สวัสดีครับชาว Dek-D พี่เชื่อว่าเวลาน้องๆ หลายคนวางแผนจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่ว่าจะหลักสูตรระยะสั้นหรือระยะยาว นอกจากจะต้องพิจารณาปัจจัยเรื่องคุณภาพการศึกษา ค่าครองชีพ หรือวัฒนธรรมของแต่ละประเทศว่าเข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราหรือไม่ อีกหนึ่งเรื่องที่ควรให้ความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ ‘สภาพอากาศ’ ซึ่งบอกเลยว่าส่งผลต่อเราโดยตรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจเลยทีเดียว
และถ้าหากใครกำลังเล็งหาอยู่ว่าควรไปเรียนต่อที่ประเทศไหนดีที่มีอากาศบริสุทธิ์ๆ วันนี้เรามีข้อมูลคุณภาพอากาศทั่วโลกจาก HouseFresh ที่ได้วิเคราะห์ระดับมลพิษในพื้นที่เมืองต่างๆ รวมกว่า 500 แห่งทั่วโลก ซึ่งเค้าใช้เกณฑ์ในการจัดอันดับวัดจากดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของสหรัฐอเมริกาว่าตลอดทั้งปี ว่ามีจำนวนวันที่อากาศดีมากแค่ไหน โดยกำหนดเกณฑ์ดังนี้
- วันที่อากาศดี = วันที่ภาวะฝุ่นละออง (PM 2.5) ในบรรยากาศมีน้อยกว่า 12 µg/m3
- วันที่อากาศไม่ดี = วันที่ภาวะฝุ่นละออง (PM 2.5) ในบรรยากาศมีมากกว่า 35 µg/m3
และนี่คือรายชื่อเมืองที่มีจำนวนวันรวมอากาศดีมากที่สุดในโลก จะมีเมืองไหนที่เราอยากเรียนต่อติดอันดับบ้าง ตามมาเช็กเลย!
อันดับเมือง | จำนวนวันที่อากาศดีตลอดปี |
1. Zürich (ซูริค) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | 365 วัน |
2. Perth (เพิร์ท) ประเทศออสเตรเลีย | 365 วัน |
3. Reykjavík (เรคยาวิก) ประเทศไอซ์แลนด์ | 365 วัน |
4. Wollongong (วูลองกอง) ประเทศออสเตรเลีย | 365 วัน |
5. Sydney (ซิดนีย์) ประเทศออสเตรเลีย | 365 วัน |
6. Honolulu (โฮโนลูลู) ประเทศสหรัฐอเมริกา | 365 วัน |
7. Newcastle (นิวคาสเซิล) ประเทศออสเตรเลีย | 365 วัน |
8. Adelaide (แอดิเลด) ประเทศออสเตรเลีย | 365 วัน |
9. Auckland (โอ๊คแลนด์) ประเทศนิวซีแลนด์ | 365 วัน |
10. Canberra (แคนเบอร์รา) ประเทศออสเตรเลีย | 364 วัน |
จะเห็นได้ว่าเมืองส่วนใหญ่ที่มีอากาศดีนั้นมาจากประเทศออสเตรเลียทั้งนั้นเลย สำหรับน้องๆ คนไหนที่อยากไปเรียนต่อ บอกเลยว่าตอนนี้มีทุนเรียนต่อออสเตรเลียกำลังเปิดรับสมัครเยอะมากกก ตามมาไปเช็กได้เลยที่ โปรแกรมค้นหาทุนเรียนต่อนอก by Dek-D
มีเมืองที่อากาศสะอาดที่สุดไปแล้ว เรามาดูเมืองที่สภาพอากาศแย่ที่สุดในโลกกันบ้าง ซึ่งวัดจากเกณฑ์เดียวกัน แต่ต่างตรงที่จำนวนวันที่อากาศดีรวมแล้วมีน้อยที่สุด และจากผลการวิเคราะห์นั้นมีจังหวัด ‘สมุทรปราการ’ จากประเทศไทยติดอันดับด้วยครับ T_T
อันดับเมือง | จำนวนวันที่อากาศดีตลอดปี |
1. Baghdad (แบกแดด) ประเทศอิรัก | 0 วัน |
2. Patna (ปัฏนา) ประเทศอินเดีย | 0 วัน |
3. Jaipur (ชัยปุยระ) ประเทศอินเดีย | 0 วัน |
4. Kampala (กัมปาลา) ประเทศอินเดีย | 0 วัน |
5. Tehran (เตหะราน) ประเทศอิหร่าน | 0 วัน |
6. Gandhinagar (คานธีนคร) ประเทศอินเดีย | 0 วัน |
7. Lanzhou (หลานโจว) ประเทศจีน | 0 วัน |
8. Isfahan (อิสฟาฮาน) ประเทศอิหร่าน | 0 วัน |
9. สมุทรปราการ ประเทศไทย | 0 วัน |
10. Chandigarh (จัณฑีครห์) ประเทศอินเดีย | 1 วัน |
นอกจากนครปฐมแล้ว ยังมีจังหวัดอื่นๆ ในไทยติดอันดับเหมือนกันครับ
- จ.ชลบุรี 160 วัน
- จ.ระยอง 133 วัน
- จ.เชียงใหม่ 121 วัน
- จ.ลำปาง 95 วัน
- กรุงเทพมหานคร 40 วัน
ต้องบอกว่าปัญหาเรื่องฝุ่นละอองในอากาศ PM 2.5 นั้นอันตรายต่อสุขภาพมากๆ ทั้งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจไปจนถึงมะเร็งปอดเลยทีเดียว โดยทางกรมอนามัยโลก (WHO) ยังได้เผยว่าฝุ่นละอองในสิ่งแวดล้อมเป็นสาเหตุอันดับที่หกในการเสียชีวิตของประชากรบนโลกแต่ละปีอีกด้วย
ดังนั้นถ้าหากน้องๆ อยากจะเลือกไปเรียนต่อนอกทั้งที ก็ควรศึกษาด้วยว่าเมืองที่เราจะไปนั้นมีสภาพอากาศบริสุทธิ์แค่ไหน จะได้ปลอดภัยต่อสุขภาพกายและดีต่อสุขภาพจิตของเราด้วยนะครับ // สำหรับใครอยากอ่านรายงานฉบับเต็ม สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดและเช็กอันดับเมืองอื่นๆ เพิ่มเติมได้เลยที่ https://housefresh.com/the-cities-with-the-most-and-fewest-good-air-days/
0 ความคิดเห็น