8 วิธีแก้เครียดเมื่อต้องอยู่แต่ในบ้าน!

          พออยู่แต่ในบ้านแล้วก็รู้สึกเป็นเครียด ตื่นมาเจอแต่บรรยากาศเดิมๆ ซ้ำๆ ทุกวัน ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบอยู่บ้าน ก็มีต้องหดหู่กันบ้างล่ะ แต่ทุกคนอย่าเพิ่งเครียดไปค่ะ การอยู่ในบ้านมันก็ไม่ได้แย่มากนะ ลองมาดูว่ามีวิธีอะไรบ้างที่จะทำให้เราอยู่บ้านแล้วใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า และรู้สึกแฮปปี้ไปด้วย

1. จัดตารางเลยว่าในแต่ละวันจะทำอะไรบ้าง
          ถ้าไม่อยากตื่นมาพร้อมกับคำถามเดิมๆ ว่าวันนี้จะทำอะไรดี หรือต้องทำอะไรก่อน พี่โอ๊ตแนะนำว่าลองหากระดาษน่ารักๆ ซักแผ่นมานั่งลิสต์เรื่องที่อยากทำให้วันนั้นๆ เลยค่ะ เช่น ตื่นเช้ามาออกกำลังกายเบาๆ หาอะไรกิน ช่วงบ่ายดูรายการไอดอลที่ค้างอยู่ซัก 2 ตอน แล้วต่อด้วยเล่นเกมที่ยังเคลียร์ด่านไม่ผ่าน สลับมานั่งปั่นยอดวิวให้เมน  การที่เราได้มีเป้าหมายในทุกๆ วันก็จะทำให้การอยู่บ้านไม่น่าเบื่อค่ะ จะลองทำเป็นมิชชั่นดูก็ได้นะ ว่าวันนี้ทำได้ตามเป้ารึเปล่า
 

2. กินอาหารจริงจังเป็นมื้อๆ ดีกว่าการกินขนมทั้งวันนะ
          เวลาอยู่บ้านเรามักจะชอบตุนขนม หรืออะไรที่กินได้ง่าย เพราะขี้เกียจลุกไปทำกินเอง หรือไม่อยากออกไปซื้อข้างนอก ซึ่งจริงๆ แล้วการที่เราได้กินข้าวจริงจังเป็นมื้อๆ จะช่วยให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้ค่ะ เพราะมันช่วยให้เราหายหิวได้จริงๆ และยังได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการด้วย ถ้าไม่อยากออกไปซื้อเองลองใช้บริการ Delivery ก็ได้นะ
 

3. ทำงานบ้านแก้เครียด
          สภาพแวดล้อมในบ้านก็มีส่วนมากๆ เลยค่ะ ถ้าเราปล่อยให้บ้านมีแต่ขยะ หรือวางของเกะกะไม่เรียบร้อย การที่เราต้องเห็นภาพแบบนี้ทุกวันๆ ก็ทำให้รู้สึกหดหู่ แล้วก็ไม่อยากจะอยู่บ้านได้เหมือนกันนะ ลองใช้เวลานี้ลุกมาทำความสะอาดมุมที่ชอบมีฝุ่นเกาะ จัดชั้นหนังสือใหม่ หรือทำความสะอาดบ้านระหว่างอาทิตย์บ้าง นอกจากจะสบายตาแล้ว การทำงานบ้านยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่กรุบๆ ได้อีกด้วยนะ
 

4. วิดีโอคอลคุยกับเพื่อนบ้าง
          ถ้าพูดถึงการพิมพ์แชท พี่โอ๊ตว่าน้องๆ ได้คุยกับเพื่อนอยู่ตลอดทั้งวันอยู่แล้วล่ะ แต่ว่าการที่เราได้โทรศัพท์คุย ได้ยินเสียงหรือเห็นหน้า มันดีกว่าเห็นแค่ตัวอักษรมากๆ เลยค่ะ ลองวิดีโอคอลคุยกับเพื่อน เพื่อเป็นการบอกตัวเองว่า นี่ไง เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นี้คนเดียวนะ เรายังมีครอบครัวมีเพื่อนที่อยู่กับเราตลอด เพียงแค่ไม่ได้ใกล้กันเท่านั้นเอง

5. เปิดวิทยุหรือเปิดทีวี
          อย่าปล่อยให้ตัวเองอยู่กับบรรยากาศเงียบๆ นานจนเกินไปค่ะ เพราะอาจจะยิ่งทำให้จิตตก เว้นแต่ถ้าเราต้องการสมาธิจริงๆ หรือไม่ก็เปิดเพลงเบาๆ คลอเวลาทำงานหรืออ่านหนังสือก็ได้ ส่วนตัวพี่โอ๊ตเวลาได้ยินเสียงศิลปินที่ตัวเองชอบ มันทำให้มีกำลังใจในการทำงานขึ้นเยอะเลยแหละ อิอิ

6.  ขยับร่างกายบ้าง
          อาจจะไม่ต้องถึงกับลุกขึ้นมาวิ่งหรือกระโดดตบจริงจัง อาจจะเปิดเพลงที่ชอบแล้วโยกตามหรือเต้นตามก็ได้ การที่เราขยับร่างกายบ่อยๆ จะช่วยให้สมองและร่างกายรู้สึกตื่นตัว ไม่รู้สึกเพลีย และยังรู้สึกสดชื่นมากขึ้นอีกด้วย
เดี๋ยวนี้ในมือถือมักจะมีแอปพลิเคชั่นที่ช่วยนับก้าวเดิน หรือบอกว่าวันนี้เราเผาหลาญแคลอรี่ไปเท่าไหร่ ถ้าใครมี smart watch ก็ยิ่งแจ่มเลย เอามาทำเป็นชาเล้นจ์ในทุกๆ วันได้นะ
 

7. อย่าเสพข่าวเยอะเกินไป
          พี่โอ๊ตเป็นหนักเลยช่วงที่มีข่าวโควิดแรกๆ เปิดทวิตเตอร์หรือเฟซบุ๊คทีคือจิตตกไปหมดแล้ว ถามตัวเองบ่อยมากมา ฉันติดรึยังนะ 555 จริงๆ การรู้ทันข่าว หรือติดตามสถานการณ์เป็นเรื่องดีนะคะ แต่อย่าปล่อยให้ตัวเองจมกับมันเยอะเกินไปจนไม่มีสติ อ่านเจออะไรมาก็วิตกไปหมด เพราะอาการแบบนี้ก็จะทำให้คนที่อยู่รอบๆ พลอยกังวลไปด้วยค่ะ เปลี่ยนไปอ่านข่าวฮาๆ หรือตามข่าวศิลปินที่เราชอบก็ได้ ฟินๆ

8. ใช้ชีวิตให้เหมือนวันปกติ
          สารภาพมาเดี๋ยวนี้ว่าช่วงที่ต้องอยู่บ้านทุกวัน ใครไม่ยอมลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันบ้าง? เนี่ย ก็เพราะชอบคิดเองว่าไม่ได้ออกไปไหน ไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องสระผมก็ได้ หรือบางคนก็คือใส่แต่ชุดนอนทั้งวันทั้งคืนเลยก็มี
          ซึ่งจริงๆ แล้วเราควรทำให้ทุกวันของเราเป็นปกติ และแฮปปี้ไปกับมันค่ะ ลุกขึ้นมาอาบน้ำให้หอม สระผมให้สะอาด ล้างหน้า ทาครีมบำรุง ถ้าใครที่ชอบแต่งหน้า ก็แต่งเบาๆ ก็ได้นะ เอาให้หน้าพอมีสีสัน ทาลิปสีที่อยากทา บางวันจะใส่ชุดสวยๆ ที่ซื้อมาแล้วยังไม่เคยใส่ นั่งดูซีรีส์สวยๆ อยู่บ้านก็ยังได้ วันไหนรู้สึกสวยมาก ก็เซลฟี่ตัวเองลงโซเชียลไปเลย แบ่งปันความสุขของเราให้คนอื่นเห็นด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ บอกเลยว่าจะทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง ไม่หดหู่ คิดซะว่าได้ลองแต่งหน้าหรือฟิตติ้งชุดก่อนออกไปข้างนอกจริงๆ ก็ได้ค่ะ ซ้อมไว้ก่อนงี้
 

          พี่โอ๊ตว่าความเครียดมันมาได้ง่าย แต่ก็ไล่ไปง่ายเหมือนกันนะ อยากให้ทุกคนลองปิดประตูใส่เรื่องเครียดๆ แล้วไปหาอะไรสนุกๆ ทำดีกว่า ทำอะไรก็ได้ให้รู้สึกดีกับตัวเอง แล้วทุกๆ วันก็จะเป็นวันที่มีความสุขได้ง่ายๆ ค่ะ