เชื่อว่าต้องมีน้องๆ หลายคนที่อยากฝึกทักษะนอกห้องเรียนไว้หยิบจับทำธุรกิจหารายได้เสริม วันนี้เราเลยขอส่งกำลังใจให้รัวๆ ด้วยเรื่องราวความพยายามของ "แต้ม & เติ้ล" คู่แฝดที่บังเอิญไปตัดผมร้านนึงแล้วเกิดแรงบันดาลใจ ใช้เวลาว่างไปเรียนที่โรงเรียนเสริมสวยนานถึง 3 ปี  จนตอนนี้มีร้านตกแต่งสไตล์วินเทจ "Barber Tist" ตั้งอยู่ที่ซอย 7 กาญจนวนิช ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ค่ะ

        และนอกจากการลงมือทำสิ่งที่รักตั้งแต่อายุยังน้อย เรายังพบความน่าสนใจที่เจ้าตัวบอกเองเลยว่า เขาเป็นคนอยู่นิ่งไม่ได้ และติสท์มากๆ จนคนรอบข้างคาดไม่ถึงว่าทำไมตอนที่หวีและกรรไกรอยู่ในมือ เขาถึงนิ่งได้ขนาดนี้!?

Photo Credit: Barber Tist


Photo Credit: Barber Tist

        "สวัสดีครับ คนพี่ชื่อ 'แต้ม' กรภัทร์ วัฒนาสถิตยานนท์ ส่วนคนน้องชื่อ 'เติ้ล' กรฤต วัฒนาสถิตยานนท์ กำลังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ เราเปิดร้าน 'Barber Tist' มา 7 เดือนแล้วครับ ชื่อร้านมาจากเอกลักษณ์ของตัวเองเลย เพราะแต้มกับเติ้ลจะนิสัยติสท์ๆ มีความเป็นตัวเองสูง อยู่ไม่นิ่ง"

        พอเราเริ่มสงสัยว่าน้องติสท์ขนาดไหน  คุณแม่ของคู่แฝดก็รีบเล่าให้ฟังว่า "เขาเป็นคนอยู่ไม่นิ่งจริงๆ เดินไปเดินมาตลอดค่ะ  แต่เราสังเกตว่าพอเริ่มตัดผมปุ๊บ เขามีสมาธิมากๆ ไม่พูดกับใครเลย ถ้าคนรู้จักน้องจะไม่น่าเชื่อว่าตัดผมได้ แต่นอกจากตอนตัดผมแล้ว วิชาเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคก็จะมีภาคปฏิบัติเยอะ ตอนฝึกตะไบ ต่อวงจร เขาก็จะสมาธิดีมากๆ เหมือนกัน ^^"

Photo Credit: Barber Tist


Photo Credit: Barber Tist

 

ค้นพบความชอบตั้งแต่อายุ 11
เริ่มนับ 1 จากโรงเรียนเสริมสวยในอำเภอ

        เขาเริ่มเล่าจุดเริ่มต้นของ 'Barber tist' ให้ฟังว่า "เริ่มจากที่เราเคยไปตัดผมร้านนึงตอนอายุ 11  แล้วเห็นเขาทั้งตัดดีและมีลูกค้าเยอะมากๆ ทำให้อยากเรียนตัดผมบ้าง แล้วพวกเราก็ไปเรียนที่โรงเรียนเสริมสวยในอำเภอ 3 ปี ไปแบบเริ่มตั้งต้นนับ 1 เลย วันแรกเขาให้เรียนทฤษฎี ฝึกตัดผมหุ่น หลังจากนั้นวันที่ 2 เขาก็ให้ตัดผมคนจริงๆ แต่จะมีอาจารย์จะประกบข้างๆ ตลอดครับ"

        "สิ่งที่ได้เรียนคือการตัดทรงมาตรฐานและทรงแฟชั่น เช่น ทรงนักเรียน รองทรง รองหวี อันเดอร์คัท เปิดข้าง ฯลฯ แล้วก็ต้องหาประสบการณ์เพิ่มเพื่อพัฒนาฝึมือ ช่วงเปิดร้านจะมีคุณพ่อคุณแม่ช่วยสนับสนุนเงินทุน พอหลังจากนั้นเราก็นำกำไร 60% ในแต่ละเดือนมาผ่อนร้านให้หมด และปรับปรุงร้านให้ดีขึ้นครับ ^^"

Photo Credit: Barber Tist
 

        ตั้งแต่เปิดร้านวันแรกจนถึงทุกวันนี้ เราสังเกตเห็นพัฒนาการของตัวเองยังไงบ้าง? "ความตื่นเต้นลดลง ตัดเร็วขึ้น เก็บรายละเอียดดีขึ้นครับ ตอนแรกนี่ลูกค้าคนนึงตัดนานเป็นชั่วโมงเลย แต่ตอนนี้ถ้าเป็นทรงมาตรฐานก็แค่ประมาณ 40 นาที จริงๆ พวกเราก็คิดอยากหาโอกาสไปเรียนเพิ่มทางนี้ด้วยเหมือนกันครับ"

        คุณแม่ของแต้มเติ้ลเล่าให้ฟังว่า "ช่วงแรกๆ ที่เขาขอเปิดร้าน เรายังไม่มั่นใจ แต่ถ้าลูกอยากลองทำก็ยินดีช่วยและสนับสนุนเต็มที่ พอร้านเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เราก็เห็นว่าทั้งคู่มีทักษะการตัดผม แลวเป็นเด็กดีมากๆ มือไม้อ่อน ยกมือไว้ทักทาย 'สวัสดีครับ' พอลูกค้ากลับก็ 'ขอบคุณครับ' ติดอย่างเดียวคือเขาเป็นคนพูดไม่เก่ง พ่อแม่เลยคอยช่วยคุยกับลูกค้าก่อน และแนะนำให้เขาพยายามคุยบ้าง ยิ้มมากขึ้น ช่วงหลังๆ มานี้ทั้งคู่ก็พูดเก่งขึ้น รู้จักเก็บรายละเอียดลูกค้ามากขึ้น เช่น 'พี่อยากตัดทรงไหนครับ' 'ชอบมั้ยครับ' 'อยากให้แก้ตรงไหนมั้ยครับ'"

        "ส่วนปัญหาหลักๆ ของร้านน่าจะเรื่องฝนตก แล้วก็ร้านของเราอยู่ในซอยที่คนไม่พลุกพล่าน ทำให้บางวันไม่มีลูกค้าเลย แต่ถ้าเรื่อง feedback ถ้าถามลูกค้า เขาก็ชมว่าฝีมือดี แล้วมีลูกค้ากลับมาใช้บริการใหม่จนเป็นลูกค้าประจำด้วยค่ะ //จริงๆ ตอนนี้เราเป็นแม่บ้าน แต่เริ่มคิดๆ กับคุณพ่อแล้วว่าจะลงมาฝึกตัดผมบ้างดีมั้ย จะได้ช่วยตัดตอนลูกไปเรียนได้ค่ะ 555"

Photo Credit: Barber Tist


Photo Credit: Barber Tist

 

         มาถามคู่พี่น้องเรื่องการแบ่งเวลาบ้างว่าการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเป็นปัญหารึเปล่า? เราต้องจัดสรรเวลายังไงบ้าง?  "ถ้าวันธรรมดาเราจะเปิดร้านหลังเลิกเรียนครับ ประมาณ 17.30-21.00 น. ส่วนเสาร์-อาทิตย์จะเปิด 10.30-21.00 น. (บางครั้งลูกค้าก็จะเช็กจากเฟซบุ๊ก หรือไม่ก็โทรถามร้านก่อนครับ) ส่วนการอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน เราจะอาศัยช่วงที่ยังไม่มีลูกค้าเข้า ต้องแยกสติดีๆ หรือบางครั้งก็ต้องเก็บไปทำหรืออ่านตอนดึกหลังปิดร้านครับ จริงๆ ต้องบอกเลยว่างานนี้ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและรับผิดชอบมากขึ้น"

         "ช่วงหลังๆ มานี้ก็มีลูกค้าจากโซเชียลเข้ามาใช้บริการด้วย ต้องขอบคุณมากๆ เลยครับ สุดท้ายนี้ก็อยากฝากติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจ Barber Tist และอินสตาแกรม barber_tist หน่อยนะครับ ^^"

Photo Credit: Barber Tist


Photo Credit: Barber Tist

        ถือเป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่น่ารักมากกกก ทั้งพี่น้องที่ลุกมาทำงานเก็บประสบการณ์ตั้งแต่เด็ก และคุณพ่อคุณแม่ที่ให้โอกาสในสิ่งที่ลูกชอบ ขอให้ลูกค้าไหลมาเทมาเลยนะคะ  สำหรับใครที่อยากเก็บเกี่ยวความรู้นอกห้องเรียน จริงๆ แล้วในไทยเรามีโรงเรียนฝึกอาชีพหลายแห่ง รวมถึงคอร์สออนไลน์ที่ช่วยให้เราเก่งได้ด้วยตัวเอง หากน้องๆ พอมีเวลาว่างจากการเรียน พี่ก็อยากแนะนำให้ฝึกไว้ติดตัว ไม่แน่ว่าอาจเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมในอนาคตได้นะคะ ^^