สวัสดีค่ะ จากใจรุ่นพี่ที่เคยขี้เกียจตัวแม่มาก่อนนะคะ เวลาเห็นน้องๆ ถามว่า “อ่านหนังสือไม่ทันแต่ยังขี้เกียจทำยังไงดี?” พี่เมก้านี่อยากจะหัวเราะเลย นึกว่าตัวเองมาตั้งกระทู้ จริงๆ พอมีวิธีเอาชนะความขี้เกียจอยู่ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นเดดไลน์การสอบต่างๆ ที่กระตุ้นให้เราต้องกระเตื้อง ถ้าไม่อ่านก็ไม่มีอะไรไปสอบ!
แต่ถ้าน้องๆ อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ อยากสลัดตัวขี้เกียจออกไปสักที ก็ลองใช้ทริคจิตวิทยาการจูงใจกล่อมตัวเองให้ขยันดู หลายคนทดลองแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาดเลยน้า
การจูงใจตัวเอง (Motivating oneself) โดยความหมายคร่าวๆ คือการจัดการกับอารมณ์ตัวเองให้มีความรู้สึกเชื่อมั่น ใส่ใจกับสิ่งที่รับผิดชอบ และจัดการกับความรู้สึกท้อถอยได้อย่างเหมาะสม เราจูงใจตัวเองเพื่อที่จะทำเป้าหมายให้สำเร็จ การอ่านหนังสือก็เช่นกัน
อาจดูงงๆ ว่าแค่จะลุกมาอ่านหนังสือต้องพึ่งแรงจูงใจขนาดนั้นเลยเหรอ? สำหรับเด็กขี้เกียจแรงจูงใจค่อนข้างเป็นเรื่องสำคัญมากเลยค่ะ มองง่ายๆ หลายคนรู้สึกว่าหนังสือเรียนอ่านแล้วเข้าใจยาก แถมยังน่าเบื่อจนอยากจะปิด สู้ไปหาอะไรสนุกๆ ทำยังดีกว่า แล้วจะจูงใจยังไง?
กลยุทธ์นี้ชื่อว่า เทคนิค Foot in the Door ของ Freedman และ Fraser ขอน้อยก่อนแล้วค่อยขอมากทีหลัง เริ่มทำการทดลองที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดค่ะ นักวิจัยได้แบ่งกลุ่มทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกขอให้ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งตอบคำถามเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์สบู่ หลังจากตอบแบบสอบถามแล้วก็ลองขออะไรที่ใหญ่ขึ้นคือขออนุญาตให้กลุ่มผู้ชายเข้าไปในบ้าน ผลลัพธ์ที่ปรากฎผู้หญิงตอบรับคำขอ และมีโอกาสขายของได้สูงมากกว่าอีกกลุ่มหนึ่งที่ตรงเข้าไปขออะไรที่มากเกินไปจนโดนปฏิเสธตั้งแต่แรก
การจูงใจตัวเอง (Motivating oneself) โดยความหมายคร่าวๆ คือการจัดการกับอารมณ์ตัวเองให้มีความรู้สึกเชื่อมั่น ใส่ใจกับสิ่งที่รับผิดชอบ และจัดการกับความรู้สึกท้อถอยได้อย่างเหมาะสม เราจูงใจตัวเองเพื่อที่จะทำเป้าหมายให้สำเร็จ การอ่านหนังสือก็เช่นกัน
อาจดูงงๆ ว่าแค่จะลุกมาอ่านหนังสือต้องพึ่งแรงจูงใจขนาดนั้นเลยเหรอ? สำหรับเด็กขี้เกียจแรงจูงใจค่อนข้างเป็นเรื่องสำคัญมากเลยค่ะ มองง่ายๆ หลายคนรู้สึกว่าหนังสือเรียนอ่านแล้วเข้าใจยาก แถมยังน่าเบื่อจนอยากจะปิด สู้ไปหาอะไรสนุกๆ ทำยังดีกว่า แล้วจะจูงใจยังไง?
กลยุทธ์นี้ชื่อว่า เทคนิค Foot in the Door ของ Freedman และ Fraser ขอน้อยก่อนแล้วค่อยขอมากทีหลัง เริ่มทำการทดลองที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดค่ะ นักวิจัยได้แบ่งกลุ่มทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกขอให้ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งตอบคำถามเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์สบู่ หลังจากตอบแบบสอบถามแล้วก็ลองขออะไรที่ใหญ่ขึ้นคือขออนุญาตให้กลุ่มผู้ชายเข้าไปในบ้าน ผลลัพธ์ที่ปรากฎผู้หญิงตอบรับคำขอ และมีโอกาสขายของได้สูงมากกว่าอีกกลุ่มหนึ่งที่ตรงเข้าไปขออะไรที่มากเกินไปจนโดนปฏิเสธตั้งแต่แรก
เรื่องนี้ทำให้มองเห็นกลวิธีทางจิตวิทยาสังคมว่าคนเราเมื่อเคยยินยอมในเรื่องเล็กน้อยแล้ว ต่อให้เจอคำขอความช่วยเหลือในเรื่องใหญ่กว่าก็พร้อมที่จะยอมรับได้ เทคนิคนี้หลายคนนำไปปรับใช้กับหลายๆ เรื่องเลยค่ะ เช่น อยากรู้จักใครสักคน เลยเริ่มจากการขอแลก Line ก่อน ถ้าเดินดุ่มๆ ไปขอเบอร์โทรศัพท์หรือ facebook เลย บางคนอาจรู้สึกไม่สบายใจ เอ๊! นี่มิจฉาชีพอ๊ะเปล่า หรืออาจจะกลัวโดนสืบราชการลับ ไว้ทำความรู้จักกันดีพออาจขออะไรที่มากขึ้นหรือขอเป็นแฟนก็ยังได้
ลองใช้เทคนิคนี้จูงใจตัวเองดูค่ะ สมมติว่าน้องขี้เกียจอ่านหนังสือ หรืออ่านนานๆ แล้วไม่เข้าหัวจริงๆ ลองเริ่มจากเวลาน้อยๆ ก่อน เช่น จำกัดเวลาอ่านหนังสือ 15 นาทีของทุกวัน ช่วงนี้เป็นการทำความเข้าใจเนื้อหาภายในเวลาสั้นๆ กำลังจดจำได้แบบพอดีๆ เมื่อน้องๆ คุ้นชินกับเวลา 15 นาทีแล้ว การอ่านหนังสือทุกวัน ฝึกใช้ความคิดความจำทุกวัน ก็จะทำให้สมองจัดการกับข้อมูลต่างๆ ดีขึ้น ทำงานอย่างเป็นระบบมากขึ้น และอ่านหนังสือได้ยาวนานขึ้น คราวนี้เราขอให้ตัวเองอ่านหนังสือเพิ่มไปที่ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมงก็ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาแล้วค่ะ (นอกซะจากว่าความขี้เกียจจะชนะทุกสิ่งจริงๆ แหะๆ)
สมองของคนเราชื่นชอบความสม่ำเสมอ ถ้าน้องๆ ลองจูงใจตัวเองให้เลิกขี้เกียจ แล้วหันมาอ่านหนังสือโดยเริ่มจากค่อยๆ ใช้เวลาน้อยๆ ไปมากๆ เป็นประจำทุกวัน ความมีวินัยและตั้งใจนี้จะทำให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จได้ไม่ยากค่ะ
ลองใช้เทคนิคนี้จูงใจตัวเองดูค่ะ สมมติว่าน้องขี้เกียจอ่านหนังสือ หรืออ่านนานๆ แล้วไม่เข้าหัวจริงๆ ลองเริ่มจากเวลาน้อยๆ ก่อน เช่น จำกัดเวลาอ่านหนังสือ 15 นาทีของทุกวัน ช่วงนี้เป็นการทำความเข้าใจเนื้อหาภายในเวลาสั้นๆ กำลังจดจำได้แบบพอดีๆ เมื่อน้องๆ คุ้นชินกับเวลา 15 นาทีแล้ว การอ่านหนังสือทุกวัน ฝึกใช้ความคิดความจำทุกวัน ก็จะทำให้สมองจัดการกับข้อมูลต่างๆ ดีขึ้น ทำงานอย่างเป็นระบบมากขึ้น และอ่านหนังสือได้ยาวนานขึ้น คราวนี้เราขอให้ตัวเองอ่านหนังสือเพิ่มไปที่ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมงก็ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาแล้วค่ะ (นอกซะจากว่าความขี้เกียจจะชนะทุกสิ่งจริงๆ แหะๆ)
สมองของคนเราชื่นชอบความสม่ำเสมอ ถ้าน้องๆ ลองจูงใจตัวเองให้เลิกขี้เกียจ แล้วหันมาอ่านหนังสือโดยเริ่มจากค่อยๆ ใช้เวลาน้อยๆ ไปมากๆ เป็นประจำทุกวัน ความมีวินัยและตั้งใจนี้จะทำให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จได้ไม่ยากค่ะ
2 ความคิดเห็น
ลองแล้วค่ะรู้สึกได้ผลจริง