12 สิ่งควรรู้ ก่อนสมัครคอร์สเรียนภาษาในต่างประเทศ

        สวัสดีค่ะ น้องๆชาว Dek-D.com การเรียนภาษากับเจ้าของภาษาโดยตรงนั้น นับเป็นอะไรที่ดีต่อการเรียนภาษามากๆ และการได้ไปใช้ชีวิตในประเทศนั้นๆ ยิ่งทำให้เราได้สัมผัสวัฒนธรรมและได้ฝึกภาษาไปด้วยใช่มั้ยล่ะคะ แต่ช้าก่อน! สำหรับใครที่กำลังคิดจะสมัครคอร์สเรียนภาษาในต่างประเทศกันอยู่ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจค่ะ เพราะวันนี้ พี่สตางค์ มีข้อควรระวัง หรือสิ่งที่เราควรจะรู้ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะสมัครเรียนคอร์สนั้นดีหรือไม่มาฝากน้องๆกันค่ะ ^^

1) เมืองใหญ่ หรือ เมืองเล็ก ดีนะ? (Big City Vs Small Town)
 
        บางคนอาจจะมีเมืองในใจที่อยากไปเรียนอย่างแน่นอนแล้ว เช่น บางคนอาจจะตั้งมั่นว่าจะไป ลอนดอน, ปารีส, โตเกียว หรือจะไปมอนเตวิเดโอ (ซึ่งก็คือเมืองหลวงของอุรุกกวัยค่ะ ถ้าใครกำลังงง 555+) แต่สำหรับบางคน อาจจะกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจว่าจะไปเมืองไหนดี และเมืองที่มีให้เลือกนั้น ก็มีทั้งเมืองเล็ก เมืองใหญ่ เมืองหลวง เมืองชนบท ฯลฯ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่มีความสำคัญในการเลือกโรงเรียนภาษาของเรามากทีเดียวค่ะ 

        อย่างบางคนอาจจะบอกว่า เมืองเล็กๆดีกว่า เพราะเราจะได้รับการต้อนรับอย่างเป็นกันเองและดูอบอุ่น แถมการเรียนภาษา เรายังจะได้มีโอกาสพูดคุยกับคนท้องถิ่นทั่วไปในเมืองมากกว่าการไปเรียนรู้ในเมืองใหญ่ๆด้วย ในขณะที่บางคนอาจจะชอบเมืองใหญ่ๆมากกว่า เพราะเมืองใหญ่มักจะมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และยังเต็มไปด้วยสถานที่และกิจกรรมที่น่าสนใจ ให้ความรู้สึกว่าได้มาสัมผัสความเป็นประเทศนั้นๆอย่างแท้จริง ซึ่งแน่นอนค่ะว่า แต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป อยู่ที่เราว่าจะชอบหรือเห็นว่าแบบไหนที่จะเหมาะและส่งเสริมต่อการเรียนภาษาของเรามากกว่ากันค่ะ


2) สภาพแวดล้อมของโรงเรียน 

        หลังจากที่รู้แล้วว่าเราอยากจะไปใช้ชีวิตการศึกษาของเราในเมืองแบบไหน คราวนี้สิ่งต่อมาที่เราควรจะคำนึงถึงก็คือ สถานที่แน่นอนของสถาบันนั้นๆ (Precise Location) เพราะแม้จะเป็นในเมืองเดียวกัน แต่ในเมืองแต่ละเมืองก็จะมีความแตกต่างในแต่ละส่วนด้วย เช่น ตัวโรงเรียนตั้งอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะ เราก็จะได้บรรยากาศสงบๆ หรือว่าตัวโรงเรียนตั้งอยู่ใกล้ชุมชนเมือง ที่จะมีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย เราก็จะได้ความรู้สึกสนุกสนานคึกคัก เช่นนี้เป็นต้น ซึ่งปัจจัยในการเลือกนั้น ก็เหมือนเดิมค่ะ คือเอาตัวเราเป็นหลักเลย ว่าเราต้องการจะได้รับประสบการณ์แบบไหนกลับบ้านไป และแบบไหนที่จะช่วยให้เราได้รับการเรียนรู้อย่างเต็มที่


3) เป้าหมายของเรา ยึดมั่นไว้ให้ดี!  

