เตรียมทำใจ! 6 เพื่อนร่วมงานน่าเบื่อที่อาจเจอได้ตอนไป Work&Travel

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ใครที่กำลังคิดจะไป Work&Travel วันนี้ พี่พิซซ่า มีเรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานที่โน่นมาฝากค่ะ การไปทำงานในต่างประเทศ แน่นอนว่าต้องเจอคนจากหลากหลายที่มา ต่างอายุ ต่างนิสัย ฉะนั้นลองมาทำความรู้จักเพื่อนร่วมงานที่จัดว่าแย่กันดีกว่าค่ะ จะได้เตรียมใจไปถูก


     การเข้าร่วมโครงการ Work&Travel หรือจะ Work&Study ก็ตามต้องใช้ดวงช่วยด้วยเล็กน้อย บางคนไปแล้วเจอเพื่อนร่วมงานดีมากๆๆๆๆ ทั้งองค์กรก็โชคดีไป บางคนเจอเพื่อนร่วมงานไม่ค่อยดีบ้างแต่ยังดีที่ไม่ต้องทำงานด้วยกันเยอะ และบางคนที่โชคร้ายก็เจอเพื่อนร่วมงานแย่ๆ ที่ต้องทำงานด้วยเยอะ ฉะนั้นบทความนี้จะรวบรวมประเภทเพื่อนร่วมงานที่จัดว่าแย่ที่เราอาจจะเจอได้ตอนไปทำงานค่ะ อ่านแล้วก็ลองนึกตามไปด้วยว่าถ้าเราต้องเจอจริงๆ จะรับมือยังไง


1. พวกที่ทำทุกอย่างเกินเหตุเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ


     แม้งานที่เราไปทำจะเป็นงานเล็กๆ อย่างพนักงานร้านอาหาร เจ้าหน้าที่สวนสนุก หรือแม่บ้านในโรงแรม และเราไปทำงานกันแค่ 3 เดือนเท่านั้น แต่เพื่อนร่วมงานบางคนที่เราจะไปเจออาจจะทำมาหลายปีมากแล้วก็ได้ และนั่นคืองานประจำจริงจังของเขาที่เขาต้องการความก้าวหน้าในสายงานนั้นๆ แบบสุดๆ บางคนก็เลยมองว่าเด็กนักเรียนต่างชาติอย่างเราจะไปเกะกะเขาเปล่าๆ ความไม่รู้อะไรของเราอาจกลายเป็นขัดขวางการโชว์ผลงานที่จะทำให้เขาได้เลื่อนขั้นก็ได้
     ลักษณะเด่นชัด: คนพวกนี้จะดูพยายามเกินเหตุและเสนอตัวทำอะไรให้เจ้านายเยอะๆ ไม่ชอบทำงานเป็นทีมกับคนอื่น และดูไม่สนิทกับใครเป็นพิเศษ
     วิธีรับมือ: ถ้าเจอคนแบบนี้ในการทำงานร่วมกัน ก็พยายามคุยเรื่องงานกับเขาอย่างนิ่มนวล อย่าไปขวางทางเขา และอาจจะต้องพยายามทำงานให้ได้เท่าเขาเพื่อที่เขาจะไม่มาเหวี่ยงใส่ แต่อย่าเผลอแสดงจุดอ่อนให้เขาเห็น เขาอาจจะใช้จุดอ่อนของเราให้เป็นประโยชน์กับตัวเขาเองก็ได้


2. พวกขี้บ่นกับทุกเรื่องในเวลางาน


     บางทีที่เราต้องเข้างานแล้วแต่ลูกค้ายังไม่มาหรือมาไม่เยอะ เพื่อนร่วมงานก็มักคุยกันสัพเพเหระซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ตัวพี่เองเคยเจอคนนึงที่พอมีโอกาสปุ๊บจะบ่นทุกสิ่งอย่างในโลก ว่างปุ๊บก็พูดแต่เรื่องตัวเองแล้วซักพักก็วกมาเป็นความน่าสงสารในชีวิตตัวเอง เขาเคยพูดว่าเขาอยากพูดได้ 2 ภาษา แต่เขาได้แค่ภาษาอังกฤษแล้วก็แก่เกินจะเรียนภาษาใหม่ แล้วก็ไม่มีเวลาเรียน แล้วก็บลาบลาบลา ไปจนถึงเรื่องที่เขาไม่มีเงินจะเรียนด้วย ตอนแรกที่ได้ยินพี่ก็คิดตาม แต่พอได้ยินเขาบ่นแบบนี้แทบทุกวันก็ไม่ไหวนะ เวลาสงบอันน้อยนิดก่อนลูกค้ามาที่เราอยากจะพักเงียบๆ หรือจัดของเงียบๆ ก็ถูกทำลายด้วยบทพูดสงสารตัวเองในชีวิตของเขา บางทีก็บ่นเรื่องลูกค้าเรื่องเจ้านาย ซึ่งหลายเหตุการณ์ก็อยู่ด้วยกันหลายคนและไม่มีใครรู้สึกว่าควรต้องเอามาบ่นอะไรขนาดนี้
     ลักษณะเด่นชัด: จะพูดเก่งมากเวลาอยู่นอกเวลางาน มักพูดแต่เรื่องตัวเอง หรือบ่นทุกเรื่องไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
     วิธีรับมือ: ถ้าไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนมากก็ทำเป็นฟังๆ เขาไป แต่ถ้าเริ่มคิดว่าเขาเยอะเกินไปก็หาทางตัดบทเปลี่ยนเรื่องเช่น พูดขึ้นมาว่าเราต้องไปเก็บของหลังร้าน ไปพับผ้า เช็ดจาน เช็คสต๊อก หรือกวาดพื้นอะไรก็ได้ หรืออาจจะตกลงกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นไว้ก่อนแล้วก็ได้ว่าถ้าเมื่อไหร่เพื่อนที่ขี้บ่นนี้เริ่มพูดไม่หยุดและเราดูหนีไม่ได้ ให้เพื่อนคนอื่นมาเรียกเราไปทำงานซักอย่างแทน


3. พวกขาเมาท์ขี้นินทา


     ประเภทนี้เจอได้เยอะมากเป็นพิเศษ และที่พี่เคยเจอก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้นด้วย พวกนี้ไม่ได้แค่พูดถึงคนอื่นเท่านั้น แต่จะเอาเรื่องที่ควรพูดต่อของคนอื่นไปเผยแพร่ต่อเรื่อยๆ แบบไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่ บางคนอาจจะถึงขั้นตั้งใจแอบฟังเรื่องคนอื่นเพื่อเอาไปเล่าต่ออย่างจริงจัง
     ลักษณะเด่นชัด: พวกนี้จะดูยาก โดยมากมักมีนิสัยเข้ากับคนง่าย ตีซี้เก่ง และมักใจดี เพราะเราจะเผลอเล่าความลับให้คนที่มีลักษณะแบบนี้ฟังได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีคาแรคเตอร์นี้ทุกคน
     วิธีรับมือ: เป็นพวกที่รับมือยากที่สุดเช่นกัน เพราะเวลาโดนนินทาเราก็จะไม่ได้ไปอยู่ฟังด้วย ดังนั้นวิธีง่ายๆ คือพยายามอย่าให้ใครรู้ความลับหรือเรื่องส่วนตัวของเรา หรือถ้ารู้ว่ามีคนเอาเราไปนินทาแล้วก็พยายามอย่าใส่ใจ ปล่อยเขาพูดไป เรามาทำงานแค่ 3 เดือนก็ไปแล้ว นอกจากนี้ถ้ามีใครมาเมาท์อะไรให้เราฟังก็ฟังหูไว้หู ไม่ต้องเชื่อตามและไม่ต้องกระจายข่าวต่อ


4. พวกคิดว่าแหกกฎแล้วเท่


     อันนี้ประสบการณ์ที่พี่เจอมาจริงเลยค่ะ เคยมีเพื่อนร่วมงานคนนึงเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากกกกกก ใครทำงานที่นั่นก็จะกรี๊ดกัน แต่เขาจะไม่ค่อยเคารพกฎในที่ทำงาน มาสายประจำ ตอนทำงานก็ดูเล่นๆ ไม่ตั้งใจ เสิร์ฟพลาดหลายรอบมากจนลูกค้าโวย พอเจ้านายเรียกไปดุก็กล้าเถียงกลับ ใส่ยูนิฟอร์มก็มักไม่เรียบร้อยเป็นประจำ แถวเคยเมาค้างไปทำงานด้วยครั้งนึง เรียกได้ว่าครบสูตรแบดบอยหน้าตาดีเลยแหละ แต่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาก็โดนไล่ออก
     ลักษณะเด่นชัด: อย่างที่บอกไป พวกนี้จะเหมือนพระเอก/นางเอกหนังวัยรุ่นที่ต้องต่อต้านกฎระเบียบไปซะทุกอย่าง จะพยายามหาช่องโหว่ทำอะไรผิดกฎเสมอ
     วิธีรับมือ: จริงๆ พวกนี้ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเราโดยตรง และเราสามารถคบหาเป็นเพื่อนทั่วไปได้ (ยกเว้นเขาชวนเสพยา) แต่ระวังอย่าทำผิดตามเขาไปด้วยละกันค่ะ เพราะการไปเวิร์กของเราถ้าโดนไล่ออกขึ้นมาจะลำบากมาก ถ้าหางานใหม่ไม่ได้ก็จะโดนส่งกลับไทยได้เลย ดังนั้นต้องสนุกแค่ในขอบเขตกันนะคะ


5. พวกไม่ช่วยงานที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน


     เคสนี้พี่ไม่เคยเจอตรงๆ แต่เพื่อนพี่คนนึงเคยเจอค่ะ เพื่อนพี่เป็นแม่บ้าน และแม่บ้านที่โรงแรมนี้ต้องทำงานคู่กัน 2 คนต่อ 1 ชั้น เพื่อนพี่ได้ทำคู่กับพนักงานคนนี้ที่ทำงานแบบเฉื่อยๆ เหมือนไม่ตั้งใจ แล้วชอบนั่งอู้ในห้องพักนานๆ สมมติว่าชั้นนึงมี 20 ห้อง เพื่อนพี่ต้องทำความสะอาด 13 ห้องในขณะที่อีกคนทำแค่ 7 ห้อง ช่วงแรกๆ ก็ตกลงทำกันคนละครึ่งพอดีในแต่ละวัน แต่พอหมดวันแล้วเจ้านายมาตรวจปรากฎว่าครึ่งที่คนนั้นต้องรับผิดชอบดันไม่เสร็จทำให้โดนดุทั้งคู่ พอเพื่อนพี่เตือนให้เขาเร่งมือมากขึ้นในวันต่อๆ ไปเขาก็ทำช้าเหมือนเดิม พอไปบอกเจ้านาย เจ้านายก็บอกว่าชั้นนั้นเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน ทำยังไงก็ได้ให้เสร็จทันเวลาทั้งชั้นก็พอ กลายเป็นว่าเพื่อนพี่ต้องทำงานหนักกว่าเพื่อทำให้ส่วนของคนนั้นให้เสร็จด้วย
     ลักษณะเด่นชัด: จะเห็นธาตุแท้คนพวกนี้เมื่อต้องทำงานบางอย่างด้วยกัน จึงดูได้ยากในตอนแรก
     วิธีรับมือ: ขั้นแรกควรพูดคุยกับเขาก่อนว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้รับผิดชอบงานไม่ได้หรือต้องปรับการทำงานร่วมกันยังไงถึงจะโอเคสำหรับทั้งเราและเขา แต่ถ้าคุยแล้วเขายังทำตัวเอาเปรียบแบบเดิมก็ลองขอเจ้านายให้เปลี่ยนเวรให้เราเข้ากับคนอื่นแทน แต่ถ้าเจ้านายก็ไม่ช่วยอะไรเลย พยายามทำใจร่มๆ ค่ะ แค่ 3 เดือนเอง


6. พวกชอบโทษคนอื่น


     เวลามีอะไรผิดพลาดในที่ทำงาน ไม่ว่าจะความผิดเขาหรือเป็นความผิดร่วมกันเป็นทีมเขาจะพยายามกันตัวเองออกไปจากการมีส่วนทำความผิดนั้น ไม่ว่าจะหาทางเอาตัวรอดคนเดียว หรือชี้นิ้วเลยว่าใครเป็นคนที่ทำผิด (ไม่ใช่เขาแน่นอนอยู่แล้ว)
     ลักษณะเด่นชัด: ถ้ายังไม่มีโอกาสเห็นธาตุแท้ในการทำงาน ให้มองจากเรื่องรอบตัวก็ได้ เช่นถ้าเขามาทำงานสาย เขาจะไม่พูดว่าเขาขอโทษที่มาสายและจะไม่ทำอีก แต่เขาจะโทษทุกอย่างเช่นรอเพื่อนอาบน้ำนานมาก จักรยานยางแบน หรือรอคิวซื้ออาหารนาน แต่กลับสายเป็นประจำจนไม่น่าผิดที่สิ่งรอบตัวแล้ว เรียกได้ว่าเขาหาเหตุผลมาให้เหตุการณ์ทุกอย่างได้เสมอ
     วิธีรับมือ: ถ้างานที่เขาโทษว่าเราผิดแล้วเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผิดจริงๆ ก็ยอมรับซะ ถึงแม้เขาจะผิดด้วยเหมือนกันก็ไม่ต้องชี้นิ้วกลับ คิดซะว่าเราก็ผิดด้วยจริงๆ แต่ถ้าเราไม่มีส่วนด้วยแล้วเขาโยนความผิดมาให้เรา ก็ต้องพยายามตัดบทพูดเรื่องอื่นให้หันเหความสนใจออกไป หรือพยายามโยงให้เห็นว่าเขามีส่วนผิดในเรื่องนั้นด้วย แต่ต้องโยงเรื่องให้แนบเนียน อยากกราดเกรี้ยวกลับ เพราะเขาที่เป็นเจ้าของภาษาจะได้เปรียบกว่าเยอะเวลาต้องอธิบายให้เจ้านายฟัง


     นี่เป็นประเภทเพื่อนร่วมงานที่จะสร้างปัญหาได้ในที่ทำงานนะคะ วิธีรับมือจริงๆ อาจจะแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคลทั้งฝ่ายเราและฝ่ายเขา ต้องลองประยุกต์ดูค่ะ ถ้าเจอคนนิสัยแย่ๆ แบบนี้ในการทำงานจริงๆ น้องจะลืมเรื่องเพื่อนที่ชอบอู้งานเวลาทำงานกลุ่มไปเลยแหละ นอกจากนี้ยังมีนิสัยอีกมากมายที่เราอาจเจอได้ในสังคมที่กว้างขึ้น เช่นพวกชอบแต๊ะอั๋ง พวกชอบจ้องหน้าอย่างไม่มีเหตุผล หรือพวกที่มีบุคลิกแปลกประหลาด ไปเวิร์กแล้วก็เปิดใจกว้างๆ ไว้นะคะ คนเรามีหลากหลายรูปแบบจริงๆ

     แต่พี่ก็ไม่ได้ขู่ให้น้องๆ รู้สึกว่าการไปเวิร์กมันน่ากลัวนะคะ เพราะพี่ไป 2 ครั้ง แต่เจอคนไม่โอเคจริงๆ อยู่แค่ 3-4 คนเท่านั้น และส่วนมากก็ไม่ได้ทำงานร่วมกับพี่โดยตรงเท่าไหร่ ส่วนเพื่อนที่ต้องทำงานร่วมกันนานๆ ก็เจอแต่คนน่ารักและพยายามช่วยเหลือพี่อยู่เสมอค่ะ ฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปนะ
 
แต่คติพจน์ที่ดีที่สุดสำหรับเวลาเจอเรื่องไม่ดีตอนไปเวิร์กคือ
"เดี๋ยวก็ไม่ต้องเจอกันแล้ว"

 


 

ข้อมูลบางส่วนจาก excelle.monster.com
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด