ถึงจะเข้าปีใหม่แล้ว แต่ก็อดพูดถึงไอเท็มที่ฮิตติดลมบนตั้งแต่ปีที่แล้ว อย่าง “แปรงล้างหน้า” ไม่ได้เลยค่ะ เพราะไม่ว่าจะเข้าโซเชียลไหนๆ ก็ต้องเจอคนพูดถึงอยู่ตลอด จนหลายคนเกิดคำถามว่า เราจำเป็นต้องใช้เหรอ? เราใช้มือล้างเหมือนที่ผ่านๆ มาไม่ได้เหรอ แปรงมันดีกว่าตรงไหน นั่นน่ะสิคะ พี่โอ๊ตเองก็อยากรู้เหมือนกัน
 
          จริงๆ แล้วแปรงล้างหน้าไม่ใช่ของใหม่อะไรเลยค่ะ ถ้าสังเกตเราก็จะเห็นว่ามีขายในไทยมาหลายปีแล้วล่ะ แต่ด้วยความที่แปรงล้างหน้าก็มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ เลยทำให้มีกระแสอยู่ตลอดนั่นเอง พี่โอ๊ตแน่ใจเลยว่าน้องๆ หลายคนเห็นรีวิวของแปรงแต่ละแบบแล้วก็ต้องรู้สึกอยากใช้บ้างล่ะ ดังนั้น ก่อนจะเสียเงินซื้อ เรามาทำความรู้จักมันให้มากขึ้นก่อน ว่ามันมีประโยชน์ยังไง เหมาะกับผิวของเรามั้ย และจำเป็นต้องใช้รึเปล่า?
 
แปรงล้างหน้าคืออะไร มีกี่แบบ?
          แปรงล้างหน้าก็คืออุปกรณ์ที่เราใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแบบต่างๆ ก็พวกเจลล้างหน้าหรือโฟมล้างหน้านั่นแหละค่ะ พูดให้เข้าใจง่ายก็คือแทนที่จะใช้มือถูๆ หรือนวดลงบนผิว ก็เปลี่ยนเป็นใช้แปรงแทน  
 
 
          ถ้าให้แยกเป็นประเภทแบบเข้าใจง่าย แปรงล้างหน้ามีอยู่ 2 แบบค่ะ คือแบบแมนนวลที่ใช้การขยับมือของเราตามปกติ กับแบบที่ใช้ไฟฟ้า ซึ่งอาจจะเป็นการใช้ถ่านหรือชาร์จไฟ ซึ่งจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็มาพร้อมเทคโนโลยีการหมุนหรือการสั่น ที่จะช่วยทำความสะอาดรูขุมขนไปพร้อมๆ กับการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้ แปรงบางชนิดมีความถี่ในการสั่นสูงถึง 300 ครั้งต่อวินาที พร้อมกับคำเคลมว่านอกจากจะทำความสะอาดผิวได้ดีแล้ว ยังช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นต่างๆ ได้อีก อ้อ อีกอย่างนึงที่แปรงไฟฟ้ามักจะมีคือ การกำหนดเวลาหยุดสั่นในตัว คือเหมือนเค้าคิดมาให้เราแล้วค่ะ ว่าเราควรวนจุดไหนบนใบหน้ากี่วินาทีถึงจะสะอาด อะไรประมาณนี้
 

การเลือกขนแปรงให้เหมาะกับผิว
 
          ขนแปรงที่เห็นได้บ่อยๆ ก็จะแบ่งออกเป็นสองชนิดเช่นกันค่ะ คือขนแปรงสังเคราะห์และขนแปรงซิลิโคน แล้วมันต่างกันยังไงนะ
 
ขนแปรงสังเคราะห์ เส้นจะค่อนข้างเล็ก ถ้ายิ่งราคาสูง เส้นจะเล็กบาง และขนแน่นมากๆ จนสามารถทำความสะอาดรูขุมขนของเราได้เลย ถ้ายิ่งเป็นแปรงไฟฟ้าแล้วด้วยล่ะก็ เค้าก็จะเคลมว่ายิ่งสามารถทำความสะอาดผิวได้หมดจดมากขึ้นค่ะ
 
ขนแปรงซิลิโคน กำลังฮิตมากๆ ในช่วงนี้เลย โดยเฉพาะ foreo และ Xiaomi ขนแปรงซิลิโคนที่ใช้ทำความสะอาดหน้านี่ไม่ใช่ว่าจะใช้อะไรก็ได้นะคะ ต้องเป็นซิลิโคนประเภท Food Grade หรือเกรดที่ใช้ทางการแพทย์เท่านั้น เพราะจะอ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ใช้แล้วไม่เจ็บหน้า หรือทำให้เกิดริ้วรอยง่ายค่ะ นอกจากจะช่วยทำความสะอาดผิวแล้ว ยังช่วยกระชับรูขุมขนได้ดีอีกด้วย


ผิวแบบไหนที่ใช้ได้ และต้องใช้ยังไง
          จริงๆ แล้วแปรงล้างหน้าใช้ได้กับทุกสภาพผิวค่ะ เพียงแค่เราต้องเลือกประเภทและขนแปรงให้เหมาะกับผิวของเรา รวมไปถึงความถี่ในการใช้ด้วยค่ะ
 
ผิวธรรมดา : ถึงผิวธรรมดาจะเป็นผิวที่โชคดีที่สุดในโลกหล้า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางระคายเคืองได้เลย คนที่ผิวธรมดาไม่ค่อยเป็นสิว ควรใช้แปรงล้างหน้าแค่วันเว้นวันเท่านั้น นอกจากว่าจะมั่นใจจริงๆ ว่าผิวเราแข็งแรงมากพอ จะใช้ทุกวันก็ได้ค่ะ
 
ผิวมัน : ถ้าเป็นคนที่ผิวมันมากๆ สามารถใช้แปรงล้างหน้าได้ทุกวันค่ะ เพราะแปรงจะช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินออกได้ดี รวมไปถึงลดการอุดตันต่างๆ ทำให้ลดโอกาสเกิดสิวด้วยล่ะ คนผิวมันลองเลือกใช้แปรงแบบหมุนได้ จะช่วยทำความสะอาดได้ดีค่ะ
 
ผิวผสม : ผิวผสมแนะนำให้ใช้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และควรใช้แปรงที่เป็นขนซิลิโคน เพราะช่วยทำความสะอาดตรงส่วนที่มันได้ดี และระคายเคืองน้อยกับผิวในส่วนอื่นๆ ค่ะ
 

ผิวแห้ง : เป็นผิวที่มีความเสี่ยงว่าจะระคายเคืองได้มากกว่าผิวแบบอื่นๆ ดังนั้นควรใช้แปรงแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ไม่ควรมากกว่านี้ค่ะ และหลังทำความสะอาดผิวทุกครั้งอย่าลืมโบกครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยนะ
 
ผิวแพ้ง่าย : ต้องถามตัวเองว่าพร้อมรับความเสี่ยงมั้ย เพราะไม่มีใครการันตีได้เลยว่าผิวของเราจะไม่ระคายเคืองเมื่อใช้แปรงล้างหน้าค่ะ สิ่งที่เราพอทำได้ถ้าคิดว่าอยากลองใช้จริงๆ คือการเลือกแปรงที่เคลมมาสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ และไม่ควรเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ใช้อยู่ วนแปรงบนผิวให้เบามือที่สุด และไม่ควรใช้เกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ
 
          และใครที่เป็นสิวอักเสบหนักมากๆ ต่อให้แปรงจะเคลมมาว่าอ่อนโยนแค่ไหน พี่โอ๊ตก็คิดว่าไม่ควรเสี่ยงค่ะ เพราะบางทีขนแปรงหรือการสั่นอาจจะไปรบกวนผิวให้อักเสบมากกว่าเดิมก็ได้
 
แปรงล้างหน้าทำอะไรได้บ้าง? 
1. ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกในรูขุมขน ลดการอุดตันที่ทำให้เกิดสิว และยังช่วยให้ยาสิวที่ทาลงไป ซึมเข้าผิวได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะคนที่เป็นสิวผดหรือสิวอุดตันบ่อยๆ มักจะเห็นผลชัดเจนเลย ส่วนคนเป็นสิวอักเสบ พี่โอ๊ตอยากให้ระวังในการใช้ด้วยนะคะ เพราะบางทีแปรงอาจจะไปกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบมากกว่าเดิมเด้อ
2. ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก และยังช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่ รวมถึงกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวด้วย เลยทำให้บางคนใช้อย่างต่อเนื่องแล้วผิวดูใสขึ้นนั่นเอง
3. กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ไม่ว่าเราจะใช้แปรงแบบมือวนเอง หรือระบบสั่น ก็เหมือนกับเราได้นวดผิวเบาๆ ไปในตัว ทำให้ผิวดูมีเลือดฝาดและดูสุขภาพดีขึ้นค่ะ
 

ก่อนจะซื้อ...จำเป็นมั้ยที่ต้องใช้แปรงล้างหน้า
          สรุปเลยแล้วกันค่ะ ว่าจริงๆ แล้วประโยชน์หลักของการใช้แปรงล้างหน้า ไม่ว่าจะแบบไหน วัสดุไหนก็ตาม มันคือการ Deep Cleansing หรือทำความสะอาดแบบล้ำลึกนั่นเองค่ะ แปรงจะช่วยผลัดเอาเซลล์ผิวเก่าออก และนวัตกรรมต่างๆ ก็ยังช่วยเคลมเรื่องกระชับรูขุมขนอีกด้วย ลองสังเกตว่าการใช้แปรงทำให้เราใช้เวลาในการทำความสะอาดผิวนานขึ้น ละเมียดละไมมากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราสามารถใช้วิธีนวดวนใบหน้า หรือใช้สครับผิวอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งทดแทนได้ค่ะ
          ดังนั้นถ้าให้พูดกันตรงๆ พี่โอ๊ตก็มองว่าไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นนะ ไอดอลหลายคนใช้แค่มือล้างหน้าก็ทำให้ผิวใสได้เหมือนกัน อีกอย่างเลยก็คือ แปรงล้างหน้าคุณภาพดีๆ ก็มากับราคาที่ค่อนข้างแพง ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ได้มีวินัยพอที่จะใช้ได้อย่างสม่ำเสมอ ก็แนะนำให้เอาเงินส่วนนี้ไปลงทุนกับสกินแคร์ดีๆ จะช่วยผิวในระยะยาวได้มากกว่าค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.beautyjunkees.com/to-use-or-not-to-use-facial-cleansing-brushes/
 
พี่โอ๊ต
พี่โอ๊ต - Columnist คอลัมนิสต์สายบิวตี้ ชอบอัปเดตเมคอัพ และศึกษาเรื่องสกินแคร์ เพื่อผิวสวยอย่างปลอดภัย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด