เช็ค! 18 เหตุผล(ข้ออ้าง)ที่ทำให้เราไม่เก่งภาษาอังกฤษซักที!!

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com หนึ่งในคำถามที่ พี่พิซซ่า เจอบ่อยติดอันดับก็คือ "ทำยังไงให้เก่งภาษาอังกฤษคะ/ครับ" และเมื่อพี่แนะนำไปก็มักได้ยินต่อว่า "ก็มัน.....นี่นา" สารพัดเหตุผลเลยแหละ วันนี้ English Issues จึงขอเสนอสุดยอดข้ออ้างที่ทำให้ไม่เก่งอังกฤษซักทีค่ะ รีบเช็คตัวเองด่วนๆ เลยว่าเคยอ้างแบบนี้มั้ย



1. "ก็มันยาก" (It's just so hard.)

 

     ตอนเด็กๆ ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องยากสำหรับเราทั้งนั้น ปั่นจักรยานให้เป็นก็ยาก ระบายสีไม่ให้ออกนอกเส้นก็ยาก บวกเลขสองหลักก็ยาก ขนาดภาษาไทยกว่าจะพูดได้อย่างทุกวันนี้ต้องผ่านมาขนาดไหน ฉะนั้นถ้าเราสามารถพัฒนาจากการออกเสียงคำว่า "แม่" ได้คำเดียว มาจนพูดน้ำไหลไฟดับได้ขนาดนี้ เราก็สามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้เช่นเดียวกัน ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของเราหรอก


2. "ไม่มีหัวด้านภาษา" (I'm not good with languages.)

 

     ข้อนี้คล้ายกับข้อแรก พี่ก็ขอแย้งด้วยเหตุผลเดิมเช่นกัน จะมีทักษะด้านภาษาหรือไม่ก็ตาม ถ้าเราเรียนพูดไทยได้เราก็เรียนพูดอังกฤษได้ อย่าไปนึกถึงข้อสอบรามเกียรติ์ที่ตกแล้วตกอีก เพราะเอาจริงๆ ก็ไม่มีใครท่องอาขยานใส่กัน ฉะนั้นถึงคะแนนสอบภาษาอังกฤษจะไม่สวยก็อย่าเกลียดมัน หรือโทษตัวเองว่าไม่มีหัวด้านนี้ ที่จริงเราอาจมีทักษะในการใช้ในชีวิตจริงมากกว่าเพื่อนที่สอบได้ 4.00 ทุกเทอมก็ได้


3. "ไม่กล้าพูด" (I'm too embarrassed to speak.)

 

     ถ้าเรียนแล้วไม่ลองเอามาใช้เลยก็ลืมเกลี้ยงแน่ๆ พี่เชื่อว่าเราเรียนคำราชาศัพท์กันมาแล้ว แต่พอเจออีกทีก็ต้องเปิดหนังสือดูคำแปลอยู่ดี ก็เราไม่เคยใช้จริงจะจำขึ้นใจได้ยังไง


4. "ถ้าพูดผิดแล้วดูโง่อ่ะ" (When I say something wrong; it makes me look stupid.)

 

     เรากำลังฝึกฝนอยู่ ฉะนั้นก็ลองเอาไปใช้จริงด้วยการพูดไปเลย ถ้าผิดอีกฝ่ายก็ช่วยแก้ให้เอง และอีกฝ่ายคงไม่มองว่าเราโง่แน่นอน ลองนึกว่าถ้าชาวต่างชาติมาถามทางไป "ว้าด-พร้า-แก่ว" เราก็จะ "อ๋อ วัดพระแก้ว" ให้โดยอัตโนมัติ แถมไม่มองว่าเขาโง่ด้วย


5. "งั้นพูดก็ได้ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่าภาษาอังกฤษเราง่อยมากนะ" (Firstly, I want to apologize for my poor English.)
 

     ถ้าออกตัวแต่แรกเลยว่าภาษาอังกฤษเราไม่ดี อีกฝ่ายก็จะคิดทันทีว่ามันต้องไม่ดี แล้วพอเราพูดอะไรผิดมา เขาก็จะรู้สึกว่า "ช่างมัน" ไม่ช่วยแก้ ไม่ช่วยเราพัฒนาซะงั้น ฉะนั้นพูดไปก่อนโดยไม่ต้องรีบออกตัว พอผิดแล้วอีกฝ่ายแก้ให้ก็ค่อยบอกว่าเรากำลังเรียนอยู่ อีกฝ่ายจะยิ่งชื่นชมเราเลยว่า "ทำได้ขนาดนี้นี่เก่งมากเลยนะ" เมื่อได้ยินอะไรแบบนี้เราก็ยิ่งมีกำลังใจฝึกฝนตัวเองมากขึ้นด้วยนะ


6. "พูดแล้วก็ไม่เห็นใครจะเข้าใจเลย" (Nobody understands me.)

 

     แม้จะพูดแล้วฝ่ายตรงข้ามงงทุกครั้งก็ห้ามบอกตัวเองแบบนี้เด็ดขาดค่ะ เพราะมันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง เราจะยิ่งกลัวมากขึ้นและอาจถึงขั้นเกลียดชังโลกได้เลย ฉะนั้นถ้าเขางงก็พยายามหาคำตอบให้ได้ว่างงตรงไหน แล้วก็นำมาปรับปรุงให้ตรงจุดค่ะ พัฒนาตรงนั้นมากเป็นพิเศษ และอย่าลืมฝึกพูดบ่อยๆ ด้วย มันต้องมีวันที่เขาเข้าใจเราแน่นอนค่ะ


7. "อาจารย์สอนไม่รู้เรื่อง" หรือ "ไม่ชอบอาจารย์คนนี้เลย" (I don't know what he's talking. I don't like him.)

 

     ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือข้ออ้างก็อย่าให้มันมาเป็นอุปสรรคค่ะ อย่าลืมนะคะว่าการเก่งภาษาอังกฤษไม่ได้มาจากความรู้ในห้องเรียนอย่างเดียว ฉะนั้นถ้าเรามีปัญหากับการเรียนในห้อง เราก็สามารถหาตัวช่วยข้างนอกได้ จะเรียนพิเศษเพิ่ม หาเพื่อนต่างชาติออนไลน์ ดูหนังฟังเพลง อ่านบทความดีๆ มีสาระในเว็บ Dek-D.com หรือขอให้เพื่อนที่เก่งภาษาอังกฤษช่วยทบทวนให้ก็ได้เช่นกันค่ะ


8. "เกลียดวิชาท่องจำ" (I hate subjects that require a lot of memorization.)

 

     อย่ามองว่าภาษาอังกฤษเป็นแค่วิชาที่โดนบังคับเรียนตามกฎหมายเท่านั้นสิคะ มองว่ามันเป็นทักษะอย่างหนึ่ง หรือศิลปะอย่างหนึ่งจะดีกว่า เรายังชอบเล่นดนตรีเพลงที่แกะโน้ตเองมากกว่าเพลงคลาสสิกที่อาจารย์สอนเลย ฉะนั้นถึงท่องจำสิ่งที่ต้องสอบไม่ได้ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องหยุดหาความรู้จากที่อื่นไปด้วย


9. "เรียนให้สอบเข้าได้ก็พอ" (Cramming for the examination is enough.)

 

     นี่ก็คล้ายข้อเมื่อกี้ค่ะ ถ้ามองว่ามันเป็นแค่วิชา สอบเสร็จก็ลืมเกลี้ยงทันทีสิ นอกจากเนื้อหาเตรียมสอบแล้วก็ต้องฝึกฝนทักษะที่ใช้ในชีวิตจริงไปด้วยค่ะ


10. "ก็ใครมันจะไปเก่งเท่า (ชื่อใครซักคน) ล่ะ" (No one can beat ...)

 

     ข้อนี้ห้ามโดยเด็ดขาด เป็นสุดยอดของความผิดมหันต์เลยค่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องภาษาอังกฤษนะคะ หมายถึงทุกๆ เรื่องเลย เราอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเพื่อให้รู้สึกสิ้นหวังมากกว่าเดิมเด็ดขาดค่ะ เมื่อเจอคนเก่งกว่า เราสามารถชื่นชมเขาได้ แล้วก็ดูว่าเขาทำอย่างไรถึงเก่งได้แบบนั้น แล้วลองปรับใช้กับตัวเองเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นค่ะ


11. "ไว้ไปเรียนสถาบันดังๆ 20 ชั่วโมงก็พูดปร๋อแล้ว" (That school can make me fluent in 20 hours.)

 

     ข้อนี้จะเป็นจริงถ้าเราตั้งใจเรียนและทำกิจกรรมทุกอย่างที่อาจารย์บอกใน 20 ชั่วโมงนั้น และเรายังฝึกฝนเองต่อนอกห้องเรียนด้วย แต่ถ้าเราไปนั่งเรียนเฉยๆ แล้วไม่พยายามฝึกฝน ไม่ขวนขวายเองเพิ่มเติม ต่อให้เรียน 40 ชั่วโมงเราก็จะได้แค่สิ่งที่เอาไปสอบ แต่ไม่ได้ทักษะที่จะใช้ในชีวิตจริง


12. "โตแล้ว มาเรียนตอนนี้ก็ได้แค่นี้แหละ" (Adults don't learn languages well.)

 

     จริงอยู่ค่ะที่เมื่อเราโตขึ้นเราจะเรียนรู้ภาษาได้ช้ากว่าตอนเด็กๆ แต่ก็อย่าเอามาเป็นข้ออ้างเชียว เพราะเมื่อรู้ว่าเราเรียนรู้ได้ช้าลง ก็แปลว่าเราต้องพยายามมากกว่าตอนเด็กๆ ไงคะ ข้อนี้ฝากถึงคนที่พ้นวัยเรียนโดยเฉพาะเลย "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" ยังใช้ได้เสมอ ถ้าพยายามแล้วยังไม่ได้ก็ต้องพยายามมากขึ้นค่ะ ฮีบ! สู้ๆ


13. "ไม่มีเวลาไปเรียน" (I don't have time.)

 

     ถึงจะงานรัดตัวหรือมุ่งมั่นกับการเรียนจนไม่มีเวลาไปลงเรียนจริงจัง ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่มีโอกาสฝึกฝนภาษาอังกฤษเลยนะคะ ลองเปลี่ยนมาฟังเพลงภาษาอังกฤษ ชมภาพยนตร์ภาษาอังกฤษ ฟังวิทยุคลื่นที่รายงานเป็นภาษาอังกฤษขณะขับรถ หรืออ่านข่าวสารในโลกออนไลน์จากเว็บภาษาอังกฤษก็ได้ค่ะ อ่าน English Issues ที่ Dek-D.com อยู่เสมอ หรือตั้งกระทู้พูดคุยภาษาอังกฤษกันก็ถือว่าได้เรียนรู้ไปในตัวแล้วนะคะ


14. "ฟังเพลงฝรั่งมาทั้งชีวิต ก็ไม่เห็นจะเก่งขึ้นเลย" (I love English music but it's not helping.)

 

     ต้องถามก่อนว่าฟังแล้วเปิดเนื้อเพลงไปด้วยมั้ย เพราะถ้าอ่านตามไปด้วยจะทำให้รู้ว่าคำไหนออกเสียงยังไง หรือถ้าเปิดเนื้อร้องตามแล้ว เราได้ทำความเข้าใจกับเนื้อหารึเปล่า นอกจากร้องเป็นฟีลลิ่งแล้วก็ควรศึกษาความหมายเพลงด้วยนะคะ พยายามแปลดูว่าเพลงนั้นสื่ออะไร คำศัพท์ไหนไม่รู้จักก็หาคำแปลแล้วจดไว้ การเรียนรู้จากเพลงที่ชอบจะทำให้เราสนุกที่ได้เรียนค่ะ


15. "อยู่แต่ในเมืองไทย จะให้ฝึกพูดแค่ไหนกัน" (I can't get fluent while living here.)
 


     ตอนนี้ไม่ใช่ยุคที่เราเดินเท้าข้ามเมืองกันเป็นเดือนๆ แล้วนะคะ ถึงอยู่ในเมืองไทยก็ไม่ได้แปลว่าเราขังตัวเองอยู่ในห้องแบบตัดขาดจากโลกนี่นา เรามีตัวช่วยตั้งเยอะ จะฝึกพูดกับเว็บสอนภาษาก็ได้ ซื้อซีดีฝึกพูดมาพูดตามก็ได้ ทักทายเพื่อนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกันด้วยภาษาอังกฤษก็ได้ หรือจะหาเพื่อนต่างชาติไว้คุยออนไลน์ก็ได้ค่ะ พี่รู้จักตั้งหลายคนที่ไม่เคยไปเมืองนอกเลยและไม่เคยเรียนกับสถาบันสอนภาษาด้วย แต่ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดีทั้งฟังพูดอ่านเขียนเลย


16. "ขอไปอยู่อังกฤษซัก 6 เดือนก่อนนะ แล้วจะกลับมาพูดให้ฟัง" (I have to live in England to become fluent in English.)

 

     ข้อนี้คล้ายกับข้อเมื่อกี้ตรงที่สถานที่ไม่มีผลมากหรอกถ้าเราไม่ตั้งใจจริง พี่ก็เคยเจอคนไทยหลายคนที่ไปอยู่สหรัฐอเมริกาเป็น 10 ปี แต่สื่อสารได้แค่ประโยคทักทายทั่วไป พูดคุยเป็นเรื่องเป็นราวจริงจังไม่ได้ นั่นเพราะเขาใช้ภาษาอังกฤษแค่ตอนทำงานในร้านอาหารค่ะ นอกจากนั้นเขาก็คุยกันเองในกลุ่มคนไทย ฉะนั้นอยู่ที่ไหนก็สามารถเก่งได้ ขึ้นกับตัวเราค่ะ


17. "ไม่ชอบฝรั่งอ่ะ ไม่ต้องการคบหาด้วย" (I don't like Westerners.)

 

     ถึงไม่ต้องคบหากับชนชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ก็ไม่ได้แปลว่าชาติอื่นๆ จะไม่ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกับเรานะคะ ตอนเรียนภาษาเกาหลีช่วงแรกๆ พี่ก็ดูวิดีโอที่สอนโดยใช้ภาษาอังกฤษในการสอน ทำให้ได้พัฒนาสองภาษาควบคู่กันเลย


18. "ไม่รู้จะเรียนไปทำไม" (I don't know why I have to learn this.)

 

     ภาษาอังกฤษเป็นอีกหนึ่งภาษาสากลของโลก เราสามารถเข้าใกล้โลกได้มากขึ้นผ่านภาษานี้ เว็บไซต์ที่มีข้อมูลดีๆ อาจนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ ซึ่งถ้าเราไม่รู้ไว้เราก็จะรู้แค่ข้อมูลที่เกิดในไทยหรือที่มีคนแปลมาให้แล้วเท่านั้น หรือถ้าเราอยากไปเที่ยวรอบโลก จะให้พูดได้ทุกภาษาเลยก็คงไม่ไหว หรือต่อให้เราอยู่ในประเทศตลอดชีวิต ความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษก็ทำให้เราได้เปรียบอยู่ดี ลองนึกดีๆ ค่ะ เพราะมีเหตุผลมากมายที่เราควรเก่งภาษาอังกฤษแบบไม่ต้องฝืนใจตัวเอง หาให้เจอนะคะ



     ยอมรับมาซะดีๆ ว่าเคยอ้างกันกี่ข้อ รู้แล้วก็ต้องหยุดข้ออ้างทั้งหมด แล้วใส่แรงใจแรงฮึดเข้าไป พยายามให้มากขึ้น อย่าคิดแต่เรื่องเกรดในห้อง แต่ให้ความสำคัญกับการใช้จริงด้วยนะคะ ความสนุกในการเรียนรู้มีอยู่เสมอ เปิดใจให้กว้างนะคะ
 
บทความนี้ถูกเขียนขึ้นโดยทีมงานเว็บไซต์ Dek-D.com เป็นที่แรก
หากต้องการนำไปเผยแพร่ต่อในเว็บไซต์อื่น กรุณาใส่เครดิตให้ครบถ้วน


พิพิธภัณฑ์-สวนสัตว์สุดเจ๋งในเมืองนอกที่ "ไปนอนค้างคืน" ได้
Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
ธรรมสรณ์ ลำเลิศเศรษฐกาล Member 28 ก.ย. 57 01:11 น. 19

ตะก่อนมีทุกข้อที่กล้าวมา เเต่ตอนน้ไม่มีเเล้ว ตะก่อนเกียจอังกฤษ เรียกได้ว่าส่ายหน้าไม่พูดไม่เเตะคิดว่าจเรียนไปทำไมไม่ได้ใช้ไม่เอาท้องทำไมยาก ไม่เปิดใจเลยไม่รู้ว่า is am are was were ใช้ยังไงด้วยซ้ำ จนกระทั่ง ตอน ม3 เมื่อเดิน พ.ค. ไปอ่านกระทู้นึงในพันทิปเกี่ยวกับชีวิต นร เเลกเปลี่ยนเเล้วชอบ ก็เลยอยากเป็นบ้างนี้คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเริ่มเรียนอย่างจริงจัง เเค่เราเปิดใจกับมันเราก็สามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดายมากนะบอกเลย ดังนั้นคนที่อยากได้ อยากเก่งภาษาต้องเปิดใจเเละหมั่นฝึกฝน ไม่ต้องบ่นเลยก็ไม่รู้ศัพท์ หาการ์ตูนย์หรือบทความที่ชอบมาอ่านก็ได้ครับอ่านเพลินๆได้ศัพท์ด้วยคำไหนไม่รู้ก็เปิดดิ๊คเอาเเต่อย่าเปิดบ่อยหล่ะลองเดาดูบ้าง ยิ่งเห็นมากเราก็จะจำได้เองครับบบ

ตอนนี้เราได้ไปสอบ นร เเลกเปลี่ยนเเล้วหล่ะ ผลออกมา คือ เราสอบได้นะ เเบบ เย่ๆ เเต่สอบเเบบผ่านเกินครึ่งคือทุนสมทบคือเราต้องจ่ายเอง เราเลยไม่เอาทุนนี้ ตนนั้นเราเรียนภาษามา 2 เดือน ได้เเบบตั้ใจอะนะ ตอนนี้เราพยายามจะฝึกศัพท์เยอะๆ ภาษาอังกฤษอย่าจำแต่ให้เข้าใจ เเล้ว คุณจะสนุกกกกก ปีหน้าเราจะไปสอบอีก *3*
1
Mono Snimp Member 31 ธ.ค. 57 12:35 น. 19-1
ภาษาอังกฤษได้แล้ว ก็ช่วยพัฒนาภาษาไทยนิดหนึ่งนะครับ คำว่า ตะก่อน นี่ผมนึกถึง ตะกอน เลยครับ //แต่ก่อน นะครับ ไม่ใช่ตะก่อน
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
คุณละเมอ Member 1 ต.ค. 57 21:26 น. 36

เอาตวงๆนะ วิชานี้เรียนง่ายๆมากที่สุดของโคตรวิชาแล้วหละ เราว่ามันหนุกดี อุอิ//หนุกกับผีอ่ะดิ

0
กำลังโหลด
matchafrappe Member 27 ก.ย. 57 17:23 น. 6

สภาพแวดล้อมเราว่าก็สำคัญนะ

ตัวเราเองเป็นคนที่ชอบภาษาอังกฤษ

แต่คือรอบๆข้างมีแต่คนไม่ชอบ

เราก็ไม่รู้จะเอาไปพูดกับใครเสียใจ

ชอบแต่ไม่กล้าพูด กลัวพูดผิด 55555555 เอ่อ..

0
กำลังโหลด

55 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กลัว... 27 ก.ย. 57 16:58 น. 4
คือเราก็ยังพอได้แต่ไม่เก่งมาก เราไม่กล้าออกสำเนียงเนี่ยสิปัญหาใหญ่!! กลัวเพื่อนว่าเรากระแดะอะ
2
Chloe grace moretz Member 27 ก.ย. 57 18:28 น. 4-1
พวกเขาจะคิดอะไรให้เขาคิดไปเถอะ สักวันเราอาจจะเก่งกว่าพวกนั้น อย่าไปสนใจครับ เราไม่ได้ทำผิด เรากำลังพยายามทำเราเก่งขึ้นเพื่อตัวของเราไม่เดือดร้อนใคร เปลี่ยนความกลัวเป็นความกล้าครับ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
matchafrappe Member 27 ก.ย. 57 17:23 น. 6

สภาพแวดล้อมเราว่าก็สำคัญนะ

ตัวเราเองเป็นคนที่ชอบภาษาอังกฤษ

แต่คือรอบๆข้างมีแต่คนไม่ชอบ

เราก็ไม่รู้จะเอาไปพูดกับใครเสียใจ

ชอบแต่ไม่กล้าพูด กลัวพูดผิด 55555555 เอ่อ..

0
กำลังโหลด
nongnamka 27 ก.ย. 57 17:26 น. 7
อ่านออกนะ สำเนียงพอไปได้ แต่ !! ไม่แม่นศัพท์ คือ เราตรงกับ 18 ข้อ แค่ 10% ที่เหลือคือขี้เกียจล้วนๆ ไม่มีอะไรผสม 555555 มีแต่เพื่อนมาชมว่าอังกฤษเราเก่ง นู่นี่นั่น ว่าไป ... แต่หารู้ไม่ คำบางคำ เราก็สะกดตรงตัวเลยหน่ะ 555555 อ่านออก เขียนได้(แบบตรงตัว) พูดได้ (สำเนียงพอไปรอด) เหลือแต่ความแม่นในศัพท์กับความขี้เกียจที่ต้องเอาออก 55555
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Mook 27 ก.ย. 57 19:53 น. 11
เราก็ไม่เก่งอังกฤษเราก็เคยคิดนะว่า 1.ก็มันยาก 2.ไม่มีหัวด้านนี้ 3.ไม่กล้าพูด กลัวพูดผิดจะหาว่าเรา โง่ 4.อาจารย์ต่างประเทศสอนไม่รเข้าใจ 5.เรียนขอให้สอบผ่านก็พอ 6.ก็เราไม่เก่งเท่า (เธอ/นาย) นิ 7.ไม่ชอบฝรั่ง ไม่อยากให้มีภาษานี้เข้ามา 8.ไม่รู้เรื่องเรียนไปทำไม ทั้งหมดนี่เราเคยคิด...ตอนนี้ก็คิดอยู่แต่ว่า บางข้อมันก็เริ่มไม่อยู่ในหัว เช่น ไม่ชอบฝรั่ง คนฝรั่งก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เค้าพร้อมที่จะให้โอกาศแกเราเสมอๆ พอเราสอบไม่ผ่าน ก็ให้สอบแก้ตัว ที่เราเกลียดไม่ใช่คนสอน แต่ว่าเป็นภาษามากกว่า ถ้าเราเรียนอะไรไม่รู้เรื่องก็จะรู้สึกหงุดหงิดมาก เราเหมือนว่า เข้าหูซ้านทลุหูขวา เลยอ่ะ มันไม่เข้าใจ แต่เราเริ่มเปลี่ยนความคิดนะ แต่ว่ามันทำไม่ได้ ทำไมไม่รู้ แต่เราเข้าใจคนฝรั่งมากขึ้นนะ ^^
0
กำลังโหลด
เสียงเพลงลั้ลลา Member 27 ก.ย. 57 19:55 น. 12

คำศัพท์เราพูดผิดบ่อยค่ะแล้วเขาก็แก้ให้ เราก็พูดจนถูกสำหรับเราที่พบปะชาวต่างชาตินะ แต่ถ้าไม่เจอใครเลย ก็ลองหาในเน็ตเลยค่ะจะแชทออนไลน์ก็ได้ถ้ากลัวก็ไม่ต้องเอา หนัง เพลงอะไรได้หมดค่ะ ไม่ชอบหนังฝรั่ง เพลงฝรั่ง ชอบซีรีย์เกาหลี เพลงญี่ปุ่นก็ให้เปิดซับอิงเลยค่ะ มีแน่นอน 55555555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ชานมเย็น Member 27 ก.ย. 57 20:24 น. 14

ผมชอบภาษาอังกฤษนะ เพื่อน ๆ บอกผมเรียนเก่ง แต่ตัวผมเองผมคิดว่ายังไม่ถึงจุด ๆ นั้น อาจจะเป็นเพราะว่าเราแค่รู้ดีกว่าเพื่อน ๆ ของตัวเองเท่านั้น 555++

ภาษาอังกฤษมันก็เหมือนกับการเดินทางจากไทยไปหาอังกฤษแล่ะ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองยืนอยู่ที่ประเทศไรแล้ว (ประเทศอินเดียมั้ง 55) กว่าจะเดินไปถึงก็ต้องผ่านอีกหลายประเทศ แต่ก็ไม่เครียดอะไรนะ ปรับตัวไปทีละนิด สนใจอังกฤษวันละหน่อย มันก็โอเคกะตัวเองเองแล่ะ ก็เข้าใจนะบางคนไม่ชอบต่อให้อยากดีแค่ไหนก็ไม่เอา ก็เหมือนกะผมไม่ชอบคณิตแต่อยากดีคณิตสุดท้ายก็เริ่มเบื่อแล่ะ

(สรุปที่พิมพ์มานี่คือแนะนำป่าวว่ะนิ 55)

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
nut 27 ก.ย. 57 22:48 น. 16
อันนี้เเนะนำสำหรับคนที่ไม่เก่งจริงๆเเล้วอยากเรียนรู้ดลยน่ะ เราอ่ะเป็นคนหนุึงที่เกียจอิ้งมาก เเล้วเราได้ไปเรียนกันครูฝรั่งคนหนึ่ง เขาพูดไทยได้นิดหน่อย เเล้วเราก็เริ่มรู้เรื่องอ่ะ เราไปเรียนเเค่2เดือนเรายังรู้สึกเลยว่าภาษาเราดีขึ้นจริงๆ ใครมีโอกาสเเนะนำให้ไปเรียนเลย เว็กกว่าพวกสถาบันกวดวิชาใหญ่ๆอีกบางที เพราะเราได้สื่อสารด้วยอ่ะ เเล้วเเบบพวก ทิดสะดีอ่ะ มันมีไม่มาก เเต่เราพูดภาษานั้นเเหละ มันเเฝงไปด้วยความรู้ทั้งนั้น นึกถึงเวลาเราเรียนการงาน สุขศึกษา อะไรเทือกนั้นอ่ะ คือเรียนไม่มากน่ะ เเต่ความรู้เหมือนเราได้100%จริง บางโรงเรียนก็มีครูต่างชาตืมาสิอนน่ะ ลองคุยด้วยเยอะๆ
0
กำลังโหลด
T_z 27 ก.ย. 57 23:11 น. 17
ผมโดนเต็มๆคือ ข้อ 3 ครับ เรื่อง accent อะไรพวกนี้ผมโอเค แต่ปัญหาคือ "grammar" ครับ ผมยังใช้ถูกๆผิดๆบ้าง #แต่ผมไม่เคยอ้างด้วยคำๆนั้น เพราะผมก็เรียนอยู่ใน English Program เนื้อหาส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษ ผมแค่ไม่ค่อยกล้าพูด"สด" คือถ้ามีบท ผมโอเคนะ และ #ผมสนใจและได้ดีเรื่องภาษาอังกฤษตั้งแต่ประมาณป.2แล้ว ท่องคำศัพท์ได้วันละมากกว่า 10 คำ พอป.4-6 ผมก็กลายเป็นคนเก่งอังกฤษในห้องไปเลย ( :P ) แต่พอม.1ปุ๊ป ... เจอคนเก่งกว่า(คนนึงเขาเรียนอินเตอร์มา อีกคน accent ดีเฟร่อ :v ) #ผมนี่อึ้งไปเลย #ปัจจุบันผมก็คิดจะเอาชนะความขี้อายของผมอยู่ >< สู้สู้
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ธรรมสรณ์ ลำเลิศเศรษฐกาล Member 28 ก.ย. 57 01:11 น. 19

ตะก่อนมีทุกข้อที่กล้าวมา เเต่ตอนน้ไม่มีเเล้ว ตะก่อนเกียจอังกฤษ เรียกได้ว่าส่ายหน้าไม่พูดไม่เเตะคิดว่าจเรียนไปทำไมไม่ได้ใช้ไม่เอาท้องทำไมยาก ไม่เปิดใจเลยไม่รู้ว่า is am are was were ใช้ยังไงด้วยซ้ำ จนกระทั่ง ตอน ม3 เมื่อเดิน พ.ค. ไปอ่านกระทู้นึงในพันทิปเกี่ยวกับชีวิต นร เเลกเปลี่ยนเเล้วชอบ ก็เลยอยากเป็นบ้างนี้คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเริ่มเรียนอย่างจริงจัง เเค่เราเปิดใจกับมันเราก็สามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดายมากนะบอกเลย ดังนั้นคนที่อยากได้ อยากเก่งภาษาต้องเปิดใจเเละหมั่นฝึกฝน ไม่ต้องบ่นเลยก็ไม่รู้ศัพท์ หาการ์ตูนย์หรือบทความที่ชอบมาอ่านก็ได้ครับอ่านเพลินๆได้ศัพท์ด้วยคำไหนไม่รู้ก็เปิดดิ๊คเอาเเต่อย่าเปิดบ่อยหล่ะลองเดาดูบ้าง ยิ่งเห็นมากเราก็จะจำได้เองครับบบ

ตอนนี้เราได้ไปสอบ นร เเลกเปลี่ยนเเล้วหล่ะ ผลออกมา คือ เราสอบได้นะ เเบบ เย่ๆ เเต่สอบเเบบผ่านเกินครึ่งคือทุนสมทบคือเราต้องจ่ายเอง เราเลยไม่เอาทุนนี้ ตนนั้นเราเรียนภาษามา 2 เดือน ได้เเบบตั้ใจอะนะ ตอนนี้เราพยายามจะฝึกศัพท์เยอะๆ ภาษาอังกฤษอย่าจำแต่ให้เข้าใจ เเล้ว คุณจะสนุกกกกก ปีหน้าเราจะไปสอบอีก *3*
1
Mono Snimp Member 31 ธ.ค. 57 12:35 น. 19-1
ภาษาอังกฤษได้แล้ว ก็ช่วยพัฒนาภาษาไทยนิดหนึ่งนะครับ คำว่า ตะก่อน นี่ผมนึกถึง ตะกอน เลยครับ //แต่ก่อน นะครับ ไม่ใช่ตะก่อน
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด