พาไปดู! 10 เมืองน่าเรียนที่สุดในโลกแห่งปี 2022 จัดอันดับโดย ‘QS Best Student Cities’

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ทุกคน เมื่อพูดถึงการไปเรียนต่อต่างประเทศ หลายคนคงนึกถึงการเลือกคณะ มหาวิทยาลัย หรือที่พักอาศัยก่อนเลยใช่ไหมล่ะคะ แต่จริงๆ แล้วเมืองที่จะไปเรียนต่อก็เป็นอีกปัจจัยที่เราควรให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะถ้าเลือกเมืองได้ดีและตรงกับความชอบของเราแล้ว เราก็จะแฮปปี้กับการใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นไปยาวๆ เลย

วันนี้ พี่ปุณ เลยจะขออาสาพาไปส่อง “10 เมืองที่น่าเรียนที่สุดในโลก” จากการจัดอันดับของ QS Best Student Cities 2022 ว่าแล้วก็ไปดูกันค่ะว่าจะมีเมืองไหนน่าประทับใจจนอยากตามไปเรียนต่อบ้าง!

..................................

อันดับ 9 Montreal, Canada

Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com

ก่อนอื่นขอเริ่มต้นด้วยอันดับ 9 กันก่อนนะคะ เพราะตามการจัดอันดับของ ‘QS Best Student Cities’ มีเมืองที่ติดอันดับร่วมถึงสองแห่งด้วยกัน โดยหนึ่งในนั้นคือ “มอนทรีออล” เมืองในรัฐควิเบคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของแคนาดา เมืองนี้เต็มไปด้วยมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง อย่างเช่น ‘McGill University’ มหาวิทยาลัยอันดับ 27 ของโลกและอันดับ 2 ของแคนาดา และ ‘Université de Montréal’ มหาวิทยาลัยอันดับ 111 ของโลกและอันดับ 4 ของแคนาดา

นอกจากเรื่องการศึกษา มอนทรีออลยังให้การสนับสนุนด้านศิลปะ ภาษา และวัฒนธรรม จนภายในเมืองเต็มไปด้วยสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ รวมไปถึงคาเฟ่มากมายให้ได้ไปเยี่ยมชม เหนือสิ่งอื่นใดขอแอบกระซิบไว้ว่าอากาศในเมืองนี้ดีตลอดปี ใครได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แฮปปี้ชัวร์

รวมทุนเรียนต่อแคนาดา

..................................

อันดับ 9 Boston, United States

Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com

มาที่เมือง “บอสตัน” ที่คว้าอันดับร่วมที่ 9 ประจำปีนี้ เป็นอีกหนึ่งเมืองใหญ่และเมืองหลวงของรัฐแมสซาชูเซตส์ เมืองนี้ถือเป็นศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย (Academic hub) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอันดับ 1 อย่าง ‘Massachusettes Institute of Technology’ แต่นอกจาก MIT บอสตันก็ยังมีมหาวิทยาลัยติดอันดับอีกกว่า 7 แห่งจนเมืองนี้ได้รับขนานนามว่าเป็น “The Athens of America” เลยล่ะค่ะ

ทั้งนี้ทั้งนั้นหนึ่งอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้หลายคนถอดใจก็คือเรื่องค่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่า 34,800 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1,162,000 บาทต่อปี นักศึกษาหลายคนที่เรียนดีจึงต้องใช้วิธีการขอทุนเข้ามาช่วย ซึ่งหลายมหาวิทยาลัยก็ได้จัดสรรเงินสนับสนุนส่วนนี้ไว้เช่นกัน 

นอกจากนี้บอสตันยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และพื้นที่สีเขียวมากมาย ใครตัดสินใจมาเรียนต่อก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ามาก!

รวมทุนเรียนต่ออเมริกา

..................................

อันดับ 8 Sydney, Australia

Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com

“ซิดนีย์” เป็นเมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่มีประชากรอยู่กว่า 4 ล้านคน นับเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย และด้วยความที่ซิดนีย์เป็น “ศูนย์กลางด้านการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ” ทำให้เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากมาย อย่างเช่น Sydney Harbour, Sydney Opera House, Bondi Beach และชายหาดอีกหลายแห่งที่จัดว่าถ้ามาซิดนีย์แล้วต้องไปให้ถึง

ในส่วนของมหาวิทยาลัย ‘University of Sydney’ และ ‘University of New South Wales’ ก็ถือเป็น 2 สถาบันที่สร้างชื่อเสียงและติดอันดับท็อป 50 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งที่ผ่านมาก็มีนักศึกษาต่างชาติหลายคนเรียบจบแล้วตัดสินใจทำงานที่นี่ เพราะนอกจากจะเป็นเมืองที่น่าเรียนเป็นอันดับ 8 ของโลกแล้ว ซิดนีย์ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่คนอยากย้ายมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุดอีกด้วยค่ะ

..................................

อันดับ 7 Zurich, Switzerland

Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com

“ซูริค” มีประชากรเพียง 1,395,000 คน แต่กลับเป็นเมืองชั้นนำและเมืองศูนย์กลางทางการเงินขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมของศูนย์วิจัยและศูนย์พัฒนาของประเทศ และด้วยความที่เมืองนี้มีการเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำ ทำให้ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาได้มาก เมืองก็ยิ่งมีความรุ่งเรืองในหลากหลายด้านขึ้นไปอีก

ในด้านการศึกษา ซูริคก็มีมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง ‘ETH Zurich’ และ ‘The University of Zurich’ ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 8 และอันดับ 70 ของโลก ซึ่งหนึ่งเหตุผลที่นักศึกษาจากหลายประเทศทั่วโลกตัดสินใจมาเรียนที่เมืองนี้ก็เพราะ “ความสวยงามทางธรรมชาติและมาตรฐานการครองชีพที่สูง” นั่นเองค่ะ 

เรียนต่อสวิตเซอร์แลนด์

..................................

อันดับ 6 Melbourne, Australia

Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com

ถ้าพูดถึงความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมก็ต้องยกให้ “เมลเบิร์น” เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศออสเตรเลีย เพราะในแต่ละปีมีนักเรียนนักศึกษาต่างชาติมาเรียนต่อที่นี่กว่า 94,000 คน และประชากรของเมืองนี้กว่า 40% ก็เป็นชาวต่างชาติด้วย ความหลากหลายนี้นำมาซึ่งเสน่ห์ความเป็นเมลเบิร์นที่หาไม่ได้จากที่ไหน ความเป็นกันเองและไลฟ์สไตล์ของผู้คน ทำให้เมืองนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้เมลเบิร์นก็ยังมีมหาวิทยาลัยติดอันดับโลกถึง 7 แห่ง โดยมหาวิทยาลัยที่อยู่ในแรงก์สูงสุดก็คือ ‘University of Melbourne’ ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 37 ของโลกและอันดับ 3 ของออสเตรเลีย

แต่แน่นอนว่าชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีก็ต้องแลกมาด้วยค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง ใครมีแพลนจะมาเรียนต่อที่นี่ก็ต้องเตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายรายเดือนที่อาจสูงเฉลี่ยถึง 3,920 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 130,000 บาท เลยทีเดียว  (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละคนนะคะ)

รวมทุนเรียนต่อออสเตรเลีย

..................................

อันดับ 5 Berlin, Germany

Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com 

หลายปีมานี้เยอรมนีเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ที่ใครหลายคนอยากไปเรียนต่อ และ “เบอร์ลิน” ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองใหญ่และเมืองน่าเรียนในประเทศแห่งนี้ ในด้านการศึกษาเบอร์ลินมี 3 มหาวิทยาลัยดังที่ติดอันดับโลก โดยมหาวิทยาลัยที่ทำอันดับได้ดีที่สุดซึ่งเป็นอันดับที่ 127 ของโลกก็คือ ‘Freie Universität Berlin’ นั่นเองค่ะ

สำหรับใครที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายก็ต้องบอกเลยว่าเยอรมนีให้นักเรียนทั้งในและต่างประเทศได้ เรียนฟรี! แถมในสถาบันส่วนใหญ่ยังมีหลักสูตรภาษาอังกฤษให้เลือกเรียนได้อีกด้วย ส่วนค่ากิน ค่าอยู่ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็ไม่สูงจนเกินไป คุณภาพชีวิตดีสร้างได้ในราคาที่เอื้อมถึง ซึ่งถ้าใครชื่นชอบในศิลปะ วัฒนธรรม แฟชั่น และดนตรี พี่ก็ขอแนะนำให้เก็บเมืองนี้เข้าลิสต์ไว้ได้เลย

รวมทุนเรียนต่อเยอรมนี

..................................

อันดับ 3 Tokyo, Japan

Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com

ใครชอบบรรยากาศของเมืองหลวงที่รายล้อมไปด้วยแสงสีและความคึกคักยามค่ำคืน พี่ก็ขอแนะนำ “โตเกียว” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เอโดะ” เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น โตเกียวเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ ‘University of Tokyo’ ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับที่ 3 ของโลก 

อีกหนึ่งจุดเด่นของเมืองนี้คือ “สถานที่ท่องเที่ยว” ด้วยความที่โตเกียวเป็นเมืองใหญ่และเมืองเศรษฐกิจสำคัญในญี่ปุ่น ทำให้เมืองแห่งนี้มีทั้งพิพิธภัณฑ์ วัด สวนสาธารณะ ศาลเจ้า และสถานที่ทางประวัติศาสตร์อีกหลายแห่ง นอกจากนี้เรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัย ที่โตเกียวเขาก็มีไม่แพ้ใคร น้องคนไหนเลือกมาเรียนต่อที่เมืองนี้ รับรองว่าจะได้ความรู้และประสบการณ์การใช้ชีวิตดีๆ กลับไปเพียบ!

รีวิวขอทุนรัฐบาลญี่ปุ่น

..................................

                                                                              อันดับ 3 Seoul, South Korea

Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com 

อีกหนึ่งเมืองใหญ่ในเอเชียที่ได้ครองอันดับ 3 เมืองที่น่าเรียนที่สุดร่วมกับโตเกียวก็คือ “โซล” เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้นี่เอง หลายคนคงเคยได้ยินมาว่า “โซลคือเมืองที่ไม่เคยหลับ” ไม่ว่าจะเช้าจะดึกขนาดไหน เมืองแห่งนี้ก็จะคึกคักอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศของตลาดกลางคืน ร้านน้ำชาโต้รุ่ง หรือเกมเซนเตอร์ขนาดใหญ่ที่รู้จักกันในนามของ ‘PC Bang’ บอกเลยว่าอยู่เมืองนี้ใช้ชีวิตเต็มที่ได้ทุกวันแน่นอน

พักความสนุกมาดูเรื่องการศึกษา โซลเองก็มีมหาวิทยาลัยติดอันดับ QS World University Rankings 2022 อยู่หลายแห่ง โดย ‘Seoul National University’ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 36 ของโลก ในส่วนค่าเรียนในโซลก็จะอยู่ที่ประมาณ 6,300 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 210,000 บาทต่อปี ส่วนค่าใช้จ่ายพื้นฐานในชีวิตประจำวันก็อยู่ที่ประมาณ 1,083 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 36,000 บาทต่อเดือน ซึ่งก็ถือว่าไม่มากไม่น้อยไปเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในเอเชีย ใครอยากเรียนต่อที่นี่ก็เตรียมสมัครทุนรัฐบาลกันไว้เลย!

รวมทุนเรียนต่อเกาหลี

..................................

อันดับ 2 Munich, Germany

Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com

“มิวนิก” เป็นหนึ่งเมืองในประเทศเยอรมนีที่ติดอันดับเมืองที่น่าเรียนที่สุดในโลก ปัจจุบันเมืองแห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางระดับโลกในด้านศิลปะ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การศึกษา และการท่องเที่ยว มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายที่ดึงดูดผู้คนทั่วโลกให้มาเยี่ยมชมได้อยู่เสมอ นอกจากนี้มิวนิกยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่ดี อยู่ที่นี่จะเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวกสบายหายห่วง

นอกจากบรรยากาศในเมืองจะดี คุณภาพการศึกษาของเมืองนี้ก็ไม่แพ้ใคร มิวนิกมีมหาวิทยาลัยที่สร้างชื่อเสียงระดับโลกอยู่หลายแห่ง อย่างเช่น ‘Technishe Universität München’ และ ‘Ludwig Maximilians Universität München’ ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 50 และ 64 ของโลก ซึ่งถ้าใครเลือกมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรัฐในเยอรมนีก็จะได้ เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย! ถือเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลเยอรมนีมอบให้กับนักศึกษาทั้งในและต่างประเทศเลยค่ะ

..................................

อันดับ 1 London, United Kingdom

Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com

มาถึงเมืองอันดับ 1 ที่หลายคนมีแพลนอยากไปเรียนต่อ “ลอนดอน” เป็นเมืองหลวง และเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ เมืองแห่งนี้มีประชากรกว่า 9,300,000 คน อีกทั้งยังเปรียบเสมือนศูนย์กลางการศึกษาที่รวมมหาวิทยาลัยชั้นนำไว้กว่า 18 แห่ง แอบกระซิบว่า ลอนดอนมีมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 7 และอันดับ 8 ของโลกอย่าง ‘Imperial College London’ และ ‘University College London’ ด้วยนะคะ

แต่นอกจากคุณภาพการศึกษาที่ถูกการันตีด้วยอันดับแล้ว ในด้านการใช้ชีวิตลอนดอนยังเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีผู้คนจากหลายประเทศทั่วโลกมาอาศัยอยู่ ด้วยเหตุนี้เหล่านักศึกษาที่มาเรียนต่อจึงจะ “ได้รับทั้งความรู้จากในห้องเรียนและได้สัมผัสวัฒนธรรมอันหลากหลาย” ที่หาไม่ได้จากที่ไหนในโลกอีกด้วย

รวมทุนเรียนต่อ UK
Photo credit: Unplash.com
Photo credit: Unplash.com 

เป็นยังไงกันบ้างคะ? มีเมืองไหนเข้าตาน่าตามไปเรียนต่อบ้างไหม เรียกได้ว่าแต่ละเมืองก็มีเสน่ห์ดึงดูดแตกต่างกันไป บางเมืองก็ธรรมชาติดี บางเมืองก็มีสีสันยามค่ำคืนน่าค้นหา บางเมืองก็มีวัฒนธรรมหลากหลายให้ได้เรียนรู้ แต่ที่ทุกเมืองมีเหมือนกันอยู่ก็คือเรื่องของ “มาตรฐานและคุณภาพด้านการศึกษา” ลองสังเกตว่าตัวเองชอบอยู่ท่ามกลางบรรยากาศการเรียนแบบไหน เลือกเมืองที่ใช่ แล้วออกไปเรียนรู้กัน!

Source: https://www.topuniversities.com/city-rankings/2022 
พี่ปุณ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด