มาแล้ว! โครงการ Work and Holiday แจกวีซ่าท่องเที่ยว&ทำงานที่ออสเตรเลีย โควตา 2,000 คน

        มีน้องๆ ชาว Dek-D คนไหนกำลังรอสมัครโครงการ Work and Holiday 2020 กันอยู่มั้ยครับ? วันนี้พี่วุฒิมีข่าวดีมาฝาก เพราะตอนนี้กำลังจะเปิดรับสมัครแล้วนะ แถมปีนี้เพิ่มโควตาจากเดิม 500 คน เป็น 2,000 คนอีกด้วย ไม่รอช้า ตามมาดูรายละเอียดกันเลยครับ
 

Photo Credit: Unsplash
 
        Work and Holiday วีซ่า ไทย-ออสเตรเลีย เป็นโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนไทยภายใต้การดูแลของกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) เปิดโอกาสให้คนไทยที่มีอายุระหว่าง 18-30 ปีได้ไปศึกษา เรียนภาษาระยะสั้น ท่องเที่ยวและทำงานในออสเตรเลีย โดยวีซ่าที่จะได้รับจะเป็นวีซ่าประเภทท่องเที่ยวและทำงาน หรือที่เรียกว่า Work and Holiday Visas นั่นเองครับ
 
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Work and Holiday

- โครงการนี้ไม่ใช่โครงการที่มีลักษณะให้ทุนหรือจัดกิจกรรมในต่างประเทศแต่อย่างใด ผู้สนใจที่จะเดินทางไปทำงาน ท่องเที่ยว เรียนภาษาระยะสั้น ในประเทศออสเตรเลีย ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด สามารถสมัครเพื่อขอหนังสือรับรองจากกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ไปประกอบเอกสารอื่นๆ ในการยื่นขอวีซ่ากับทางสถานทูตฯ  
 
- ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจะต้องดำเนินการและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยดย. มีหน้าที่ในรับรองคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สมัครและออกหนังสือรับรองเพื่อประกอบการขอวีซ่าให้เท่านั้น (พูดง่ายๆ คือ  ดย.เป็นผู้ประสานงานในไทย แต่น้องๆ ต้องสมัครวีซ่าเองทุกอย่าง)
 
- โครงการ Work and Holiday ไม่ใช่โครงการเดียวกันกับ Work and Travel นะครับ เพราะ โครงการ WAH เราจะไปได้หลังเรียนจบปริญญาตรีแล้วเท่านั้น และต้องสมัครเอง ดำเนินการเองทุกขั้นตอน (รวมถึงการหางาน หาที่พัก การเดินทาง) ไม่มีผ่านเอเจนซี่นะครับ แต่ถ้าเป็น WAT จะเป็นโครงการที่จะสามารไปได้ในขณะที่กำลงเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเท่านั้น และมักเป็นการสมัครผ่านเอเจนซี่
 
- หากได้รับวีซ่าแล้ว สามารถเดินทางได้เมื่อไหร่ก็ได้ภายใน 1 ปี นับจากวันที่ได้รับวีซ่า ส่วนการนับอายุของวีซ่า นับจากวันที่เดินทางเข้าประเทศออสเตรเลีย (วีซ่าเป็นประเภท  Multiple entry สามารถเดินทางเข้าออกได้หลายครั้งภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่เดินทางเข้าครั้งแรก )
 
- วีซ่าที่ได้ ไม่ใช่วีซ่าทำงาน ถ้าหากพบว่าทำงานประจำที่ใดที่หนึ่งเกิน 6 เดือน ถือว่าทำผิดกฎหมาย และน้องๆ อาจถูกถอนวีซ่าและถูกส่งกลับประเทศได้นะ
 
คุณสมบัติผู้สมัคร

- สัญชาติไทย
- อายุระหว่าง 18 - 30 ปี (ยังไม่เกิน 31 ตอนยื่นวีซ่ากับทางสถานทูตออสเตรเลีย)
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป
- ต้องเดินทางคนเดียว ไม่มีผู้ติดตาม
- มีหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ: ใช้ IELTS เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.5 ในทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี  หรือ TOEFL iBT ระดับคะแนน 32 ขึ้นไป ทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี, ไม่รับผลคะแนน TOEIC นะครับ)
- มีหลักฐานทางการเงินเป็นบัญชีออมทรัพย์ของผู้สมัครเอง 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 106,700 บาท)
- มีความประพฤติและสุขภาพดี
 

Photo Credit: Unsplash
 
หลักฐานและข้อมูลที่ต้องเตรียมในการขอใบรั บรองคุณสมบัติจากดย.

1. ใบสมัคร (พิมพ์มาจากการสมัครผ่านทางระบบออนไลน์ หลังจากกดโควตาได้)
2.   ปริญญาบัตรหรือหนังสือรับรองการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด โดยเอกสารต้องออกก่อนวันที่เปิดรับสมัครออนไลน์
3. ใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
4. หนังสือเดินทางที่มีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
5.  บัตรประจำตัวประชาชน ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
6.  ทะเบียนบ้าน ฉบับจริง พร้อมสำเนา 1 ชุด
7.  หลักฐานเกี่ยวกับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับใช้งานได้ โดยต้องแนบหลักฐานอย่างใด อย่างหนึ่ง คือ
- ผลการสอบ IELTS (ประเภทใดก็ได้) เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.5 ในทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปีหรือ
- ผลการสอบ TOEFL iBT ระดับคะแนน 32 ขึ้นไป ทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี หรือ
- ใบรับรองหรือประกาศนียบัตรที่แสดงว่าได้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีระยะเวลา 2 ปี จากสถาบันการศึกษาที่มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือ
- หลักฐานการจบระดับประถมศึกษา (Primary) และมัธยมศึกษาตอนต้น (3 years of secondary education) จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือ
- หลักฐานที่แสดงว่าได้ศึกษาระดับมัธยมศึกษา 5 ปี (5 years of secondary education) จากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือ สำเร็จการศึกษาจากประเทศออสเตรเลียหลักสูตร 1 ปี ในระดับปริญญาบัตรหรือ ประกาศนียบัตร
 
8. หลักฐานทางการเงินซึ่งเป็นบัญชีออมทรัพย์ของผู้เดินทาง ไม่น้อยกว่า 5,000 ดอลลาร์ ออสเตรเลีย (AUD) เป็น Bank Statement หรือใบรับรองทางการเงินของบัญชีเงินฝากจากธนาคาร โดยชื่อบัญชีจะต้องเป็นชื่อของผู้เดินทางเท่านั้น
9. แผนการเดินทางโดยคร่าวๆ และประเภทงานที่สนใจจะทำระหว่างอยู่ในออสเตรเลีย (เขียนสรุป ไม่เกิน 1 หน้า เป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ)
10. บันทึกข้อตกลงที่ผู้ปกครองลงนามเรียบร้อยแล้ว (สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มจากเว็บไซต์ภายหลังจากการสมัครผ่านระบบออนไลน์ โดยกด ‘พิมพ์ใบบันทึกข้อตกลง’)
11. สำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง

 
วิธีการสมัคร (กำหนดการรอบ 1/2020)

1. ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรับ Username กับ Password เพื่อใช้ login เข้าระบบไปกดโควตา ที่เว็บไซต์ www.dcy.go.th (ไม่จำกัดจำนวนคน) ภายในวันที่ 8 - 10 ก.ค. 63    โดยจะต้องใช้เอกสารประกอบการลงทะเบียนดังนี้
- ไฟล์รูปถ่าย
- เลขบัตรประจำตัวประชาชน
-  ชื่อ  นามสกุล (ภาษาไทยและอังกฤษ)
-  อีเมล
- เอกสารประกอบการสมัครผ่านระบบออนไลน์
 
2. จากนั้นน้องๆ ต้อง 'กดโควตา' หรือสมัครขอหนังสือรับรองคุณสมบัติเพื่อการขอวีซ่าออนไลน์ ที่เว็บไซต์เดิม ในวันที่ 17 ก.ค. 63 ภายในเวลาที่กำหนด โดยรอบนี้จะจำกัดที่นั่งเพียบ 1,000 คน   ในการสมัคร น้องๆ ควรเตรียมพร้อมข้อมูลต่างๆ ดังต่อไปนี้
 - เลขประจำตัวประชาชน
 -  ชื่อ – สกุล (ภาษาไทยและอังกฤษ)
 - วัน เดือน ปีเกิด
 - ที่อยู่ตามบัตรประชาชน
 - ที่อยู่ที่ติดต่อได้สะดวก พร้อม เบอร์โทรศัพท์มือถือ และ e-mail address
 - ข้อมูลเกี่ยวกับหลักฐานแสดงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ
 - ข้อมูลบุคคลติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
 
3. สแกนเอกสารตัวจริงไปทางอีเมล เพื่อยื่นเอกสารให้ทาง ดย. ตรวจสอบคุณสมบัติ จากนั้นก็ส่งเอกสารไปอีกครั้งทางไปรษณีย์ ภายในวันที่ 20 - 23 ก.ค. 63 (จำกัดจำนวน 1,000 คนที่กดโควตาได้)
4. หนังสือรับรองคุณสมบัติจาก ดย. จะถูกส่งทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่กรอกไว้ ภายในเดือนสิงหาคม 63 
5. เมื่อได้ใบรับรองแล้ว ให้เตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอวีซ่าออนไลน์ และจากนั้นก็ดำเนินขั้นตอนในขั้นต่อๆ ไป เช่น ตรวจสุขภาพ ตรวจประวัติ และรอรับผลวีซ่าจากทางสถานทูต
 
Note: 
- หนังสือรับรองหมดอายุวันที่ 30 พฤศจิกายน 63
- ผลสอบภาษาอังกฤษ จะต้องออกก่อนวันกดโควตา (17 ก.ค. 63)
- กรุณาติดตามรายละเอียดเผื่อมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการได้ที่เว็บไซต์ www.dcy.go.th 
 

Photo Credit: Unsplash
 
      เรียกว่าระเบียบการก็เหมือนๆ กับรอบที่ผ่านมาเลยเนอะ และปีนี้ก็เพิ่มโควตาถึง 2,000 คนอีกด้วย (รอบละ 1,000 คน โดยรอบ 2 จะเปิดในช่วงต้นปีหน้า) ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนเยอะ แต่อัตราการแข่งขันก็เข้มข้นอยู่นะ โดยเฉพาะตอนกดโควต บอกเลยเต็มเร็วมากกก ดังนั้นต้องเตรียมพร้อมให้ดีเลยครับ (โดยเฉพาะความเร็วของอินเทอร์เน็ต)

         ตอนนี้น้องๆ อาจจะสงสัยว่าแล้วโครงการ Working Holiday Scheme ของนิวซีแลนด์ที่ปกติเปิดรับสมัครพร้มกัน ปีนี้จะเปิดหรือไม่? และเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทางสถานทูตนิวซีแลนด์ได้แจ้งว่าในปีนี้อาจต้องเลื่อนออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด คงต้องคอยติดตามเพื่อรออัปเดตกันอีกทีนะครับ ยังไงก็เฝ้ารอให้ทุกอย่างคลี่คลายเร็วๆ เนอะ ^^ 
พี่วุฒิ
พี่วุฒิ - Columnist มนุษย์ 4 มิติผู้หลงใหลในเพลงเกาหลี ชาเนสที และหมูกระทะ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น