Sexual Harassment ปัญหาใกล้ตัวที่ต้องระวัง

อย่าปล่อยให้ Sexual Harassment กลายเป็นเรื่องที่ “ใครๆ ก็ทำกัน”

คำว่า Sexual Harassment หรือ การคุกคามทางเพศ กลายเป็นคำที่เราได้ยินกันคุ้นหูในช่วงปีหลังๆ และเป็นเรื่องที่น่าดีใจ ที่หลายคนมองเห็นปัญหาจากเรื่องนี้มากขึ้นค่ะ

แต่ก็ยังมีน้องๆ บางคนที่อาจจะยังไม่เข้าใจคำนี้จริงๆ คิดว่าการคุกคามทางเพศต้องเป็นการถูกเนื้อต้องตัวกันเท่านั้น หรือต้องถึงขั้นทำอนาจารต่างๆ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ ความหมายของการคุกคามทางเพศนั้นค่อนข้างกว้าง และเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ซึ่งบางทีเราอาจจะไม่ได้รู้ตัว จนทำให้เกิดเป็นการยินยอมให้ถูกกระทำในอนาคตได้ค่ะ

พูดได้ว่าเรามีโอกาสที่จะเจอการคุกคามทางเพศในรูปแบบต่างๆ ได้เกือบทุกวันเลยล่ะค่ะ ทั้งจากคนใกล้ตัว ในโรงเรียน ที่ทำงาน สถานที่สาธารณะต่างๆ หรือแม้แต่ในโซเชียลเองก็ตาม ดังนั้นพี่โอ๊ตเลยมองว่าน้องๆ ควรจะต้องรู้เอาไว้ว่า อะไรบ้างที่เข้าข่ายการคุกคามทางเพศ เพื่อไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องกลายเป็นเหยื่อ ถือว่าเป็นการป้องกันตัวเองทางหนึ่งค่ะ

การคุกคามทางเพศด้วย “คำพูด”

ไม่ว่าจะเป็นการแซว การพูดเล่น การชักชวนที่ส่อไปถึงเรื่องเพศ การใช้คำพูดวิจารณ์รูปร่างหรือสัดส่วนของเรา เช่น อ้วนจัง เอวอยู่ไหนอะ ทำไมขาเบียด ไม้กระดาน ข้างหน้าข้างหลังแยกไม่ออกเลย คำพูดที่สนุกปากเหล่านี้คือการคุกคามทางเพศทั้งสิ้นค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นการวิจารณ์โดยตรงแล้ว ยังทำให้คนฟังรู้สึกแย่อีกด้วย

กับคำพูดอีกรูปแบบหนึ่งที่เจอบ่อยๆ คือการชักชวนที่ส่อไปถึงเรื่องเพศ เช่น พี่ไปส่งมั้ยจ๊ะ ห้องเราแอร์เย็นนะ ไปนั่งเล่นห้องเรามั้ย แม้เราจะไม่รู้จุดประสงค์จริงๆ ของคนที่พูด แต่ด้วยประโยคเหล่านี้ก็ถือว่าเข้าข่ายการคุกคามทางเพศแล้วค่ะ

ในปัจจุบันนั้น การคุกคามทางเพศด้วยคำพูดไม่ได้มีแค่การพูดต่อหน้าเท่านั้นนะคะ เพราะทางโซเชียลคือช่องทางที่มาแรงที่สุด เนื่องจากจะพิมพ์อะไรลงไปก็ได้ เพราะยังไงเราก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครอยู่แล้ว ดังนั้นคำพูดที่ส่อถึงเรื่องเพศแบบมาแรงที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นทางโซเชียลนี่แหละค่ะ

การคุกคามทางเพศด้วยการแตะเนื้อต้องตัว

ไม่ว่าจะสัมผัสตรงไหนก็ตามโดยที่เราไม่ยินยอม ทั้งการจับมือ แตะมือ แตะขา โอบไหล่ โอบเอว การกระทำต่างๆ เหล่านี้เข้าข่ายการคุกคามทางเพศทั้งสิ้นค่ะ ยิ่งถ้าเราไม่รู้จักอีกฝ่ายด้วย ยิ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงเลย ซึ่งถ้าเรายอมปล่อยให้ตัวเองถูกกระทำเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็อาจจะทำให้เราถูกคุกคามมากหนักขึ้นอีกค่ะ

การคุกคามทางเพศด้วย “เสื้อผ้า”

ถ้าถูกสั่งให้ต้อง ถอด หรือ ใส่ อะไรที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกอับอาย อันนี้ก็เรียกว่าเป็นการคุกคามทางเพศค่ะ หรือการแกล้งกันด้วยการดึงสายเสื้อชั้นใน ดึงกางเกง ดึงเสื้อ เปิดกระโปรง ก็เข้าข่ายเหมือนกันค่ะ

ตั้งใจเปิด อวัยวะ ให้ผู้อื่นดู

อันนี้น่าจะเรียกว่าหนักสุดค่ะ การเปิดอวัยวะในที่นี้ หมายถึงอวัยวะ ใต้ร่มผ้า ไม่ว่าจะทำไปเพื่อยั่วยวนอีกฝ่าย หรืออยากให้รู้สึกอับอาย ก็เรียกว่าเป็นการคุกคามทางเพศทั้งนั้นค่ะ

5 วิธี เอาตัวรอดจากการถูกคุกคามทางเพศ

• อย่าทำเหมือนว่าเป็นเรื่องเล็ก ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง เดี๋ยวเค้าก็เลิกไปเองแหละ บอกเลยค่ะว่าคิดผิด ยิ่งเราทำเหมือนไม่มีอะไร ก็ยิ่งเหมือนว่าเรายินยอม ทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ และอาจจะไปทำกับคนอื่นอีกด้วย
• อย่าตอบโต้กับอีกฝ่ายโดยคิดว่าเป็นเรื่องสนุก หลอกตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ทำให้เป็นเรื่องตลกแทนเดี๋ยวก็ผ่านไป ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายสนุกมากขึ้นค่ะ
• รู้จักการปฏิเสธ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร แต่ร่างกายเราคือสิทธิของเราค่ะ ต้องรู้จักการแสดงออกว่าเราไม่โอเค ไม่พอใจ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัวค่ะ แต่ถ้าเป็นคนรู้จักที่อยากรักษาความสัมพันธ์ไว้ ก็ลองอธิบายด้วยเหตุผลก่อนค่ะ
• ขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ถ้าน้องๆ รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเกิดความเครียดเพราะไม่รู้จะหยุดสถานการณ์นี้ได้ยังไง มองหาผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้ให้ช่วยจัดการแทนเลยค่ะ
• ถ้าเห็นคนอื่นตกเป็นเหยื่อ ตัวเราก็ไม่ควรเพิกเฉยค่ะ เพราะการทำแบบนี้อาจจะกลายเป็นการสร้างนิสัยว่าเราเองก็ไม่รู้สึกว่ามันคือปัญหา และเราเองเนี่ยแหละที่อาจจะเผลอไปทำแบบนี้กับคนอื่นได้ค่ะ

สุดท้ายแล้วสิ่งที่พี่โอ๊ตอยากฝากไว้ก็คือ ถ้าเราอยากให้ใครเคารพสิทธิและเสรีภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่าง หน้าตา หรือการแต่งตัว ตัวเราเองก็ควรทำแบบนั้นกับคนอื่นด้วยเหมือนกันค่ะ Sexual Harassment หรือ การคุกคามทางเพศ หากปล่อยให้ตัวเองถูกเป็นเหยื่อบ่อยๆ อาจจะเกิดเป็นแผลทางจิตใจในอนาคตได้เลย ซึ่งมันมีผลกระทบร้ายแรงกว่าที่เราคิดเยอะค่ะ เพราะฉะนั้นพี่โอ๊ตอยากให้น้องๆ เริ่มมองเห็นคุณค่าของตัวเองตั้งแต่วันนี้ และปกป้องตัวเองจากสิ่งเหล่านี้ด้วยนะคะ