สมัยนี้ ภาษาที่สามไม่ว่าจะเป็นภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี หรือภาษาในแถบอาเซียนก็เริ่มเป็นที่สนใจอย่างแพร่หลายกันแล้วนะคะ เพราะคนที่มีภาษาที่สามติดตัวจะได้เปรียบกว่ามาก และพี่เชื่อว่าน้องๆ ชาว Dek-D เองก็ต้องสนใจในภาษาที่สามเช่นกัน ไม่งั้นคงไม่กดเข้ามาอ่านในบทความนี้หรอก ใช่มั้ยล่ะ?
พี่เชื่อว่ามีน้องๆ หลายคนอยากจะไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องของภาษาก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ วันนี้ พี่เฟิร์น เลยจะมาแนะนำ 5 หนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่น สำหรับน้องๆ ที่สนใจจะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นค่ะ แต่ หนังสือเรียนที่พี่จะแนะนำนั้นเป็นภาษาอังกฤษนะคะ น้องๆ จะได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นไปพร้อมๆ กันยังไงล่ะ ไปดูกันเลยดีกว่า
Japanese from Zero 1
ผู้เขียน Trombley
สำนักพิมพ์ Independent Pub Group (US)
ราคา 1,278 บาท
ซื้อได้จาก ที่ร้าน Kinokuniya
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสำหรับปูพื้นฐานเรื่องตัวอักษรเลยก็ว่าได้ นอกจากการจำตัวอักษรฮิรางานะกับคาตาคานะที่เป็นตัวอักษรพื้นฐานของภาษาญี่ปุ่นแล้ว การออกเสียงก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันค่ะ ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จะมีตัวโรมันจิ ภาษาอังกฤษที่เขียนแทนเสียงของตัวอักษรญี่ปุ่นค่ะ
ในช่วงแรกจะมีแนะนำเรื่องการอ่านตัวโรมันจิ
มีทั้งจากภาษาญี่ปุ่นแปลเป็นอังกฤษ และทั้งจากภาษาอังกฤษแปลเป็นญี่ปุ่นด้วยนะ
Practice Makes Perfect Complete Japanese Grammar
ผู้เขียน Sato Eriko Ph.D.
สำนักพิมพ์ McGraw-Hill (JP)
ราคา 648 บาท
ซื้อได้จาก ที่ร้าน Kinokuniya ค่ะ
หลังจากที่เราปูพื้นฐานเรื่องตัวอักษรกันแล้ว ก็เข้าสู่การเรียนรู้เรื่องไวยากรณ์ในภาษาญี่ปุ่นกันค่ะ พี่ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้เลย โดยจะเริ่มจากไวยากรณ์ขั้นพื้นฐาน และในแต่ละประโยคนั้นก็ยังคงมีอักษรโรมันจิไว้ให้น้องๆ อยู่ เผื่อว่าใครยังอ่านฮิรางานะ คาตาคานะไม่แม่นพอ
นอกจากนั้น การผันคำกริยาให้อยู่ในรูปต่างๆ จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะหนังสือเล่มนี้เขามีตารางตัวอย่างการผันคำกริยาไว้ให้ด้วยค่ะ อะไรจะสะดวกแบบนี้
นอกจากการผันคำกริยาแล้ว ในหนังสือก็ยังมีตารางตัวอย่างการผันให้อยู่ในรูปธรรมดาของคำคุณศัพท์อีกด้วย
เล่มนี้คือดีงามจริงๆ นะคะ แต่พี่กับหนังสือเล่มนี้มาเจอกันช้าไป
The Handbook of Japanese Verbs
ผู้เขียน Taeko Kamiya
สำนักพิมพ์ Kodansha USA Inc (US)
ราคา 560 บาท
ซื้อได้จาก ที่ร้าน Kinokuniya ค่ะ
ต่อกันที่หนังสือเกี่ยวกับไวยากรณ์อันแสนซับซ้อนของภาษาญี่ปุ่นอีกหนึ่งเล่มค่ะ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสืออีกเล่มที่พี่อยากแนะนำ แม้จะเป็นหนังสือแต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนพจนานุกรมไวยากรณ์ดีๆ นี่เอง
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้แบ่งหมวดหมู่เป็นคำกริยาที่ถูกผันเป็นรูปต่างๆ และมีการอธิบายว่า ถ้าคำกริยารูปนี้ใช้กับคำนี้ จะมีความหมายว่าอะไร โดยเรียงจากระดับง่ายไปยาก สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายค่ะ
นอกจากเรื่องของไวยากรณ์แล้ว ก็ยังมีเรื่องของคำศัพท์อีกด้วย น้องๆ สามารถหาได้จากทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษค่ะ เล่มนี้พิเศษตรงที่ สามารถหาจากภาษาญี่ปุ่นได้จากอักษรโรมันจิค่ะ
4. Japanese-English English-Japanese Dictionary
ผู้เขียน Random House
สำนักพิมพ์ Random House Reference & (US)
ราคา 450 บาท
ซื้อได้จาก ร้าน Kinokuniya ค่ะ
ในเรียนภาษาก็แน่นอนว่าจำเป็นจะต้องมีพจนานุกรมติดตัวอยู่แล้ว พี่ขอแนะนำเล่มนี้เลยค่ะ เป็นพจนานุกรม ญี่ปุ่น-อังกฤษ / อังกฤษ-ญี่ปุ่น ที่ง่ายต่อการเปิดหาคำศัพท์ เพราะเวลาน้องๆ จะเปิดหาศัพท์จากภาษาญี่ปุ่นนั้น น้องๆ ก็สามารถเปิดหาได้จากอักษรโรมันจิ ที่เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาว่า ตัวนี้ เสียงนี้ในภาษาญี่ปุ่นอะไรมาก่อนอะไรมาหลังกันนะ เพราะเราก็คุ้นเคยกับเอบีซีกันดีอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ
หาจากอักษรโรมันจิก่อน แล้วค่อยมาดูว่าภาษาญี่ปุ่นเขียนยังไงนะ
Remembering the Kanji
ผู้เขียน James W. Heisig
สำนักพิมพ์ Univ of Hawaii Pr (US)
ราคา 1,675 บาท
ซื้อได้จาก ร้าน Kinokuniya ค่ะ
ปิดท้ายด้วยหนังสือเกี่ยวกับเรื่องที่ถือว่าเป็นเรื่องยากที่สุดสำหรับคนเรียนภาษาญี่ปุ่น เรื่องของ “คันจิ” นั่นเองค่ะ นี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่พี่อยากแนะนำ หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงที่มาของตัวอักษรคันจิ และการนับจำนวนเส้น วิธีการเขียน พร้อมๆ กับความหมายของคันจิตัวนั้นๆ ไปพร้อมๆ กันค่ะ
โดยจะเรียงจากตัวอักษรที่มีจำนวนเส้นน้อยไปหาตัวอักษรที่มีจำนวนเส้นเยอะขึ้น เป็นลำดับไปค่ะ
นอกจากนั้นแล้ว หากเราอยากรู้ว่าคำนี้ตัวคันจิเป็นยังไงนะ เราก็ยังสามารถหาได้อีกด้วย สะดวกสบายจริงๆ เลยนะเนี่ย
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 5 หนังสือเรียน Eng-Jap สำหรับผู้เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น ที่จะทำให้น้องๆ ได้ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษไปพร้อมๆ กัน หรือถ้าใครมีหนังสือที่คิดว่าเจ๋งกว่านี้ ก็แนะนำกันเข้ามาได้เลยนะ
การเรียนภาษาให้เก่งนั้นขึ้นอยู่กับความตั้งใจและการฝึกฝน ไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จได้โดยไม่พยายาม พี่เป็นกำลังใจให้น้องๆ ชาว Dek-D ทุกคนนะคะ สู้ๆ ค่ะ
1 ความคิดเห็น