เจาะลึกระบบการศึกษา "อิตาลี" โดดเด่นที่ระบบมัธยมปลาย เพราะมีหลายทางเลือก!

      สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ถ้าถามว่าอยากไปแลกเปลี่ยนประเทศไหน พี่ว่า “อิตาลี” เป็นหนึ่งในประเทศยอดฮิตของนักเรียนไทยเลยล่ะค่ะ วันนี้ พี่ภรณ์ เลยอยากจะนำระบบการศึกษาของอิตาลีมาให้ดูกันว่า ค่าเรียนที่อิตาลีไม่เพียงฟรีสำหรับนักเรียนทุกสัญชาติที่อาศัยอยู่ในอิตาลีเท่านั้น เพราะยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง แต่จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย!



Scuola Dell’infanzia /สคูโอล่า เดล’ อินฟานเซีย/
 
  • อายุ 3 ปีขึ้นไป

      มาเริ่มกันด้วยระดับอนุบาลของอิตาลีกันก่อนค่ะ เด็กอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปจะถูกส่งเข้าเรียนในระดับนี้แม้จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาภาคบังคับก็ตาม เรียกได้ว่าระดับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมก่อนการเข้าศึกษาจริง

      ที่นี่จะมีครูดูแล 2 คนต่อ 1 ห้องเรียน เด็กอนุบาลจะไม่เพียงแต่เล่น ทำกิจกรรม และเรียนรู้การเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันเท่านั้น พวกเขาจะเริ่มหัดท่องตัวเลข จำตัวหนังสือ และคำศัพท์ง่ายๆ อีกด้วย นอกจากนี้ เด็กๆ จะใส่ Grembiule /เกรมบิอู้เล่ะ/ เป็นยูนิฟอร์มคล้ายชุดเดรส สำหรับเด็กผู้ชายจะใส่สีฟ้า ส่วนเด็กผู้หญิงจะใส่สีชมพูหรือแดงค่ะ
 

Scuola Primaria /สคูโอล่า ปริมารีอา/
 
  • เรียน 5 ปี
  • อายุประมาณ 6 – 11 ปี

      ระดับนี้จะเทียบเท่าชั้นประถมของบ้านเราค่ะ เด็กๆ ชาวอิตาเลียนสามารถเข้าศึกษาได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบครึ่งเป็นต้นไป  เนื้อหาในการเรียนระดับชั้นนี้ค่อนข้างกว้างขวาง เพื่อที่นักเรียนจะได้ค้นหาว่าตนชอบและถนัดอะไร เป็นต้นว่า วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอิตาเลียน ภาษาอังกฤษ ภูมิศาสตร์ สังคมศึกษา และพละ บางโรงเรียนจะเพิ่มวิชาดนตรี ศิลปะ และจริยธรรมเข้ามาด้วย

      ในแต่ละห้องจะมีครูประจำอยู่ทั้งหมด 3 คน สอนในวิชาต่างๆ และครูสอนภาษาอังกฤษอีก 1 คนที่สอนเด็กทั้งระดับชั้น เครื่องแบบสำหรับระดับชั้นนี้ก็ยังคงเป็น Grembiule เหมือนเดิม แต่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินทั้งของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง

Scuola Media /สคูโอล่า เมดิอา/
 
  • เรียน 3 ปี
    • อายุประมาณ 11 – 14 ปี

      Scuola Media เป็นช่วงที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่เด็กนักเรียนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นระดับชั้นแรกที่มีครูประจำวิชา โดยวิชาที่สอนจะต่อเนื่องจาก Scuola Primaria ในระดับที่ยากขึ้น จะเพิ่มวิชาเทคโนโลยีและภาษาที่สามเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสเปนหรือฝรั่งเศส บางคนที่เคยไปอิตาลีมาก่อน อาจสังเกตเห็นว่าโรงเรียนที่นั่นมีขนาดค่อนข้างเล็ก นั่นก็เพราะโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีแค่โรงยิมสำหรับเรียนพละเท่านั้น ไม่มีสนามกีฬาขนาดใหญ่เหมือนในไทยค่ะ

      โรงเรียนในอิตาลีจะเริ่มสอนตั้งแต่ 8 โมง หรือ 8 โมงครึ่ง ถึงแค่บ่ายเท่านั้น หลังจากนี้เด็กนักเรียนจะกลับไปกินข้าวกลางวันกับครอบครัว น้องๆ อาจสงสัยว่า เรียนแค่วันละ 5 ชั่วโมงเอง น้อยไปหรือเปล่า พี่จะบอกให้ว่าที่เรียนวันละไม่กี่ชั่วโมงก็เพราะที่อิตาลีนั้น นักเรียนเรียนกันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์เลยค่ะ ฉะนั้นใครที่กำลังคิดจะไปเรียนต่ออิตาลีหรือไปแลกเปลี่ยน ก็อย่าลืมวางแผนกิจกรรมในวันหยุดเอาไว้ให้ดีๆ นะคะ


Scuola Superiore /สคูโอล่า ซูเปรีโอเร่ะ/
 
  • เรียน 5 ปี
    • อายุประมาณ 14 – 19 ปี

      Scuola Superiore เป็นช่วงที่นักเรียนจะต้องวางแผนแล้วว่าในอนาคตจะประกอบอาชีพอะไร เนื่องจากมีการแบ่งสายการเรียนในระดับนี้อย่างชัดเจนเหมือนมัธยมปลายบ้านเรา โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

      1 Istituto Professionale /อินสติตูโต โปรเฟสสิโอนาเล่ะ/

      ในสายนี้จะเน้นไปที่การสอนงานที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงกับสายงานในตลาดแรงงาน อย่าง ด้านวิศวกรรม เกษตรกรรม อาหาร งานช่าง และเลขานุการ เรียกได้ว่าคล้ายกับอาชีวศึกษาของบ้านเราเลยค่ะ นอกจากนี้ บางโรงเรียนเรียนเพียงแค่ 3 ปีก็มี และส่วนใหญ่นักเรียนมักจะหางานทำต่อทันทีที่จบการศึกษา

      2 Istituto Tecnico /อินสติตูโต เทคนิโค/

      Istituto Tecnico จะเพิ่มการเรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎีให้มากขึ้นกว่า Istituto Professionale ในขณะเดียวกันนักเรียนจะต้องเลือกเรียนในสายเฉพาะทางเช่นกัน อย่าง เศรษฐศาสตร์ มนุษยศาสตร์ กฎหมาย การท่องเที่ยว บริหาร บัญชี และเทคโนโลยีสารสนเทศ ในปีการศึกษาสุดท้ายนักเรียนจะต้องเข้าฝึกงานกับบริษัท องค์กร หรือมหาวิทยาลัยเป็นเวลา 3 – 6 เดือน

      3 Liceo /ลิเชโอ/

      สำหรับสายนี้จะเป็นโรงเรียนเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียนชาวอิตาเลียนค่ะ เนื้อหาการเรียนจะเน้นไปที่ทฤษฎีของสาขาที่เรียน แต่จะมี 3 วิชาหลักที่ทุกโรงเรียนต้องสอนคือ วรรณคดีอิตาเลียน ประวัติศาสตร์ และคณิตศาสตร์

      ซึ่งสายการเรียนแบบ Liceo จะแบ่งออกเป็นอีก 5 รูปแบบโรงเรียนค่ะ ได้แก่

      Liceo Classic /ลิเชโอ คลาสสิโค่ะ/ เป็นรูปแบบโรงเรียนมัธยมที่เก่าแก่ที่สุดของอิตาลี จะเน้นไปทางสายมนุษยศาสตร์ วิชาหลักที่เปิดสอนได้แก่ ภาษาละติน ภาษากรีกโบราณ ภาษาอิตาลี ประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีปรัชญา และประวัติศาสตร์ศิลป์ที่เรียนเพียง 3 ปีเท่านั้น ถึงจะบอกว่าเน้นไปทางภาษา นักเรียนก็ยังต้องเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และพละอยู่ดี แต่ข้อดีคือผู้ที่จบในสายนี้สามารถเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยด้านใดก็ได้ค่ะ
 
      Liceo Linguistico /ลิเชโอ ลิงกวิสติโค/ โรงเรียนรูปแบบนี้จะคล้ายกับ Liceo Classic แต่เป็นภาษาสมัยใหม่ มีให้เลือกมากมายหลายภาษาอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน รัสเซีย อาหรับ และจีนกลาง ในปีสุดท้าย นักเรียนจะต้องสอบวัดระดับภาษา CEFR ที่ตนเลือกได้ระดับ B2 ขึ้นไป

      Liceo Musicale e Coreutico /ลิเชโอ มูซิคาเล่ะ เอะ โคเรอูติโค่ะ/ เป็นโรงเรียนที่เน้นสอนด้านดนตรี การเต้น บางโรงเรียนจะเชื่อมต่อกับโรงเรียนที่สอนดนตรีโดยเฉพาะ


      Liceo Artistico /ลิเชโอ อาระติสติโค/ นักเรียนในโรงเรียนสายนี้จะได้เรียนทั้งทฤษฎีอย่าง ประวัติศาสตร์ศิลป์ และการปฏิบัติเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะในหลายๆ แขนงอย่าง ภาพวาด ประติมากรรม การออกแบบ สถาปัตยกรรม รวมไปถึงพวกกราฟฟิค มัลติมีเดีย สื่อโสตทัศน์ (Audio Visual) ที่เป็นศิลปะร่วมสมัยนั่นเอง

      Liceo Scientifico /ลิเชโอ เชนติฟิโค่ะ/ โรงเรียนรูปแบบนี้จะคล้ายสายวิทย์-คณิตของบ้านเราค่ะ วิชาหลักที่เรียน คือ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ชีววิทยา ดาราศาสตร์ และวิทยาการคอมพิวเตอร์ เช่นเดียวกับ Liceo Classic คือ ถึงแม้จะเน้นเรียนด้านสายวิทยาศาสตร์ นักเรียนก็ยังต้องเรียนวิชาภาษาละตินและวรรณคดีด้วย แต่น่าเสียดายที่นักเรียนที่จบในสายนี้ไม่มีสิทธิ์เข้าศึกษามหาวิทยาลัยในสายมนุษยศาสตร์และกฎหมาย

Università /อูนิแวร์ซิต๊ะ/

      สำหรับการจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอิตาลีได้นั้น นักเรียนที่เรียนจบ Liceo จะต้องสอบ Esame di Stato เพื่อนำคะแนนนี้ไปยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรีหรือ Laurea โดยการสอบจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ส่วน คือ

      1 การเขียนเรียงความด้วยหัวข้อที่กำหนดให้ในแต่ละปี หรือ สามารถเลือกวิเคราะห์ข้อความที่กำหนดมาให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบทกวีค่ะ

      2 ข้อสอบเฉพาะตามสายที่เรียนมา

      3 สอบพูดปากเปล่าเกี่ยวกับวิชาเรียนที่ได้เรียนในปีการศึกษาสุดท้าย โดยคณะกรรมการจะเลือกออกมาเพียง 5 วิชาเท่านั้น

Photo: https://twitter.com/efbond/status/746004524268138497

     สำหรับ Laurea (เลาเรอา) เทียบเท่าได้กับระดับปริญญาตรีทั่วไป นักศึกษาจะต้องเรียนเก็บหน่วยกิตให้ได้ 180 หน่วยกิจภายใน 3 ปีนี้ สาเหตุที่เรียกว่า Laurea นั้นมาจากในวันรับปริญญา เป็นธรรมเนียมของคนอิตาเลียนที่มักจะนำใบลอเรลมาทำเป็นพวงมงกุฎ (Laurel wreath) เพื่อสวมให้กับบัณฑิต เหมือนในสมัยโรมันที่จะสวมมงกุฎนี้ให้แก่ผู้ที่ชนะการแข่งขันค่ะ     

      หลังจากเรียนจบระดับนี้ นักศึกษาสามารถเลือกทำงานต่อเลย เรียน Laurea Magistrale หรือเรียน Master ต่อก็ได้

Laurea Magistrale /เลาเรอา มาจิสตราเล่/
 
  • เรียน 2 ปี

      ระดับนี้จะเทียบเท่าได้กับปริญญาโทของบ้านเราค่ะ ผู้เรียนจะต้องเก็บหน่วยกิตให้ครบ 120 หน่วยกิต การเรียนจะเน้นเกี่ยวกับทฤษฎี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะเรียนต่อในระดับปริญญาเอก ที่ต้องเรียนต่ออีกประมาณ 3 ปีนั่นเอง

Master /มาสเตอร์/
 
  • เรียน 1 ปี

      จุดประสงค์หลักของ Master คือ การสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างการเรียนมหาวิทยาลัยและโลกธุรกิจ ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มกรณีศึกษาจริง การทำงานเป็นทีม การประชุมในบริษัท การนำเสนองาน และการฝึกงาน เพื่อให้นักศึกษาได้รู้สึกว่าตนอยู่ในสภาพแวดล้อมของสังคมการทำงานมากกว่าห้องเรียนในมหาวิทยาลัย โดยจะต้องเก็บหน่วยกิตทั้งหมดเพียง 60 หน่วยกิตเท่านั้น

รู้จักอาชีพ "Media Planner" ผู้เลือกซื้อสื่อโฆà¸à¸“าให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ช่วยสร้างยอดขายให้ปัง!
       
   

     การมุ่งเน้นเรียนสายใดสายหนึ่งตั้งแต่ต้นก็สามารถสร้างพื้นฐานทางความรู้แก่เด็กนักเรียนให้มั่นคงได้เหมือนกันนะคะ สำหรับใครที่สนใจอยากไปสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ที่
ดินแดนแห่งศิลปะ ก็อย่าลืมหาข้อมูลเรียนต่ออิตาลีเพิ่มเติมกันได้นะคะ Ciao!



ข้อมูล
understandingitaly.com
italymagazine.com
gooverseas.com
corsi.unibo.it
international.polito.it
postcarddotworld.com

 
พี่ภรณ์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด