สวัสดีครับ.. จะช้ำใจและอายแค่ไหน หากเราสอบได้ที่โหล่ของห้อง เพราะนอกจากจะโดนเพื่อนล้อ ครูมองติดลบ ยังอาจถูกพ่อแม่สวดถึงเช้าเลยก็เป็นได้ แต่เชื่อไหมครับว่าเหตุการณ์น่าอายแบบนี้ได้เกิดขึ้นกับประเทศไทยแล้ว ??? ล่าสุดมีข้อมูลการประชุมของ World Economic Forum (WEF) - The Global Information Technology Report 2013 ได้จัดอันดับคุณภาพการศึกษาในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยของเราถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีคะแนนต่ำที่สุด รองจากประเทศเวียดนามที่ได้อันดับ 7 และประเทศกัมพูชาอันดับ 6 O_O"

         โดยประเทศที่มีคุณภาพการศึกษาดีที่สุดในกลุ่มอาเซียน เรียงตามลำดับที่ดีที่สุด ดังนี้ อันดับ 1 สิงคโปร์, อันดับ 2 มาเลเซีย, อันดับ 3 บรูไน ดารุสซาลาม, อันดับ 4 ฟิลิปปินส์, อันดับ 5 อินโดนีเซีย, อันดับ 6 กัมพูชา, อันดับ 7 เวียดนาม และอันดับ 8 ประเทศไทย

         เกิดอะไรขึ้นกับการศึกษาของประเทศไทย เห็นทีประโยคที่ถูกปลูกฝังว่า "การศึกษาบ้านเราไม่เป็นสองรองใครในอาเซียน" คงจะพูดได้ไม่เต็มปากซะแล้ว วันนี้เว็บ Dek-D เลยขอรวบรวม 7 เหตุผล(โลกไม่สวย) ที่ทำให้การศึกษาไทยเดินทางมาถึงวันนี้ วันที่ถูกจัดอันดับเป็นที่ "โหล่" ของอาเซียน มาจากเหตุผลอะไรได้บ้างไปดูกัน

1.คนเก่งไม่ชอบเรียนครู
          เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทุกวันนี้ เด็กเก่งจะไปกองอยู่ที่คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ หรือคณะวิศวกรรมศาสตร์ ส่วนทางด้านคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ซึ่งเป็นคณะที่ปั้นคนไปเป็นครู ผู้ที่เป็นรากฐานของการศึกษาไทยนั้น กลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร พี่ลาเต้ กล้าพูดได้เลยว่า 100% ของคนเรียนครู 30% คือคนที่อยากเรียนจริงๆ ส่วนอีก 70% คือคนตกหล่นจากคณะอื่นแล้วมาติดที่คณะครู พิสูจน์ได้แล้วจากแอดมิชชั่นแต่ละปีที่ผ่านมา

2.สอบมากสุด 28 วิชาเพื่อเข้ามหา'ลัย
          O-NET 8 วิชา , GAT PAT 13 วิชา, วิชาสามัญ 7 วิชา นี่เป็นข้อสอบพื้นฐานที่เด็ก ม.6 ต้องขวนขวายสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย นี่ยังไม่นับสอบกลางภาค ปลายภาค สอบเก็บคะแนน หรือการบ้านที่ต้องทำอีก เมื่อกฏเกณฑ์ทำให้เด็กต้องรับผิดชอบเยอะ เด็กหลายคนจึงต้องตัดใจทิ้งความรับผิดชอบบางอย่างไปเพื่อประคองตัวเองให้อยู่รอด พอถึงตรงนี้ก็คงตอบได้ว่า คงไม่มีเด็กคนไหนเลือกทิ้งการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เป็นอนาคตของตัวเอง และความหวังของพ่อแม่ ดังนั้นการที่เด็ก ม.6 หนึ่งคนต้องสอบมากสุดถึง 28 วิชาเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย คงเดาได้ไม่ยากว่าจะส่งผลต่อการเรียนในโรงเรียนขนาดไหน และการจัดอันดับดังกล่าวก็เอาผลคะแนนจากการเรียนในโรงเรียนเป็นตัวชี้วัดซะด้วย อิอิ

3.ครูไทย นักเรียนไทย คนละ GEN กัน
          จะเกิดอะไรขึ้น ??? เมื่อวัยรุ่นสมัยนี้ผู้ที่โตมาพร้อมกับความอิสระและเทคโนโลยี ต้องมาอยู่ในกรอบของผู้เป็นวัยรุ่นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว นอกจากการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป รูปแบบความสนใจก็เปลี่ยนตามด้วย ยกตัวอย่าง หากต้องการค้นหางาน 1 ชิ้น อาจารย์หลายท่านอาจจะวิ่งไปห้องสมุด แต่นักเรียนหลายคนอาจจะวิ่งกลับบ้านไปเปิดอินเทอร์เน็ต หรือมีคำสั่งให้ทำพานไหว้ครูประกวด นักเรียนหลายเลือกยึดเอาความคิดสร้างสรรค์แต่งพานเข้าสู้ แต่อาจารย์เน้นยึดความเป็นเอกลักษณ์สื่อความหมายในการตัดสิน ตราบใดที่ครูและนักเรียนยังพูดคนละภาษากันอยู่ การศึกษาไทยซึ่งเป็นตัวกลางของบุคคลทั้งสองก็คงยัง งง ไม่ต่างกัน

4.ภาษาที่ 2-3 ของเด็กไทยแพ้ราบคาบ
           เหตุผลนี้อาจเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ เลยที่ทำให้การศึกษาไทยเรารั้งอันดับท้ายสุด เพราะต้องยอมรับว่าภาษาอังกฤษ หรือภาษาที่ 3 เด็กไทยเราความสามารถในการสื่อสารแพ้ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนอยู่หลายช่วงตัว หลายปีผ่านมาประเทศไทยเรามักจะเอาการศึกษาบ้านเราไปเปรียบเทียบกับประเทศสิงค์โปร์ หรือมาเลเซีย แต่ความจริงแล้วผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านภาษาอังกฤษของ 3 ปีล่าสุด เราเป็นรองประเทศลาวอยู่ ซึ่งในการจัดอันดับคุณภาพการศึกษาของ WEF ในครั้งนี้ ประเทศลาว และพม่า ไม่ได้เข้าร่วมในการจัดอันดับ

5.เรียนหนัก เน้นท่องจำ
            สมัยก่อนเด็กไทยเรียน 8 โมง - บ่าย 3 โมงครึ่ง แต่สมัยนี้มันไม่ใช่แบบนั้นซะแล้ว ยิ่ง ม.ปลาย บางแผนการเรียนเริ่มเรียน 7 โมง บางวันเลิกเรียน 5 โมง การเรียนเยอะไปของบางโรงเรียนเลยส่งผลให้นักเรียนล้าจนเกิดภาพติดลบในการเรียนในที่สุด ขณะที่การเรียนวิชาต่างๆ ก็จะเน้นการท่องจำ ท่องแล้วจำไปเรื่อยๆ ครูเคยจำมาแบบไหนก็ให้นักเรียนจำแบบนั้น ทั้งๆ ที่ความจริงนักเรียนอาจมีวิธีสร้างความเข้าใจในเรื่องนั้นได้ดีกว่า การท่องจำยังอยู่กับเด็กไทยเสมอวัดได้จากข้อสอบที่ออกมา ทั้งข้อสอบในชั้นเรียน และข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่หากใครเคยสอบจะบอกได้คำเดียวเลยว่า "ต่อให้มีความเข้าใจที่ดีเพียงใด ก็ต้องอาศัยการท่องจำอยู่ดี"

6.นักเรียนเร่งทำเกรด ครูเร่งทำผลงานวิชาการ
           เป็นเรื่องจริงปฏิเสธไม่ได้ เมื่อนักเรียนต่างเร่งทำเกรดทุกวิถีทางให้ได้มากที่สุด ขณะที่ครูอาจารย์ต่างก็ต้องเร่งทำผลงานทางวิชาการเพื่อปรับฐานวิทยาฐานะของตนเอง เมื่อทั้งคู่มีเป้าหมายส่วนตัว จนลืมหรือละเลยการศึกษาที่เป็นส่วนกลาง บางโรงเรียนถึงขั้น คาบแรกอาจารย์พูดทักทายอยู่ 2 ประโยค คือ 1.ไปทำงานชิ้นนี้มา และ 2.เจอกันอีกทีคาบสุดท้ายนะ พร้อมส่งเก็บคะแนน = ="

เด็กไทยคิดเห็นยังไงกับข่าวนี้ ?
สัมภาษณ์ : ปราญชลี บุญสงเคราะห์ หรือ เอิน
นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร


           "การศึกษาไทยยัดความรู้ให้เด็กมากเกินไป อย่างน้องของหนูเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ ที่นั้นเรียนกำลังพอดี นักเรียนแบ่งเวลาได้สบายๆ มีทั้งช่วงเรียน และช่วงเล่น ทำให้น้องเอินทั้งจัดเวลาเป็น แต่น้องคนเล็กเรียนที่ไทย ทุกวันเรียนเสร็จ เรียนพิเศษต่อ เรียนจนบางทีเบลอ กลายเป็นคนแบ่งเวลาไม่เป็น เพราะวันทุกวันมีแต่เรียน ทุกๆช่วงเวลามีเรียนเรียน เด็กกลายเป็นนกแก้วนกขุนทอง เพราะเรียนแบบท่องจำ วิเคราะห์และประยุกต์ใช้ไม่เป็น อีกอย่างเด็กได้รับความรู้ไม่เท่าเทียมกัน หรือไม่ได้มาตรฐาน บางโรงเรียนครูก็เก่งมากกก ขณะที่บางโรงเรียนนักเรียนเก่งกว่าครูอีก อาจารย์บางท่านก็สอนไม่ได้มาตรฐานไม่มีจรรยาบรรความเป็นครู สอนเพียงตามหน้าที่เท่านั้น"

            เอาล่ะครับ ทั้งหมดนี้เป็นความจริงที่พูดออกมาแบบตรงๆ คงสะท้อนการศึกษาไทยได้ในระดับหนึ่งนะครับ ถึงแม้ ณ ปัจจุบันการศึกษาเราจะอยู่อันดับสุดท้ายของอาเซียน แต่ประเทศไทยเราก็มีข่าวดีให้น่าชื่นใจเกี่ยวกับการศึกษาอยูบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ ที่ได้ Top O-NET เต็ม 100 คะแนน , เด็กไทยที่ได้รางวัลชิงชนะเลิศวงโยธวาธิตระดับโลก หรือกลุ่มเด็กไทยคว้าเหรียญทองโอลิมปิกกลับมาแต่ปีละ ส่วนในระดับอาเซียนคงต้องให้เวลาแก้ไขซักนิด ช่วงนี้ก็เชียร์กีฬาไปก่อนแล้วกัน ประเภทนี้บ้านเรามือหนึ่งของจริงครับ ฮ่าฮา 555


            ลาเต้ลิขิต : น้องๆ ชาวเด็กดี คิดว่าอะไรคือสาเหตุ ตรงกันไหม มาแชร์กันนะ



ใครเล่นทวิตเตอร์มา Follow ตามข่าวรับตรงแอดมิชชั่นจากพี่ได้นะ @lataedekd

พี่ลาเต้
พี่ลาเต้ - Columnist นักข่าวสายการศึกษา เกาะติดทุกข่าวแทนน้องๆ ตัวถีบ ตัวดันให้ ม.6 สอบติด

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

เลิกเล่น Member 4 ก.ย. 56 22:15 น. 107
ครูส่วนมากมักจะคิดว่านักเรียนเรียนกวิชาของเค้าอยู่แค่วิชาเดียว
ครูฟิสิกส์ก็ให้จำสูตรฟิสิกส์
ครูไทยให้จำกลอน
ครูเคมีให้จำสมการ สูตร กฏ บลาๆ
ครูชีวะก็ให้จำโครงสร้าง สูตรโครงสร้าง
ครูสังคมก็ให้จำกฏหมาย พระราชบัญญัติ
ครูพระพุทธก็ให้จำบทสวดมนต์
ครูอังกฤษให้จำแกรมม่า
ครูพละให้จำกติกา
ครูประวัติให้จำ อารยธรรม แหล่งกำเนิดของประวัติชนชาติบลาๆ
แถมสำหรับคนเรียนสายคอม

จำแบบภาษษ C HTML เขียนโปรแกรม โปรแกรมสร้างเว็บสร้างบลาๆ
แอคเซล บลาๆ

ครูทุกวิชา พอเรียนจบจะบอกว่า นักเรียนต้องจำให้ได้นะ จำไม่ได้สอบไม่ได้ ได้ 0  กันอีก
แล้ววันๆเรียน 10 คาบ แทบจะมีทุกวิชาใน 1 วัน
ครูทุกคนก็บอกให้จำ โอเค เราก็ไปนั่งท่องนั่งจำ นั่งจำมันทั้งวันทั้งคืน จนจำได้
จำได้เสร็จ พอรุ่งขึ้นครูถามจำได้ อาทิตย์ 1 ผ่านไป ยังพอได้อยู่
ผ่านไปอีก อาทิตย์ บอกตามตรงว่าเลือนลาง
แล้วการศึกษาไมย ไม่รู้ยังไง สมมติว่า เรียนม.1 จะเป็นพื้นฐานของม.3
เรียนม.2จะเป้นพื้นฐานของ ม.4 จะข้ามทำเพื่อ ? ท่องจำสองอาทิตย์ยังแทบเลือนลาง
แล้วสองปีจะเหลืออะไร พอจำไม่ได้ ครูก็บอก ลาออกไปดีกว่า
ถามเราว่าเคยเรียนมามั๊ย แล้วทำไมจำไม่ได้ สูตรแค่สิบสูตร ง่ายๆ

เราอยากจะอธิบายให้ครูเค้าจริงๆเลยว่า เราไม่ได้เรียนวิชาครูคนเดียว
ครูคนอื่นก็สั่งให้จำเหมือนกัน แทบพื้นฐานเสือ ก เว้นปี
แต่ก็ไม่ได้อธิบาย ถือคมแฝกขนาดนั้นคงกล้าหรอก

จำได้เลยว่าสมัย ม.4 ม.5 ม.6 เรานั่งทำแบบฝึกหัดวิชา คณิต ฟิสิกส์ เกือบ 10 รอบทุกวัน
ไม่งั้นตาย เละเรียบร้อยโรงเรียนนายก
สอบเสร็จ วิชาที่ต้องคำนวณ เอามานั่งทำ ข้อไหนผิดทำเป็นสิบๆรอบ ข้อไหนถูกก็ ห้าหกรอบ

ทำการบ้านอีกทำงานบ้านอีก แม่เราไปทำงานมาก็เหนื่อย เราก็ต้องช่วยงานบ้าน
เพื่อนที่เก่งๆพื้นฐานแน่นก็เห็นแก่ตัวสุดๆ คนไอคิว 90 กว่าๆอย่างเราเลยซวยสุดๆ

เรียนหนักเอ็นตัวแทบขาด แล้วช่วงม.ปลาย เราไม่พกโทรศัพท์เลย
เราทุบทิ้ง แล้วไม่ใช้ โทรตู้เอา หนังสือนิยายก็มีนานๆครั้ง
การ์ตูนก็แทบจะไม่ได้ดู (ตามอยู่สองสามเรื่องมั้ง)
นั่งเรียนหน้าสุดตลอด

แต่ขนาดตั้งใจเรียนแบบนี้ ขยันขนาดนี้ เราก็ยังสอบตกเลยจ้า
ที่เราสอบตกเพราะ วิชานู้นวิชานี้ก็ต้องจำ พอจำไปจำมา เข้าห้องสอบไป
หัวรวน สมองตีบตัน นึกอะไรไม่ออก นั่งมึนอยู่หน้าข้อสอบ
จำสลับวิชานี้เราหนักสุดๆ คณิตเพิ่มคณิตพื้น วุ่นวายไปหมด

เราว่า เด็กไทยเรียนหนักไปจริงๆ
บางคนอาจจะไม่เป้นปัญหา นั่นเพราะคุณฉลาดอยู่แล้ว
เรื่องสอบตกอะไรคุณคงไม่เครียดสินะ
แต่สำหรับคนที่โง่ๆ ไอคิวต่ำๆ อย่างเรา
มันเป็นปัญหาสุดๆ วิชานู้นวิชานี้
จะไปเรียนสาย เกษตร สังคม ไทย หรืออะไร
สายนั้นก็มีแต่พวกเกเร จะพาเราออกนอกลู่นอกทาง

