ศิลปะการต่อสู้ Martial arts (เพื่อการศึกษา)
ตั้งกระทู้ใหม่
ทำไมศิลปะการต่อสู้ในสมัยนี้เริ่มจะไม่เป็นที่นิยม??
ทำไมศิลปะการต่อสู้ไม่นิยมนะหรอ? อาจจะเป็นว่าคนสมัยนี้เขาเริ่มที่จะไม่สนใจในด้านการต่อสู้ เนื่องจากคนสมัยนี้เริ่มไปสนใจทางเทคโนโลยี,กีฬา,การเมือง ฯลฯ มากขึ้นเพราะสมัยนี้เขาไม่ได้ตัดสิ้นใจในด้านกำลัง เนื่องจากสมัยนี้เขาในเหตุผลกัน ใช่สมองแก้ไขปัญหากัน แถมสมัยนี้ก็มีกฏหมายคุ้มครองเราอยู่อีกด้วย
ทำไมศิลปะการต่อสู้ไม่นิยมนะหรอ? อาจจะเป็นว่าคนสมัยนี้เขาเริ่มที่จะไม่สนใจในด้านการต่อสู้ เนื่องจากคนสมัยนี้เริ่มไปสนใจทางเทคโนโลยี,กีฬา,การเมือง ฯลฯ มากขึ้นเพราะสมัยนี้เขาไม่ได้ตัดสิ้นใจในด้านกำลัง เนื่องจากสมัยนี้เขาในเหตุผลกัน ใช่สมองแก้ไขปัญหากัน แถมสมัยนี้ก็มีกฏหมายคุ้มครองเราอยู่อีกด้วย
ก่อนที่เราจะมารู้จักว่าศิลปะการต่อสู่มีอะไรบ้างนั้นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนเลยว่าศิลปะการต่อสู่คืออะไร
จะบอกให้เลยว่าศิลปะการต่อสู้ หมายถึง วิธีการต่อสู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าเพื่อให้ตนเองพ้นภัยได้อย่างงดงามน่าพึงชม
หากคุณกำลังประสบปัญหาทางด้านสุขภาพหรือด้านกาย ฝึกเพื่อไปแข่งขันกีฬา ฝึกเพื่อป้องกันตัวหรือจะฝึกไว้เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมของการต่อสู้ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาทำการรู้จักศิลปะการต่อสู่กันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้างเป็นยังไง ไปกันเลยย!!!!
1.)มวยไทย
มวยไทยคือศิลปะการต่อสู่ของคนไทย ที่ใช่หมัด ศอก แขนท่อนล่าง เท้า แข้ง เข่า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ศีรษะ และลำตัวในการต่อสู้
หลักการชกมวยไทย
การชกมวยไทยที่ดี มีหลักสำคัญคือมีการป้องกัน ด้วยการยืน มั่นคง เข้มแข็ง สูงเด่น
การตั้งแขนป้องกันและการเก็บคาง เปรียบเสมือนป้อมปราการ เท้าหน้า จรดชี้ไปข้างหน้าวางน้ำหนักครึ่งฝ่าเท้า เท้าหนัง วางทแยงเฉียงกว้างกว่าหัวไหล่วางน้ำหนักเศษหนึ่งส่วนสี่ไว้ที่อุ้ง ขยับก้าวด้วยการลากเท้าหลังตามพร้อมที่จะหลอกล่อ ขยับเข้า ออก ตั้งรับและโจมตีตอบโต้ แขนหน้ายกกำขึ้นอย่างน้อยเสมอไหล่ หรือจรดสันแก้ม แขนหลังยกกำขึ้นจรดแก้ม ศอกทั้งสองข้างไม่กางออกและไม่แนบชิด ก้มหน้าเก็บคาง ตาเขม็งมองไปตรงหว่างอกของคู่ต้อสู้ พร้อมที่จะเห็นการเคลื่อนไหวทุกส่วน เพื่อที่จะรุก รับ หรือตอบโต้ด้วยแม่ไม้ ลูกไม้และการแจกลูกต่างๆ มีการเคลื่อนไหวที่องอาจมีจังหวะ มีการล่อหลอกและขู่ขวัญที่มีการเปรียบเทียบว่า "ประดุจพญาราชสีห์ และพญาคชสีห์" อาวุธมวยที่ออกไป ต้องมีเป้าหมายและจุดประสงค์แน่นอน (แต่มักซ้อนกลลวงไว้) มีการต่อสู้ระยะไกล (วงนอก) และระยะประชิด (วงใน) และมีทีเด็ดทีขาดในการพิชิตคู่ต่อสู้
แม่ไม้มวยไทย
แม่ไม้มวยไทย ที่รู้จักแพร่หลาย อาทิ จระเข้ฟาดหาง(หมุนตัวแล้วฟาดตวัดด้วยวงเท้าหลัง), เถรกวาดลาน (เตะกวาดล่างวงนอกรวบสองเท้าให้เสียหลัก), หนุมาณถวายแหวน (ชกหมัดเสยพร้อมกันสองข้าง), มอญยันหลัก (ถีบลำตัวให้เสียหลัก), หักงวงไอยรา (เหยียบคู่ต่อสู้เพื่อยกตัวเตะตวัดก้านคอ), บั่นเศียรทศกัณฑ์ (เตะก้านคอ), ปักลูกทอย (ปักศอกลงตรงหน้าขาคูต่อสู้), มณโฑนั่งแทน (กระโดดขึ้นปักศอกลงกลางกระหม่อม), หิรัญม้วนแผ่นดิน (ศอกกลับ), พระรามเดินดง (เตะแล้วต่อยตามข้างเดียวกัน), มอญแทงกริช (ถองด้วยศอกบริเวณซี่โครงอ่อน), ฤๅษีบดยา (กระโดดปักศอกกลางศีรษะ), พุ่งหอกโมกขศักดิ์ (ตั้งศอกเหนือศีรษะพุ่งเข้าบริเวณใบหน้า) ฯลฯ
2.)คาราเต้
คาราเต้คือศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่ใช้การเตะ และการฟันด้วยมือเปล่า มีแพร่หลายในญี่ปุ่น และเกาหลี
หลักสูตรคาราเต้มี 5 ขั้นตอน
ขั้นพื้นฐาน 1
ขั้นที่ 1 นั้นโดยหลักๆ แล้วจะเป็นการสอนการเดินการยืนการเคลื่อนที่ปัดป้องรวมไปถึงพื้นฐานการโจมตีพื้นฐานการเข้าคู่และเทคนิคต่างๆ
ขั้นพื้นฐาน 2
ขั้นที่ 2 พื้นฐานการเข้าโจมตีคู่ต่อสู้แบบ KIHON 1 และการปัดป้องการโจมตีแบบ KIHON 2 การโจมตีผสมการป้องกันตัวเองแบบ KIHON 3
ขั้นพื้นฐาน 3 ระดับสูง
ขั้นที่ 3 การเข้าคู่แบบ KIHON 1 การป้องกันแบบ KIHON 1 ผสมกับการโจมตี KIHON 2 และขั้นสุดท้ายแบบระดับสูงจะมีท่ารำที่เรียกว่า KATA หรือจะเรียกว่าท่าเสริมพลังทางกายภาพก็ได้ และการโจมตีกับป้องกัน
ขั้นสูง
ขั้นสูง นั้นจะเป็นการรวมเอาพื้นฐานของทั้ง 3 ทั้งหมดมาไว้ด้วยกันแล้วก็ฝึกออกมาแบบ KIHON 1 KIHON 2 KIHON 3 โดยจะแบ่งกระบวนท่าการฝึกเป็น การเข้าคู่ การโจมตี การป้องกันการปัดป้อง ขั้นสูง
ขั้นอาจารย์
ขั้นอาจารย์ นั้นจะเป็นขั้นความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคาราเต้ขั้นสูงที่สามารถสอนหรือกระจายความรู้ได้ไม่ว่าจะเป็นท่ารำ และสามารถอธิบายความหมายของท่ารำได้ และการประยุกต์ใช้อย่างถูกต้องตามหลักของคาราเต้ และสุดท้ายนั่นก็คือทักษะการเผยแพร่ขั้นสูงที่จะต้องเอากระบวนท่าไม่ว่าจะเป็น ขั้นพื้นฐาน 1 ขั้นพื้นฐาน 2 ขั้นพื้นฐาน 3 หรือ ขั้นสูง ต้องมาเผยแพร่ใช้อย่างถูกต้องถูกวิธีตามหลักของคาราเต้ เพื่อไม่ให้ศิลปะป้องกันตัวระยะประชิดใช้ในการต่อสู้แบบผิดหลักคาราเต้
3.)กังฟู
กังฟูคือศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบหนึ่งของจีน คล้ายกับคาราเต้ และยูโด
เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย
ประกอบด้วยหลักการงอเหยียด การหมุนรอบเป็นวงจร มี หลักฝึกการทรงตัว
ใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัว
ใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัว
ผู้ที่ฝึกหัดไม่เพียงมีร่างกายและสุขภาพสมบรูณ์แข็งแรงเท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้วิธีการต่อสู้ไปในตัวให้หลักปรัชญา
ธรรม หลักจริยธรรม และปลูกจิตสำนึกที่ดีงาม
ธรรม หลักจริยธรรม และปลูกจิตสำนึกที่ดีงาม
ช่วยกล่อมเกลากิเลสของมนุษย์เพราะผู้ฝึกยุทธต้องเข้าถึงหลักการที่ผนวกเอากฏเกณท์ของวิชาต่อสู้ และหลักแห่งคุณธรรมเข้าไว้ด้วยกัน โดยผลจากความพากเพียรในการฝึกยุทธ จะช่วยหล่อหลอมให้มีความกล้าหาญ มีความมานะอดทนอดกลั้น รู้จักฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยอุดมการณ์ ที่แน่วแน่
เป็นศาสตร์ และศิลป์ ให้ความบันเทิงเริงรมย์
เป็นศาสตร์ และศิลป์ ให้ความบันเทิงเริงรมย์
มีการแสดงออกในเชิงศิลป์ พลังความสามารถ คุณสมบัติเฉพาะตัวในกระบวนยุทธ ลีลา ทั้งให้ความรื่นรมย์ในการชมบทต่อสู้ ที่มีทั้งชั้นเชิงความกล้าความดุดัน ในการเข้าปะทะต่อสู้ ล้วนก่อให้เกิดความเพลิดเพลิน
4.)ยูโด
4.)ยูโด
กีฬาอย่างหนึ่ง เน้นศิลปะการต่อสู้ และป้องกันตัวมือเปล่า ถือกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น
เทคนิคของกีฬายูโด
เทคนิคของกีฬายูโด
1.)นาเงวาซา (Nagewaza)
เป็นเทคนิคเกี่ยวกับการทุ่ม (Throwing) มีท่าทุ่มที่เป็นพื้นฐานอยู่ 12 ท่า และแยกออกเป็นประเภทตามส่วนของร่างกายที่ใช้ทุ่มนั้นๆซึ่งได้แก่การทุ่มด้วย มือ การทุ่มด้วยสะโพก การปัดขา การทุ่มด้วยไหล่ การทุ่มด้วยสีข้างและหลัง
เป็นเทคนิคเกี่ยวกับการทุ่ม (Throwing) มีท่าทุ่มที่เป็นพื้นฐานอยู่ 12 ท่า และแยกออกเป็นประเภทตามส่วนของร่างกายที่ใช้ทุ่มนั้นๆซึ่งได้แก่การทุ่มด้วย มือ การทุ่มด้วยสะโพก การปัดขา การทุ่มด้วยไหล่ การทุ่มด้วยสีข้างและหลัง
2.)กาต้าเมวาซา (Katamawaza)
เป็นเทคนิคเกี่ยวกับการกอดรัดเพื่อให้หายใจไม่ออก การจับยึด และการล็อกข้อต่อ (Choking, Holding and joint locking)เป็นเทคนิคที่ใช้ขณะอยู่กับพื้นเบาะ (tatami) เพื่อให้คู่ต้อสู้ยอมจำนน
เป็นเทคนิคเกี่ยวกับการกอดรัดเพื่อให้หายใจไม่ออก การจับยึด และการล็อกข้อต่อ (Choking, Holding and joint locking)เป็นเทคนิคที่ใช้ขณะอยู่กับพื้นเบาะ (tatami) เพื่อให้คู่ต้อสู้ยอมจำนน
3.)อาเตมิวาซา (Atemiwaza)
เป็นเทคนิคเกี่ยวกับการชกต่อย ทุบตี ถีบถอง (Striking) ส่วน ต่างๆของร่างกายให้เกิดการบาดเจ็บ พิการ หรือถึงแก่ชีวิต ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวเท่านั้น และไม่เคยจัดการแข่งขัน
ระดับความสามารถของนักยูโด
เป็นเทคนิคเกี่ยวกับการชกต่อย ทุบตี ถีบถอง (Striking) ส่วน ต่างๆของร่างกายให้เกิดการบาดเจ็บ พิการ หรือถึงแก่ชีวิต ซึ่งวิธีการเหล่านี้จะใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวเท่านั้น และไม่เคยจัดการแข่งขัน
ระดับความสามารถของนักยูโด
1.)ระดับคิว (Kyu) คือ ระดับก่อนสายดำที่อาจเรียกว่า นักเรียน
2.)ระดับดั้ง (Dan) คือ ระดับที่เรียกว่า ผู้นำ เป็นผู้ซึ่งมีความสามารถสูง ทั้งระดับนักเรียนและระดับผู้นำนี้ยังแบ่งออกเป็นระดับย่อยๆลงอีก โดยมีสีประจำแต่ละระดับไว้ซึ่งแต่ละประเทศกำหนดไม่เหมือนกัน
5.)เทควันโด้
เป็นศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมของประเทศเกาหลี โดยไม่ต้องใช้อาวุธ สามารถต่อสู้ได้ทุกที่ทุกเวลาโดยการใช้มือและเท้าจะโจมตีหรือป้องกันได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ท่าต่อสู้ป้องกันตัวประกอบด้วยท่าพื้นฐาน
- การใช้มือจู่โจม ในท่าต่างๆ มือ เท้า เข่า ศอก
- ท่าเตะบนพื้น ประกอบด้วย ฟร้อนคิก(เตะตรง) ราวด์คิก(เตะสะบัด) ไซด์คิก(เตะถีบข้าง) ฮุคคิก(เตะเกี่ยว) สวิงคิกหรือสปิ้นแบค(หันหลังเตะสะบัด,จระเข้ฟาดหางในมวยไทย) ช็อปคิกซ์(เตะตบลง) พุชคิก(การถีบ) ดับเบิลคิก(การเตะในตระกูลเท้าคู่ทั้งหลาย เช่น ดับเบิ้ลราวด์ )
- ท่าเตะแอร์คิก (กลางอากาศ) ประกอบด้วย ท่าเตะกระโดดทั้งหลาย
จั้มฟร้อน
จั้มไฮด์
ฟลายอิ้งไซด์
ฟลายอิ้งแบค
เทินนิ่งแบ้ค
ทูเวย์
540 สวิงคิก
720 คิกส์
ท่าประยุกต์
_______________________________________________________________________________
_______________________________________________________________________________
เป็นยังไงกันบ้างทุกคน กับศิลปะการต่อสู้ที่เรานำมาเสนอในวันนี้ คิดเห็นกันอย่างไรสามารถแสดงความคิดเห็นได้นะครับ พวกเราจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในการเขียนบล็อครอบต่อไปครับ
สำหรับวันนี้ก็ขอขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านบทความเล็กๆน้อยๆจากเรานะครับ ขอขอบคุณครับ
3 ความคิดเห็น
ก็อ่านไปอ่านมาแล้วก็สนุกดี แต่ยังมีผิดนิดหนึ่งแต่ก็ไม่เป็นไรพอตีความออกได้
เนื้อหาก้โอเครครับ
มันไม่ค่อยมีคนสนใจศิลปะการต่อสู้จริงๆแหละ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?