รวมภาพที่ใส่ hasgtag #ข่มขืนต้องประหาร จากทวิตเตอร์

               จากกระแส #ข่มขืนต้องประหาร จากข่าวสะเทือนใจ ทำให้พี่เกียรตินึกถึงประเด็นเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่มีกลุ่มนักกิจกรรมจาก 13 เมืองทั่วโลกร่วมกันรณรงค์ประท้วงต่อต้านกฎหมายชะรีอะฮ์ของบรูไนที่ถูกโจมตีว่ามีบทลงโทษที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง

 
             การรณรงค์ประท้วงเรื่องที่ว่านี้มาจากการที่สุลต่าน ฮัสซานัน โบลเกียแห่งบรูไนทรงประกาศใช้กฎหมายชะรีอะฮ์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีพื้นฐานมาจากหลักวิถีศาสนาอิสลามสำหรับมุสลิมซึ่งมีข้อลงโทษที่ชัดเจนและเข้มงวด เช่น   การเฆี่ยนในคดีดื่มสุรา การถูกปาก้อนหินจนเสียชีวิตในคดีผิดประเวณี ความผิดมีชู้ มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก การลงโทษด้วยการถูกตัดอวัยวะในคดีขโมยทรัพย์สิน  เป็นต้น
 
เป็นกฎหมายที่ตอบรับกับความผิดในเหตุแสนสะเทือนใจนี้ได้ดีเลยใช่ไหมคะ


สุลต่านบรูไนทรงประกาศกำหนดบังคับใช้กฎหมายชะรีอะฮ์ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2556 
Image: BT, bt.com.bn 
           

           แต่ก็ด้วยกฎหมายนี้ครอบคลุมวิถีการดำเนินชีวิตของชาวมุสลิมทุกด้าน อาทิ ข้อบังคับการเรียน กำหนดโทษปรับหรือจำคุกในความผิดตั้งแต่การประพฤติตัวไม่เหมาะสม ข้อกำหนดการไปละหมาดที่มัสยิด การตั้งครรภ์นอกสมรส การผิดบาปมีรักกับคนเพศเดียวกัน  และอีกหลายประการ ทำให้นานาประเทศ กลุ่มสตรีแนวหน้า กลุ่มคนข้ามเพศ  (LGBT)  รวมถึงสหประชาชาติ ได้เรียกร้องให้บรูไนชะลอการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ออกไปก่อน ด้วยเหตุผลที่ว่าบทลงโทษยังขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศ และยังมีการลงโทษด้วยความโหดร้ายและลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ และหลายฝ่ายวิจารณ์เลยว่าการบังคับใช้กฎหมายแบบนี้มันจะทำให้บรูไนกลับสู่ยุคหิน

Image: EPA, Available from: aljazeera.com
การถือป้ายชุมนุม ชวนเชิญบอยคอตโรงแรมของสุลต่านบรูไนทั้งในอังกฤษ เจนีวา โรม และลอสแองเจลิส 

Image: David McNew, Getty Images

             สุลต่านบรูไนทรงประกาศกำหนดการใช้กฎหมายนี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว (2556) ว่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายนี้ในวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา แต่ก็ได้มีการเลื่อนการบังคับใช้มาจนกระทั่งเริ่มใช้กฎหมายชะรีอะฮ์นี้เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้แล้วค่ะ โดยระยะแรกจะเริ่มจากกฎขัอกำหนดพื้นฐานในชีวิตทั่วไปก่อน อย่างกำหนดการไปมัสยิด การกำหนดวิชาศาสนาเป็นวิชาบังคับ แล้วค่อยเริ่มกฎหมายระยะที่ 2 ที่เพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นภายในปีนี้ ซึ่งกฎหมายนี้จะบังคับใช้เฉพาะกับชาวมุสลิมบรูไนเท่านั้น ไม่นับรวมไปถึงชนกลุ่มน้อย และนักท่องเที่ยว จึงไม่น่าผลต่อการท่องเที่ยวค่ะ
 

สุลต่านบรูไนทรงประกาศใช้กฎหมายชะรีอะฮ์อย่างเป็นทาการ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2557 



          และเมื่อปีที่แล้วก็มีการสำรวจความคิดเห็นของชาวมุสลิม 39 ประเทศรวมทั้งไทย (5 จังหวัดภาคใต้) ต่อการบังคับใช้กฎหมายโดยอิงหลักศาสนาอิสลาม ของสถาบันวิจัย Pew Research Center พบว่าชาวมุสลิมในแต่ละประเทศมีความคิดเห็นต่อกฎหมายชะรีอะฮ์นี้แตกต่างกันมาก อย่างชาวมุสลิมในอัฟกานิสถานร้อยละ 99 สนับสนุนกฎหมายชะรีอะฮ์ ชาวมุสลิมในอินโดนีเซียสนับสนุนกฎหมายชะรีอะฮ์ร้อยละ 72 ขณะที่ชาวอาเซอร์ไบจานเพียงร้อยละ 8 เท่านั้นที่สนับสนุน   อย่างไรก็ตาม ชาวมุสลิมส่วนใหญ่ในโลกเห็นว่ากฎหมายชะรีอะฮ์ ควรนำมาใช้กับชาวมุสลิมเท่านั้น มีเพียงอียิปต์ คีร์กีซสถาน อัฟกานิสถาน จอร์แดน และอินโดนีเซีย เท่านั้น ที่ชาวมุสลิมส่วนใหญ่คิดว่ากฎหมายชะรีอะฮ์ควรใช้กับผู้นับถือศาสนาอื่นด้วย แต่ที่น่าสนใจคือ ชาวมุสลิมในหลายประเทศส่วนใหญ่มองว่ากฎหมายชะรีอะฮ์ ไม่ได้ขัดกับเสรีภาพในการนับถือศาสนา อย่างชาวไทยมุสลิมเองที่สำรวจ จำนวนร้อยละ 77 สนับสนุนให้ใช้กฎหมายชะรีอะฮ์ แต่ร้อยละ 79 ก็สนับสนุนเสรีภาพในการนับถือศาสนาอีกด้วย




                อย่างไรก็ตาม แม้ใครจะวิจารณ์ว่าชะรีอะฮ์นี้จะนำพาบรูไนกลับสู่ยุคหิน แต่อย่าลืมว่าบรูไนถือเป็นหนึ่งในประเทศที่รัฐบาลให้การดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนดีที่สุดในเอเชีย พลเมืองทุกคนจะได้รับสิทธิรักษาทางการแพทย์โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และภาครัฐจะออกค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาให้ประชาชนทุกคนจนจบปริญญาตรี ไม่ว่ากฎหมายจะเป็นอย่างไรแต่ทุกคนมีความสุขโดยพื้นฐานจากสวัสดิการของรัฐอยู่แล้วค่ะ  
                  ศาสนจารย์ระดับสูงของบรูไนท่านหนึ่งกล่าวว่า "อย่ามองที่บทลงโทษ เช่น ตัดมือ ปาหิน หรือเฆี่ยน แต่ควรให้ความสนใจในระบบการตัดสินโดยรวม ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าจะยุติธรรมกับทุกคน และกฎหมายข้อบังคับใหม่จะเป็นเครื่องยืนยันให้ประชาชนชาวบรูไนมีคุณภาพชีวิตที่ดี" ประเด็นนี้ก็น่าคิดเหมือนกันเนอะ และเมื่อดูจากการสำรวจข้างต้นก็พบว่าชาวมุสลิมหลายๆ ประเทศเองก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปกับกฎหมายชะรีอะฮ์นี้เช่นกัน 



รวมภาพที่ใส่ hasgtag #ข่มขืนต้องประหาร จากทวิตเตอร์ 

            ก็ถือว่าพี่เกียรตินำข่าวเพื่อนบ้านอาเซียนมาเล่าสู่กันฟังจ้า เพราะอย่างไรข้อกำหนดตามหลักชะรีอะฮ์นี้ ก็ไม่อาจนำมาลงโทษผู้ผิดได้ตามหลักกฎหมายไทย และจะว่าไปกฎหมายทุกอย่างมีบทลงโทษเพื่อใช้ป้องกันหรือยับยั้งคนจะกระทำผิดมากกว่า แต่แท้จริงกว่านั้นแล้วก็คือ ไม่ว่ากฎหมายจะมีบทลงโทษเบาหรือหนักแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าทุกคนไม่ยึดถือกฎหมาย เอาแต่พยายามหาข่องโหว่และหลบเลี่ยงกันในทุกๆ เรื่องกันจนเคยตัว ถึงจะมีกฎหมายเข้มงวดบทลงโทษหนักแค่ไหน ผลมันก็เละเทะไม่ต่างกัน...จริงไหมคะ หรือน้องๆ ชาว Dek - D คิดเห็นอย่างไรคะ คุยกันได้นะคะ 





แหล่งข้อมูล, ภาพประกอบ: 
- manager.co.th/around/viewnews.aspx?NewsID=9560000132749
- bt.com.bn/news-national/2013/10/22/brunei-enforce-syariah-law (The Brunei Times) 
-aljazeera.com/indepth/opinion/2014/05/brunei-sharia-law-at-what-cost-2014528134130788926.html
- frontpagemag.com/2014/dgreenfield/the-brunei-moment/
- twitter.com/search?q=%23ข่มขืนต้องประหาร&src=hash&mode=photos
- pewforum.org/2013/04/30/the-worlds-muslims-religion-politics-society-exec/
- voanews.com/content/global-muslim-survey-finds-support-for-sharia-but-also-for-religious-pluralism/1652158.html
พี่เกียรติ
พี่เกียรติ - Community Master ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

นุอมาน 10 ก.ค. 57 14:15 น. 4
อัลลอฮฺ ซุบฮานาฮูวาตาอาลา ได้ทรงกำหนดโทษทัณฑ์แก่ บรรดาผู้ที่ทำการ ล่วงละเมิดประเวณี(ซินา) ซึ่งบรรดาอุลามะอฺ(ปวงปราชญ์อิสลาม)ได้ จำแนกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ดังนี้ ผู้ทำการ ซินา นั้น (1)บ้างก็ยังเป็นผู้ที่ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน(หมายถึงยังไม่เคยแต่งงานมาก่อนและยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน) และ(2)บ้าง ก็เคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วโดยผ่านการแต่งงานที่ถูกต้องตาม หลักศาสนา ในกรณีแรก... หากคนๆนั้น ได้มีเพศสัมพันธ์ผิดหลักศาสนา(ละเมิดประเวณี,ซินา) โทษของเขาก็คือ ต้องเฆี่ยน 100 ครั้ง (โดยให้รัฐที่ดำเนินการปกครองตามกฎหมายอิสลามเป็นผู้ดำเนินการ ตามรูปแบบที่ถูกบัญญัติไว้ ตามหลักวิชาฟิกฮฺ) ส่วนกรณีที่สอง... หากคนๆนั้นเคยมีเพศสัมพันธ์ภายใต้การแต่งงานที่ถูกต้องมาแล้ว แต่ยังมีสำส่อน ละเมิดประเวณี ขึ้นอีก... เขาต้องได้รับโทษด้วย การ ถูกขว้างปาด้วยก้อนหินจนกว่าจะจบชีวิตไป... (ซึ่งรายละเอียดก็ได้มีบัญญัติไว้แล้วใน หลักการวิชา ฟิกฮฺ) เราจะเห็นได้ว่า...อิสลาม ได้เข้มงวดกวดขันเป็นอย่างยิ่งในเรื่อง การผิดประเวณี และมีบทลงโทษที่รุนแรง เพื่อประคับประคองสังคมให้อยู่ในสภาพที่สมดุลตลอดไป การรู้อะไรโดยผิวเผินแล้ววิจารณ์นั้นเป็นสิ่งที่สมควรหรือครับ ฝากไว้สำหรับบางคน
0
กำลังโหลด
Nana 10 ก.ค. 57 17:04 น. 13
คุณต้องศึกษากฏชะรีอะห์อย่างเน้นๆ อย่ามองแค่ผิวเผิน คนส่วนใหญ่ศึกษาแค่ผิวเผิน ก็มองแล้วว่ากฏหมายอิสลามโครตป่าเถื่อน แต่ถ้าศึกษาแบบชัดเจนอ่ะจะรู้เรยว่ากฏมันมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมถึงห้าม ทำไมต้องแต่งกายอย่างนี้
0
กำลังโหลด

ยอดถูกใจสูงสุด

Zigic 10 ก.ค. 57 18:00 น. 14
เค้ามีไว้ขู่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด ไม่ใช่จ้องจะลงโทษ เมื่อรู้ว่าบทลงโทษมันหนักขนาดนี้แล้วยังยอมแลกกับการทำผิด คุณก้ต้องยอมรับผลที่ตามมา ถ้ากฏหมายมันเบาคนทำผิดย่อมมีมาก ถ้าจับคนร้ายได้ถามว่า คนที่โดนข่มขืนจะเหมือนเดิมมั้ย จะย้อนกลับไปได้ไหม ก้ไม่ วางกฎหมายเพื่อไม่ให้มีคนทำ ดีกว่าผู้เสียหายโดนแล้วมาลงโทษทีหลัง
0
กำลังโหลด
ขวัญญ 10 ก.ค. 57 21:49 น. 17
ใช่ค่ะ ดูเผิน ๆ แล้วการปาหินเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไป แต่ถ้ามองให้ลึกซึ้งการข่มขืนนั้นเป็นการกระทำที่หยามเเกียรติอย่างรุนแรงเสียมากกว่า ลองเปิดใจให้กว้าง ๆ นะ ชารีอะห์ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นอย่างไม่มีเหตุมีผลหรอก
0
กำลังโหลด
Asrorf Member 10 ก.ค. 57 11:43 น. 2

ชารีอะห์ไม่ใช่แค่กฎหมาย แต่รวมทั้งคำสั่งในแง่กฎหมาย และระบอบ การดำเนินชีวิต นั่นก็คือคำสอน ครับ ตามความคิดเห็นที่ 1 ก็อาจจะใช่ในศาสนาอื่นนะครับ แต่ในศาสนาอิสลามจะไม่แบ่งแยกศาสนาออกจากชีวิตประจำวัน การปฏิสัมพันธ์ รวมทั้งบทบาทและหน้าที่ครับ

0
กำลังโหลด
เสร่อคุง Member 11 ก.ค. 57 08:24 น. 18

เย้  มันตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกันคนไม่ให้ทำผิด  เด็ดขาดไม่เหมือนกฏหมายบ้านเรา มีอารยะธรรมแต่คนเลวๆบ้านเรานี่มีัมากกว่าประเทศที่พวกคุณบอกว่าไร้อารยะธรรมอีก 

ปล.กฏหมายโหดขนาดนั้นใครจะกล้าทำ ถ้าทำก็แสดงว่าเตรียมใจที่จะรับโทษอ่ะนะ

ปล2 กฏหมายบ้านเราแมร่งให้โอกาสโจรว่ะ ลดโทษแมร่งทุกปี แบบนี้หมาที่ไหนจะกลัวกฏหมายครับ บอกหน่อย 

1
เก็งคอ 1 เม.ย. 58 21:23 น. 18-1
การลงโทษอย่างโหดเ-้ยมน่ะในโลกของฝรั่งมันมีแค่ในยุคมืด ในยุคที่สว่างแล้วคนรู้จักคิดรู้จักมีเหตุมีผล การลงโทษอย่างนี้ยังว่าน่ารังเกียจ ก็คิดเอาเองละกัน
0
กำลังโหลด
Nana 10 ก.ค. 57 16:46 น. 11
การปาหินเป็นการบ่งบอกว่า ถ้าไม่อยากถูกลงโทษอย่างนี้ก็ห้ามทำผิด เค้าแก้กันที่ต้นเหตุ ถ้าไม่มีกฏหมายที่เข้มมาก คนก็กล้าที่จะทำ
1
เก็งคอ 1 เม.ย. 58 21:20 น. 11-1
คนพาลสันดานหยาบเท่านั้นที่เหมาะกับกฎหมายพรรค์นี้ ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาของคนใจหยาบเหมือนสัตว์ที่ต้องขู่ตะคอกเฆี่ยนตีถึงจะเดินไป ไม่เหมาะกับมนุษย์ที่จิตใจเป็นอารยะรู้ตนเตือนตนดีเลวด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ใครมาขู่เข็ญลงโทษ ศาสนาใจหยาบของพวกอาหรับหน้าขนจะเอามายอมรับนับถือทำไม
0
กำลังโหลด

26 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
Asrorf Member 10 ก.ค. 57 11:43 น. 2

ชารีอะห์ไม่ใช่แค่กฎหมาย แต่รวมทั้งคำสั่งในแง่กฎหมาย และระบอบ การดำเนินชีวิต นั่นก็คือคำสอน ครับ ตามความคิดเห็นที่ 1 ก็อาจจะใช่ในศาสนาอื่นนะครับ แต่ในศาสนาอิสลามจะไม่แบ่งแยกศาสนาออกจากชีวิตประจำวัน การปฏิสัมพันธ์ รวมทั้งบทบาทและหน้าที่ครับ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นุอมาน 10 ก.ค. 57 14:15 น. 4
อัลลอฮฺ ซุบฮานาฮูวาตาอาลา ได้ทรงกำหนดโทษทัณฑ์แก่ บรรดาผู้ที่ทำการ ล่วงละเมิดประเวณี(ซินา) ซึ่งบรรดาอุลามะอฺ(ปวงปราชญ์อิสลาม)ได้ จำแนกกฎเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้ดังนี้ ผู้ทำการ ซินา นั้น (1)บ้างก็ยังเป็นผู้ที่ไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน(หมายถึงยังไม่เคยแต่งงานมาก่อนและยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน) และ(2)บ้าง ก็เคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วโดยผ่านการแต่งงานที่ถูกต้องตาม หลักศาสนา ในกรณีแรก... หากคนๆนั้น ได้มีเพศสัมพันธ์ผิดหลักศาสนา(ละเมิดประเวณี,ซินา) โทษของเขาก็คือ ต้องเฆี่ยน 100 ครั้ง (โดยให้รัฐที่ดำเนินการปกครองตามกฎหมายอิสลามเป็นผู้ดำเนินการ ตามรูปแบบที่ถูกบัญญัติไว้ ตามหลักวิชาฟิกฮฺ) ส่วนกรณีที่สอง... หากคนๆนั้นเคยมีเพศสัมพันธ์ภายใต้การแต่งงานที่ถูกต้องมาแล้ว แต่ยังมีสำส่อน ละเมิดประเวณี ขึ้นอีก... เขาต้องได้รับโทษด้วย การ ถูกขว้างปาด้วยก้อนหินจนกว่าจะจบชีวิตไป... (ซึ่งรายละเอียดก็ได้มีบัญญัติไว้แล้วใน หลักการวิชา ฟิกฮฺ) เราจะเห็นได้ว่า...อิสลาม ได้เข้มงวดกวดขันเป็นอย่างยิ่งในเรื่อง การผิดประเวณี และมีบทลงโทษที่รุนแรง เพื่อประคับประคองสังคมให้อยู่ในสภาพที่สมดุลตลอดไป การรู้อะไรโดยผิวเผินแล้ววิจารณ์นั้นเป็นสิ่งที่สมควรหรือครับ ฝากไว้สำหรับบางคน
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
เฮ้อ มนุษย์ 10 ก.ค. 57 14:39 น. 6
เห็นกระแส คงอยากจะห้อยตามเขานะครับ ทั้งที่เคยถูกต่อต้าน แบบว่า "โอกาสตรูมาแล้ว ตอนนี้แหละ" อะไรประมาณนั้นสินะ ฉลาดจังพ่อคุณ.... การปาหินมันคือ "การประหารแบบไร้อารยะ" ที่สุด บ้านใดเมืองใดทำแบบนี้ เป็นสิ่งที่เลวทรามที่สุด บางที การตักหัวมันยังดีกว่า ดีกว่ายังไง ก็เพราะมันไม่ "ทรมาน" แต่ปาหิน กับผูกคอในตะวันออกกลางของพวกมุซซี่ มันเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน อย่างน้อยถ้าจะมีโทษประหารก็ให้มันดีๆหน่อย เช่น ฉีดยา ค่อยมีมนุษยธรรมขึ้นมาหน่อย แหม จมปลักอยู่กับโลกโปราณนัก ตามกระแสมั่งเถอะพุ่อคุ๊ณณณ
9
pasawoi 10 ก.ค. 57 16:37 น. 6-1
ขอถามนิดหนึ่งน่ะค่ะ หากวันหนึ่ง คนที่คุณรักที่สุด โดนข่มขืน คุณอยากให้เข้าตายง่ายๆเลยหรอ คุณไม่รู้สึกเจ็บบ้างหรอ หากคนคนนั้นเป็นแม่ เป็นน้องสาว มันไม่สมครวอีกหรอ ที่เขาต้องโดนข้วางหิน เพราะ-ที่ต อนข่มใจคนอื่นน่ะไม่คิด แล้วรู้ไหมค่ะ คนที่เจ็บปวดที่สุดก็ พ้่อแม่นี้แหละ ขนาดโดนขว้างก้อนหินยังไม่สมกับที่ เขาทำกับคนท่เรารีกที่สุดหรอกค่ะ
0
กำลังโหลด
solmok Member 10 ก.ค. 57 14:40 น. 7

ผิดประเวณีคือยินยอมทั้ง2ฝ่าย บทลงโทษจึงจะถูกใช้กับกรณีนี้ ส่วนข่มขืนบทลงโทษจะถูกใช้กับคนผิด ค่าาาาา

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Nada 10 ก.ค. 57 15:46 น. 9
การปาหิน แน่นอนว่ามันทรมาน แต่การทำผิดประเวณี ผิดลูกผิดเมียก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ในกรณีที่แต่งงานแล้วบุคคลที่ทำการผิดประเวณี แล้วโดนลงโทษด้วยการขว้างก้อนหินจนตาย นั่นถือเป็นการลงโทษที่ให้เห็นว่าไม่ควรทำเยี่ยงอย่าง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Nana 10 ก.ค. 57 16:46 น. 11
การปาหินเป็นการบ่งบอกว่า ถ้าไม่อยากถูกลงโทษอย่างนี้ก็ห้ามทำผิด เค้าแก้กันที่ต้นเหตุ ถ้าไม่มีกฏหมายที่เข้มมาก คนก็กล้าที่จะทำ
1
เก็งคอ 1 เม.ย. 58 21:20 น. 11-1
คนพาลสันดานหยาบเท่านั้นที่เหมาะกับกฎหมายพรรค์นี้ ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาของคนใจหยาบเหมือนสัตว์ที่ต้องขู่ตะคอกเฆี่ยนตีถึงจะเดินไป ไม่เหมาะกับมนุษย์ที่จิตใจเป็นอารยะรู้ตนเตือนตนดีเลวด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ใครมาขู่เข็ญลงโทษ ศาสนาใจหยาบของพวกอาหรับหน้าขนจะเอามายอมรับนับถือทำไม
0
กำลังโหลด
Nana 10 ก.ค. 57 16:48 น. 12
ก็เหมือนเรา เจอกฏหมายที่เข้มมากๆๆ เรารู้สึกอยากจะทำมั้ยล่ะ คงไม่อยากหรอก หรือไม่ก็ไม่มีความคิดที่จะทำความผิดนั้นอีก เพราะกลัวการลงโทษที่มันหนัก
1
เก็งคอ 1 เม.ย. 58 21:22 น. 12-1
รู้สึกสมเพชที่ถูกปฏิบัติเหมือนสัตว์มากกว่า คนเราถ้าเป็นคนมีใจสูงจริง ไม่ต้องขู่เข็ญก็รู้ได้ด้วยปัญญาว่าอะไรดีอะไรชั่ว มีแต่วัวควายเท่านั้นต้องเอาแส้เอาปฏักเฆี่ยนตี ศาสนาอิสลามก็เหมือนแส้เฆี่ยนสัตว์นั่นแหละ เผอิญคนในโลกนี้โดยมากไม่ใช่สัตว์เหมือนพวกแขกอาหรับ
0
กำลังโหลด
Nana 10 ก.ค. 57 17:04 น. 13
คุณต้องศึกษากฏชะรีอะห์อย่างเน้นๆ อย่ามองแค่ผิวเผิน คนส่วนใหญ่ศึกษาแค่ผิวเผิน ก็มองแล้วว่ากฏหมายอิสลามโครตป่าเถื่อน แต่ถ้าศึกษาแบบชัดเจนอ่ะจะรู้เรยว่ากฏมันมีที่มาที่ไปอย่างไร ทำไมถึงห้าม ทำไมต้องแต่งกายอย่างนี้
0
กำลังโหลด
Zigic 10 ก.ค. 57 18:00 น. 14
เค้ามีไว้ขู่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด ไม่ใช่จ้องจะลงโทษ เมื่อรู้ว่าบทลงโทษมันหนักขนาดนี้แล้วยังยอมแลกกับการทำผิด คุณก้ต้องยอมรับผลที่ตามมา ถ้ากฏหมายมันเบาคนทำผิดย่อมมีมาก ถ้าจับคนร้ายได้ถามว่า คนที่โดนข่มขืนจะเหมือนเดิมมั้ย จะย้อนกลับไปได้ไหม ก้ไม่ วางกฎหมายเพื่อไม่ให้มีคนทำ ดีกว่าผู้เสียหายโดนแล้วมาลงโทษทีหลัง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ขอ- 10 ก.ค. 57 21:01 น. 16
ศาสนาใครก็ศาสนามันครับเค้าไม่ได้บังคับนอกศาสนา โวยวายเพื่อไร? เหมือนกับครูสั่งการบ้านแล้วไม่ทำจะโดนตี ถ้าไม่ทำก็ต้องโดนเพราะบอกไว้แล้ว สรุปนะถ้าไม่ไปทำผิดก็ไม่โดนหรอก
0
กำลังโหลด
ขวัญญ 10 ก.ค. 57 21:49 น. 17
ใช่ค่ะ ดูเผิน ๆ แล้วการปาหินเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไป แต่ถ้ามองให้ลึกซึ้งการข่มขืนนั้นเป็นการกระทำที่หยามเเกียรติอย่างรุนแรงเสียมากกว่า ลองเปิดใจให้กว้าง ๆ นะ ชารีอะห์ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นอย่างไม่มีเหตุมีผลหรอก
0
กำลังโหลด
เสร่อคุง Member 11 ก.ค. 57 08:24 น. 18

เย้  มันตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกันคนไม่ให้ทำผิด  เด็ดขาดไม่เหมือนกฏหมายบ้านเรา มีอารยะธรรมแต่คนเลวๆบ้านเรานี่มีัมากกว่าประเทศที่พวกคุณบอกว่าไร้อารยะธรรมอีก 

ปล.กฏหมายโหดขนาดนั้นใครจะกล้าทำ ถ้าทำก็แสดงว่าเตรียมใจที่จะรับโทษอ่ะนะ

ปล2 กฏหมายบ้านเราแมร่งให้โอกาสโจรว่ะ ลดโทษแมร่งทุกปี แบบนี้หมาที่ไหนจะกลัวกฏหมายครับ บอกหน่อย 

1
เก็งคอ 1 เม.ย. 58 21:23 น. 18-1
การลงโทษอย่างโหดเ-้ยมน่ะในโลกของฝรั่งมันมีแค่ในยุคมืด ในยุคที่สว่างแล้วคนรู้จักคิดรู้จักมีเหตุมีผล การลงโทษอย่างนี้ยังว่าน่ารังเกียจ ก็คิดเอาเองละกัน
0
กำลังโหลด
Nana 11 ก.ค. 57 10:37 น. 19
ประเทศที่ใช้กฏหมายนี้ บอกตามตรง บางปีเค้าไม่มีข่าวพวกนี้เรย ไม่มีข่าวอาชญากรรม ไม่มีข่าวการขโมยของ หรือถ้ามีสามารถนับครั้งได้ ประเทศก็สงบสุข แต่อย่างว่า ถ้าไม่เข้าใจเราก็ไม่ว่ากันค่ะ เราถือว่าเราพยายามให้คุณได้รู้ถึงเหตุผลแล้วว่าทำไมถึงมีกฏแบบนี้ เราไม่สามารถเปลี่ยนใจคุณได้หรอก แค่อยากอธิบายให้ฟังว่า กฏชะรีอะห์ไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างที่คิด และกฏหมายพวกนี้แหละที่ทำให้มุสลิมอยู่อย่างสงบ
0
กำลังโหลด
غريب 11 ก.ค. 57 14:28 น. 20
ชารีอะฮฺ เป็นกฎหมายที่ลึกซึ้ง ถ้าเรื่องของการผิดประเวณีเเล้ว จะต้องมีพยานชายถึง สี่คน เเละเเต่ละคนจะต้องเปนคนที่ยอมรับจากสังคม หากคุนไปว่าหญิงคนไดคนหนึ่งว่าผิดประเวณี โดยไม่ได้นำพยานชายที่น่าเชื่อถือได้ สี่ คน (คนน่าเชื่อถือได้คือ คนที่ไม่เคยกระทำผิดกฏหมายอิสลามทั้งการ ขโมย ข่มขื่น ผิดประเวณี ฯลฯ เป็นผู้ที่มีสติสัมปชัญญะ บรรลุนิติภาวะ ) คุนก้จะโดนโทษการผิดประเวณีไส่ตัวคุนเอง เเสดงว่า การจะตัดสิน คดีในอิสลามนั้น เข้มยิ่งกว่าการลงโทษคนผิดสะอีก
1
เก็งคอ 1 เม.ย. 58 21:26 น. 20-1
บ้าเอ๊ยแล้วความเป็นจริงใครจะลากคนไปข่มขืนในที่ที่ร้องขอความช่วยเหลือได้ล่ะ คิดสิคิด พูดดีไปยังไงก็เป็นการเหยียดเพศอยู่ดี สังคมพวกแขกมันทรามเพราะจิตใจต่ำไม่เป็นอารยะ ศาสนาแทนที่จะขัดเกลาให้ละกับส่งเสริมบอกว่าสิ่งที่เป็นมันดี เออเจริญดี
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด