สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ ทุกวันพฤหัสเช่นเคย!! สำหรับวันนี้เรื่องที่นำมาฝากเป็นประสบการณ์จากประเทศเล็กๆ ในยุโรปที่น้องๆ หลายคนอยากลองไปแลกเปลี่ยนที่นั่น นั่นก็คือ "เบลเยี่ยม" นั่นเองค่ะ กับเรื่องสนุกๆ ของเด็ก AFS ที่เจอเรื่องราวเยอะแยะมากมาย จะเป็นยังไงก็ลองเลื่อนไปอ่านได้เลยจ้า
สวัสดีค่ะ เราชื่อ "แสตมป์" ค่ะ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ AFS รุ่น 50 ไปประเทศเบลเยี่ยม เพิ่งกลับมาได้ 3 เดือนเองค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี พิษณุโลก
ประเทศเบลเยี่ยม จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ FLANDERS คือฝั่งที่แตมไปอยู่ ฝั่งนี้จะพูดภาษาดัชต์หรือเฟลมมิช ส่วนอีกฝั่งนึงคือฝั่ง WALLONIA ฝั่งนี้จะพูดภาษาฝรั่งเศสค่ะ
เบลเยี่ยมมีสิ่งสำคัญที่หลายๆ คนรู้จักกันคือ รูปปั้นเด็กชายยืนฉี่(MANNEKEPIS) แล้วก็ ATOMIUM ส่วนอาหารก็ต้องเป็นเบียร์ มีเป็นร้อยๆ ชนิด ท่องกันไม่หมดเลย วาฟเฟิล เฟรนช์ฟรายด์ ซึ่งถือกำเนิดมาจากเบลเยี่ยมนะคะ ไม่ใช่ฝรั่งเศส แล้วก็ช็อกโกแล็ตที่อร่อยมากค่ะ มีหลากหลายแบบให้เลือกกิน เอาเป็นว่าอาหารเบลเยี่ยมอร่อยมากค่ะ 11 เดือนที่อยู่เบลเยี่ยม น้ำหนักแตมขึ้นมา 15 กิโลกรัมค่ะ ปวดใจ TT |
คนเบลเยี่ยมเป็นคนอัธยาศัยดี เวลาเดินผ่านเค้าจะทักทายกันด้วยการยิ้มให้ค่ะถึงแม้ว่าจะไม่รู้จักกันก็ตาม แต่ถ้ารู้จักกันหรืองานต่างๆ เค้าจะทักทายกันด้วยการเอาแก้มมาชนกัน 3 ครั้ง แต่ถ้าเป็นชาย – ชาย จะแค่จับมือทักทายกันค่ะ การเป็นอยู่ของคนที่นี่เท่าเทียมกันหมดค่ะ ทุกอาชีพมีความสำคัญเท่ากัน ไม่มีการเหลื่อมล้ำ รัฐบาลดูแลดีมาก คนที่นี่ก็รู้จักหน้าที่ของตนเอง มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ตนเอง และเป็นระเบียบมาก !
การคมนาคมของเบลเยี่ยมหลักๆ แล้ว จะเป็นการใช้จักรยาน รถบัส รถแทรม รถไฟ เพราะว่าสะดวกและตรงเวลา รวมทั้งนักเรียนนักศึกษาจะได้บัตร BUZZY PASS คือเหมาจ่ายทีเดียวหนึ่งปีหนึ่งครั้ง พอขึ้นรถบัส รถแทรม ก็แค่โชว์บัตร ส่วนรถไฟจะมีบัตร GO PASS ราคา 50 ยูโร เดินทางได้ 10 ครั้ง จะใกล้หรือไกลใช้ GO PASS ค่ะ ซึ่งถูกกว่าซื้อตั๋วทีละครั้งหลายเท่ามาก ส่วนรถยนต์ใช้น้อยมาก เพราะน้ำมันแพง ที่จอดรถไม่พอ รวมทั้งถ้าจะจอดรถจะต้องเสียเงินค่าจอดรถอีกด้วย
ตอนแรกที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินนะคะ ตื่นเต้นมาก แต่ก็ไม่มีตอนไหนตื่นเต้นเท่าวันที่จะได้เจอโฮสท์แฟมิลี่ครั้งแรก พอแตมไปถึง แตมต้องไปเข้าค่ายก่อน 4 วัน แล้วถึงจะไปเจอโฮสท์ ก่อนที่แตมจะเจอโฮสท์ แตมจะต้องไปเต้นบนเวทีกับเพื่อนๆ ก่อน แล้วก็กล่าวแนะนำตัวเป็นภาษาดัชต์ค่ะ
แตมไปอยู่เมือง Oostende เป็นเมืองติดทะเล ริมสุดของประเทศเลยค่ะ อีกฝั่งเป็นประเทศอังกฤษเลย โดย Oostende เป็นเมืองขนาดปานกลาง ไม่เล็กมาก ไม่ใหญ่มาก แต่ว่ามีของทุกอย่างครบครันเลย บ้านที่อยู่ก็ใกล้ทะเลมาก เน้นว่ามาก เดินไป 3 นาทีก็ถึงทะเลแล้ว แต่ทะเลที่นี่ไม่เหมือนกับที่ไทยนะคะ มีแต่ฝนกับลม หนาวมาก แต่เป็นฝั่งที่หนาวน้อยที่สุดในประเทศ หิมะก็ตกมาแค่วันเดียวเองค่ะ แต่เวลาฝนตกนี่ ลมแรงมากแล้วแตมต้องปั่นจักรยานไปเรียนเอง นรกมากค่ะ 555555555555. เอาเป็นว่าภาวนาให้อากาศหนาวติดลบดีกว่าฝนตกลมแรงอีก
ที่บ้านโฮสท์จะมีทั้งหมด 6 คนค่ะ คือ PAPA, MAMA พี่สาว 2 คน พี่ชาย 1 คน น้องสาว 1 คน แตมเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนคนที่ 4 โฮสท์เคยรับพี่คนไทยมาแล้วด้วย ตอนไปถึงแรกๆ โฮสท์ดูแลดีมาก แตมก็กำลังตื่นเต้น เห็นอะไรก็ตื่นตาตื่นใจไปหมด ถือว่ามีความสุขมากๆ สบายมาก โฮสท์ดูแลดีทุกอย่าง คือ PAPA จะเป็นอาจารย์ MAMA ก็จะอยู่บ้านดูแลลูก พอตอนเลิกเรียนตอนกลางวันก็จะปั่นจักรยานกลับมาทานอาหารกลางวันที่บ้านทุกวัน อาหารหลักๆ ตอนเช้าก็คือ ขนมปังกับนูเทลล่าแล้วก็นม ตอนเที่ยงก็จะเป็นพวกมันบดกับเนื้อต่างๆ แล้วก็ผัก ส่วนตอนเย็นก็แล้วแต่ แต่ส่วนมากก็จะขนมปังกับแฮม – ชีส แต่ว่าพวกโฮสท์ sister ชอบกินแพนเค้กกับน้ำตาลเป็นอาหารเย็น บางทีก็กินเค้ก TT ถือว่าสบายมาก ไม่ต้องทำอะไรเลย ไปโรงเรียน กลับบ้าน ทานอาหาร รอดูหนังพร้อมหน้ากันทุกคืนก่อนนอน ตอนนั้นมีความสุขมาก แตมจะสนิทกับพี่สาวคนโตมากที่สุด เพราะเค้าก็เคยไปแลกเปลี่ยน เหมือนเค้ามองหน้าเรา เค้าก็เข้าใจเราแล้วว่าเราคิดอะไร
แต่พอ 3 เดือนผ่านไป ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ อยู่ดีๆ ไม่มีใครในบ้านสนใจเราอีกแล้ว ทุกคนอยู่กับคอมพิวเตอร์ แล้วเราก็ต้องนั่งในห้องนั่งเล่นกับพวกเค้า แต่ทุกคนอยู่กับคอมพิวเตอร์แล้วก็ใส่หูฟังค่ะ TT แล้วพอช่วงหลังวันฮัลโลวีน MAMA ตกบันได เดินไม่ได้ ก็ไม่มีใครทำอาหารกลางวันแล้ว โฮสท์ sister ก็เลยทานอาหารกลางวันกับเพื่อน ส่วนเราต้องกลับบ้านมาทำอาหารให้ MAMA ทาน จนพอขาของ MAMA ใกล้จะหาย ก็ดันมาพบว่า MAMA เป็นมะเร็งเต้านม!!! ตอนนั้นแตมช็อกมา อึ้ง ! หรือเรามันตัวซวยเนี่ย TT หลังจากนั้นแตมก็เลยทำอะไรเองทุกอย่างเลยค่ะ ถ้าไม่จำเป็นจะไม่รบกวนโฮสท์เลย
โรงเรียนที่แตมไปสมัครเข้าเป็น TSO หรือ Technisch Secundair Onderwijs เป็นโรงเรียนที่เน้นทางด้านเทคนิค ซึ่งโรงเรียนจะเข้าตอน 08:30 น. ห้ามไปสายแม้แต่นาทีเดียว ! เพราะถ้าไปสายจะโดนจดไว้ ถ้าไปสายเกิน 3 ครั้งจะโดน STUDY เพิ่ม คือไปสายกี่นาทีก็ต้องอยู่โรงเรียนให้ครบเวลาที่ไปสาย
วันแรกที่ไปโรงเรียนนี่กลับมาร้องไห้เลย เพราะว่าเราเลือกสาย ECONOMIC(เศรษฐศาสตร์) แล้วเพื่อนในห้องมี 4 คน แล้วเราก็พยายามคุยกับทุกคนแต่ไม่มีใครคุยกับเราเลย แค่วันแรกก็ไม่อยากไปโรงเรียนอีกแล้ว เลยไปคุยกับโฮสท์ แล้วก็ตกลงกันว่าจะย้ายห้อง พออาทิตย์ถัดไปเลยย้ายไปเรียนห้อง 5STW หรือ Sociaal technisch wetenschaap หรือ Social technique science จะมีเรียนแล้วก็เน้นปฏิบัติร่วมด้วยค่ะ การเรียนก็จะหนักไปทางด้านวิทย์ แต่ว่าจะมีพวกการปฏิบัติต่างๆ ที่เน้นเพื่อสังคม เช่น การดูแลคน โภชนาการ การช่วยเหลือคน การดูแลเด็กและผู้ใหญ่แล้วก็ศิลปะต่างๆ ค่ะ :) พอย้ายมาเรียนห้องนี้ก็สนุกดี เรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แล้วก็พวกสังคมต่างๆ มีชั่วโมงปฏิบัติ ทำอาหาร วาดรูป มีไปเล่านิทานให้เด็กที่โรงเรียนอนุบาลฟังด้วย สนุกมากๆ เพื่อนๆ ก็น่ารัก คอยช่วยเหลือแตมตลอด อาจารย์ก็ดูแลแตมตลอด แต่แตมนี่ไปหลับทุกคาบ จนเพื่อนๆ เอือม ปล่อยหลับไม่ปลุก 555555555
สำหรับเพื่อนๆ ที่นี่น่ารักนะคะ แต่ว่าเวลาแสดงความคิดเห็นในห้องจะสุดยอดกันมาก แตมนี่อึ้งไปเลย มีครั้งนึงคาบวิชาภาษาอังกฤษ อาจารย์สั่งทำรายงาน แล้วอาจารย์เรียกมาพรีเซนต์แล้วไม่มีคนออกมาเพราะไม่มีโปรเจกเตอร์ เพื่อนให้เหตุผลว่า เพื่อนทำงานมาดี ก็อยากจะพรีเซนต์ให้ดี แต่ไม่มีโปรเจกเตอร์เลยไม่พรีเซนต์!! บางคาบก็เถียงกันทั้งชั่วโมง แรงมาก จน ผ.อ. ถึงกับเรียกพบ ห้องแตมเลยโดนกวาดโรงเรียนไปตามระเบียบ อ้อ ช่วงระหว่างสัปดาห์เพื่อนจะนอนกันเร็วมาก เพราะว่าห้ามหลับในห้องเรียนเลย ห้ามคือห้ามจริงๆ พอกลับบ้านมาเลยสลบกันเลยค่ะ แต่พอวันศุกร์ เสาร์ จะปาร์ตี้กันไม่หลับไม่นอนเลยค่ะ
และสำหรับภาษาดัชต์หรือภาษาเนเธอร์แลนด์นั้น ตอนไปถึงแตมพูดไม่ได้เลยสักคำเดียว แต่ว่าทาง AFS ก็จะมีการจัดการเรียนการสอนให้ จนพอผ่านไปประมาณ 2 เดือน เราเลยตัดสินใจบอกโฮสท์ว่า ต่อไปนี้แตมจะคุยกับโฮสท์เป็นภาษาดัชต์นะ ห้ามพูดภาษาอังกฤษกับแตมเด็ดขาด พอเราพูดได้ เราก็จะสื่อสารกับโฮสท์ได้เยอะ คุยกับเพื่อนรู้เรื่อง รู้สึกดีมากตอนที่เริ่มพูดภาษาดัชต์คล่อง :D
ส่วนเรื่องโฮมซิก ตอนไปแรกๆ ไม่มีเลยค่ะ ไม่เคยคิดถึงบ้านเลย ไม่คิดถึงอะไรในเมืองไทยเลย แต่พอช่วง 6 เดือนหลังนี้โฮมซิกหนักมาก ยิ่งใกล้กลับก็ยิ่งหนัก เหมือนเราอิ่มตัวแล้วพอแล้ว โทรหาแม่บ่อยมาก ทำทุกวิถีทาง เขียนจดหมายกลับเมืองไทยวันละฉบับ ส่งโปสการ์ดที่ไปเที่ยว ทำทุกอย่างค่ะ 55555555 อยากกลับบ้านมาก มีวันนึงหลังเลิกเรียนเลยปั่นจักรยานไปนั่งเล่น ริมทะเลค่ะ แล้วโทรหาแม่ โหยน้ำตาไหลแบบไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะตอนอยู่เมืองไทย พ่อแม่ทำให้แทบจะทุกอย่าง แต่อยู่นู่นต้องทำเองทุกอย่าง พอมีปัญหาเข้ามาเยอะๆ แล้วเราไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่คิดถึงที่บ้าน เพราะรู้สึกว่าช่วงหลังแตมปิดใจกับโฮสท์มาก ปฏิเสธเค้าทุกอย่าง พยายามหาวิธีออกจากบ้านตลอด วันไหนไม่มีคนอยู่บ้านเนี่ยจะดีใจมาก ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีเลย จนแตมไม่ไหวแล้วค่ะ
ในที่สุดแตมต้องปรึกษาเพื่อนๆ อย่างพี่เกด คือพี่เกดเป็นเด็กไทยซึ่งเคยอยู่บ้านโฮสท์นี่แหละค่ะ ซึ่งพี่เกดบอกแตมว่า อยากทำอะไรก็ทำไปเลย ถ้าโฮสท์รับเราไม่ได้เค้าจะบอกเราเอง อยู่ให้เหมือนเราอยู่บ้านเราจริงๆ อยู่กับครอบครัวเราจริงๆ ถ้ามัวแต่คิดเกรงใจ กลัวไปหมด แล้วเราจะมีความสุขได้ยังไง เราเลยเอามาปรับค่ะ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่ว่าการไปแลกเปลี่ยนเนี่ยเราก็ได้อะไรกลับมาหลายอย่างเลยนะคะ ทำให้เรากล้าพูดกล้าคิดขึ้นเยอะ ได้ทำอะไรที่ไม่คิดว่าเกิดมาจะได้ทำ นิสัยแตมหลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไปเลย อย่างแตมต้องไปเรียนภาษากับเพื่อนชาวตุรกี แล้วเราต้องนั่งรถไฟไปด้วยกัน แต่เพื่อนจะมารอเราตลอด เพราะเราจะต้องปั่นจักรยานมาจากบ้าน แต่เพื่อนมาจากโรงเรียนซึ่งอยู่หน้าสถานีรถไฟเลย แล้วมีอยู่วันนึงแตมไปถึงก่อนเลยรอ แล้วก็ส่งเมสเสจไปถามว่าอยู่ไหน ฉันมารอแล้วนะ แต่เพื่อนกลับส่งมาด่าเราว่า ทำไมรอแค่นี้รอไม่ได้ ด่ายาวมาก ! เลยเถียงกันไปพักนึง แต่ก็ดีนะคะ มีอะไรก็พูดกันตรงๆ จริงใจดี อีกอย่างต้องเป็นคนตรงเวลาค่ะ ทำอะไรต้องเผื่อเวลามาก ต้องกะเวลาให้พอ เพราะว่าแตมต้องไปไหนมาไหนเอง โฮสท์จะไม่ไปส่งเลย
การแลกเปลี่ยนทำให้เราได้เพื่อนต่างชาติ และที่สำคัญต้องขอบคุณเพื่อนคนไทยที่ไปอยู่ที่นู่นด้วยกันค่ะ BFL#50 <3 ถ้าไม่ได้เพื่อนที่ไปด้วยกัน ก็คิดว่าคงจะอยู่ไม่จบโครงการ แตมได้เที่ยวเยอะมากเลย ไปมาประมาณ 10 ประเทศซึ่งเราไปเที่ยวกันเอง เราก็ต้องวางแผน ต้องคิดทุกอย่างเลยค่ะ ได้เห็นอะไรเยอะ สนุกมากๆ :D ที่สำคัญการแลกเปลี่ยนสอนให้เราทำอะไรก็ต้องคิดถึงพ่อแม่ครอบครัวก่อนจริงๆ เพราะว่าท่านเป็นห่วงแล้วก็ทุ่มเทให้กับเรามากจริงๆ ค่ะ. การแลกเปลี่ยนหนึ่งปีที่ผ่านมามีทั้งเรื่องสุขเรื่องทุกข์ปนๆ กันไปแต่ก็ประทับใจมากๆ ประทับใจโฮสท์กับเพื่อนๆ มากค่ะ อยากจะหยุดเวลาหนึ่งปีนั้นไว้จริงๆ ชีวิตการแลกเปลี่ยนไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะคะ ไม่เหมือนที่แตมคิดไว้เลย ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ใครที่สนใจได้ไปลองดูนะคะ : ) |
เป็นอีกเรื่องที่อ่านแล้วทำให้รู้เลยว่า การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนถึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะเนี่ย ดราม่าเหมือนกันเนาะ = =" ยิ่งมาเจอปัญหาใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ เป็นใครก็คงท้อแน่ๆ แต่แน่นอนค่ะว่าจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้เราได้อย่างดีทีเดียว!!! ส่วนน้องๆ คนไหนมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากเล่าบ้าง ก็เขียนแล้วส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com เดี๋ยวนำมาลงให้แน่นอนจ้า
25 ความคิดเห็น
ไอโนวฮูยูมีน
แต่รู้สึกว่าดีใจนะ ที่มันเกิดขึ้น
แล้วก็ดีใจที่มีทุกๆคนอยู่ข้างกันเสมอ <3
Alles van jouw artikel of foto's dat vind ik leuk, Stamp :)
Korn