สวัสดีค่าน้องๆ.. เดินทางกันมาครึ่งเทอมแรกแล้ว นอกจาก "ความรู้สึกขี้เกียจ" ก็ยังมีสิ่งที่ตามเรามาติดๆ แบบไม่ยอมถอยเลย ก็คือ "การบ้าน" มีเรียนกี่วิชา ก็มีการบ้านเท่าจำนวนวิชา หนักหน่อยวิชานึง อาจจะมีการบ้านทุกวัน และมีงานมากกว่า 1 ชิ้น!
พี่มิ้นท์ยังไม่เคยสำรวจอย่างเป็นทางการว่าวิชาไหนที่มีการบ้านมากที่สุด แต่ถ้าให้เดาน่าจะเป็น วิชาคณิตศาสตร์!! เพราะหน่วยกิตหนักกว่าวิชาอื่น เรียนคณิตศาสตร์กันสัปดาห์ละ 4 วัน วันไหนไม่มีเรียนเลข ถือว่าสวรรค์มาโปรด เพราะหมายความว่าวันนั้นเราจะไม่มีโจทย์เลขมารบกวนสมองเรานั่นเอง
ถ้าการบ้านเยอะแบบนี้ แล้วไม่รีบทยอยทำ อาจทำให้เกิดอัคคีภัยที่บั้นท้าย(ไฟลนก้น) ช่วงใกล้สอบได้นะคะ ด้วยความเป็นห่วงสุดๆ พี่มิ้นท์จึงอยากมาเสนอแนะวิธีจัดการกับการบ้านที่กองพะเนินอยู่หน้าน้องๆ ให้ทำเสร็จทันเวลาและออกมาแบบมีคุณภาพด้วย
เริ่มแรก น้องๆ ต้องลิสต์รายการการบ้านทั้งหมดไม่ว่าจะงานเล็กๆ อย่างออกไปซื้อของทำบอร์ด, ท่องคำศัพท์ หรือใหญ่ๆ อย่างโครงงาน, รายงานปลายเทอม อาจจะลิสต์ไว้ในกระดาษ 1 แผ่น ในขั้นตอนนี้น่าจะใช้เวลาประมาณ 5 นาทีค่ะ ยกเว้นแต่ว่ามันเยอะมากกก! เขียนเท่าไหร่ก็ไม่หมด (เสียเวลาจดลิสต์การบ้านแค่ไม่กี่นาที ดีกว่าต้องมานั่งนึกเองทุกวันนะ)
เมื่อดึงการบ้านออกมาจนหมดแล้ว น้องๆ จะเห็นว่าการบ้านแต่ละอย่างมีความแตกต่างกัน บางอย่างก็ส่งปลายเทอม แต่บางอย่างส่งอาทิตย์หน้า ไหนจะมีทำง่าย-ยาก ใช้เวลาเยอะ-น้อยอีก สรุปว่าไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี ดังนั้น ให้น้องๆ พิจารณาความสำคัญของการบ้านทั้งหมด และแยกเป็น 4 กลุ่ม ตามตารางดังนี้
จากตารางนี้ มีหัวคอลัมน์ทั้งหมด 4 อย่าง คือ สำคัญมาก-สำคัญน้อย และ ส่งก่อน-ส่งหลัง ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในการใส่ คือ การประเมินความสำคัญและจำเป็น อันนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของน้องๆ ค่ะ โดย
ช่องหมายเลข 1 รีบส่ง-สำคัญมาก คือ งานที่สำคัญ เช่น คะแนนเยอะ, อาจารย์ดุ และมีกำหนดการส่งงานเร็วกว่างานชิ้นอื่นๆ เช่น ส่งพรุ่งนี้, ส่งคาบหน้า เป็นต้น
ช่องหมายเลข 2 รีบส่ง-สำคัญน้อย คือ อาจจะเป็นงานที่มีกำหนดส่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ถ้าถามว่าสำคัญมั้ย ก็อาจจะไม่ได้เร่งด่วนหรือมีผลต่อชีวิตมากมายอะไร ถ้าอยู่ในเคสนี้ให้ไว้ช่องสองค่ะ พูดง่ายๆ คือ ถ้าเกิดมีงานช่อง 1 และ 2 ชนกัน ก็ควรทำช่อง 1 ให้เสร็จก่อนนั่นเอง
ช่องหมายเลข 3 ไม่รีบส่ง-สำคัญมาก ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่กำหนดระยะเวลายาวๆ เช่น รายงานปลายเทอม ถึงจะสำคัญมากก็จริง แต่ถ้าหากมีงานที่จำเป็นมากกว่าก็ควรไปทำก่อน และเวลาที่เหลือค่อยกลับมาทำค่ะ
ช่องหมายเลข 4 ไม่รีบส่ง-สำคัญน้อย คือ งานที่มีความสำคัญน้อยที่สุด ส่วนเรื่องเวลาก็ไม่เร่งด่วนซะด้วย แบบนี้ให้ความสำคัญเป็นอันดับสุดท้ายเลย ว่างแล้วค่อยทำก็ได้
และเมื่อน้องๆ จัดตารางได้ตามนี้แล้ว ก็แปะไว้ที่โต๊ะอ่านหนังสือเลย จะได้เตือนตัวเองว่าเหลืองานอะไรที่ต้องทำบ้าง จะได้ไม่พลาด โดยเมื่อเราทำงานชิ้นนั้นเสร็จไปแล้ว ก็ให้ขีดฆ่าด้วยปากกาสีแดงเพื่อไม่ให้สับสนว่าทำไปรึยัง
จุดสำคัญของการทำตารางแบบนี้ คือ น้องๆ จะต้องรู้ลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้น และต้องอัพเดทอยู่เสมอ วันนี้เข้าเรียนและได้งานชิ้นใหม่มา ก็ต้องดูว่าสำคัญมั้ยและรีบส่งแค่ไหน แล้วอัพเดทใส่ในตารางของตัวเองเลยค่ะ เพียงเท่านี้ต่อให้การบ้านมาซักยี่สิบชิ้น รับรองว่าน้องๆ เอาอยู่!!
จะเรียนเก่งหรือไม่เก่ง ทุกคนในห้องก็มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันหมด การบ้านก็มีเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือความรับผิดชอบ และการบริหารเวลา
ถ้าหากรู้ตัวว่าเป็นคนไม่ขยัน น้องๆ ก็ควรมีสิ่งที่มาชดเชยจุดด้อยตรงนั้น นั่นก็คือ การจัดการและการวางแผนที่ดีนั่นเอง ถ้าทำได้ตามที่พี่มิ้นท์แนะนำในวันนี้ งานจะไม่ท่วมหัวแน่นอน แถมยังมีเวลานอนเกาพุงพักผ่อนมากขึ้นด้วย^^ อย่าลืมเอาไปใช้กันน้า
72 ความคิดเห็น
สุดท้ายก็ทำไม่ได้
ต้องจดอย่างนี้สิ ถึงจะดี
เห็นแล้วก็ขี้เกียจเลย สรุปก็...ค่อยๆละเลียดไปทีละวิชา คิดซะว่ากำลังจิบน้ำยาล้างจาน T T
(เอ่อ..อย่าสนใจเลยว่าเค้าบ่นไร ค่อนข้างบ้าหน่อยนะ พอดีการบ้านเยอะจนเพี้ยนไปแล้วว)
คงจัดสรรเวลาได้ลงตัว
ถึงผลยังไม่เกิดตอนนี้เเต่อนาคตผมว่าเกิดเเน่นอน รอดูอย่างเดียว *-*
สุดท้ายก็เลิกจดแม่งตลอดมา จะแก้นิสัยแบบนี้ยังไงอ่ะค่ะ?