        อย่างที่พี่ได้กล่าวไปแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกนั้น แท้จริงแล้วก็อยู่ที่ตัวเรานั่นเองค่ะ และสิ่งที่จะเป็นหลักให้เราไว้ใช้ยึดได้นั้น ก็คือเป้าหมายของเรา (ที่มีไว้พุ่งชน เย้!) โดยจะต้องแน่ใจว่าโรงเรียนภาษานั้นๆ และคอร์สที่เขานำเสนอเรานั้น จะช่วยให้เราถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้จริงๆ เช่นถ้าใครตั้งเป้าหมายเรื่องประสบการณ์ มากกว่าจะอยากไปเรียนภาษาจริงๆจังๆ ก็อาจจะเน้นคอร์สที่ได้เรียนไปด้วยท่องเที่ยวไปด้วย แต่ถ้าใครที่อยากจะมุ่งมั่นให้ได้ภาษากลับมา ก็ควรจะดูหลักสูตรที่มีความจริงจัง และเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับในเรื่องการเรียนการสอน เป็นต้นค่ะ

4) สถาบันนั้นๆก่อตั้งมากี่ปีแล้ว?

        แน่นอนว่า สถาบันที่ก่อตั้งมานานกว่า ย่อมรับประกันคุณภาพให้เราได้ในระดับหนึ่ง เพราะว่ายิ่งสถาบันนั้นก่อตั้งมายาวนาน ก็เท่ากับว่าสถาบันนั้นก็มีโอกาสในการสั่งสมประสบการณ์การสอนมายาวนานด้วย นอกจากนี้ ระยะเวลาที่สถาบันหรือโรงเรียนนั้นๆก่อตั้งมา ก็มักจะเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันกับ ชื่อเสียง (Reputation) ของโรงเรียนนั้นด้วย ดังนั้นถ้าจะให้ดี เลือกโรงเรียนภาษาที่ก่อตั้งมายาวนานและมีประวัติชื่อเสียงในทางที่ดีย่อมจะดีกว่านั่นเองค่ะ ^^
 

5) ตารางเรียน (Class Schedules)

        ตารางเรียนที่หละหลวมเกินไป ความรู้ที่ได้ตามก็จะหละหลวมตามไปด้วย ในขณะที่ตารางเรียนที่อัดแน่นเกินไป น้องๆก็อาจจะเบื่อและเครียดเกินกว่าจะได้รับประสบการณ์เรียนรู้ที่สนุกสนาน ดังนั้นตารางการเรียนจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ ที่เราควรจะต้องคำนึงถึงก่อนจะเลือกคอร์สเรียนนั้นๆ 

        นอกจากนี้ เราควรดูด้วยว่าชั่วโมงเรียนที่ทางสถาบันกำหนดนั้น เป็นการเรียนการสอนประเภทใด เช่น เป็นการสอนโดยอาจารย์ในห้องเรียน หรือเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (self-study) โดยใช้อุปกรณ์เสริมช่วยในการเรียน (เช่น บางแห่งจะมี language labs) เป็นต้น รวมไปถึงช่วงเวลาการพักเป็นอย่างไร เช่น ทุกๆ 50 นาที จะพัก 10 นาที หรือว่าเรียนทั้งชั่วโมงรวดเลย ซึ่งการที่เราศึกษาข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ ก็เพื่อเราจะได้ไม่ต้องมาผิดหวังในภายหลัง หากว่าการเรียนการสอนของสถาบันนั้นๆไม่ตรงตามที่เราคิดไว้นั่นเองค่ะ

6) จำนวนนักเรียนในห้องเรียน (Class Sizes)

        เป็นเรื่องแน่นอน ที่หากจำนวนนักเรียนมีน้อยๆ อาจารย์ก็จะสามารถเข้าถึงนักเรียนได้มากกว่า ดูแลได้ใกล้ชิดกว่า และการเรียนการสอนก็ย่อมที่จะมีประสิทธิภาพมากกว่าห้องเรียนที่มีเด็กนักเรียนจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงควรหาข้อมูลด้วยค่ะว่า สถาบันนั้นๆมีกำหนดจำนวนนักเรียนในแต่ละห้องกี่คน และเราพอใจกับจำนวนนั้นหรือไม่


7) นักศึกษาชาติต่างๆ (Nationality Mix)

        โรงเรียนสอนภาษาหลายๆแห่งมักจะเปิดรับนักศึกษาจากทั่วโลก แต่น้องๆอาจสงสัยว่า แล้วทำไมเชื้อชาติของนักเรียนในห้องถึงสำคัญด้วยล่ะ? คำตอบก็คือ การมีนักเรียนหลายๆชาตินั้น จะช่วยให้เราได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจากหลากหลายเชื้อชาติ ซึ่งเป็นการเปิดโลกทัศน์และทำให้เรามีประสบการณ์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ เราก็ยังได้โอกาสฝึกภาษาในการพูดคุยกับเพื่อนใหม่ๆเหล่านี้ด้วย ซึ่งทำให้เราได้หัดใช้ภาษาทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนนั่นเองค่ะ 

        แต่เดี๋ยวก่อน! จุดนี้ต้องระวังให้ดี ถ้าหากน้องๆตั้งใจจะไปเรียนภาษาที่สาม แต่ดันไปเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีแต่ชาวอังกฤษหรืออเมริกันมาเรียน...อันนี้ระวังว่าจะได้ฝึกภาษาอังกฤษแทนที่จะได้ฝึกภาษาที่สาม หรือใครที่ไปเรียนภาษาอังกฤษในคลาสเรียนที่มีแต่คนจีน...อันนี้ก็อาจจะได้ภาษาจีนกลับมาแทนภาษาอังกฤษก็เป็นได้ 555+ เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูด้วยว่านักเรียนที่มาเรียนนั้นมีเชื้อชาติอะไรกันบ้างนะคะ ^^


8) อายุของนักเรียนโดยรวม

        จะเห็นได้ว่า บางโรงเรียนมีการกำหนดอายุนักเรียนที่จะมาเรียนในแต่ละคอร์ส ว่าอายุของผู้ที่จะมาสมัครนั้นอยู่ที่กี่ปีถึงกี่ปี เราจะพบว่าบางโรงเรียนจำกัดเพียงแค่น้องๆมัธยม (สอนความรู้ทางภาษาทั่วไป) บางโรงเรียนจำกัดเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน (เน้นภาษาเพื่อการทำงาน หรือเพื่อธุรกิจ) ในขณะที่บางโรงเรียนอาจจะรับตั้งแต่เด็กมัธยมต้นจนถึงระดับมหาวิทยาลัยเลยก็มี ซึ่งตรงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราควรคำนึงถึง เพราะบางคนอาจจะอยากเรียนในกลุ่มคนอายุเท่าๆกัน มากกว่าจะเรียนในกลุ่มคนที่มีอายุที่หลากหลายแต่มีระดับความรู้ทางภาษาเท่าๆกัน


9) ค่าใช้จ่ายที่ถูกซ่อนไว้...ไม่บอกเรา... (Hidden Costs)

        สถาบันส่วนใหญ่จะมีการบอกค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนหลักสูตรนั้นๆให้เราทราบ ไม่ว่าจะเป็นในหน้าเว็บไซต์ของสถาบัน หรือจะเป็นจากการซักถามของเราเอง ทั้งทางโทรศัพท์ ทางอีเมลล์ ฯลฯ (ก็เรื่องค่าใช้จ่ายมันเป็นเรื่องสำคัญนี่นะ!) ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่เราควรให้ความระมัดระวังในรายละเอียดเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ เพราะบางครั้งทางนั้นก็ไม่ได้บอกเราหมดทุกอย่าง (ถ้าเราไม่ถาม) เพื่อที่จะได้ให้เราคิดว่า "โอ้ ค่าใช้จ่ายก็ไม่มากนี่นา..." และทำให้เราตัดสินใจสมัครเรียนได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อเราไปถึงจริงๆ อาจพบว่ายังมีค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ยังจะต้องเสียอีกเต็มไปหมด! เช่น ค่าอาหารบางมื้อ ค่าเดินทาง (บางสถาบันดูแลเรา เรื่องการเดินทางไป-กลับสนามบิน แต่นอกจากนั้นจ่ายเองหมด!) แล้วยังจะมีค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมต่างๆอีก เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากจะต้องอารมณ์เสียในภายหลัง อย่าลืมดูเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้รอบคอบนะคะ!


10) ที่พัก (Accommodation)

        สิ่งที่ควรคำนึงถึงอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องที่พักของเราค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแบบ โฮมสเตย์กับครอบครัวท้องถิ่นที่นู่น หรือว่าจะเป็นการพักในอพาร์ทเม้นต์ของทางสถาบันที่จัดเตรียมไว้ให้ หรือว่าทางเราต้องเป็นผู้ดำเนินการจัดหาเอง ตรงนี้ก็ต้องดูให้ดีๆ

        ในการดูเรื่องที่พักของเรานั้น ต้องให้แน่ใจเลยค่่ะว่า ที่พักของเรานั้นห่างจากสถานที่เรียนขนาดไหน และเราจะสามารถเดินทางไปเรียนได้วิธีไหน อาหารที่ทางนั้นดูแลมีมื้ออะไรบ้าง และเราจะได้พักในห้องพักแบบไหน และถ้าหากเป็นการพักแบบโฮมสเตย์ หากว่าต่อมาเรามีปัญหากับครอบครัวที่เราไปพักด้วย (Host family) และอยากจะเปลี่ยนที่พัก จะสามารถทำได้อย่างไรและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในจุดนั้นหรือเปล่า แต่หากเป็นการพักในที่พักที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ เราก็ควรจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับนโยบายของที่พักนั้นๆค่ะ เช่น เป็นหอรวม หรือแยกชาย-หญิง มีกฎอะไรบ้าง เช่น นำอาหารเข้าไปรับประทานในห้องพักได้มั้ย ห้ามกลับหอพักเกินกี่โมง เป็นต้นค่ะ


11) การคืนเงิน (Refunds)

        หากเราต้องการที่จะยกเลิก (แบบว่า เกิดเหตุขัดข้อง ไปเรียนไม่ได้แล้ว) แต่ว่าจ่ายเงินเขาไปแล้วเนี่ย...เกิดเขาไม่ยอมคืนเงินก็ยุ่งเลยสิคะ! เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะจ่ายเงินอะไรก็ตาม ต้องเช็คดูให้ดีก่อนว่า ทางสถาบันเขามีนโยบายคืนเงินอย่างไร หักเงินเราเท่าไหร่หากเราต้องการจะยกเลิกกระทันหัน หรือจะได้รับคืนเต็มจำนวนหากว่ายกเลิกก่อนเปิดเรียนภายในกี่วัน กี่เดือน หรืออาจมีค่าใช้จ่ายบางอย่างที่เราจะไม่ได้คืนเลย เช่น ค่าสมัคร เป็นต้น

12) การทัศนศึกษา และกิจกรรมต่างๆ

        ในปัจจุบันนี้ โดยมากการเรียนคอร์สภาษาในต่างประเทศมักมาพร้อมกับกิจกรรม และการทัศนศึกษาในประเทศนั้นๆด้วย และบางคอร์สอาจมีการเพิ่มหลักสูตรวิชาต่างๆเพิ่มเติม เช่น เรียนภาษาพร้อมเรียนถ่ายภาพ เรียนภาษาพร้อมเรียนออกแบบ หรือเรียนภาษาพร้อมการศึกษาวัฒนธรรม เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับเป็นประสบการณ์ที่ดีที่เราจะได้รับ นอกเหนือไปจากการเรียนภาษาในห้องเรียน ดังนั้นเราจึงควรเลือกคอร์สที่มีกิจกรรม หรือการทัศนศึกษาตามแบบที่เราชอบ ซึ่งจะช่วยให้เราได้ใช้เวลาในการเรียนอย่างสนุกสนาน และมีช่วงเวลาดีๆให้เราได้คิดถึง หลังจากจบคอร์สเหล่านั้นไปแล้วนั่นเองค่ะ

        และนั่นก็คือ 12 ข้อควรระวังและควรที่จะทราบ ก่อนจะตัดสินใจสมัครเรียนคอร์สภาษาในต่างประเทศค่ะ หวังว่าใครที่กำลังศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับคอร์สเหล่านี้ จะได้นำ 12 ข้อของ พี่สตางค์ นี้ไปใช้หาคอร์สเรียนที่ถูกใจ และคุ้มค่ากับการลงทุนของเรามากที่สุดนะคะ ^^


 


ภาพประกอบ : iscbeijing.com, enjoyrussian.com, ittti.ca

พี่สตางค์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

28 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
SuPeR ' PoOkPiK ~ Member 11 มิ.ย. 55 20:12 น. 4

 อยากไปเรียนซัมเมอร์หรือคอร์สภาษาต่างประเทศอ่ะค่ะ

- ตอนนี้อายุ 14 

- ไปกะเพื่อนหลายคนอยู่แต่ไม่ใช่ปีนี้แน่

- อยู่เชียงใหม่

..........ถ้าอยากไปจะต้องไปติดต่อที่ไหน ? แล้วต้องเอาอะไรไปบ้างค้ะ ?

1

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
Kiiim_vipz Member 17 เม.ย. 56 12:12 น. 10
อยากลองไปเรียนมากเลยค่ะ อยากลองไปช่วงสิบสี่สิบห้า อยากไปฝึกภาษา แล้วก็หัดอยู่ด้วยตัวเองด้วย5555
ตอนนี้13แล้วค่ะ^^
1

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นุชนาถ 28 ส.ค. 56 14:45 น. 15
ข้อมูลเป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ เราก็ดูซัมเมอร์หลายที่เหมือนกัน
แต่ชอบของอีเอฟค่ะดูอินเตอร์ๆ และให้ข้อมูลเยอะดีอิอิ http://www.ef.co.th/ilc/destinations/united-kingdom/oxford/
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Phatarawadee 14 ต.ค. 56 22:28 น. 17
ขออนุญาตถามนะคะ คืออนาคตอยากจะเป็นหมอ จำเป็นต้องเรียนต่อต่างประเทศเพื่อหาความรู้เพิ่มเติมไหมคะ? เพราะส่วนตัวอยากเรียนต่างประเทศค่ะ หรือว่ามันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะฝึกภาษาหรือทำงานในด้านภาษาเท่านั้นหรอคะ? ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นล่วงหน้าค่ะ.
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด