"พรู-ธันวา เนตรไทย" เผยเทคนิคเตรียม Portfolio + สอบ SMCC ยื่นเอกดนตรีเชิงพาณิชย์ ม.ศิลปากร

สวัสดีค่ะน้องๆ หลังจากที่พี่แนนนี่ได้พูดคุยกับศิลปิน Idol คนดังถึงเส้นทางการสอบเข้ามหาวิทยาลัย อย่าง กร-Proxie และ บูม-The Star Idol ไปแล้ว พี่แนนนี่ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับอีก 1 ศิลปิน T-POP  จากค่าย LIT Entertainment  อย่าง "พรู-ธันวา เนตรไทย" หนุ่มมากความสามารถที่หลงใหลในการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งปัจจุบันสอบติดมหาวิทยาลัย ได้เป็นนักศึกษาเข้าเรียนในด้านดนตรีโดยเฉพาะเรียบร้อยแล้ว  รับรองว่าวันนี้ชาว Dek-D จะได้ล้วงเทคนิคการเตรียมตัวสอบเข้าคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ของพี่พรูไปพร้อมๆ กันแน่นอนค่ะ

พรู-ธันวา เนตรไทย
พรู-ธันวา เนตรไทย

"พรู-ธันวา เนตรไทย" เผยเทคนิคเตรียม Portfolio + สอบ SMCC ยื่นเอกดนตรีเชิงพาณิชย์ ม.ศิลปากร

Q : แนะนำตัวให้เพื่อนๆ รู้จักหน่อย

สวัสดีครับ ผมพรู-ธันวา เนตรไทย ศิลปินเดี่ยวจากค่าย LIT Entertainment ครับ จบม.6 จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย แผนการเรียนวิทย์-คณิต เกรดเฉลี่ย 3.4 ครับ ปัจจุบันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร คณะดุริยางคศิลป์ สาขาวิชาดนตรีเชิงพาณิชย์ (สอบติด TCAS65 รอบ Portfolio)

Q : ย้อนเล่าชีวิตช่วงเรียนม.6 ให้ฟังหน่อย

ม.6 เป็นปีที่เรียนออนไลน์เกือบจะ 100% เลยครับ มีไปที่โรงเรียนแค่ช่วงสอบ mid-term กับ final แค่นั้นเองครับผม [เรียนออนไลน์ยากไหม?] จริงๆ รู้สึกว่ามีความยากแตกต่างจากที่เรียนออนไซต์อยู่พอสมควรเลยครับ เพราะว่าเรียนออนไซต์เราสามารถ interactive (โต้ตอบ) กับคุณครูได้มากกว่าออนไลน์ ส่วนเรียนออนไลน์ เป็นสื่อการสอนที่สำเร็จรูปนิดหน่อย เรียนแล้วมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจก็อาจจะถามครูได้ไม่ละเอียดเท่าเรียนออนไซต์ แต่ก็จะอาศัยเพื่อนๆ ช่วยกันติวตอนที่อยู่ที่บ้านของแต่ละคน

Q : แรงบันดาลใจที่เลือกเรียนคณะนี้ สาขาวิชานี้

จริงๆ ผมรู้ว่าตัวเองชอบร้องเพลง ชอบดนตรีตั้งแต่จำความได้ ตั้งแต่เกิดมา อายุขวบ 2 ขวบเลยครับ พอคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าผมชอบร้องเพลง ก็สนับสนุน ช่วยกันทำคลิป cover ลง youtube เล่นๆ ตั้งแต่เด็ก แบบว่าคุณพ่อผมเป็นนักดนตรีเก่าด้วย ก็เล่นกีตาร์ให้ ผมร้อง คุณแม่ก็คอยถ่าย ทำแบบนี้มาเรื่อยๆ แล้วก็ไปประกวด ไปออกรายการต่างๆ อะไรแบบนี้ครับ แล้วช่วงประถมฯ ก็ได้เริ่มลองเล่นดนตรีเองด้วย เริ่มทำเพลงเอง produce เองช่วงประถมปลายๆ

แต่การเข้ามาเป็นเด็กฝึกของ Lit Ent ก็เป็นเหตุผลหลักๆ เลยที่ทำให้ผมอยากเรียนต่อทางด้านนี้ไปสุดๆ ลึกๆ ไปเลย ตอนแรกที่ผม cover เล่นๆ ลง youtube ก็ยังนึกภาพไม่ออกว่า อนาคตของตัวเองจะเดินสายนี้ในอาชีพนักร้อง หรือศิลปินได้หรือเปล่า เพราะตอนแรกก็ไม่ได้มีคนมาดูคลิปผมเยอะขนาดนั้นครับ จนคุณพ่อคุณแม่ก็อยากให้พรูได้ไปลองเรียนในสายอื่น ให้เหมือนมีอาชีพสำรองไว้ เช่น วิศวะ คอมฯ หรือผมเองก็อยากเรียนสถาปนิกด้วย ก็คือคนละสายไปเลย แต่พอได้เป็นเด็กฝึก คุณพ่อคุณแม่ก็อุ่นใจในระดับนึงว่า อย่างน้อยก็จะมีผลงานออกมา ได้มี connection และได้มีคนรู้จักมากขึ้น ก็เลยยอมให้ผมได้เรียนด้านดนตรีต่อไป

Q : เริ่มเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยอย่างไรบ้าง

จริงๆ เหมือนได้สำรวจคณะ และสาขาที่เราอยากเรียนมาตั้งแต่ประมาณม.5 แล้วครับ แบบว่าเราจะเอาคณะนี้นะ มหาวิทยาลัยนี้ แล้วก็ไปดูเงื่อนไข เกณฑ์รับสมัคร ต้องใช้อะไรบ้าง ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ที่เอาไว้ยื่น เอาไว้ใส่ Port แล้วพอไปดูรายละเอียดจากระเบียบการของปีก่อนหน้า คือ จริงๆ แล้วคณะผมต้องมีการสอบวัดระดับของ SMCC หรือ Silpakorn Music Craftsmanship Certificate  ด้วย ต้องมีใบเกียรติบัตรไปใส่ Portfolio

เกณฑ์การคัดเลือกโครงการรับนักศึกษาด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)

  • มีความสามารถในการแต่งเพลง และสามารถในการปฏิบัติเครื่องดนตรีคลาสสิก แจ๊ส หรือบทเพลงสมัยนิยม/ขับร้องคลาสสิก แจ๊ส หรือบทเพลงสมัยนิยม และบันไดเสียงต่าง ๆ ตามที่กำหนดในรายละเอียดการทดสอบความสามารถทางด้านดนตรี
  • Portfolio
    • วิชาทฤษฎีดนตรีสากล และวิชาโสตทักษะ จากสถาบันดนตรี ผู้สมัครสามารถส่งประกาศนียบัตรจากสถาบันดนตรีมากกว่า 1 แห่ง โดยใบประกาศนียบัตรต้องมีอายุ ไม่เกิน 2 ปี นับถึงวันที่สมัครสอบ
    • รายชื่อสถาบันดนตรีที่สามารถใช้ประกอบการสมัคร ได้แก่
      • ประกาศนียบัตรความถนัดด้านดนตรีวิธีศิลปากร Silpakorn Music Craftsmanship Certificate (SMCC) เกรด 6
      • ประกาศนียบัตรของศูนย์สอบเทียบดนตรีแห่งประเทศไทย (TIME) เกรด 12
      • ประกาศนียบัตรหลักสูตรสอบของ Trinity และ ABRSM เกรด 5
    • วิชาการแต่งเพลง ประกาศนียบัตรความถนัดด้านดนตรีวิธีศิลปากร Silpakorn Music Craftsmanship Certificate (SMCC) เกรด 6
    • วิชาปฏิบัติเครื่องดนตรี ประกาศนียบัตรความถนัดด้านดนตรีวิธีศิลปากร Silpakorn Music Craftsmanship Certificate (SMCC) เครื่องดนตรีคลาสสิก หรือแจ๊ส/ขับร้อง คลาสสิก หรือแจ๊ส เกรด 6
    • คลิปการแสดงดนตรี 1 บทเพลง โดยเลือกบรรเลง บทเพลงคลาสสิก แจ๊ส หรือบทเพลงสมัยนิยม และบันไดเสียงต่าง ๆ ความยาวประมาณ 7 นาที
    • ผลงานการประพันธ์เพลงที่ ได้รับการเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ อาทิ YouTube.com, Fungjai.com หรือสื่อออนไลน์ที่มีกิจกรรมในลักษณะใกล้เคียงกับเว็บไซต์กำหนด (ถ้ามี) พร้อมอธิบายประวัติความเป็นมา และ ความสำเร็จของผลงาน จากนั้นนำ Link มาแสดงในแฟ้มสะสมผลงาน
  • สอบสัมภาษณ์ และแสดงความสามารถทางด้านดนตรี ตามคลิปวิดีโอที่ส่งมา

Q : เตรียมตัวสอบ SMCC เป็นยังไงบ้าง

รู้สึกว่าการสอบยากพอสมควรเลยครับ ก่อนหน้าที่จะไปสอบ SMCC ก็มีไปหาสถาบันช่วยติวเกี่ยวกับการสอบ SMCC โดยเฉพาะ  แล้วก็ใช้เวลากับมันค่อนข้างเยอะเลย ของปีนี้ SMCC จะมีการสอบอยู่ 4 อย่าง สอบทฤษฎีดนตรี, สอบโสตทักษะ, สอบแต่งเพลง และสุดท้ายเป็นสอบปฏิบัติครับ

สำหรับทฤษฎีเนี่ย ผมเป็นคนที่ร้องเพลง เล่นดนตรีตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ว่าเหมือนผมจะได้ที่การปฏิบัติมากกว่า จะไม่เคยได้เรียนเกี่ยวกับทฤษฎีเลย ไม่รู้ทฤษฎีเลย ทฤษฎีเป็นศูนย์เลยครับ พ่อกับแม่ก็ช่วยหาสถาบันให้ ผมได้เข้าไปติวอยู่คอร์สนึง แล้วก็ทบทวนเอง รวมเวลาติวทั้งหมดประมาณ 3 เดือนก่อนสอบครับ ตลอด 3 เดือนผมใช้เวลาเรียนค่อนข้างเยอะเลย ผมจะเรียนกับคุณครู 2 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ แล้วก็ต้องกลับมานั่งติวต่อ ทบทวนต่อหลังเลิกเรียนออนไลน์ทุกวัน นั่งทำโจทย์เกี่ยวกับทฤษฎีดนตรี เกี่ยวกับ scale, ขั้นคู่, triad chords ทุกวันเลยครับ พอพร้อมแล้วก็เลยลงสอบ

Q : เตรียม Portfolio ยังไงบ้าง

ส่วนตัวคุณพ่อผมชอบถ่ายภาพ เขาก็มีเก็บภาพ เก็บผลงานผมเอาไว้ตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว คือเขาจะเรียงวันที่ เรียงปีไว้ เป็นสัดส่วนเลย มันเป็นเรื่องที่ดีมาก ทำให้ผมไปขอผลงาน ขอรูปมาใส่ใน Port ได้ ตอนนั้นที่ต้องส่ง Port ผมทั้งต้องติว SMCC ต้องแข่งรายการ LAZ iCON ต้องซ้อมเต้นทุกวัน คุณพ่อก็เลยมาช่วยดูความเรียบร้อย Portfolio ว่าโอเคหรือยัง ตรงไหนต้องแก้ไหม ส่วนผลงานที่ใส่ Port จะเป็นช่วงตั้งแต่ปลายประถมฯ ถึงมัธยมฯ ปลายเลยครับ เพราะรายการใหญ่ๆ ที่ผมได้ไปแข่ง อย่างเช่น ตัวแทนประเทศไทยไปแข่ง Asia's Got Talent หรือโชว์ที่สิงคโปร์ จะอยู่ประมาณป.6 ก็เลยใส่ไปด้วย แล้วก็ผลงานช่วงม.ต้น ม.ปลายที่เป็นศิลปินแล้ว

Q : เล่าถึงคลิปวิดีโอแสดงความสามารถให้ฟังหน่อย

คลิปแสดงวิดีโอแสดงความสามารถ ก็เป็นตัวเดียวกันกับการสอบปฏิบัติเลยครับ เขาจะมีเกณฑ์เขียนมาว่า เราจะต้องทำอะไรบ้างในคลิปคลิปนึง 

คือเหมือนจะให้กดเปียโน เป็นโน้ตไหนก็ได้ ถ้าเราเอก voice เอกร้อง ก็ต้องร้องออกมาเป็น scale ให้ถูกทั้งหมด ก็จะมี scale major, scale minor minor ก็จะแยกออกเป็น harmonic minor, melodic minor, natural minor ก็ต้องไล่ขึ้นไล่ลงจนจบ แล้วก็จะต้องร้อง triad ทั้ง major และ minor เลยครับ

แล้วก็สุดท้ายจะให้ร้อง 2 เพลง บังคับเพลง 1 ตาม choice ที่มี ผมก็เลือกเพลงแจ๊สมา แล้วอีกเพลงเขาเลือกความยากให้เท่ากับเพลง if i ain't got you แต่ผมไม่รู้ว่าเพลงไหนจะยากเท่ากับเพลงนั้น ผมเลยร้อง  if i ain't got you ไปเลยครับ [แอบโชว์ให้เพื่อนๆ ดูตัวอย่างบ้างได้ไหม] มีอยู่ใน Youtube เลยครับ 

Q : ทำไมถึงเลือกสอบร้องเพลงแจ๊ส

เอาจริงๆ แล้ว แจ๊ส เป็นหนึ่งในแนวเพลงที่อยากจะเรียนด้วย แล้วตอนนั้น ในเกณฑ์ตอนแรกที่ผมเห็นจะมีแค่ vocal jazz กับ vocal classic แล้วก็รู้สึกว่าเพลงแจ๊สอาจจะเข้าทางผมมากกว่า ถ้าเพลงคลาสสิก จะเป็นเพลงที่เกี่ยวกับภาษาต่างประเทศเยอะกว่า รู้สึกว่าจะถนัดน้อยกว่าเลยเลือกแจ๊สดีกว่าครับ

Q : รีวิวการสอบสัมภาษณ์ให้ฟังหน่อย

ตอนที่ได้สอบสัมภาษณ์ เหมือนเขาจะลองเช็กความรู้จากการที่ไปสอบ SMCC กึ่งๆ เช็กว่า ใช่คนที่ไปสอบมาตัวจริงหรือเปล่า มีใครไปสอบแทนหรือเปล่า (หัวเราะ)​ ก็มีให้สอบปรบมือตามจังหวะ แล้วก็มี sight singing คือจะให้โน้ตมา แล้วให้ร้องตามโน้ตที่กำหนด แบบว่าเป็นสอบสัมภาษณ์ ที่มีสอบทักษะด้วย ทฤษฎีด้วย แล้วก็สัมภาษณ์ว่าทำไมถึงอยากเรียนที่นี่ สนใจด้านดนตรีตั้งแต่เมื่อไหร่อะไรประมาณนี้ แล้วเขาก็มีบอกว่าอยากให้มาอยู่ด้วยกัน แล้วก็มีถามเรื่องทุนด้วย เพราะเขาเห็นว่าคะแนนผมสูง อาจจะมีโอกาสพิจารณาทุนด้วย  สุดท้ายผมก็ได้รับทุน ตอนนี้ก็เป็นเด็กที่ใช้ทุนอยู่ครับ

Q : มีทุนการศึกษาด้วย แล้วพิจารณาจากอะไรบ้าง

เท่าที่ผมคิด คือพิจารณาจากคะแนนสอบ SMCC ครับ แล้วคะแนน SMCC ของผม คะแนนสูงเป็นเกียรตินิยมอันดับ 1 ทั้งหมดเลย ทั้งสอบทฤษฎี, สอบโสตทักษะ, สอบแต่งเพลง และสอบปฏิบัติ ได้เป็นเกียรตินิยมหมดเลย  แล้วก็เลยได้ทุนครับ แต่เป็นทุนแบบลดราคาค่าเทอม ไม่ใช่เรียนฟรี 100% ครับ แต่ผมก็ได้ลดไปค่อนข้างเยอะ เพราะได้เกียรตินิยม คือแต่ละคนจะทุนลดหลั่นไปตามคะแนนสอบของตัวเองครับ

Q : ข้ามมาพาร์ทการทำงานบ้าง เพิ่งปล่อยเพลงใหม่ "มาเอาไร" เป็นยังไง เห็นว่าทำเองด้วย เล่าให้ฟังหน่อย

เพลงก็เป็น single special ที่ปล่อยออกมาให้แฟนๆ ได้หายเหงากัน แล้วก็เป็นเพลงที่มีโอกาสได้ลองโปรดิวซ์เพลงตัวเองในนามศิลปินครั้งแรกด้วย ชื่อเพลงว่า "มาเอาไร" เป็นเพลงที่เกี่ยวกับว่า มีคนคนนึงมาทำให้เรารู้สึกดี พอเราบอกชอบเขาไป สุดท้ายเขาก็ดันบอกว่าไม่ได้คิดอะไร ที่ผ่านมาเราคิดไปเองหมดเลย แล้วเราเลยตั้งคำถามในใจว่า เธอทำแบบนี้ไปทำไม เธอมาเอาอะไร ก็เลยเป็นที่มาของเพลงมาเอาไรครับ [ใช้ประสบการณ์ส่วนตัวด้วยหรือเปล่า?] เพลงนี้ก็เป็น topic ที่คิดเอาไว้กับพี่ๆ ว่า อยากแต่งเพลงที่เกี่ยวกับว่าความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน ความสัมพันธ์แบบคนนึงเป็นคนคั่นเวลา อีกคนนึงมาเล่นกับความรู้สึกเรา ก็เลยโยนคำ แล้วก็อารมณ์ที่แบบว่าคนคั่นเวลาจะรู้สึกยังไง แล้วเขาจะทำยังให้เรารู้สึกดี รู้สึกพิเศษ แล้วพี่มุกก็แต่งมาเป็นเพลงให้

Q :  ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง

ก็ดีมากเลยครับ แฟนๆ แล้วก็ชาวเทมโป้ยังซัพพอร์ตเหมือนเดิม เพลงก็ได้ฟังฟีดแบ็กกลับมา ก็ดีครับ เพลงที่ผมได้ทำเองด้วย โปรดิวซ์เองด้วย ก็ดีมากๆ เลยครับ แล้วก็มี challenge ด้วย มีท่าเต้นสไตล์น่ารัก ไปเต้นตามกันได้นะครับ #มาเอาไรchallenge เดี๋ยวผมตามเข้าไปดู

Q : มีเริ่มเรียนปรับพื้นฐานแบบออนไซต์แล้ว เป็นอย่างไรบ้าง

วิชาที่ได้เรียนไปแล้ว จะเป็นวิชา Digital Media ก็คือเรียกง่ายๆ  ว่าเป็นวิชาทำเพลงครับ ทำ beats เป็นโปรดิวเซอร์โดยเฉพาะเลยอะไรแบบนี้ครับ เริ่มพื้นฐานตั้งแต่การใช้โปรแกรมทำเพลง วันนี้ที่เพิ่งไปเรียน (วันที่สัมภาษณ์) ก็ได้ลองทำ beats ส่งอาจารย์ไปครับ สนุกมากเลยครับ เหมือนเขาให้เพลงมาเป็นตัวอย่างนึง แล้วก็ให้เราใส่จังหวะกลองเข้าไป จังหวะไหนก็ได้แล้วแต่เรา ผมก็น่าจะทำเป็นสไตล์ 80 ไป เป็น punk pop หน่อย  

Q : แล้วมีเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยจำพรูได้บ้างไหม

มีบ้างครับ มีเพื่อนมาบอกว่าชอบเพลงมาก ฟังเพลงทุกวัน หรือมาบอกว่า มีเพื่อนฝากมาบอกว่าเป็น FC  ครับ ผมก็รู้สึกดีที่เพื่อนๆ เคยฟังผลงานของเราครับ

Q : คิดว่าการเรียนที่นี่จะส่งเสริมกับการทำงานของพรูในอนาคตได้ยังไง

สาขาที่ผมเรียนอยู่ ส่งเสริมกับอาชีพผมมากๆ เลยครับ จริงๆ แล้วคณะนี้ สาขานี้ทำงานได้หลายรูปแบบ เป็น sound engineer ก็ได้ composer นักแต่งเพลง ก็ได้ producer ก็ได้ เหมือนเป็นคณะที่รองรับอาชีพศิลปินมาก สุดท้ายในอนาคตน่าจะได้ใช้ในอาชีพ และในชีวิตแน่นอนครับ

Q : เรียนไป ทำงานไปตั้งแต่เด็กๆ มีวิธีแบ่งเวลายังไงบ้าง

รู้สึกว่าตอนที่อยู่ที่โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย ถ้าเกิดว่าเราตั้งใจเรียนเต็มที่ แล้วถ้ากลับบ้านไปทบทวนเพิ่มอีกนิดหน่อยก็จะทำให้จำสิ่งที่เรียนแต่ละวันได้  คืออาจจะต้องใช้เป็นการอ่านแบบสะสมมากกว่า ไม่ได้ไปรออ่านทีเดียว เพราะว่าบางทีช่วงเวลาใกล้สอบอาจจะต้องไปทำงานที่อื่น ต่างจังหวัด ก็เลยแพลนไว้ว่าอ่านไปเรื่อยๆ อ่านไปทีละบท ทีละบทที่เราเรียนมาแต่ละวันครับ พอถึงใกล้ๆ สอบจริงจะได้ไม่กดดันมาก จะได้ทำตามที่ตัวเองเข้าใจไปเลย

Q : เคยคิดไว้ไหม ถ้าไม่ต่อมหาวิทยาลัยทางด้านดนตรี พรูอยากเรียนอะไร

จริงๆ คณะที่ผมอยากเรียนจะเป็นสถาปัตย์ แล้วก็จิตวิทยาครับที่ผมสนใจ แต่ว่าดูไกลตัวผมมากเลย แบบถ้าสุดท้ายแล้วผมไม่มาทางด้านดนตรี ก็อาจจะไปแนวๆ นี้ หรือไม่ทางวิศวะ คอมฯ ไปเลยครับ

Q : ฝากถึงชาว  Dek-D ในการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย

อยากให้กำลังใจทุกคนครับ สำหรับคนที่ยังหาตัวเองไม่เจอ ลองทำอะไรสิ่งใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทำดูครับ  ไม่แน่ว่า การที่ทำสิ่งใหม่ๆ อาจจะได้เจอสิ่งที่เราชอบจริงๆ แต่ไม่รู้มาก่อนก็ได้ สำหรับใครที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อย่าลืมมุ่งมั่น  แล้วก็สู้ไปสุดทางเลยครับ เพราะยังไงแล้ว สิ่งที่เราชอบก็ทำให้เรารู้สึกดี มีความสุข และ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็จะออกมาดี

สุดท้ายอยากให้ dek66 มีความสุข อย่าเครียดมาก แล้วก็อยากให้ตั้งใจ แพลน วางแผนสอบไว้ล่วงหน้าหลายๆ เดือน อยากให้ทุกคนสำเร็จตามเป้่าหมาย และได้เข้าคณะที่อยากเข้าทุกคนเลยครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยครับ

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ได้รู้ทั้งวิธีการเตรียมตัวเข้าสอบ และขั้นตอนการเตรียม  Portfolio กันอย่างละเอียดกันเลย แถมยังได้คำแนะนำและแรงบันดาลใจดีดีจากพี่พรูกันอีกด้วย 

พี่แนนนี่
พี่แนนนี่ - Columnist เด็กเอกไทย คลั่งไคล้มิกกี้(เม้าส์) หลงใหลอิตาลี คอยเฝ้าลงพื้นที่ ตามข่าว TCAS

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น