รีวิว Sully หนังเครื่องบินตกที่ไม่ใช่หนังหายนะเลยสักนิด
ตั้งกระทู้ใหม่
เหตุการณ์ที่ว่าเกิดในเดือนมกราคม ปี 2009 ผ่านมาไม่นานนี้เอง
ใครอยากอ่านแบบละเอียด ลองดูบทความนี้
http://www.dek-d.com/studyabroad/32905/
http://cdn3-www.comingsoon.net/
(มีสปอยล์นิดนึงล่ะมั้ง)
หลายคนคงคิดว่า หนังคงเอาเหตุการณ์นี้มาทำ จริงๆ ก็ไม่ผิด แต่ถ้าหนังเอาเหตุการณ์นี้มาทำและดำเนินยาวไปทั้งเรื่องคงจะไม่ได้ เพราะเหตุการณ์นี้มันกินเวลาแค่ไม่กี่นาทีตั้งแต่เครื่องขึ้นจนเครื่องตก
ใครอยากอ่านแบบละเอียด ลองดูบทความนี้
http://www.dek-d.com/studyabroad/32905/
http://cdn3-www.comingsoon.net/
(มีสปอยล์นิดนึงล่ะมั้ง)
หลายคนคงคิดว่า หนังคงเอาเหตุการณ์นี้มาทำ จริงๆ ก็ไม่ผิด แต่ถ้าหนังเอาเหตุการณ์นี้มาทำและดำเนินยาวไปทั้งเรื่องคงจะไม่ได้ เพราะเหตุการณ์นี้มันกินเวลาแค่ไม่กี่นาทีตั้งแต่เครื่องขึ้นจนเครื่องตก
ดังนั้นปมหลักของหนังอยู่ที่ "การสอบสวนการกระทำของนักบิน" คือข่าวนี้ดังมากๆ หลายคนชื่นชมการกระทำของกัปตันว่ามีสติมากๆ เพราะตอนนั้นเครื่องยนต์จะดับ กัปตันไม่สามารถนำเครื่องบินกลับไปยังสนามบินที่ขึ้นหรือบินไปลงสนามบินใกล้เคียงได้เลย จึงตัดสินใจนำเครื่องลงกลางแม่น้ำ ทุกคนปลอดภัย แฮปปี้ คนชื่นชมว่ากัปตันเก่ง
แต่ในความจริง ทางการบินไม่ใช่อย่างนั้น ต้องมีการสอบสวนว่า สิ่งที่กัปตันนั้นถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ คือดีตรงที่ทุกคนรอด แต่ ณ ตอนนั้นมีทางที่ดีกว่านี้มั้ย? เพราะเอาเครื่องไปลงกลางน้ำ มันก็เสี่ยงนะ ถ้าเกิดโชคร้าย ระเบิดขึ้นมา จะทำยังไง ดังนั้นอาจจะมีทางเลือกที่ดีกว่า เช่น ถ้าไปขอลงจอดสนามบินใกล้ที่สุด จะทันมั้ย จะปลอดภัยกว่าหรือเปล่า?
เรื่องนี้เป็นแบบ untold story คือไม่ค่อยมีใครพูดถึงเบื้องหลัง ไม่ค่อยมีใครรับรู้เบื้องหลังความเป็นฮีโร่ของกัปตัน
แต่ในความจริง ทางการบินไม่ใช่อย่างนั้น ต้องมีการสอบสวนว่า สิ่งที่กัปตันนั้นถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ คือดีตรงที่ทุกคนรอด แต่ ณ ตอนนั้นมีทางที่ดีกว่านี้มั้ย? เพราะเอาเครื่องไปลงกลางน้ำ มันก็เสี่ยงนะ ถ้าเกิดโชคร้าย ระเบิดขึ้นมา จะทำยังไง ดังนั้นอาจจะมีทางเลือกที่ดีกว่า เช่น ถ้าไปขอลงจอดสนามบินใกล้ที่สุด จะทันมั้ย จะปลอดภัยกว่าหรือเปล่า?
เรื่องนี้เป็นแบบ untold story คือไม่ค่อยมีใครพูดถึงเบื้องหลัง ไม่ค่อยมีใครรับรู้เบื้องหลังความเป็นฮีโร่ของกัปตัน
หนังเริ่มต้นด้วยการสอบสวนกัปตันหลังจากเกิดเหตุ คือมีหน่วยงานปลอดภัยทางด้านการบินมาสอบสวนกัปตันและนักบินผู้ช่วย ยืดยาวไปประมาณครึ่งชั่วโมงแรก ตรงนี้แอบง่วงนิดนึง(สำหรับเรา) จากนั้นหนังจะโยงภาพกลับไปตอนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวคือเครื่องตก
ถ้าบอกว่าเครื่องตก หลายคนคงนึกว่าเป็นหนังแนว disaster หรือหายนะ แต่ไม่ใช่นะ หนังเน้นไปที่การตัดสินใจของกัปตันว่าจะทำยังไง เช่น ตัดสินใจจอดกลางน้ำ พอจอดแล้ว น้ำกำลังทะลักเข้ามาในเครื่อง จะทำยังไงต่อ คือสติล้วนๆ เราประทับใจตอนที่กัปตัน Sully ไล่ดูจนครบว่าไม่มีผู้โดยสารเหลือบนเครื่องแล้ว + ย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่า ต้องนับให้ครบ 155 คน ห้ามขาด ดูแล้วรู้สึกได้เลยว่า ทอม แฮงค์ สวมวิญญาณกัปตันที่เป็นห่วงผู้โดยสารมากจริงๆ
อ้อ ส่วนฉากเครื่องบินตก หนังทำออกมาได้ดีทีเดียว ตอนกระแทกน้ำคือแรงมากกกก จนกลัวจะระเบิดไปด้วยเลยจริงๆ
อีกคนที่เราประทับใจคือ เจ้าหน้าที่ที่หอควบคุมการบิน คือดูเก่งมาก ฉลาดมาก ตอนเกิดเรื่อง กัปตันต้องคุยประสานงานกับเจ้าหน้าที่คนนั้น เจ้าหน้าที่ก็พยายามช่วยเหลือเต็มที่ คือเป็นงานที่ต้องฉลาด + ไว + สติ เพราะแค่วินาที ก็ชีวิตล้วนๆ
อีกอย่างที่ชอบคือ ความเป็นทีมเวิร์กของนักบินและผู้ช่วยนักบิน สองคนนี้ให้ฟีลแบบ มองตาก็รู้ใจ สามัคคี เข้าขากันมาก หลังเกิดเรื่องก็พูดคุยปรึกษาเหมือนเป็นคู่คิดคู่ยากกัน ทำให้รู้เลยว่า งานใหญ่ๆจะสำเร็จไม่ได้ หากขาดความเป็นทีมเวิร์ก และปัญหาใหญ่ๆ จะไม่มีวันคลี่คลาย ถ้าไม่มีคู่คิดดีๆ ที่เข้าใจกัน
ถ้าบอกว่าเครื่องตก หลายคนคงนึกว่าเป็นหนังแนว disaster หรือหายนะ แต่ไม่ใช่นะ หนังเน้นไปที่การตัดสินใจของกัปตันว่าจะทำยังไง เช่น ตัดสินใจจอดกลางน้ำ พอจอดแล้ว น้ำกำลังทะลักเข้ามาในเครื่อง จะทำยังไงต่อ คือสติล้วนๆ เราประทับใจตอนที่กัปตัน Sully ไล่ดูจนครบว่าไม่มีผู้โดยสารเหลือบนเครื่องแล้ว + ย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่า ต้องนับให้ครบ 155 คน ห้ามขาด ดูแล้วรู้สึกได้เลยว่า ทอม แฮงค์ สวมวิญญาณกัปตันที่เป็นห่วงผู้โดยสารมากจริงๆ
อ้อ ส่วนฉากเครื่องบินตก หนังทำออกมาได้ดีทีเดียว ตอนกระแทกน้ำคือแรงมากกกก จนกลัวจะระเบิดไปด้วยเลยจริงๆ
อีกคนที่เราประทับใจคือ เจ้าหน้าที่ที่หอควบคุมการบิน คือดูเก่งมาก ฉลาดมาก ตอนเกิดเรื่อง กัปตันต้องคุยประสานงานกับเจ้าหน้าที่คนนั้น เจ้าหน้าที่ก็พยายามช่วยเหลือเต็มที่ คือเป็นงานที่ต้องฉลาด + ไว + สติ เพราะแค่วินาที ก็ชีวิตล้วนๆ
อีกอย่างที่ชอบคือ ความเป็นทีมเวิร์กของนักบินและผู้ช่วยนักบิน สองคนนี้ให้ฟีลแบบ มองตาก็รู้ใจ สามัคคี เข้าขากันมาก หลังเกิดเรื่องก็พูดคุยปรึกษาเหมือนเป็นคู่คิดคู่ยากกัน ทำให้รู้เลยว่า งานใหญ่ๆจะสำเร็จไม่ได้ หากขาดความเป็นทีมเวิร์ก และปัญหาใหญ่ๆ จะไม่มีวันคลี่คลาย ถ้าไม่มีคู่คิดดีๆ ที่เข้าใจกัน
ฉากจบของหนังคือเด็ดมาก ฉากจบ(ประมาณครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนัง) เป็นวันตัดสินหรือบทสรุปข้อสอบสวน ว่าที่กัปตัน Sully ทำถูกหรือไม่ ห้องสอบสวนนี่คนเยอะมาก นึกว่าประชุมสภา มีการจำลองสถานการณ์สมมติต่างๆ ตรงนี้มันส์มาก ขอไม่เล่า ต้องดูเอง แอบสะใจหน่อยๆ ได้ข้อคิดด้วยนะว่า ในความเป็นจริง แม้จะเป็นเรื่องที่ต้องยึดกฎเป๊ะๆ อย่างเรื่องการบิน แต่พอเกิดเหตุขึ้นจริงๆ ณ ตรงนั้น คงต้องใช้กฎ + สัญชาตญาณรวมกัน(ล่ะมั้ง)
ถ้าถามว่าให้กี่คะแนน เราขอให้ 7.5/10 หนังไม่จัดว่าสนุกมาก แต่เรียกว่าหนังดีได้เต็มปาก ดูแล้วทำให้เห็นการตัดสินใจของคนที่ทำอาชีพนี้ .... โดยทั่วไป เวลา 30 วินาทีของเราอาจจะทำอะไรไม่ได้เลย หายใจสามทีก็หมดแล้ว แต่ในสถานการณ์คับขัน 30 วินาทีคือกำหนดความเป็นตายได้เลยจริงๆ
ปิดท้ายด้วยภาพกัปตัน Sully ตัวจริง
http://i.usatoday.net/
ถ้าถามว่าให้กี่คะแนน เราขอให้ 7.5/10 หนังไม่จัดว่าสนุกมาก แต่เรียกว่าหนังดีได้เต็มปาก ดูแล้วทำให้เห็นการตัดสินใจของคนที่ทำอาชีพนี้ .... โดยทั่วไป เวลา 30 วินาทีของเราอาจจะทำอะไรไม่ได้เลย หายใจสามทีก็หมดแล้ว แต่ในสถานการณ์คับขัน 30 วินาทีคือกำหนดความเป็นตายได้เลยจริงๆ
ปิดท้ายด้วยภาพกัปตัน Sully ตัวจริง
http://i.usatoday.net/
2 ความคิดเห็น
ตอนดูทริลเลอร์ครั้งแรกคิดอยู่เหมือนกันว่าต้องดูเรื่องนี้ให้ได้ ยิ่งมาอ่านบทความก็ยิ่งอยากดูมากขึ้นไปอีก ขอบคุณนะคะที่มาแชร์กัน
เราไปดูมาแล้ว ตอนแรกแอบเนือยแต่ต่อมาสนุกอ่ะ ชอบมาก เป็นหนังที่ไม่ผิดหวัง ไม่ได้ดูตย.ไปกะเอาว่าอยากดูเรื่องไหนก็ดู พอดีชอบหนังเกี่ยวกับเครื่องบินอยู่แล้ว แนะนำจริงๆ ค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?