น้องๆ เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มั้ยคะ คุยเล่นกับเพื่อนอยู่ดีๆ เพื่อนโกรธเราซะงั้น ทั้งที่เราก็คิดว่าตัวเองไม่ได้พูดจาไม่ดี ไม่ได้ว่าอะไรเพื่อนเลย นี่อาจจะเป็นพฤติกรรมหนึ่งที่เราบูลลี่เพื่อน “โดยไม่รู้ตัว” นั่นเองค่ะ
จริงๆ การบูลลี่ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดในสมัยนี้นะคะ แต่เป็นเรื่องที่มีมานานมากๆ แล้ว เพียงแค่เราไม่เข้าใจมันนั่นเองค่ะ ตอนนี้ทั้งนักจิตวิทยา จิตแพทย์ ต่างก็ออกมาให้ความรู้ในเรื่องนี้กันเยอะขึ้น ทำให้เราเริ่มเข้าใจพฤติกรรมของตัวเองและของคนอื่นมากขึ้น รวมถึงระมัดระวังคำพูดและท่าทางที่ปฎิบัติต่อคนอื่นมากขึ้นด้วยค่ะ
พี่โอ๊ตเคยพูดถึงการบูลลี่ไปแล้วใน "บูลลี่" ปัญหาใหญ่ของเด็ก ที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ ว่าการบูลลี่นั้นหมายถึงการกลั่นแกล้งที่ทำให้เกิดบาดแผลทั้งทางกายและทางใจ ซึ่งเป็นไปได้ว่าบางทีเราอาจจะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่ดันทำให้เพื่อนเราเสียใจ คิดมาก หรืออาจจะกลายเป็นปมในใจไปเลย พี่โอ๊ตก็เลยอยากรวมเอา พฤติกรรมที่เราอาจจะทำลงไปโดยไม่รู้ตัว แต่กลายเป็นการบูลลี่คนอื่นนั่นเอง จะมีอะไรบ้าง มาดูไปพร้อมๆ กันค่ะ
1. ทักรูปร่างหน้าตาของเพื่อนเวลาที่เจอกัน
ยิ่งไม่ได้เจอกันนานๆ แล้วมาเจอกันที อย่างช่วงเปิดเทอมนี่เลยค่ะ เราอาจจะอยากเปิดบทสนทนาด้วยการแซวเพื่อน เช่น
“โห ไม่เจอกันนาน อ้วนขึ้นปะเนี่ย”
“ไปทำอะไรมาอะแก ทำไมสิวขึ้นขนาดนี้”
“ปิดเทอมไปอาบแดดมาเหรอแก ดำเชียว”
ประโยคแบบนี้เราอาจจะรู้สึกว่าเป็นประโยคธรรมดา เราเห็นแบบไหนก็พูดไปแบบนั้น แต่มันอาจจะกลายเป็นความสะเทือนใจของคนฟัง เหมือนเราไปตอกย้ำในสิ่งที่เค้าไม่มั่นใจอยู่แล้วให้แย่ลงไปอีก กรณีแบบนี้ไม่ได้หมายถึงคำพูดที่ไปทางแง่ลบอย่างเดียวนะคะ ถ้าเป็นอะไรที่เพื่อนไม่มั่นใจ ต่อให้เป็นเรื่องที่เราคิดว่าดี ก็อาจจะทำให้เพื่อนเราเฟลได้ค่ะ เช่น บอกว่าเพื่อนขาเล็กมาก ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเพื่อนเรากังวลเรื่องนี้มาตลอด เรื่องผอมเกินไปก็เหมือนกันค่ะ ไม่ใช่ทุกคนจะดีใจเวลามีคนทักว่าผอมนะ
2. ถ่ายคลิปเพื่อนแล้วโพสต์ลงโซเชียลโดยไม่บอก
เราอาจจะเห็นว่ามันตลก หรือคิดว่าไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง แต่เราไม่เคยถามเพื่อนเลยว่า เพื่อนตลกกับเราด้วยมั้ย เพื่อนโอเคมั้ยที่จะโพสต์คลิปแบบนี้ให้คนอื่นเห็นด้วย พี่โอ๊ตอยากบอกว่าต่อให้เป็นคลิปที่อยู่ในมือถือเรา ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะทำอะไรกับมันก็ได้ค่ะ เพราะหน้าตาของเพื่อนเราที่อยู่ในคลิปนั้น ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเพื่อนเรา และเราไม่มีสิทธิ์ลงคลิปเพื่อนโดยไม่ได้รับอนุญาตค่ะ
เมื่อคลิปโพสต์ไปแล้ว แน่นอนว่าคอมเม้นท์ต่างๆ ก็จะเริ่มตามมา ไม่ว่าจะเป็นคอมเม้นท์หัวเราะ หรือให้ความเห็นต่างๆ หากทำให้เพื่อนของเรารู้สึกแย่ รู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้ เราก็ได้ทำการบูลลี่เพื่อนไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ยิ่งกว่านั้นคือเรากำลังลากคนอื่นมาบูลลี่เพื่อนเราซ้ำอีกด้วย
3. ถ่ายรูปเพื่อนหรือโพสต์รูปที่มีอยู่โดยไม่บอกเพื่อน
รูปตอนเพื่อนกำลังเผลอ หรือรูปสมัยเด็กๆ ที่เพื่อนเราอาจจะไม่ได้ชอบเท่าไหร่ เราอาจจะคิดแค่ว่า อยากหยอกเพื่อนเล่น อยากรำลึกความหลัง พี่โอ๊ตแนะนำว่าถ้าเป็นรูปหมู่ เราไม่จำเป็นต้องแท็กเพื่อนก็ได้ค่ะ ถ้าเพืื่อนเราโอเคกับสิ่งนี้ เชื่อสิว่าเดี๋ยวเค้าก็เข้ามาแท็กตัวเอง หรือไม่ก็แชร์รูปเราไปอีกที ส่วนรูปที่เพื่อนกำลังเผลอ พี่โอ๊ตคิดว่าเก็บไว้ฮากับเพื่อนของเราก็พอค่ะ เว้นแต่ว่าเพื่อนของเราโอเคแล้วเอ่ยปากว่าอยากโพสต์เอง อันนี้ก็โอเคค่ะ
4. แซวรูปที่เพื่อนโพสต์ / แซวสเตตัส
การเข้าไปร่วมพูดคุยในโพสต์หรือใต้รูปของเพื่อนบนโซเชียลไม่ใช่เรื่องไม่ดีเลยค่ะ แต่เราอาจจะต้องระวังคำพูดของตัวเองให้มากๆ อย่าคอมเม้นท์ไปในทางลบหรือทำให้เพื่อนรู้สึกกลายเป็นตัวตลก อย่าลืมว่าทุกคอมเม้นท์ทุกคนเห็นเหมือนๆ กันค่ะ การที่เราไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะไม่ได้คิดอะไรเหมือนเราด้วยค่ะ เราอาจจะกลายเป็นส่วนหนึ่ง หรือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เพื่อนโดนบูลลี่ก็ได้
5. แกล้งเพื่อนด้วยการทำร้ายร่างกาย
อาจจะไม่ได้รุนแรงมาก แต่บอกเลยค่ะว่าแต่ละคนก็จะมีจุดที่ไม่ชอบให้โดนตัวหรือถูกตี เท่าที่พี่โอ๊ตเคยลองคุยกับหลายๆ คนมา ก็พบว่าหลายคนไม่ชอบถูก “ตบหัว” มากที่สุดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเบาแค่ไหนก็ตาม หรือใครที่ชอบแกล้งเพื่อนแรงๆ จนเป็นแผลหรือช้ำ การที่เพื่อนเราไม่พูด ไม่ได้แปลว่าเค้าโอเคกับการที่เราทำแบบนั้นนะคะ แต่เพื่อนเราอาจจะแค่เจ็บแล้วเก็บไว้ เพราะกลัวเราโกรธก็ได้ คิดไว้เสมอว่าไม่มีใครอยากเจ็บตัวแน่นอนค่ะ ไม่ว่าสนิทกันขนาดไหนก็ไม่ควรเล่นกันแรงจนเกินไปนะคะ
6. พูดถึงคนที่เพื่อนชอบ หรือไอดอลที่เพื่อนปลื้มในทางที่ไม่ดี
พี่โอ๊ตเห็นหลายเคสมากเลยค่ะ ทีี่เพื่อนแคปรูปคนที่เราชอบ หรือไอดอลที่เราโพสต์บนไอจีสตอรี่หรือเฟซบุ๊ค แล้วส่งข้อความมาถามว่า “นี่ใครอะ ไม่เห็นน่ารักเลย” คือเราอาจจะคิดว่า เราก็แค่ถาม เราแค่อยากรู้ว่าทำไมเพื่อนเราถึงชอบ เพราะเรามองว่าเค้าธรรมดา หรือไม่ได้น่ารักสำหรับเรา พี่โอ๊ตอยากบอกไว้ตรงนี้ว่า ความชอบของแค่ละคน มันค่อนข้างเฉพาะตัวมากๆ ค่ะ ลองมองในทางกลับกัน คนที่เราชอบ เพื่อนเราก็อาจจะรู้สึกว่าไม่น่ารักเหมือนกันก็ได้ แล้วแบบนี้เราจะพูดให้เพื่อนเรารู้สึกแย่ไปทำไม พี่โอ๊ตคิดว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยค่ะ ไม่ชอบก็แค่ผ่านไป ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องพูดทำร้ายจิตใจใครก็ได้เนอะ
จะรู้ได้ยังไงว่าเพื่อนของเรารู้สึกแย่กับการกระทำแบบนี้
ที่จริงไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ พี่โอ๊ตคิดว่า ความใส่ใจ จะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นมากๆ สีหน้าของเพื่อน ท่าทางของเพื่อน ล้วนเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดีเลยค่ะ ถ้าเรารู้สึกว่าเพื่อนเราเงียบๆ ไป หรือมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดี เราก็ควรหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ได้แล้วค่ะ พี่โอ๊ตคิดว่า ถ้าเราตั้งต้นจากความคิดที่ว่า คนๆ นี้คือเพื่อนของเรา เราจะไม่อยากให้เค้ารู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เราทำแน่นอนค่ะ และการบูลลี่ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าใครเผลอทำไปแล้ว พี่โอ๊ตก็คิดว่ายังไม่สายเกินไปที่เรากับเพื่อนจะลองปรับความเข้าใจและขอโทษกันตั้งแต่ตอนนี้ค่ะ
3 ความคิดเห็น
1.ไม่มีเพื่อนในห้อง และไม่เคยคิดจะทำแบบนี้ด้วย
2.ผอ.สั่งให้ครูเก็บมือถือ ถึงมีก็ไม่คิดจะทำ
3.ไม่คิดจะทำ
4.ไม่คิดจะทำ
5.เฉพาะคนที่มาทำกับเราก่อนเท่านั้น เช่น ...
อ้าว....ไม่มีแฮะ... เอาเป็นว้่าข้อ5. ไม่เคยทำ
6.ไม่คิดจะทำ เขาชอบอะไรก็ปล่อยไปสิ แต่ถ้าชอบในทางที่ไม่ดี เช่นยาเสพติด ต้องบอกพ่อแม่ของฝ่ายเพื่อน แล้วให้พ่อแม่เขาพาไปบำบัด กรณีติดยา
พูดแค่นี้ น้อยใจผูกคอตาย
สมัยกรูเป็นเด็ก ทักแรงส์กว่านี้แยะ
ทำการบ้านผิด เพือนบอกว่า โง่เป็นควาย
ก็ตอบเพือนไป ว่า ไม่เข้าใจ ก็เลยทำผิด
ไ่ม่ได้ ถนัดสายนี้ แต่ถ้าเรือง แดก บอกมาเลย
พูดแค่นี้ผูกคอตายแต่คำว่าแค่นี้สำหรับบางคนมันไม่แค่นี้นะคะ อย่าเอาคนอื่นมาเทียบกับตัวเองเลยค่ะ
มีแต่ไปช่วย คนที่โดน กลั่นแกล้ง แม้จะซวยที่ถูกเล่นงานแทน แต่มันก็เป็นการออกกำลังกายที่ดี *V*