สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... กลับมาเจอกับ พี่เป้ และคอลัมน์เล่าประสบการณ์เด็กนอกกันอีกแล้ว ซึ่งเราจะเจอกันทุกๆ วันพฤหัส !! ^^ ตอนนี้เห็นในเว็บบอร์ดเรียนต่อนอกมีน้องๆ เข้ามาพูดคุยเรื่องการสอบชิงทุนนักเรียนแลกเปลี่ยนกันเยอะพอสมควร ซึ่งหนึ่งในบรรดาเรื่องที่น้องๆ กังวลใจกัน ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องโฮสท์แฟมิลี่ใช่มั้ยล่ะ และแน่นอนว่าวันนี้ พี่เป้ มีประสบการณ์จากน้องคนนึงที่เดินทางไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศอเมริกา และก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับโฮสท์แฟมิลี่มาเล่าให้ฟังค่ะ จะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดียังไง เราไปอ่านกันเลยดีกว่า
สวัสดีค่ะ ! ก่อนอื่นต้องแนะนำตัวก่อนเลย ชื่อ 'เบลล์' ค่ะ อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แผนกการเรียนศิลป์-ฝรั่งเศส ร.ร. มงฟอร์ตวิทยาลัย เชียงใหม่ค่ะ ตอนนี้อยู่ในเมือง Hoopeston รัฐ Illinios สหรัฐอเมริกาค่ะ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมากับโครงการ Rotary Youth Exchange ตอนนี้อยู่มาได้ 8 เดือนแล้วค่ะ แล้วจะกลับในอีกประมาณสองเดือนกว่าๆ ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนว่า Hoopeston เป็นเมืองที่เล็กมากๆ มีประชากรทั้งหมด 6,000 คน เมืองนี้เป็นเมืองที่เคยส่งออกข้าวโพดหวานเป็นอันดับหนึ่งของโลกค่ะ เลยมีฉายาว่า Sweet Corn Capital แต่หลังจากโรงงานข้าวโพดกระป๋องล้มละลาย ธุรกิจในเมืองก็ถูกยุบตามๆ กันไปหมด ทำให้ Hoopeston เกิดล้มละลายขึ้นมาไม่มีธุรกิจเข้ามาลงทุน ขนาด Walmart (ซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังของอเมริกาที่แทบจะมีอยู่ทุกอณูพื้นที่ในอเมริกา)ยังไม่มีในเมืองนี้เลย แม้แต่คนที่อยู่ในรัฐ Illinios เองบางคนยังไม่รู้จักเลยว่า Hoopeston อยู่ในส่วนไหนของรัฐ ตอนที่ได้เอกสารว่าเราจะได้มาอยู่เมืองนี้ ก็ค้นข้อมูลเกี่ยวกับเมืองนี้มาในอินเตอร์เน็ตบ้างแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าจะเล็กถึงขนาดนี้ ตอนแรกยอมรับว่าผิดหวังมากๆ ค่ะ ชีวิตไม่ค่อยมีความสุขเลย ที่นี่ไม่มีอะไรทำ น่าเบื่อมากๆ เลยค่ะ อยากจะช้อปปิ้งซื้อของทีก็จะต้องขับรถไปอีกเมืองนึง ซึ่งห่างกันชั่วโมงสี่สิบห้านาที การจะไปมาก็ต้องอาศัยให้โฮสท์พาขับรถไปซึ่งเราก็เกรงใจ ทำให้ชีวิตตอนแรกไม่ค่อยมีความสุข คิดถึงบ้าน อยากกลับประเทศไทยมากๆ โรงเรียนที่เบลล์เรียนอยู่ชื่อ Hoopeston Area high School วิชาที่เลือกเรียนก็มี Band (ดุริยางค์), TV production(ทำช่องเคเบิ้ลของเมืองค่ะ), ART I (ศิลปะ), Geometry (เลขาคณิต), Varsity Chorus(ร้องประสานเสียง), U.S. History (ประวัติศาสตร์อเมริกัน ตัวนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากะนักเรียนแทบทุกคนเลยค่ะ), Junior English (ภาษาอังกฤษ) หลังจากโรงเรียนเปิด ก็ทำให้ชีวิตเบลล์ที่นี่ดูจะมีสีสันขึ้นมาบ้าง ที่โรงเรียนนักเรียนมีแค่ประมาณ 300 คนเองค่ะ แต่อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนให้คุย มีอะไรให้ทำระหว่างวัน แต่หลังจากเลิกเรียนก็กลับมาบ้าน นั่งเบื่อไม่มีอะไรทำเหมือนเคย ช่วงแรกที่ไปถึงเป็นฤดูใบไม้ร่วง กีฬายอดฮิตของเด็กอเมริกันก็จะเป็นอเมริกันฟุตบอล ซึ่งบางคืนเราต้องไปอยู่แสดงเนื่องจากเราอยู่ในดุริยางค์ของโรงเรียน ซึ่งต้องคอยแสดงตอนพักครึ่ง ทำให้เราเห็นว่า เอ๊ะ ! การเป็นนักกีฬาที่นี่มันทำให้มีเพื่อนเยอะนะ ตัวเบลล์เองเป็นคนไม่เล่นกีฬาเลยค่ะ สุดท้ายเลยตัดสินใจเข้าทีมบาสเกตบอลหญิง ซึ่งที่นี่เค้าถือว่ากีฬาเป็นเรื่องสำคัญมาก ซ้อมกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เบลล์กลับมาบ้านนี่สลบคาเตียงทุกวันเลยค่ะ น่าเสียดายที่เบลล์เจออุบัติเหตุ กระดูกก้นกบหัก เลยจำเป็นต้องออกมาจากทีมบาสเกตบอล ชีวิตมันน่าเศร้าค่ะ! เบลล์ได้มีโอกาสมาอยู่ในครอบครัวชนชั้นกลางของอเมริกา สมาชิกในโฮสท์แฟมิลี่ของเบลล์ประกอบด้วย คุณพ่อ คุณแม่ พี่ชายสี่คน น้องสาว (ที่อายุเท่ากัน) หนึ่งคน และน้องชายหนึ่งคน คุณพ่อกะคุณแม่ต่างเคยแต่งงานกันมาแล้ว พี่น้องทั้งหมดจึงเป็นลูกติดยกเว้นน้องชายคนสุดท้องค่ะ เบลล์สามารถพูดได้ว่าเบลล์เป็นนักเรียนที่ได้มาอยู่กับครอบครัวอเมริกัน อย่างแท้จริง และที่สำคัญคือทั้งคุณพ่อและคุณแม่ตกงาน และมีปัญหาด้านสุขภาพค่ะ เบลล์กับน้องสาวซึ่งเป็นวัยรุ่นอเมริกันทั่วไป เข้ากันไม่ค่อยได้ แต่ตัวเบลล์กับโฮสท์คุณแม่ค่อนข้างสนิทกันมากค่ะ เค้ากับเบลล์จะคุยกันได้ทุกเรื่อง ตอนแรกๆ เราก็รู้สึกอึดอัด ด้วยนิสัยคนไทย เวลามีอะไรไม่พอใจทีเราก็จะเก็บไว้ แต่โฮสท์แม่เค้าจะเป็นคนดูเราออก แล้วเข้ามาถามเราตลอดว่าเราเป็นอะไร สบายดีรึเปล่า แปลกๆ ไปนะ แล้วที่บ้านโฮสท์ของเบลล์มีหมากับแมวเยอะมากๆ ค่ะ บางที่มันก็มาอุจจาระเรี่ยราดเต็มห้อง เค้าก็ไปฟ้องแม่ว่า ทำไมเบลล์ไม่เคยเก็บไม่เคยเช็ด บางทีเวลาเค้ามีแฟน เค้าก็เอาแฟนมานอนในห้องตอนกลางคืน ซึ่งเบลล์เองก็อึดอัด เบลล์ก็ไม่ได้บ่นอะไรไม่ได้ว่าอะไรค่ะ บางทีอารมณ์ขึ้นก็มีระบายให้เพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยกันฟังบ้าง แต่ยังดีที่เบลล์กับโฮสแม่ดีต่อกันมาก เลยไม่ค่อยมีความลับต่อกันค่ะ และมักจะนั่งคุยกันในแทบทุกๆ เรื่อง แต่วันนึง หลังจากกลับมาจากการพาโฮสท์แม่ไปรักษา โฮสท์แม่เค้าก็ถามเบลล์ว่า ใจเธอจริงๆแล้ว ไม่ได้ต้องการกลับมาที่บ้านนี้หรอกใช่ไหม เธอกลับมาเพียงเพราะเธอไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวังรึเปล่า เบลล์ก็ตอบเค้าตามจริงว่าเบลล์ไม่อยากกลับมา เพราะที่นี่มันน่าเบื่อ เค้าบอกกับเบลล์ว่า ..... จำไว้นะ ประสบการ์ณแบบนี้เธอจะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ในสายตาของฉัน ในสังคมที่เธออยู่ช่างเป็นอะไรที่เพียบพร้อม เธอมีร.ร.ที่ดี มีครอบครัวที่พร้อมที่จะสนับสนุนเธอในทุกๆ ด้าน ฉันเองยอมรับว่าฉันไม่มีปัญญาพอที่จะสนับสนุนลูกฉันได้อย่างครอบครัวเธอทำ ฉันไม่สามารถพาเธอไปที่ไหนต่อที่ไหนได้ เธออาจจะมีความสุขมากกว่านี้ ถ้าเธอได้โฮสท์แฟมิลี่ที่มีเงินพอจะพาเธอไปเที่ยวในทุกๆ เสาร์อาทิตย์ แต่เธอจำไว้นะ ชีวิตนี้มันไม่มีอะไรที่อยู่กับเธอตลอดไปหรอก จงอย่าได้ใจ เอาการใช้ชีวิตที่นี่ไปจำไว้เป็นตัวอย่าง และจงทำทุกวันที่นี่ให้เป็นบทเรียนที่มีคุณค่า จงหาความสุขที่แท้จริงจากข้างใน เบลล์ฟังเค้าพูดแล้วเบลล์ถึงกับน้ำตารื้นเลยค่ะ ถึงแม้ชีวิตแลกเปลี่ยนของเบลล์ มันไม่ใช่ชีวิตที่มีความสุขตลอดเวลา แต่มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดเท่าที่เบลล์เคยทำ เพราะมันทำให้เบลล์ได้บทเรียนชีวิต ที่เบลล์ไม่สามารถไปหาที่ไหนได้อีก ไม่ว่าเราจะได้ไปอยู่ที่ไหน เบลล์เชื่อว่าในทุกทุกที่ได้ให้บทเรียนเราเหมือนกันหมดแหละค่ะ ชีวิตการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของแต่ละคนนั้นก็ต่างกันไปนะคะ อันนี้มันขึ้นอยู่กับดวงจริงๆ ว่าแต่ละคนจะไปเจออะไร แต่สำหรับคนที่ยังลังเลใจ เบลล์ขอแนะนำให้เพื่อนๆ ไปค่ะ เพราะการที่เราได้ไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียว การได้ไปเปิดโลกกว้าง เปิดมุมมองทางความคิดใหม่ การที่เราต้องเผชิญปัญหาด้วยตัวคนเดียว มันจะทำให้เราได้ก้าวสู้ความเป็นผู้ใหญ่อีกขั้นนึงค่ะ
|
||
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
36 ความคิดเห็น
ว่ารอบครัวของเขาเวลามีปัญหาอะไรก็จะพูดกันตรง ๆ
ซึ่งต่างกับครอบครัวของคนไทย มีอะไรก็เก็บไว้
บางครั้งถ้าเราพูดอะไรตรงกับครอบครัวไทย
เหมือนที่เราจะพูดแบบต่างชาติจะถูกมองว่าหยาบคาย
ไม่มีสัมมาคารวะกับพ่อแม่ กลายเป็นลูกไม่รักดี
แต่เราอยากให้ครอบครัวไทยเปิดเผยแบบที่นู่นได้บ้าง
บางทีมันจะได้ลดช่องว่างระหว่างอายุ
และทำให้สมาชิกภายในครอบครัวสนิทกันดีเลย :)
ว่ารอบครัวของเขาเวลามีปัญหาอะไรก็จะพูดกันตรง ๆ
ซึ่งต่างกับครอบครัวของคนไทย มีอะไรก็เก็บไว้
บางครั้งถ้าเราพูดอะไรตรงกับครอบครัวไทย
เหมือนที่เราจะพูดแบบต่างชาติจะถูกมองว่าหยาบคาย
ไม่มีสัมมาคารวะกับพ่อแม่ กลายเป็นลูกไม่รักดี
แต่เราอยากให้ครอบครัวไทยเปิดเผยแบบที่นู่นได้บ้าง
บางทีมันจะได้ลดช่องว่างระหว่างอายุ
และทำให้สมาชิกภายในครอบครัวสนิทกันดีเลย :)
เห็นด้วยกับข้อความข้างบนเป็นอย่างยิ่งเลย
จะเดินทางแล้ว T^T พี่เบลล์สู้ๆนะจ๊า
ไม่ค่อยเก็บกันหรอก เพราะมันน่ารำคาน=*=
พี่เบลล์สุดยอดมากเลยค่ะ
ไม่เข้าใจ
เค้าอิจฉาเราเหรอ หรือทดสอบความอดทน หรือเห็นแม่รักเรามากกว่า
หรือเห็นเรามีคนสนใจเยอะ
หรืออะไร ใครช่วยไขข้อข้องใจที พลีสสส...
เราก็กำลังจะไปเหมือนกัน Ilinios แต่ district 6490 อ่ะ Geogia Hoskin เดินทางสิงหานี้แล้วว ตื่นเต้นน ><"
นี่เเหละ ชีวิต อย่างน้อยก็มีคนดีกับเราเยอะกว่า ส่วนไม่ดี ยังไงก็สู้ๆๆ
แต่เรื่องแย่ก็เก็บไว้เป็นบทเรียน
รักแกมากกกก
:) นั่นแหละ
ประสบการณ์ ถึงมันจะดีหรือไม่ดี แต่อย่างน้อย มันก็ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น และก้าวเผชิญโลกได้ต่อไปอย่างเข้มแข็ง
:) * รักเจ๊ เจอกัลๆ 55 :)
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 12 มิถุนายน 2553 / 01:28
ซึ่งที่เคยๆอ่านมาแล้ว มีแต่ host family ไม่ค่อยสนจัย เราถือว่าเทอโชคดีมากๆ
ที่มี host ที่เข้าใจเทอแบบนี้
ยังไงเราก้ขอให้เทอสู้ๆนะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีๆนำกลับมาใช้ในเมืองไทย
เพราะเราจะได้เปนผู้ใหญ่มากขึ้นไง
ใกล้กลับไทยแล้ว ถึงน้องสาวจะชอบจิกแต่ก็ปล่อยเค้าไปเถอะ
เป็นด่านทดสอบ