ถ้าลดตารางเรียนลงซักหน่อย คงจะส่งผลดีกับเด็กโง่ๆแบบเรามากมาก
อย่างน้อยลดลงซักสามคาบ ให้เรามีเวลาไปนั่งทบทวน นั่งทำการบ้านให้มากกว่านี้
ซักหน่อยก็คงดีไม่ใช่น้อย แถมยังมีเวลาไปรีแรกซ์อย่างอื่นให้ผ่อนคลาย


แต่มันก็จะมีปัญหากับเด็กเกเร ในเมืองอาจจะไม่ค่อยเห็นภาพ
เราเรียนอยู่ รร. ต่างจังหวัด
เด็กที่ไม่เรียนหนังสือมีมากกว่าเด็กเรียนหนังสือ
มี 11 ห้อง ห้อง 5 ลงไปก็มีแต่เด็กไม่ค่อยเรียนกันแล้ว
พกสมุดมาวันละเล่ม จดเฉพาะครูคนที่โหดๆ
วันๆก็โดดเรียน เราว่าตรงนี้แหล่ะที่เป็นปัญหา ซึ้งทางแก้ นี้ไม่รู้ว่ามีรึเปล่า
เพราะเราคิดว่า ไอ่เรื่องขี้เกียจแม้แต่กระทั้งเข้าห้องเรียนนี้มันอาจจะเป้นสันดารมากกว่านิสัย
อาจจะแก้ไม่ได้ หรือไม่ก็แก้ได้ยากมากๆ
เด็กประเภทท้องก่อนแต่ง หรือ ออกไปแต่งงานก่อนเรียนจบ แถวต่างจังหวัด มีเยอะมาก
เราเชื่อว่าจะโทษเรื่องเรียนอย่างเดียวที่ทำให้เราตกไปอยู่ที่ 9 อย่างเดียวก็ไม่ใช่ที่
เราเชื่อว่า ถ้าเด็กที่ขี้เกียจ ขยันขึ้นว่านี้ การศึกษาไทยคงไม่แพ้ใครเหมือนกัน

เด็กสมัยนี้เก่งจะตาย เราเห็นมาเยอะ เก่งกว่าครูมีเยอะมาก
ถ้ามีผู้ใหญ่ในกนะทรวง มีนโยบายแก้ไขปัญหาเด็กเกเรไม่อยากเรียนขี้เกียจได้คงจะดีสินะ..

0
กำลังโหลด
1111111111 4 ก.ย. 56 17:10 น. 6
เหตุผลที่คนไม่เรียนครู ง่ายๆเลยเงินเดือนน้อย จะมาอ้างเหตุผลโลกสวยว่าต้องทำให้ประเทศพัฒนาคนเก่งต้องมาเรียนครู แล้วผลตอบแทนล่ะ การใช้ชีวิตในโลกหล้านี้ใช้เงินทั้งนั้นแหละ เช่น คนในครอบครัวต้องผ่่าตัดไม่มีเงินก็ตายไปดิ ข้าวต้องซื้อและ อื่นๆๆๆๆ เป็นครูเงินเดือนไม่เยอะเท่า หมอ กับวิศวะไง คนเราอยากสบายทั้งนั้นแหละ
2
~น้ำค้าง~ Member 15 ต.ค. 56 13:01 น. 6-1
ก็จริง เดี๋ยวนี้คนเราส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกอาชีพเพราะความฝันหรืออะไรพวกนั้น แต่เลือกเพราะ"เงิน"กันทั้งนั้น แถมผู้ปกครองก็มักจะผลักดันให้ลูกหลานเรียนในคณะที่จบมาแล้วทำงานได้เงินเดือนเยอะๆ
0
กำลังโหลด
chato 4 ก.ย. 56 17:10 น. 5
ผมเชื่อว่า 90% ที่เข้ามาอ่านโพสน์นี้มีความสนใจในการศึกษาและเป็นเด็กนักเรียนที่มีคุณภาพการศึกษาที่ใกล้เคียงกับมาตรฐาน อาเซียนครับ เพราะว่าอยางน้อยพวกคุณก็ยังเข้ามาสนใจการศึกษาของไทยแล้วอาจกำลังน้อยใจที่ตั้งใจเรียนแต่การศึกษาไทยกลับตกต่ำ แต่เชื่อเถอะครับว่าพวกเราเป็นกลุ่มเล็กๆที่สามารถพัฒนาการศึกษาไทยต่อไปได้ด้วยการตั้งใจเรียนให้มากขึ้น ส่วนนักเรียนที่เขาไม่เรียนหนังสือส่วนใหญ่ที่ทำให้การศึกษาไทยแย่นั้นอาจเป็นเพราะระบบการศึกษาและจิตใต้สำนึกของเขาเองครับ พวกเราทุกคนควรตั้งใจเรียนต่อไป ส่วนเรื่องระบบการศึกษาก็ภาวนาว่าจะมีคนเข้าใจแล้วแก้ไขซะ ผมคิดแบบนี้ครับ:)
0
กำลังโหลด
THELASKIM Member 4 ก.ย. 56 17:33 น. 18
"อาจารย์บางท่านก็สอนไม่ได้มาตรฐานไม่มีจรรยาบรรความเป็นครู สอนเพียงตามหน้าที่เท่านั้น"
ชอบประโยคนี้มาก ทำไมตรงเเบบนี้
เบื่อเวลาครูพูดถึงตัวเองตอนสมัยเรียนที่สุด คือนั่นมัน40-50ปีมาเเล้ว กับตอนนี้เหมือนกันไหม- -? 
เเละอะไรที่มันเเปลกใหม่ ครูจะชอบมองว่ามันคือสิ่งที่ไม่ได้เรื่องเสมอ เเล้วอะไรคือสิ่งที่สร้างสรรเเละเเปลกใหม่สำหรับครู- -?
ข้อ6นี่ก็ยิ่งใช่ คือรู้ว่ายังไงการบ้านต้องมี ไม่เกี่ยงหรอก เเต่ที่ให้เหมือนให้ส่งๆ ให้งานเยอะไว้ก่อน เวลาเอาไปยื่นให้ทางโรงเรียนดูเขาก็จะได้คิดว่า อืม..ครูคนนี้ตั้งใจสอน ครูจะได้เลื่อนขั้นสูงๆ อารมณ์เหมือนครูรอด นักเรียนไม่รอด เเต่ความจริงเเล้วมันใช่หรอ?


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 กันยายน 2556 / 17:36
0
กำลังโหลด
E'uglena Member 4 ก.ย. 56 17:02 น. 1
ไม่มีอะไรมากไปกว่า 'เห็นด้วย'

ปัจจุบันไทยอยู่ในอันดับ 9 ของการจัดอาเซียนไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การศึกษา

น่าภูมิใจมั้ยล่ะ รัฐบาลไทย
0
กำลังโหลด

182 ความคิดเห็น

E'uglena Member 4 ก.ย. 56 17:02 น. 1
ไม่มีอะไรมากไปกว่า 'เห็นด้วย'

ปัจจุบันไทยอยู่ในอันดับ 9 ของการจัดอาเซียนไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การศึกษา

น่าภูมิใจมั้ยล่ะ รัฐบาลไทย
0
กำลังโหลด
อ่ะนะ 4 ก.ย. 56 17:06 น. 2
แหม่.. หัดโทษตัวเองบ้างสิ อย่าเพิ่งมาโทษครูโทษระบบ ลองทบทวนตัวเองดูสิในห้องเรียนกดโทรศักพท์เล่นมั้ย แอบฟังเพลงบ้างมั้ย เวลาว่างอ่านหนังสือบ้างหรือเปล่า อย่ามันแต่โทษคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองก็มีส่วนผิด
5
Spring 5 ก.ย. 56 20:06 น. 2-1
ส่วนหนึ่งก็มาจากหลักสูตรที่ไม่เป็นระบบ นักเรียนตั้งใจในการเรียนพิเศษมากกว่าในห้องเรียน ทำให้สิ่งที่คุณครูสอนมาเป็นสิ่งที่ซ้ำกับที่นักเรียนเคยเรียนมาแล้ว สังเกตบางรายวิชาจะไม่มีนักเรียนคนไหนเลยที่หยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่นด้วยความสมัครใจ เพราะการถ่ายทอดที่ดีของครูผู้สอน ส่วนเวลาว่างวันนึงนักเรียนเรียน8-9คาบนี่ไม่นับนักเรียนที่ไปเรียนพิเศษเพิ่ม2-3ชั่วโมงหลังเลิกเรียน เป็นธรรมดาที่เวลามีเวลาว่างนักเรียนจะไม่นำบทเรียนมาทบทวน เพราะว่าแค่นี้สมองก็แน่นจนอัดอะไรไม่ได้อีกแล้ว
0
กำลังโหลด
Gotzstar Member 4 ก.ย. 56 17:10 น. 3
ผมว่าสาเหตุหลักๆคือ ระบบการจัดการศึกษาไทย ของเราหนักเกินไป เพราะทำให้เรื่องย่อยๆอื่นๆ ต้องเป็นรองประเทศอื่นๆอย่างผลโหวตข้างต้น ส่วนเหตุผลในห้องเรียนผมว่าอันที่ชัดที่สุดคือ นักเรียนเร่งทำเกรด ครูเร่งทำผลงานวิชาการ เป็นเรื่องจริงเลยครับ ทุกวันนี้นักเรียนส่วนใหญ่ก็ต้องการเรียนให้ได้เกรดดีดี น้อยคนที่ต้องการได้ความรู้จริงๆครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคนในประเทศไทยครับ มีจุดต่ำสุดก็ต้องสูงสุดกันได้ หากวางแผนอย่างเป็นระเบียบและตั้งใจทำจริงๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
chato 4 ก.ย. 56 17:10 น. 5
ผมเชื่อว่า 90% ที่เข้ามาอ่านโพสน์นี้มีความสนใจในการศึกษาและเป็นเด็กนักเรียนที่มีคุณภาพการศึกษาที่ใกล้เคียงกับมาตรฐาน อาเซียนครับ เพราะว่าอยางน้อยพวกคุณก็ยังเข้ามาสนใจการศึกษาของไทยแล้วอาจกำลังน้อยใจที่ตั้งใจเรียนแต่การศึกษาไทยกลับตกต่ำ แต่เชื่อเถอะครับว่าพวกเราเป็นกลุ่มเล็กๆที่สามารถพัฒนาการศึกษาไทยต่อไปได้ด้วยการตั้งใจเรียนให้มากขึ้น ส่วนนักเรียนที่เขาไม่เรียนหนังสือส่วนใหญ่ที่ทำให้การศึกษาไทยแย่นั้นอาจเป็นเพราะระบบการศึกษาและจิตใต้สำนึกของเขาเองครับ พวกเราทุกคนควรตั้งใจเรียนต่อไป ส่วนเรื่องระบบการศึกษาก็ภาวนาว่าจะมีคนเข้าใจแล้วแก้ไขซะ ผมคิดแบบนี้ครับ:)
0
กำลังโหลด
1111111111 4 ก.ย. 56 17:10 น. 6
เหตุผลที่คนไม่เรียนครู ง่ายๆเลยเงินเดือนน้อย จะมาอ้างเหตุผลโลกสวยว่าต้องทำให้ประเทศพัฒนาคนเก่งต้องมาเรียนครู แล้วผลตอบแทนล่ะ การใช้ชีวิตในโลกหล้านี้ใช้เงินทั้งนั้นแหละ เช่น คนในครอบครัวต้องผ่่าตัดไม่มีเงินก็ตายไปดิ ข้าวต้องซื้อและ อื่นๆๆๆๆ เป็นครูเงินเดือนไม่เยอะเท่า หมอ กับวิศวะไง คนเราอยากสบายทั้งนั้นแหละ
2
~น้ำค้าง~ Member 15 ต.ค. 56 13:01 น. 6-1
ก็จริง เดี๋ยวนี้คนเราส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกอาชีพเพราะความฝันหรืออะไรพวกนั้น แต่เลือกเพราะ"เงิน"กันทั้งนั้น แถมผู้ปกครองก็มักจะผลักดันให้ลูกหลานเรียนในคณะที่จบมาแล้วทำงานได้เงินเดือนเยอะๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
gogo 4 ก.ย. 56 17:11 น. 8
ผมว่าตอนนี้แก้ปัญหากันไม่ถูกจุด ไปแก้ที่ปลายเหตุกันไม่แก้ที่ต้นเหตุ สาเหตุที่แท้จริงเป็นอย่างไรมีใครเคยดูถึงต้นเหตุของปัญหาบ้างหรือป่าว

1เรียนในแต่ละวันกี่วิชา
2เนื้อหาสามารถประยุกต์ใช้ได้จริงหรือป่าว
3ในห้องเรียน เรียนห้องละกี่คน น.ร.เยอะ อาจารย์คุมไม่อยู่
0
กำลังโหลด
uchihakira 4 ก.ย. 56 17:12 น. 9
การศึกษาไทยทำให้ห่างไกลจากครอบครัว

ด้วยเนื้อหาการเรียนที่ถูกสอนในโรงเรียนไม่เพียงพอที่จะใช้ในการสอบแอดมิดชั่น ทำให้เด็กหลายคนต้อง ไปเรียนพิเศษต่างจังหวัดบ้างเป็นต้น ทำให้ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว เรื่องนี้ก้มีส่วน

จำนวนการเรียนของแต่ละคน ก้เยอะพอตัวเลยละ เรียนทั้งวันไม่ได้พัก

ค่านิยมการปลูกฝัง ของไทย จนผมคิดว่า หมอเต็มประเทศแล้วละ
0
กำลังโหลด
Hikaru008 Member 4 ก.ย. 56 17:16 น. 10
จริงๆ มันก็มองได้สองแบบคือ

1. ระบบมันห่วยจริง เราเรียนลูกเสือตั้งแต่ ป.1 ไม่รู้เรียนเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่ควรเอาคาบนั้นมาเรียนภาษาให้ได้มากกว่า ส่วนเรื่องคุณครูทำรายงานวิชาการอันนี้เจอมาแล้วครับ เป็นอะไรที่รู้สึกเหมือนเราเป็น "สัตว์ทดลอง" ห่วยก็ด่า ดีก็เชิดชูเกินไป กิจกรรม การบ้านก็เยอะ อันนี้ยังพอทนกิจกรรมทำให้เราได้เรียนรู้นะ การบ้านด้วย แต่แทนที่จะมาสอนให้เด็กเก่ง วันๆ เอาแต่เรียนจนไม่ลืมหูลืมตา คิดไม่เป็น เห็นแก่ตัว เห็นว่าปีหน้าหลักสูตรก็จะเปลี่ยนอีก เปลี่ยนอยู่นั่นแหละ เอาเวลาเปลี่ยนหลักสูตรมาเปลี่ยนคนบริหารการศึกษาดีกว่ารึเปล่า เอาคนที่เค้าผ่านมันมาแล้วจริงๆ เข้ามจเด็กจริงๆ ไม่ใช่เอาคนชราปากมากเห็นแก่ได้มานั่งเก้าอี้

2. วันนี้คุณตั้งใจเรียนแล้วหรือยัง ?
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
อาฮะ 4 ก.ย. 56 17:20 น. 12
การศึกษาไทยไม่สอนให้เด็กใช้ความคิดค่ะ อย่างเช่น เวลาเรามีไอเดียอะไรจะพูด อาจารย์ไม่ยอมเปิดรับ ไม่ฟังความเห็นนักเรียนเลย อีกอย่าง อาจารย์เป็นคนบอกเองว่า อยากเน้นผู้เรียนเป็นหลัก แต่...ทำไมเป็นอย่างนี้?? อยากให้นักเรียนสะท้อนออกมาว่าอยากได้การเรียนการสอนแบบไหน แต่..อาจารย์ไม่รับมันเลยค่ะ บางวิชาซึ่งคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ เช่น ชมรม หรือ ลูกเสือ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ชมรมคิดว่าน่าจะมาจากความสมัครใจไม่ใช่เหรอคะ?? ไม่ใช่การบังคับ แล้วลูกเสือเนี่ยถ้าจะมีควรปรับให้เข้ากับชีวิตความเป็นอยู่ปัจจุบันด้วย จะได้นำไปใช้ได้จริง ไม่ใช่ให้ศึกษาเพื่อ "แบกหาม" ไม่ได้ใช้ค่ะ
อีกอย่าง โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ได้คิดว่าเด็กไทยโง่หรอกนะคะ แต่ว่าเอาอะไรนักหนามายัดให้เรียน ซึ่งบางอันไม่จำเป็นด้วยซ้ำ อยากให้ทางผู้ใหญ่คิดๆดูว่า...นักเรียน อายุแค่ไม่เกิน 18 ปี แต่คุณนำเนื้อหามาให้ซึ่งเกินกว่าที่เด็กอายุแค่นี้จะรับได้ แล้วคุณก็ว่าเค้าโง่ มันถูกแล้วเหรอคะ?



ขอบคุณค่ะ
1
Bbest sin Member 6 ก.ย. 56 18:44 น. 12-1
อันนี้เราเห็นด้วยๆ แค่เรื่องบอร์ดเราทำไม่สวยไม่ถูกใจอาจารย์ อาจารย์ก็ด่าห้องเราไม่มีสมองแล้วอ่ะ แล้วเหมือนครูบางคนจะตั้งความหวังกับเด็กไว้สูงเกินไปพอไม่พอใจก็ว่า ถ้าอาจารย์ยังเป็นอย่างนี้กันอยู่เด็กที่ไหนจะอยากมาเรียนกันล่ะ?โกรธ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ครูฟิสิกส์ 4 ก.ย. 56 17:24 น. 14
ถ้าประเทศไทยไม่บังคับให้เรียนหนังสือ ผมว่าคนที่จะเรียนหนังสือมีจะเหลือไม่ถึง 40% ด้วยซ้ำ
ยิ่งเดี๋ยวนี้ระบบการศึกษาไทยเรียนก็หนัก งานก็เยอะ บางครั้งก็ตรงกันข้ามแบบไม่มีเหตุผลเลยคือ งานไม่มี อาจารย์ไม่เข้าสอน ,,, ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ที่ตัวผู้เรียนด้วยว่าคุณตั้งใจจะเรียนจริงไหม คุณเคยสนใจฟัง เคยอ่านหนังสือหาความรู้เพิ่มเติมบ้างหรือเปล่า?
< ทุกคนมีความพยายามเท่ากัน...แต่ใช่ไม่เท่ากัน > แค่นั้นเอง

(ผมเรียน คบ.ฟิสิกส์ ปี1) ผมก็ไม่ได้เก่งมากจากไหน แค่ผมพยายามทำให้สิ่งที่ชอบให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง

สู้ๆครับ
0
กำลังโหลด
ღ B ü t t e r f l y* Member 4 ก.ย. 56 17:25 น. 15

นักเรียนเร่งทำเกรด ครูเร่งทำผลงานวิชาการ

เห็นด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



นี่ล่ะประเทศไทย


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 กันยายน 2556 / 17:27
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 4 กันยายน 2556 / 17:28
0
กำลังโหลด
กระเทย 4 ก.ย. 56 17:30 น. 16
ขอแสดงความคิดเห็นจ้า

1. ข้อสอบบางวิชาลึกเกินไปแต่พอเข้ามหาลัยได้แล้วก็ไม่ได้ใช้ ไม่ต่างจากท่องไปสอบ

หรือออกล้ำหน้าเกินหลักสูตร จนเด็กกลายเป็นเอเลี่ยน


2. การดำรงชีวิตในปัจจุบันลำบากมากขึ้น ทำให้คนต้องดื้นรนหาโอกาสที่ดีใส่ตัวมากตาม

บางครั้งแทนที่เด็กจะเดินในสิ่งที่ตัวเองชอบ กลับต้องคว้าโอกาสการงานที่มั่นคงไว้ก่อน

เพื่ออนาคตที่ดีของเขา จึงต้องขยันเรียนแบบไม่ลืมหูลืมตา คิดไม่เป็น เพราะไม่เห็นวี่แวว

ของงานรองรับในอาชีพที่เขาชอบ จนกลายเป็นค่านิยมในปัจจุบัน


3. ครูบางท่านชอบใส่กรอบความคิดให้นักเรียน ไม่ชอบให้เด็กเห็นต่าง

ในเชิงคิดสร้างสรรค์ จนเด็กขาดความเชื่อมั่นและมั่นใจ


4. ครูบางท่านสั่งงานเยอะ หลายๆวิชารวมกันเป็นภูเขา แล้วก็เข้า facebook ห้อง

มาแชร์จากห้องอื่นที่ทำเสร็จแล้วส่ง คุณภาพงานไม่ได้เลย


5. ครูบางท่านเข้าห้องแล้วพูดกับกระดาน

6. และข้อสุดท้าย แม้ว่าหลักสูตรการศึกษาไทยจะเปลี่ยนให้เหมาะสมหรือดีขึ้นแล้ว

แต่ก็ต้องอย่าลืมปลูกฝัง ความมีระเบียบวินัย และ จิตสำนึกที่ดี


ผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
THELASKIM Member 4 ก.ย. 56 17:33 น. 18
"อาจารย์บางท่านก็สอนไม่ได้มาตรฐานไม่มีจรรยาบรรความเป็นครู สอนเพียงตามหน้าที่เท่านั้น"
ชอบประโยคนี้มาก ทำไมตรงเเบบนี้
เบื่อเวลาครูพูดถึงตัวเองตอนสมัยเรียนที่สุด คือนั่นมัน40-50ปีมาเเล้ว กับตอนนี้เหมือนกันไหม- -? 
เเละอะไรที่มันเเปลกใหม่ ครูจะชอบมองว่ามันคือสิ่งที่ไม่ได้เรื่องเสมอ เเล้วอะไรคือสิ่งที่สร้างสรรเเละเเปลกใหม่สำหรับครู- -?
ข้อ6นี่ก็ยิ่งใช่ คือรู้ว่ายังไงการบ้านต้องมี ไม่เกี่ยงหรอก เเต่ที่ให้เหมือนให้ส่งๆ ให้งานเยอะไว้ก่อน เวลาเอาไปยื่นให้ทางโรงเรียนดูเขาก็จะได้คิดว่า อืม..ครูคนนี้ตั้งใจสอน ครูจะได้เลื่อนขั้นสูงๆ อารมณ์เหมือนครูรอด นักเรียนไม่รอด เเต่ความจริงเเล้วมันใช่หรอ?


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 กันยายน 2556 / 17:36
0
กำลังโหลด
1111111111 4 ก.ย. 56 17:35 น. 19
1.เรียนเยอะมากบางวิชาก็ไม่เกิดประโยชน์เลย เช่น ลูกเสือเห็นด้วย ไร้สาระมาก
2.ระบบการศึกษาก็เปลี่ยนบ่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้จะเปลี่ยนอะไรนักหนา
3.ในห้องเรียนแต่ละห้องนักเรียนเยอะโครตๆๆๆๆ 50 คน
4.ประถมต้นจริงๆแล้วน่าจะเน้นด้านภาษาอ่าน เขียน แล้วก็ภาษาที่3 เอาเป็นท่องศัพท์ก็ได้ แล้วก็วิชาอื่นๆที่พอจะรับไหวแบบเด็กเรียนแล้วรู้เรื่อง พอเราคิดว่าเราเรียนแล้วรู้เรื่องเดี๋ยวมันจะอยากเรียนเอง เกิดความสนุก
5.การศึกษาไทยเรียนหนักเกินไป เรียนหนักกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วบางประเทศอีกแต่เราก็พัฒนาไม่เท่าเค้า เรียนเท่าที่เด็กรับได้ก็พอ
6. การบ้านเยอะมากเกินไปไหนจะสอบเข้าอีกอะไรอีก เวลาอ่านหนังสือน้อย กิจกรรมอีก
ถ้าผู้ใหญ่ยังไม่รับฟังความเห็นของเด็กบ้างการศึกษาไทยก็เป็นเหมือนเดิม
1
bosslnw Member 3 พ.ย. 56 18:30 น. 19-1
ผมว่าลูกเสือไม่ไร้สาระนะ ตามความคิดเลย แต่ควรเรียนแยกออกมาต่างหาก แต่ลูกเสือบ้านเรามันไร้คุณภาพจริงๆยอมรับ ที่เมืองนอกก็เรียน แต่เรียนนอกหลักสูตรมั้งนะถ้าจับไม่ผิด แต่เค้าเรียนเค้าไม่ได้เรียนรอบกองไฟ มาหัดแก้ปม ออกมาเต้น หรือทำเหยาะแหยะๆ หรือมมาท่องกฎของลูกเสือมี10ข้อคำปฏิญาณ เหมือนบ้านเรา ของเค้าเรียนแบบให้ไปเดินป่า ค้างคืนแล้วหัดกางเต้น รวมทั้ง หัดช่วยเหลือตัวเอง ดูแลตัวเองเวลาลำบากเวลาติดเกาะอะไรพวกนี้ ฝึกทุกอย่างที่เกี่ยวกับการดูแลตัวเองเราว่าน่าสนุกหัด ทำรหัสขอความช่วยเหลือ อยู่กันเป็นทีม เกาะกลุ่มกัน ก่อไฟอะไรงี้
0
กำลังโหลด
เด็ก นร. ไทย 4 ก.ย. 56 17:36 น. 20
เห็นด้วยค่ะ หนูเป็นคนนึงที่ไม่เคยได้รับความรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์เลย T^T'

เข้ามา ม.4 เรียนกับอาจารย์ที่ออกแนวไม่ค่อยสมประกอบสักเท่าไหร่ ไม่เคยสอน
ไม่เคยพูดอะไรที่เกี่ยวกับวิชานั้นเลย วันๆนึง ให้สอบข้อสอบเยอะมากกกกกกกกกกกกกก
ไม่สอนอะไรเลย จนกระทั่งจบ ม.4 อยากรู้ว่าเป็นครูได้ไง แล้วเอาเกรดหนูมาจากไหน ?
ในเมื่อข้อสอบที่สอบไป ไม่เอาคะแนน .

พอขึ้น ม.5 เจออาจารย์สอนดีขึ้นมาหน่อย

แต่สุดท้ายขึ้น ม.6 เจออาจารย์ที่สอนอยู่นิดเดียว ให้ทำแต่รายงาน พรีเซ้น อย่างเยอะ !!
แล้วไม่มาสอนบ่อยมาก พอวันที่เรียนไม่มีพรีเซ้นก็จะนั่งฟังอาจารย์พูดถึงการที่โดนครู
คนนั้นคนนี้ไม่ชอบ เด็กทั้งห้องก็นั่งว่างอยู่อย่างนั้นจนหมดคาบ แต่แน่นอนว่าได้เกรดวิชานี้ดี
เพราะอาจารย์ให้คะแนนที่พรีเซ้นงานแบบชิลๆ เลย อาจารย์ไม่ได้ออกสอบไม่ว่างสอนด้วย
เลยไม่เอาคะแนนสอบปลายภาค แต่ก็แบบ อยากได้เกรดที่มาจากฝีมือตัวเองเหมือนกัน
ไม่ใช่เกรดจากการที่อาจารย์ไม่สอนแล้วให้กันง่ายๆ (แต่ยากไปก็ไม่เอา -เรื่องมากเนอะ55)

สรุปเอือมมาก การศึกษาไทย ครูที่เราพูดเลยว่าสอนดี มีสัก 2 คนได้มั้งที่เจอมาในชั้นมัธยม
ขนาดครูที่แก่ๆดูหลักการ สอนมานานจนจะเกษียณอยู่แล้ว น่าจะสอนดี
แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิด นอกจากจะบ่นมาก ยังลืมอีกว่าสอนไรไปแล้วสอบไรไปบ้าง
บอกว่าอาทิตย์หน้าจะทำอันนั้นนะ พอมาุถึงก็ให้สอบ พอทวงว่าไม่ใช่สอบก็หาว่าเถียง = =;
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด