สิ่งที่เราต้องเจอในระหว่างวันนั้นมีเยอะมากค่ะ หลักๆ เลยก็คือแสงแดด แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และมลภาวะต่างๆ ดังนั้น Day Cream จึงต้องมาพร้อมกับสารบำรุงที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นผิวระหว่างวัน เพื่อให้ผิวทนต่อสภาวะต่างๆ และค่า SPF ที่สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ และเนื้อครีมมักจะบางเบา ซึมซาบได้เร็วเพื่อไม่ให้ผิวมันมากจนเกินไปอีกด้วย นอกจากนี้แล้วหลายๆ แบรนด์ก็มักจะใช้ส่วนผสมที่ช่วยปรับสีผิวให้ดูเรียบเนียนกระจ่างใส สามารถใช้แทนเบสเมคอัพได้ เพื่อความสะดวกในการแต่งหน้าของสาวๆ ยุคนี้อีกด้วยค่ะ

 

เหตุผลที่ใช้แทน Night Cream ไม่ได้ : อันดับแรกเลยคือ Day Cream นั้นจะทำมาเพื่อปกป้องผิวมากกว่าการบำรุง ดังนั้นสารบำรุงที่ใส่มา อาจจะไม่เพียงพอกับผิวในเวลากลางคืน ซึ่งต้องการการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ และสารกันแดดหรือส่วนผสมที่เป็นเบสเมคอัพใน Day Cream ก็ยังสามารถอุดตันผิวในเวลากลางคืน จนทำให้เกิดสิวหรือผิวระคายเคืองได้อีกด้วยค่ะ

    เวลากลางคืนคือเวลาพักผ่อนและฟื้นฟูผิว เหมือนกับร่างกายส่วนอื่นๆ ของเรานั่นเองค่ะ ครีมกลางคืนส่วนใหญ่จึงออกแบบมาให้มีสารบำรุงที่เข้มข้น ซึมช้า เพื่อให้ผิวค่อยๆ ดูดซับการบำรุงในขณะที่เราหลับ และมักจะใส่ส่วนผสมที่ช่วยในการลดริ้วรอย หรือผลัดเซลล์ผิวลงไปด้วย ซึ่งสารบำรุงเหล่านี้หากทาแล้วโดนแสงแดดโดยตรงอาจจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิว จึงนิยมนำมาใส่ใน Night Cream แทนนั่นเองค่ะ

 

เหตุผลที่ใช้แทน Day Cream ไม่ได้ : อย่างแรกเลยคือเนื้อสัมผัสของ Night Cream ที่ค่อนข้างหนาและหนักผิว อาจจะไม่เหมาะกับสภาพอากาศในช่วงกลางวัน ยิ่งเป็นเมืองร้อนอย่างไทยยิ่งไม่ไหวค่ะ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือสารบำรุงใน Night Cream ที่ไม่ถูกกับแสงแดด ซึ่งต่อให้ทาครีมกันแดดทับก็ยังเสี่ยงต่อการระคายเคืองได้อยู่ดีค่ะ

    ก็เป็นความรู้ง่ายๆ ที่หวังว่าจะช่วยให้สาวๆ เข้าใจมากขึ้นนะคะ ถ้าใครคิดว่าไม่อยากยุ่งยากซื้อทั้งสองอย่าง อาจจะลองมองหาเป็นครีมบำรุงที่มีส่วนผสมแบบพื้นฐาน ไม่มีสารกันแดดหรือสารผลัดเซลล์ผิว เน้นให้ความชุ่มชื่นและช่วยให้ผิวแข็งแรงแทน ก็จะสามารถใช้ได้ทั้งตอนเช้าและก่อนนอนค่ะ (แต่ตอนเช้าต้องทาครีมกันแดดตามด้วยนะคะ)