Statement of Purpose จะมีเนื้อหาหลักๆ อยู่ที่ ทำไมเขาถึงจะต้องเลือกน้อง ทำไมน้องถึงเลือกเรียนกับเขา แล้วก็ความตั้งใจของน้องที่นำความรู้นั้นไปทำอะไรต่อ ซึ่งทุกส่วนมีน้ำหนักพอๆ กัน (อ่านเรื่องราวเต็มๆ ของ SOP ที่นี่ค่ะ http://www.dek-d.com/content/studyabroad/29094/) แต่สำหรับในส่วนของ Study Plan นั้นจะเน้นที่การแสดงให้คณะกรรมการเห็นว่าน้องวางแผนชีวิตในอนาคตไว้อย่างเป็นระบบเรียบร้อยแล้วค่ะ สามารถมั่นใจได้เลยว่าถ้ารับน้องเข้าเรียนแล้ว น้องจะมีศักยภาพมากพอที่จะสำเร็จการศึกษาออกมาอย่างมีคุณภาพ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่น้องตั้งเอาไว้
Study Plan ที่ดีควรประกอบด้วยอะไรบ้าง
1. ในส่วนของบทนำ น้องๆ ควรเล่ารายละเอียดเล็กน้อย ว่าน้องเป็นใคร สนใจเข้าเรียนสาขาอะไร เพราะอะไร เขียนแบบกระชับ ไม่ต้องลงรายละเอียดลึกมาก น้องอาจสรุปจาก Statement of Purpose มาก็ได้ค่ะ ตรงส่วนนี้จะทำให้คณะกรรมการพอทราบว่าน้องเป็นใครอย่างคร่าวๆ ค่ะ ไม่ต้องให้น้ำหนักเยอะมากนะคะ เพราะสาระสำคัญของ Study Plan จะอยู่ในส่วนถัดไปค่ะ
2. ส่วนต่อมาซึ่งน้องจะแบ่งเป็นกี่ย่อหน้าก็ได้นั้น จะเป็นการเล่าถึงแผนการในชีวิตของน้องโดยละเอียดและมีหลักการค่ะ ไม่ได้หมายความว่าให้เขียนเป็นไดอารี่อนาคตรายวันนะคะ นั่นก็ละเอียดเกินไป ซึ่งสิ่งที่ควรจะใส่ก็คือ
2.1 อาชีพในอนาคตของน้องค่ะ ซึ่งต้องขยายความด้วยว่าน้องประกอบอาชีพนี้ไปแล้วจะส่งผลดีอะไรต่อตัวน้อง และประเทศของน้อง โดยน้องสามารถยกปัญหาที่น้องเห็นในตอนนี้ขึ้นมาก็ได้ แล้วอธิบายว่าเพื่อที่จะแก้ปัญหาของประเทศในข้อนี้ให้ได้ งานที่น้องจะกลับมาทำนั้นช่วยได้อย่างไร
2.2 รายวิชาในสาขานั้นค่ะ ตรงนี้น้องต้องสืบค้นดูว่าสาขาที่น้องจะสมัครไปเรียนมีรายวิชาอะไรบ้าง น้องอาจยกตัวอย่างวิชาบังคับบางตัวของสาขานั้นที่เป็นวิชาที่มีที่เดียวในโลก ผู้สอนเป็นผู้เชี่ยวชาญเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ หรือว่าวิชานั้นสามารถช่วยให้น้องได้ทำอาชีพที่น้องอยากทำอย่างที่มหาวิทยาลัยอื่นไม่สามารถให้ได้ หรือน้องอาจพูดถึงวิชาเลือกที่น้องอยากลงว่ามันจะช่วยให้น้องเข้าใจและนำวิชาบังคับมาประยุกต์ใช้ได้จริงมากขึ้นอย่างไร น้องอาจเขียน 2 – 3 วิชา แต่อย่าให้เยอะเกินไปนะคะ ไม่งั้นมันจะดูไม่ค่อยจริงใจ เหมือนชมๆ เขาไปหมด
แต่ถ้าสาขาที่น้องอยากไปเรียนนั้นไม่ได้โดดเด่นสุดๆ และน้องไม่อยากจะเยินยอให้ดูเฟค น้องสามารถแสดงถึงความตั้งใจในการวางแผนรายวิชาเรียนแทนได้นะคะ เช่นเทอมแรกจะเรียนวิชาอะไรเพื่อสร้างพื้นฐานที่แน่นหนา แล้วเทอมสองอาจลงวิชาที่จะขยายความรู้ เทอมถัดมาอาจเรียนวิชาที่เน้นด้านบูรณาการหรือประยุกต์ใช้จริง สามารถเพิ่มเติมรายละเอียดเช่น การจัดสรรเวลาเรียนกับการทำวิทยานิพนธ์ได้ค่ะ
2.3 แผนการหลังเรียนจบค่ะ ซึ่งการวางแผนที่ดีควรแบ่งเป็นเป้าหมายระยะสั้น (Short-term) คือไม่เกิน 5 ปีหลังจบ (โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน) และเป้าหมายระยะยาว (Long-term) คือหลังจากนั้นค่ะ การที่น้องแบ่งเป็นช่วงๆ แบบนี้จะแสดงให้คณะกรรมการทราบว่าน้องมุ่งมั่นจริงๆ จะไม่ลอยไปลอยมาเพราะทุกอย่างมีกรอบระยะเวลาไว้แล้ว ตรงนี้น้องอาจย้อนกลับไปพูดถึงปัญหาที่เรามีอยู่ แล้วแสดงการแก้ไขปัญหานั้นอย่างเป็นขั้นตอนได้นะคะ
สำหรับส่วนที่สองนี้ น้องอาจสลับลำดับการเขียนได้ค่ะ ไม่ต้องเขียนเป็นสเต็ปอย่างที่พี่บอกก็ได้ ขึ้นอยู่กับสำนวนภาษาของแต่ละคนและลักษณะวิชาหรืองานค่ะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเนื้อหาต้องต่อเนื่องกันนะคะ อย่าเด้งไปเด้งมา
ตัวอย่าง Study Plan
ต่อไปคือตัวอย่าง Study Plan แบบคร่าวๆ ที่พี่นำมาจากของเพื่อนหลายๆ คนที่กำลังเรียนโทอยู่ต่างประเทศตอนนี้มารวมๆ กัน จะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นค่ะ
สมมติว่าเพื่อนคนนี้จะไปเรียนต่อสาขาการสอนภาษาเกาหลีในฐานะภาษาต่างประเทศของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในเกาหลี
ส่วนแรกเธอเกริ่นนำเล็กน้อย สั้นๆ คล้ายๆ สรุปความจาก Statement of Purpose
จากนั้นเธอก็บอกว่าปัญหาที่มีคือตอนนี้ไทยกับเกาหลีใกล้ชิดกันมากขึ้น เด็กไทยสนใจภาษาเกาหลีมากขึ้น แต่คณะที่เปิดสอนภาษาเกาหลีเป็นวิชาเอกมีน้อยมาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้หลายคนต้องหาที่เรียนข้างนอกซึ่งแพงและไม่ได้วุฒิ นอกจากนั้นบุคลากรที่จะสอนก็ขาดแคลน ผู้สอนหลายท่านสื่อสารภาษาเกาหลีได้ แต่สอนไม่เป็น ทำให้การสอนไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนจึงจบมาแบบท่องจำ สอบเสร็จลืม อะไรประมาณนี้ เธอจึงอยากกลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะเดิมเพื่อให้มีบุคลากรเพียงพอที่จะเปิดเป็นวิชาเอก และจะมีวิชาหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม
ถัดมาเธอก็บอกว่าที่เธออยากเข้าเรียนที่นี่ เป็นเพราะมันตอบโจทย์ของเธอได้ ที่นี่เป็นที่แรกที่เปิดสอนสาขานี้ และยังมีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมากมาย ผู้ที่จบการศึกษารุ่นก่อนๆ ก็กลายเป็นอาจารย์ที่มีคุณภาพแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้ เมื่อที่อื่นเปิดสาขานี้ตาม ก็ไม่มีวิชา... ซึ่งเธอคิดว่าวิชา...นี้จะช่วยให้เธอเป็นอาจารย์ที่ดีอย่างที่เธอหวัง
ช่วงสุดท้ายเธอก็วางแผนไว้ว่าเธอจะสอนนักศึกษาสี่ปี และส่งเสริมให้นักศึกษาอย่างน้อยสองคนในแต่ละรุ่นที่จบ ไปเรียนต่อสาขาแบบนี้จนกลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะอีก ภายในสามปีบุคลากรก็จะเพียงพอที่เปิดเป็นวิชาเอก จากนั้นเธอจะเสนอวิชาเพิ่มเช่นอะไรบ้าง ทำให้นักศึกษารุ่นต่อๆ ไปมีทั้งจำนวนที่มากขึ้นและคุณภาพที่ดีขึ้น สร้างคนที่เข้าใจมากกว่าภาษาเกาหลีมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อทั้งภาครัฐและเอกชน มีการทำธุรกิจระหว่างประเทศมากขึ้นอย่างไรบ้าง แต่สรุปคือได้ประโยชน์ทั้งต่อประเทศไทยเองและประเทศเกาหลีด้วย
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
I. สำหรับบางคณะที่กำหนดให้มี Statement of Purpose อย่างเดียว น้องอาจนำการเขียน Study Plan นี้มาเป็นแนวทางการเขียนย่อหน้าเป้าหมายในชีวิตก็ได้ค่ะ
II. ถ้าต้องเขียนทั้งสองอย่าง ส่วนบทนำของ Study Plan อย่า copy แล้ว paste จากของ Statement of Purpose มาประโยคเว้นประโยคนะคะ เพราะมันแสดงถึงความขี้เกียจค่ะ น้องควรเรียบเรียงใหม่ให้กระชับค่ะ
III. ห้ามเชื่อมโยงเรียงความทั้ง 2 ชิ้นด้วย “ดังที่กล่าวไปใน Statement of Purpose” ห้ามโดยเด็ดขาดค่ะ เพราะคณะกรรมการพิจารณามีหลายท่านนะคะ คนหนึ่งอาจเริ่มอ่านจาก Study Plan ก่อนก็ได้ แล้วค่อยแลกกับอีกคน เขาจะงงค่ะว่าที่กล่าวไว้ข้างต้นเนี่ย มันตรงไหน (และมันก็ดูขี้เกียจด้วย)
IV. ถ้าในใบสมัครได้กำหนดฟอร์มการเขียนไว้แล้ว น้องก็เขียนตามฟอร์มนะคะ ไม่ต้องเขียนตามพี่ (ไม่ต้องกลัวพี่เสียใจหรอกค่ะ ^^)
V. แต่ถ้าไม่ได้กำหนดความยาวมาให้ ความยาวประมาณ 500 คำ เป็นความยาวที่ดีที่สุดค่ะ
VI. สำหรับใครที่เริ่มคิดแล้วว่าจะทำวิทยานิพนธ์ประมาณไหน น้องสามารถนำมาพูดถึงในเรื่องของปัญหาที่เกิดขึ้นจริงได้นะคะ เพราะจะยิ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริง
VII. ไม่มีชาติไหนอยากให้เรามาเรียนแล้วแอบอยู่บ้านเขาไปตลอดหรอกค่ะ น้องต้องระบุว่าจะกลับมาช่วยเหลือบ้านเกิดอย่างไร (ยกเว้นน้องจะเรียนปริญญาต่ออีกใบ) ยิ่งถ้าน้องสมัครไปเรียนต่อในประเทศที่เลือดรักชาติแรงกล้ามากอย่างเกาหลีหรือญี่ปุ่น น้องก็อย่าบ้าจี้รักชาติเขามากตามไปด้วย เราต้องรักชาติตัวเองค่ะ แต่ในขณะเดียวกันต้องไม่ลืมเขียนด้วยว่า ชาติเราไม่ใช่ได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว ชาติเขาก็ได้ประโยชน์ด้วย
VIII. ระวังอย่าเขียนอะไรที่ดูเป็นนามธรรมหรืออุดมการณ์เว่อร์นะคะ อย่างชอบเรียน อยากได้ความรู้เยอะๆ รู้ไว้ไม่เสียหาย หรือสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เพราะมันดูไร้จุดมุ่งหมายไปค่ะ เขาจะมองว่าไม่ต้องรับน้องเข้าเรียนตอนนี้ก็ได้ ไม่มีใครรีบ หรือไม่ก็ถ้าน้องไม่จริงจัง น้องก็สมัครเรียนที่อื่นสิ เขาไม่อยากให้น้องมากั๊กที่คนที่มีความมุ่งมั่นจริงๆ ค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะกับข้อควรรู้ดีๆ ในการเขียน Study Plan พี่เชื่อว่าตอนนี้น้องๆ น่าจะพร้อมแล้วกับการสมัครเรียนต่อหรือสมัครทุน ฝันให้ไกลไปให้ถึงนะคะ เคล็ดลับสุดท้ายที่พี่อยากจะบอกก็คือแสดงความตั้งใจจริงอย่างจริงใจค่ะ รับรองว่าคนอ่านต้องสัมผัสได้แน่ๆ พี่พิซซ่า เป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนเลยนะคะ ขอให้โดนใจกรรมการกันถ้วนหน้าค่ะ ^^
ส่วนใครอยากอ่านบทความดีๆ เคล็ดลับการไปเรียนต่อนอก อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปเจอกันได้ที่คอลัมน์เรียนต่อนอกที่ www.dek-d.com/studyabroad นะคะ
ข้อมูล:
www.hku.hk, www.italki.com, www.parkercollegeplan.com,
www.lib.berkeley.edu, www.momentumcareersadvice.com
16 ความคิดเห็น
เราจะทำประโยชน์อะไรให้กับมหาวอทยาลัยของเค้า
ประโยชน์ง่ายๆ ที่เราทำให้เค้าได้ก็คือ เรียนจบตามหลักสูตร เพราะเค้าไม่ต้องเสียเวลาถ้าเราตก หรือต้องสอบซ่อม ไม่ทำเรื่องเสื่อมเสีย ประเภทที่จะไปลงข่าวว่า นักศึกษามหาลัย...
รวมถึงถ้าเรา เรียนจบแล้วได้งานดีๆ เราก็พูดได้ว่า "จบจากที่นี่ค่ะ" ก็เป็นการโปรโมทมหาวิทยาลัยเค้าไปในตัวอยู่แล้ว
ตอนนี้เร่งเตรียมเอกสารอยู่อ่ะครับ ไม่รู้จะส่งไปทันหรือป่าว ขอหลักฐานเยอะมากๆๆๆๆ T__T
นัลถอยหลัง 15 วัน ทั้งแปปลเอกสาร รับรอง สแตมป์และ ส่งจดหมายไป All of Urgent ^_^
ที่เขียนไป มีประโยชน์มากครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากค่าา
พี่มาจุดประกายทำให้คิดออกขึ้นมาทันที อิอิ