ปัจจุบัน Blog ได้เข้ามามีบทบาทในการสื่อสารที่สำคัญของโลกไซเบอร์ และได้รับความนิยมมากจากมนุษย์ออนไลน์ทั่วโลก ซึ่งพี่ผึ้งไม่แปลกใจเลยเพราะมันเป็นสื่อ Interactive เมื่อน้องๆ อยากอ่านอะไร หรืออยากเขียนเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจที่ตนเองไปเจอมา และสามารถให้ "บล็อก" เป็นสื่อกลางในการสื่อสารบนโลกออนไลน์ อย่างเช่น My.iD ของน้องๆ ชาวเด็กดีในเว็บนี้ไงจ๊ะ
เมื่อผู้อ่านอ่านอะไรอยู่ แล้วอยากรู้รายละเอียดมากขึ้น ผู้อ่านก็สามารถ click ไปยัง website อื่นที่เกี่ยวข้องดูว่าคนอื่นเขียนอะไรอย่างไร เช่น click เข้าไปใน website http://www.dek-d.com/my.id/ ก็จะพบเรื่องราวต่างๆมากมาย น้องๆ คิดดูแม้แต่บิลเกตต์ ยังกล่าวถึง blog ว่า ในอนาคต การสื่อสารภายในองค์กรจะใช้ blog เป็นเครื่องมือสื่อสารที่สำคัญ นักบริหารที่มีชื่อเสียงจะมี blog ไว้แสดงความก้าวหน้าในการพัฒนางานของตนเอง เมื่อนำ blog ของทุกคนมารวมกันจะเป็นชุมชนปฏิบัติ( Community of Practices) ที่ใหญ่มากในโลกไซเบอร์
Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน นั่นคือบล็อก (Blog) ซึ่งเริ่มใช้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 1997 โดยผู้ที่คิดชื่อนี้คือ Jorn Barger ต่อมาถูกนาย Peter Merholz จับมาเรียกย่อสั้นๆ เหลือแค่ blog แทนในเดือนเมษายนปี 1999 บล็อก (Blog) หรือ เว็บ บล็อก (Web log) หมายถึง การบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น
Blog อาจจะมีบริการทั้งเสียเงิน และไม่เสียเงิน ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการให้บริการ ซึ่งมักจะติดตั้ง Tool ให้เราสามารถใช้งานได้ง่ายๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์มากมายนัก โดยส่วนใหญ่แล้ว Blog หลายๆที่มักจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และลึก เนื่องจากเจ้าของ Blog มักจะนำข้อมูลที่ตัวเองรู้ หรือประสบการณ์มาถ่ายทอด โดยค่อนข้างเป็นกันเอง แต่ในปัจจุบัน บริษัทใหญ่ๆ ก็หันมามี Blog เป็นของตัวเองกันมาก ไม่ว่าจะเป็น Google , Yahoo เพราะ Blog สามารถทำตัวเป็น PR ให้กับบริษัทได้ โดยสร้างความรู้สึกเป็นกันเอง ไม่มีพิธีอะไรมาก สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง โดยไม่ต้องเป็นทางการมากนัก และลูกค้าก็ชอบที่จะติดต่อสื่อสารผ่านทาง Blog ด้วย
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจากการเขียนเป็นงานอดิเรกของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนกระทั่งเรื่องราวของการประชุมระดับชาติ
และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ที่สำคัญอย่างแท้จริง พี่ผึ้งขอสรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ Blog ก็คือเว็บไซต์ที่มีรูปแบบเนื้อหาเป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ปิดท้ายก่อนจากกัน พี่ผึ้งขอแถมด้วย blog ฟรี จากเว็บที่เปิดให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีเว็บเปิดให้บริการหลายเว็บมากๆๆๆ อาทิ เช่น http://www.dek-d.com/my.id (th), Myspace.com (en), Facebook.com (en), Hi5.com (en), Wordpress.com(en) เป็นต้น
พี่ผึ้ง : ขอขอบคุณข้อมูลจาก keng.com , basicstep.net และ nidtep.go.th และภาพประกอบจาก Dek-d.com |
6 ความคิดเห็น
บล็อคระบาดดดดดดค้า
---------------------------------------
มาคนแรก
เหอะๆ เราเองมีแล้วก็ดองไว้อย่างนั้นล่ะ ..ปิดไปบ้างล่ะ? เลยไม่รู้ว่าจะมีไว้ทำไม?... 55
สรุปบล็อกมันคนละเรื่องกับไดอารี่ใช่มั๊ยคะ
ที่สำคัญก็คือบล็อกบางเวบเสียเงินส่วนใหญ่
ในขณะที่ไดอารี่ ส่วนน้อยเหอะๆ
แต่เราว่าคนกฌนิยมพอๆกัน
เพียงแต่ว่าไดอารี่ เราว่าเชยกว่าบล็อกนะ
ชอบดองให้เกาะฝุ่นหนาเป็นเมตรๆ ถึงจะจำได้ แล้ว(อาจ)กลับไปทำอีกรอบ แฮะๆๆ ((ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะค่ะ^^))