับหนึ่ง ที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ไบโรได้เกิดแนวความคิดจากหมึกแห้ง ( Quick - drying ink ) ที่ช่างพิมพ์ในโรงพิมพ์นั้นใช้พิมพ์หนังสือ จึงคิดหาวิธีนำหมึกชนิดนี้มาบรรจุลงในปากกา โดยที่หมึกจะไม่ไหลและหยดออกมาจนเปื้อนกระดาษ ในที่สุดก็ประดิษฐ์ปากกาที่ใช้หมึกแห้งขึ้นมาจนเป็นผลสำเร็จ ซึ่งก็คือ " ปากกาลูกลื่น " ( Ball - point pen ) สามารถใช้ขีดเขียนโดยไม่มีหมึกหยดและไหลเปรอะเปื้อนเหมือนปากกาหมึกซึมแบบเก่า  
เส้นทางของปากกาลูกลื่น
    ปี ค.ศ. 1938 ไบโรได้ทำการจดทะเบียนสงวนลิขสิทธิ์ แต่ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นมาก่อน เขาจึงได้หนีนาซีไปอยู่ที่ฝรั่งเศส สเปน และเร่ร่อนไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ไปอยู่ที่ประเทศอาร์เจนตินา  
     ต้นปี ค.ศ. 1940 ณ กรุงบัวโนส ไอเรส ไบโรได้รับความช่วยเหลือจากพี่ชายซึ่งเป็นนักเคมีผลิตปากกาลูกลื่นออกจำหน่าย แต่เนื่องจากขาดทุนทรัพย์ เขาจึงขายลิขสิทธิ์สิ่งประดิษฐ์นี้ให้กับราชการทหารของอังกฤษและสหรัฐอเมริกาในราคาไม่กี่เหรียญ ภายหลังลิขสิทธิ์ได้ถูกขายต่อให้กับบริษัท BIC ( ของฝรั่งเศส ) ทำการผลิตปากกาลูกลื่นยี่ห้อ BIC ออกจำหน่ายไปทั่วโลก ในระหว่างปี ค.ศ. 1950 - 1980 สามารถจำหน่ายได้กว่า 10 ล้านด้าม / วัน  
    ในขณะเดียวกับที่ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริงกลับไม่ประสบกับความสำเร็จในชีวิต สิ่งที่คงเหลืออยู่ก็คือความภูมิใจในสิ่งประดิษฐ์ที่คนทั่วโลกรู้จักและใช้ประโยชน์มาตราบเท่าทุกวันนี้  

แสดงความคิดเห็น

48 ความคิดเห็น

skycoaster 14 ก.ย. 50 เวลา 21:38 น. 1

ขอบคุณครับสำหรับความรู้ใหม่ๆ


PS.  ความร่ำรวยเปรียบเหมือนน้ำทะเล ยิ่งดื่มมาเท่าไหร่ก็ยิ่งกระหายมากขึ้นเท่านั้น
0
fuchingi jikara 14 ก.ย. 50 เวลา 21:39 น. 2

ความรู้ใหม่ๆ (สำหรับเรา)


PS.  ความรักไม่มีวันตาย มันจะทำให้เรามีความสุขตลอดไป แม้จะโดนหักอกแต่ก็จะจำช่วงเวลาดีๆไปตลอดกาล เข้ามาอ่านนิยายเราบ้างเน้อ ช่วงนี้เงียบเหงาชักกล - -"
0
Viessav 15 ก.ย. 50 เวลา 08:07 น. 3

*-* น่าทึ้ง


PS.  _// ไม่ว่าอดีตจะเลวร้าย_อนาคตจะหมดหวัง_แต่ปัจจุบันฉันมีเธอ
0
b>Qeen>q 15 ก.ย. 50 เวลา 19:31 น. 7

ขอบคุณนะ เพิ่งรู้ว่านอกจาก ปากกา ยังมีปากไก่ เเล้วปากกาหมึกซึม ยังเเข่งกันกับปากกาลูกลื่นอีก หื่มๆ

0
//////Knight Messenger\\\\\\\\\\\\ 16 ก.ย. 50 เวลา 04:33 น. 10

ปากกาหมึกซึมที่จริงใช้เขียนบนกระดาษก็สวยนะครับ เสียแต่ถ้าเขียนผิดแล้วเขียนทับบนน้ำยาลบคำผิดแล้วมันจะไม่แห้ง

ผมใช้ทั้งลูกลื่นทั้งหมึกซึมครับ

0
007 16 ก.ย. 50 เวลา 11:56 น. 15

ถ้าไม่มีปากกา&nbsp เราก้คงไม่มีอะไรให้ควงอ่านะ

เหอๆ&nbsp  ขอบคุณคนคิดค้นปากกามากมาย

0
--==>>ThE_OnLy_OnE<==-- 16 ก.ย. 50 เวลา 12:00 น. 16

หนูชอบใช้ดินสออ่าค่ะ ลบง่ายเด เหอะๆมันเกี่ยวกันมั้ย -  - แต่คนคิดนี่เขาก้อเก่งจิงๆนะ ขนาดเปนแค่วัตถุเล็กๆยังมีประวัติที่ยาวนาน นับถือๆ

0
ราชนิกูลแห่งสายลม 17 ก.ย. 50 เวลา 03:20 น. 18

อ้อ เขาเรียกว่าปากไก่ด้วยรึเนี่ยะ แง่มๆ ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่คับ

กระทู้ดี ต้องโหวต


PS.  แม้...ไม่อาจเทียบหนึ่งในล้าน ลูกขอตั้งปณิธาน สานสิ่งที่พ่อสร้างไว้ จะขอ...เดินตามรอยเท้าพ่อไป เหนื่อยยากเพียงไหน ไม่ทำให้พ่อผิดหวัง
0
ttt 17 ก.ย. 50 เวลา 15:53 น. 20

อ่านดูแล้วก้อรู้เอง เธอชอบสีขาว --- เขาชอบสีดำ เธอชอบตุ๊กตาหมี --- เขาชอบรถถัง เธอชอบนั่งดูตะวันขึ้นที่ชายทะเลในตอนเช้า เขาชอบบรรยากาศของแสงไฟในเมืองตอนกลางคืน เธอชอบจักรยาน เพราะความช้าของมันทำให้เธอมีเวลาดูอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านไป เขาชอบความเร็วของมอเตอร์ไซค์ เพราะมันทำให้เขาไปถึงที่หมายทันเวลา เธอนอนสี่ทุ่ม ตื่นตีสี่เพื่อใส่บาตร --- เขานอนตีสี่ ตื่นสี่โมงเย็น เพราะกลับดึก เธอได้ท๊อบ เกือบทุกวิชา --- เขาได้0 เกือบทุกวิชา เธอถูกชมและรับรางวัลเด็กนักเรียนดีเด่น เป็นประจำ --- เขาถูกด่าและมีชื่ออยู่ในบัญชีดำของโรงเรียน เธอยิ้มง่าย รักเด็กๆ และกล้าแสดงออก --- เขาหงุดหงิด เกลียดเด็กๆ และขี้อาย เธอไม่ชอบกีฬากลางแจ้ง --- เขาชอบเล่นบาส กับ ฟุตบอล เธอขี้แย --- เขาเข้มแข็ง เธอกลัวฟ้าร้อง --- เขาชอบฝนตก เธอเกลียดความเหงา และไม่ชอบอยู่คนเดียว เขาเบื่อสังคม และชอบเก็บตัวในห้อง เธอร้องไห้ในเรื่องที่เราไม่คิดว่ามันน่าเศร้า เขากลั้นน้ำตาในเรื่องที่อยากฆ่าตัวตาย เธอมองหน้าเขาแล้วเห็นผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่ง --- เขามองหน้าเธอแล้วเห็นนางฟ้าที่ดีที่สุดในชีวิตเขา เธอจับมือเขาไว้ในวันที่เขาท้อแท้ เขานั่งลงข้างๆเธอในวันที่เธอว้าเหว่ เธอเบื่อคำชื่นชมจอมปลอม และต้องการได้ยินเสียงเขา แม้จะเป็นการด่าก็ตาม --- เขาอยากได้ยินคำชื่นชมจอมปลอม ขอแค่มันมาจากปากเธอ เธอจมปลักอยู่ในความทุกข์ในวันที่เขาหายไป เขาจมดิ่งลงในความสุข ในวันที่เธออยู่ข้างๆ วันใดก็ตามที่เขาท้อแท้ หรือ ยอมแพ้ เธอจะโทรไปหาเขา พูดแต่คำว่า รักเธอนะ --- วันใดก็ตามที่เธอผิดหวัง หรือ เหงา เขาจะโทรไปหาเธอ และจะเงียบ อยู่อย่างนั้น จนกว่าเธอจะหยุดร้องไห้ วันใดก็ตามที่เขาได้รับชัยชนะ เธอจะตรงเข้าไปหา แล้วกอดเขา วันใดก็ตามที่เธอได้รางวัล เขาจะตรงเข้าไปหา ยิ้มให้ ชูนิ้วโป้ง แล้วพูดคำว่า ยินดีด้วย วันเกิดเขา เธอหอมแก้มเขาฟอดหนึ่ง แล้วพูดคำว่า ฉันรักเธอ วันเกิดเธอ เขาโทรมาตอนเที่ยงคืน แล้วพูดคำว่า ฉันก็รักเธอ เธอจับมือเขา เพื่อจะเตือนให้เขารู้ว่าเขาสำคัญสำหรับเธอมากแค่ไหน เขานั่งข้างๆเธอ เพื่อให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอจะร้องไห้ และขอร้องให้คนที่ทำร้ายเขาหยุดการกระทำ เขาจะต่อยหน้า ใครก็ตามที่ทำร้ายเธอ เมื่อเขาโกรธ เธอจะรอให้เขาหายโกรธ แล้วโทรไปบอกว่า ขอโทษนะ เมื่อเธอโกรธ เขาจะดึงมือเธอไว้ แล้วพูดคำว่า ฉันขอโทษ เธอโทรไปหาเขาทุกวันเพื่อพูดคำว่า ฉันรักเธอ --- เขารอคอยโทรศัพท์เธอทั้งวัน เพื่อรอฟังคำว่า ฉันรักเธอ วันนี้ตอนเที่ยงคืนรักแท้ของคุณจะได้รู้ว่าเค้าชอบคุณ อะไรดีๆ บางสิ่งจะเกิดขึ้นกับคุณในวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายโมงถึงบ่ายสอง มันจะเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ใน msn นอกโรงเรียน หรือที่ไหนก็ตาม เตรียมตัวรองรับไว้สำหรับอาการช็อกของคุณ ถ้าคุณไม่ส่งต่อไป คณจะถูกสาป คุณจะไม่มีคู่รักไป 10 ปี ไปให้คน 1 5 คน ภายใน 1 5 นาที. ป.ล คน

0