น่าเรียนเวอร์! ‘Dwight School Seoul’ รร.อินเตอร์ IB ในเกาหลีใต้ ที่เป๊ะปังทั้งวิชาการและกิจกรรม

อันยองค่าน้องๆ Dek-D ทุกคน ถ้าพูดถึงโรงเรียนอินเตอร์ในเกาหลีใต้หลายคนคงอดนึกถึง ‘Dwight School Seoul’ ไม่ได้เลยค่ะ เพราะนอกจากที่นี่จะโด่งดังด้านความเป็นเลิศทางวิชาการแล้ว รัฐบาลยังจัดให้โรงเรียนแห่งนี้เป็น IB Continuum School แห่งแรกในกรุงโซลอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสถาบันที่พร้อมจะ “จุดประกายอัจฉริยะ” และพัฒนาศักยภาพของนักเรียนอย่างแท้จริงเลยล่ะค่ะ ว่าแล้วก็ตามพี่ปุณไปดูกันดีกว่าว่าโรงเรียนนี้เขามีรูปแบบการเรียนการสอนและกิจกรรมน่าสนใจอะไรมาให้วัยรู้วัยเรียนอย่างเราได้ตามไปส่องกันบ้าง!

            ‘Dwight School Seoul’ โรงเรียนอินเตอร์ชื่อดังที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 147 ปี สถาบันแห่งนี้มีการสรรค์สร้างหลักสูตรการศึกษาที่เน้นการสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมทั้งกระตุ้นให้นักเรียนแต่ละคนได้เลือกพัฒนาศักยภาพตามความต้องการและความถนัดของตนเอง และอย่างที่พี่ได้บอกไปข้างต้น โรงเรียนแห่งนี้ถือเป็นโรงเรียน ‘IB Continuum School’ = โรงเรียนที่มีการประเมินคะแนนตามเกณฑ์มาตรฐานสากลและมีหลักสูตรการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก ใครกำลังสนใจอยากจะย้ายมาเรียนที่นี่ก็หมดกังวลเรื่องคุณภาพและความน่าเชื่อถือของสถาบันไปได้เลยค่ะ

            นอกจากเป้าหมายในการสร้างผู้นำระดับโลกและการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนตามความถนัดแล้ว โรงเรียนแห่งนี้ยังยึดถือในปณิธาน 3 เสาหลักทางการศึกษา ได้แก่ 

1. Personalized Learning เรียนรู้ตามศักยภาพเฉพาะบุคคล – Dwight รู้ดีว่าเด็กแต่ละคนมีพรสวรรค์และความสามารถแตกต่างกัน การเปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนได้เลือกเรียนรู้ตามศักยภาพของตัวเองจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมให้การพัฒนาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
2. Community ระดับประชาคม – แม้ว่านักเรียนแต่ละคนจะมีความชอบหรือทักษะความสามารถที่ต่างกัน แต่สุดท้ายวิสัยทัศน์และเป้าหมายของนักเรียนและบุคลากรที่นี่ก็คือการพัฒนาโลกใบนี้ให้ดีกว่าเดิม!
3. Global Vision วิสัยทัศน์ระดับโลก – หลักสูตรที่มีคุณภาพและการประเมินคะแนนที่ใช้กันในระดับสากลจะช่วยสร้างมาตรฐานและทำให้โรงเรียนแห่งนี้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก

หลักสูตรที่เปิดสอน

            Dwight School Seoul เปิดสอนในหลักสูตรอินเตอร์ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ประถม ไปจนถึงมัธยมปลาย โดยได้แบ่งออกเป็น 3 หลักสูตรหลักตามระดับชั้นการศึกษา ดังนี้

Primary Years Programme (PYP)

หลักสูตรแรกจะเป็นหลักสูตรสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3 – 5 ปี (Preschool) ไปจนถึงนักเรียน Grade 5 ทุกคนจะได้รับองค์ความรู้อย่างครบถ้วนผ่านการเรียน 6 วิชาหลัก ประกอบไปด้วยวิชาภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม ศิลปะ และพลศึกษา และนอกจากเนื้อหาด้านวิชาการแล้ว ที่นี่เขาก็ยังเสริมสร้างทัศนคติที่ดี พร้อมทั้งสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาทักษะและเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนได้ลงมือปฏิบัติจริงในพื้นที่ที่เอื้ออำนวยอีกด้วยค่ะ

Middle Years Programme (MYP)

            หลักสูตรที่ 2 นี้ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับนักเรียนใน Grades 6 – 10 เด็กในวัยนี้เป็นเด็กที่กำลังอยากรู้อยากเรียน พวกเขาอยู่ในช่วงของการพัฒนาและการค้นหาตัวเอง ดังนั้นหลักสูตรนี้จึงถูกอัปเกรดให้มีความเข้มข้นและท้าทายมากยิ่งขึ้น นอกจากวิชาพื้นฐานแล้ว พวกเขายังต้องเรียนวิชาเสริมทักษะอื่นๆ เพิ่มเติม อย่างเช่น วิชาภาษาและวรรณกรรม การพัฒนาทักษะภาษา หรือการเรียนรู้เกี่ยวกับบุคคลและสังคม

            โดยหนึ่งในหลักการสำคัญที่ทางโรงเรียนเน้นและนำมาปรับใช้ในทุกการเรียนรู้ก็คือ ‘หลักการคิดพิจารณาอย่างมีเหตุผล (Critical thinking)’ ทุกคนจะได้ฝึกคิดอย่างมีวิจารณญาณ อีกทั้งยังได้ฝึกเชื่อมโยงและประยุกต์ใช้บทเรียนที่เรียนมากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในโลกด้วยยย

            และนอกจากเนื้อหาวิชาการที่แน่นปึ๊กแล้ว MYP ยังส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการทดลอง การสืบสวนหาข้อเท็จจริง หรือการโต้วาที โดยมีเป้าหมายให้ทุกคนสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและได้ทำความรู้จักกับตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งในปีสุดท้ายของหลักสูตร MYP นักเรียนทุกคนจะต้องทำ Personal Project ถ่ายทอดความถนัดและความสนใจ รวมถึงความรู้ความสามารถที่ได้พัฒนามาตลอดระยะเวลา 5 ปีของหลักสูตรนี้ลงไปด้วย และแน่นอนว่าโปรเจกต์นี้ก็จะถูกประเมินด้วยเกณฑ์แบบ IB ดูดีมีความเป็นมาตรฐานสากลแบบสุดๆ

The Diploma Programme

            มาถึงหลักสูตรสุดท้ายสำหรับนักเรียน Grades 11 – 12 เนื้อหาในหลักสูตรนี้จะค่อนข้างมีความเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ โดยบางวิชาก็จะมีการยกระดับเนื้อหาให้ยากขึ้นไปและหนึ่งในคอร์สที่เป็นไฮไลต์และหัวใจของโปรแกรมนี้ก็คือ ‘คอร์สทฤษฎีความรู้’ ที่จะผสมผสานหลักการบูรณาการและหลักปรัชญาไว้ด้วยกัน เรียกว่าเรียนแล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งในและนอกห้องเรียนเลยล่ะค่ะ แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะใน 2 ปีสุดท้ายของการศึกษา โรงเรียนแห่งนี้จะมีการผลักดันและสนับสนุนให้นักเรียนออกไปสอบแข่งขัน ล่าประกาศนียบัตรจากสถาบันชั้นนำทั่วโลกอีกด้วย ใครทำดีก็มีรางวัลเป็นใบเบิกทางไว้ใช้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยกันไปเลย!

            ต้องยอมรับเลยค่ะว่าโรงเรียนนี้เขาวางระบบการศึกษาไว้ดีมากกก ไม่ว่าจะเป็นด้านความเหมาะสมของเนื้อหาหรือความยากง่ายของตัววิชา ที่นี่เขาก็มีหลักสูตรที่เหมาะสมให้นักเรียนแต่ละระดับชั้นสามารถพัฒนาได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน และถ้าน้องๆ คนไหนยังมีข้อสงสัยในเรื่องหลักสูตรต่างๆ ของทางโรงเรียนก็สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ 

การสมัครเรียน

            อันดับแรกน้องๆ จะต้องเข้าไปกรอกฟอร์มรับสมัครออนไลน์ได้ที่ลิงก์นี้ https://dwightseoul.openapply.com/apply/forms/6734 โดยในฟอร์มก็จะมีให้ใส่ทั้งข้อมูลส่วนตัว ประวัติครอบครัว และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงเรียนที่ศึกษาอยู่ในปัจจุบันด้วย หลังจากเราส่งฟอร์มไปแล้วทางสถาบันก็จะตอบกลับเป็นอีเมลยืนยันการสมัคร พร้อมทั้งเอกสารให้เราจ่ายค่าสมัครเรียน 100,000 KRW หรือประมาณ 2,700 บาทค่ะ 

            ซึ่งนอกจากฟอร์มสมัครเรียนแล้วเราก็ยังต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมให้ทางสถาบัน ดังนี้

• สำเนา passport ของผู้สมัครเรียนและผู้ปกครอง
• สำเนาบัตรประจำตัวคนต่างชาติ (Alien Registration Card)
• สำเนาสูติบัตรของผู้สมัครเรียน
• เอกสารผ่านเข้า/ออกประเทศเกาหลีใต้
• เอกสาร transcript ย้อนหลัง 2 ปี
• จดหมายหรือเอกสารรับรองจากอาจารย์

เมื่อดำเนินการส่งเอกสารและจ่ายค่าสมัครเรียบร้อยแล้ว ทางโรงเรียนก็จะติดต่อนัดวันเวลาสัมภาษณ์กับเราทันที และสำหรับใครที่อยู่ต่างประเทศเขาก็มีช่องทางสัมภาษณ์ออนไลน์ไว้รองรับอีกด้วยค่ะ ซึ่งการสัมภาษณ์ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมงเท่านั้น หากเราส่งเอกสารครบและไม่มีเหตุขัดข้องอะไร ทางโรงเรียนก็จะเริ่มพิจารณาเอกสารและทำการติดต่อกลับมาเพื่อแจ้งผลต่อไปค่ะ

School Activities: Work Hard, Play Harder

            เรื่องหลักสูตรและเนื้อหาการเรียนอาจจะเครียดไปหน่อย ขอพาน้องๆ มาพักชมกิจกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ Dwight จัดสรรไว้ให้นักเรียนของเขากันดีกว่าค่ะ 

            เริ่มกันที่ ‘Makerspace’ พื้นที่ของนักปฏิบัติการ จุดมุ่งหลักของพื้นที่แห่งนี้มีขึ้นเพื่อส่งเสริมให้นักเรียนได้สร้างสรรค์และปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมจริง โดยมีอาจารย์คอยให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ อย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัย เครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องตัดเลเซอร์ อุปกรณ์ประกอบหุ่นยนต์ และเครื่องไม้เครื่องมืออีกมากมายถูกจัดไว้ให้นักเรียนในแต่ละหลักสูตรได้ทดลองใช้และสนุกไปกับกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านเทคโนโลยีนี้ ทั้งสนุกและได้ความรู้ รับรองว่าจะต้องถูกใจใครหลายคนแน่นอน!

            มาต่อกันกับ ‘Nature Education’ การศึกษารูปแบบใหม่ที่จะทำให้เราได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติกว่าที่เคย นอกจากเด็กๆ ได้เรียนรู้การดูแลอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแล้ว กิจกรรมนอกห้องเรียนนี้ยังจะช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสาร ความเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีมด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทั้งผ่อนคลายและได้ประโยชน์ไปพร้อมๆ กัน

            และถ้าจะให้พูดถึงกิจกรรมที่มีความโดดเด่นและแสดงให้เห็นถึงความเป็น Dwight ได้เป็นอย่างดีก็คงหนีไม่พ้น ‘Visual and Performing Arts’ ศิลปะการแสดงและทัศนศิลป์ ไม่ว่าจะมีใจรักในดนตรี การแสดง หรือศิลปะแขนงไหน Dwight ก็พร้อมให้การสนับสนุนศักยภาพของนักเรียนคนเก่งอย่างดีที่สุด เพราะที่นี่เชื่อว่า “การเรียนรู้โดยการลงมือทำ” จะนำนักเรียนทุกคนไปสู่ความสำเร็จได้ 

ดูอย่าง ‘วง Orchestra’ ของโรงเรียนนี้สิคะ นอกจากจะฝึกฝนและทำการแสดงภายในโรงเรียนแล้ว พวกเขายังได้เข้าร่วมการแสดงระดับโลกมากมาย เช่น Carnegie Hall performance tour, Dwight Shanghai Music Festival รวมไปถึง Dwight London Choir Festival ด้วยค่ะ ยิ่งใหญ่สมเป็นหนึ่งในความภูมิใจของสถาบันแห่งนี้จริงๆ

ค่าเล่าเรียน

            สำหรับค่าเล่าเรียนของ Dwight School Seoul จะถูกแบ่งตามระดับชั้นที่ศึกษา โดย Early Childhood Division หรือนักเรียนในระดับชั้น Preschool (เด็กอายุ 3 – 4 ปี) หากเรียนแค่ครึ่งวันค่าเล่าเรียนจะอยู่ที่ 11,760,000 KRW หรือประมาณ 320,000 บาท แต่ถ้าเรียนเต็มวันค่าเรียนก็จะปรับขึ้นมาเป็น 23,521,000 KRW หรือประมาณ 640,000 บาท 

            ส่วนนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึง Grade 12 ค่าเล่าเรียนก็จะคงที่เท่ากันทุกปี ปีละ 30,431,000 KRW หรือประมาณ 829,000 บาท แต่จะมีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนของค่าหนังสือและการสอบใน 3 ปีสุดท้ายของการศึกษาซึ่งก็คือ Grades 10 – 12 นั่นเองค่ะ *ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ยังไม่รวมค่าสมัคร ค่าแรกเข้า ค่าสมาคมผู้ปกครอง ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายอื่นๆ นะคะ ใครสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย 

คนดังที่เรียนที่ Dwight  School Seoul

            เป็นยังไงกันบ้างคะ? หลังจากที่ได้ส่องหลักสูตรการเรียนการสอน รวมไปถึงกิจกรรมบูรณาการเสริมความรู้นอกห้องเรียนของ Dwight School Seoul กันไปแล้ว มีใครอยากวาร์ปไปเรียนที่นี่เหมือนพี่แสดงตัวออกมาได้เลยค่ะ! เชื่อว่าหลายคนคงแอบประทับใจและเก็บโรงเรียนนี้ลิสต์ไว้แน่นอน ถ้าน้องๆ คนไหนสนใจและอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมต่อก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของทางโรงเรียนได้เลยนะคะ https://www.dwight.or.kr