ใช้ครีมแล้วแพ้ ใช้แล้วหน้าพัง สิวเห่อ ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนผิวแพ้ง่าย เกิดจากอะไร? เพราะอะไร? แล้วมีวิธีรักษาหรือป้องกันยังไงบ้าง? วันนี้พี่โอ๊ตและคอลัมน์ Beauty Story คัมภีร์สู้สิว จะพาสาวๆ ไปหาคำตอบกันค่ะ
    นอกจากสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด และสิวเสี้ยนแล้ว สิวอีกประเภทที่มักจะเกิดขึ้นกับสาวๆ ช่วงวัยรุ่น จนถึงขนาดต้องพบแพทย์ผิวหนังก็คือสิวที่ที่เรียกว่า สิวสเตอรอยด์ นั่นเองค่ะ ซึ่งคนที่เป็นสิวประเภทนี้ คุณหมอบอกว่าสามารถสังเกตจากประวัติคนไข้ได้ง่ายมาก เพราะส่วนใหญ่จะเพิ่งเปลี่ยนครีมบำรุงผิวมาประมาณสองอาทิตย์ถึงสองเดือนค่ะ
 

    โดยรูปแบบของสิวสเตอรอยด์นั้นจะแตกต่างกับสิวทั่วไปได้อย่างชัดเจน เพราะปกติผิวหน้าของเราจะมีสิวขึ้นแบบกระจายเป็นจุดๆ เช่น บริเวณแก้มสองข้างมักจะเป็นสิวอุดตัน และสิวอักเสบจะชอบขึ้นช่วงทีโซน เป็นต้น แต่สิวสเตอรอยด์นั้นจะขึ้นเหมือนกันทั้งหน้า (Monomorphic) ขึ้นเป็นปื้น เป็นกระจุก เรียกว่าเหมือนผุดขึ้นทุกรูขุมขนเลยก็ว่าได้ค่ะ อาจจะเป็นแค่ตุ่มเล็กๆ แบบมีอาการคันร่วมด้วย หรืออักเสบทั้งหมด ถือว่าเป็นอาการที่ค่อนข้างโหด และทำให้ใจเสียได้เลยทีเดียวค่ะ
 


อันตรายจากสารสเตอรอยด์ที่แฝงอยู่ในครีมบำรุงผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน  

          ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ แล้วสารสเตอรอยด์นั้นเหมือนแพะรับบาปดีๆ นี่เองค่ะ เพราะโดยทางการแพทย์แล้ว สเตอรอยด์ถือเป็นยาที่ช่วยยับยั้งอาการอักเสบของผิวหนัง และใช้กดภูมิคุ้มกันเพื่อรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้อีกด้วย โดยจะมีระยะเวลาในการใช้ที่กำกับโดยแพทย์เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีผู้ผลิตหลายคนหัวหมอนำสารสเตอรอยด์ใส่ลงไปในครีมบำรุงผิว แล้วเคลมแรงๆ ว่าทำให้หน้าสิวเปลี่ยนเป็นหน้าใสได้ภายในข้ามคืน และเมื่อสาวๆ ได้ลองใช้ก็พบว่าจริงตามคำเคลมซะด้วยค่ะ
 


          นั่นก็เป็นเพราะว่า สารสเตอรอยด์นั้นมีฤทธิ์ในการยับยั้งการอักเสบอย่างที่ได้บอกไปนั่นเองค่ะ ทำให้สิวที่เคยมีนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่าลืมว่าคุณสมบัติอีกอย่างของสเตอรอยด์ก็คือ กดภูมิคุ้มกัน ดังนั้นเมื่อเรานำมาใช้เอง โดยไม่ได้คำนึงถึงระยะเวลาที่สารทำปฏิกิริยากับผิว จึงทำให้ผิวมีภูมิต้านทานต่ำ และเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ยิ่งใครที่เคยเป็นสิวอักเสบก่อนมาใช้ครีมประเภทนี้ จะพบว่าหลังจากใช้ไปซักพักหรือหยุดใช้แล้ว สิวจะปะทุขึ้นมาจนแทบรับไม่ไหวเลยล่ะค่ะ
 


แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าครีมที่ใช้มีสเตอรอยด์

          พูดกันตามตรงแล้ว กว่าเราจะรู้ว่าครีมนั้นมีสเตอรอยด์ผสมอยู่ ผิวก็อาจะเกิดการติดสเตอรอยด์ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ เพราะฉะนั้น วิธีง่ายๆ ที่สาวๆ ทุกคนทำได้ ก็คือการเลือกซื้อครีมบำรุงผิวที่ได้มาตรฐาน มีขายในร้านเครื่องสำอางหรือร้านขายยาที่ไว้ใจได้ อย่างน้อยๆ ก็ถือว่าร้านเหล่านี้ได้สแกนคุณภาพมาให้เราระดับหนึ่งแล้วค่ะ ที่สำคัญมากๆ คือ ต้องมีเลขที่แจ้งหรือเลขที่ใบรับแจ้งจากองค์การอาหารและยา (อย.) อย่างชัดเจน หรือถ้าไม่แน่ใจก็นำเลขข้างกล่องไปตรวจเช็คในเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาโดยตรงเลยก็ได้ค่ะ จะได้รู้ว่าเลขอย.นี้มีอยู่จริงๆ หรือเป็นแค่เลขปลอมที่ใส่มาหลอกเฉยๆ นั่นเองค่ะ
 


วิธีตรวจสอบเลขที่ใบรับแจ้ง

1. คลิกเพื่อเข้าเว็บไชต์ตรวจสอบเครื่องสำอาง >>สืบค้นข้อมูลผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง<<  หรือ >>ตรวจสอบเลขผลิตภัณฑ์<<
2. กรอกเลขที่แจ้งลงในช่อง "ค้นจากเลขที่แจ้ง" / "ตรวจเลขที่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด" แล้วกดค้นหา
3. ตรวจสอบชื่อผู้ประกอบการ ชื่อการค้า และชื่อผลิตภัณฑ์ว่าตรงกับฉลากบนสินค้าหรือไม่ โดยที่สถานะต้องเป็น อนุมัติ/คงอยู่ เท่านั้นนะคะ
 

ผิวติดสเตอรอยด์แล้ว คุณหมอรักษายังไง

     สิวสเตอรอยด์นั้นมีวิธีการรักษาเหมือนกับสิวประเภทรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก ขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละคนว่ารุนแรงแค่ไหนค่ะ แต่จำเป็นต้องหยุดการใช้ครีมที่คาดว่ามีสารสเตอรอยด์ทันทีค่ะ
     ถ้าเป็นสิวสเตอรอยด์ประเภทรุนแรงมาก คุณหมอจะรักษาด้วยการให้ทานยาฆ่าเชื้อ และอาจมียาสเตอรอยด์ทานร่วมด้วยในช่วงระยะแรก ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ อาการก็จะเริ่มดีขึ้นค่ะ แต่ถ้าเพิ่งเป็นหรืออาการไม่รุนแรง คุณหมอก็จะใช้แค่ยาทาอย่างเดียว เหมือนกับการรักษาสิวปกติค่ะ เช่น ยาละลายหัวสิวหรือยาฆ่าเชื้อนั่นเอง
 

สิวสเตอรอยด์ รักษาเองได้มั้ย

          คุณหมอแนะนำว่าถ้าเป็นระยะเริ่มต้น หรืออาการไม่ได้รุนแรงมาก สามารถรักษาเองได้ โดยการใช้ยาละลายสิวอุดตัน (Benzac 2.5%) และยาฆ่าเชื้อ (Clindamycin)  แต่ข้อควรระวังก็คือ คนที่ผิวติดสเตอรอยด์นั้น มักจะพ่วงปัญหาผิวแพ้ง่ายมาด้วย เนื่องจากสเตอรอยด์ทำให้ผิวมีภูมิต้านทานต่ำ ดังนั้นการใช้ยาต้องระมัดระวังให้มากกว่าผิวปกติ คืออย่าใจร้อน อย่าทายาละลายหัวสิวทิ้งไว้เป็นชั่วโมงเพราะคิดว่าจะหายเร็ว เพราะอาจจะยิ่งทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้นได้
 

          อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในการรักษาสิวสเตอรอยด์ คือต้องทาครีมบำรุงที่อ่อนโยน แต่ให้ความชุ่มชื้นผิวได้ดี เพราะถ้าเอาแต่ทายารักษาอย่างเดียว อาจทำให้ผิวมีปัญหาได้ การเติมความชุ่มชื้นให้ผิว จะทำให้ผิวฟื้นตัวและเริ่มมีภูมิต้านทานผิวที่ดีขึ้น จึงต้องทำควบคู่ไปกับการรักษาด้วยค่ะ ส่วนใครที่เป็นรุนแรงมากก็แนะนำให้ไปพบคุณหมอจะชัวร์กว่าค่ะ

 
NUGIRL เปลี่ยนตัวเองให้สวยไม่ใช่เรื่องยาก
พี่โอ๊ต
พี่โอ๊ต - Columnist คอลัมนิสต์สายบิวตี้ ชอบอัปเดตเมคอัพ และศึกษาเรื่องสกินแคร์ เพื่อผิวสวยอย่างปลอดภัย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด