Spoil
- ไม่กล้าพูดหน้าชั้น ถึงขั้นหายใจไม่ออก อาจเป็นสัญญาณเตือนของโซเชียล โฟเบีย
- ยิ่งปล่อยให้นานวัน อาการหนักขึ้น อาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้
- คำพูดติดปากคนที่เป็น "ฉันทำไม่ได้!" "ต้องขายหน้าแน่ๆ" "คนอื่นหาว่าฉันโง่แน่ๆ"
_______________________________
หลายคนคงเคยกังวลกับการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ หรือการตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเองกลายเป็นจุดสนใจ อย่างการพูดหน้าห้องใช่มั้ยคะ? บางคนก็อาจจะเพราะขี้อาย ขาดความมั่นใจ แต่ที่บางคนเป็นก็อาจจะไม่ใช่แค่ความกังวลทั่วไป แต่เป็น "โซเชียล โฟเบีย" โรคกลัวการเข้าสังคมก็เป็นได้
โซเชียล โฟเบีย ความวิตกกังวลกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
โซเชียล โฟเบีย (Social Anxiety Disorder) ไม่ใช่ว่าไม่อยากเล่นไลน์ ไม่เข้าเฟซ ไม่เอาทวิตเตอร์นะคะ แต่จริงๆ มันคืออาการกลัวการเข้าสังคม โดยเฉพาะเวลาที่จะต้องเจอกับอะไรใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งจะต่างกับอาการกังวลหรือขาดความมั่นใจทั่วๆ ไป ตรงที่มันอาจถึงขั้นกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันได้เลย ซึ่งสาเหตุของโซเชียล โฟเบียนั้น มีหลายอย่าง ทั้งการเลี้ยงดูของครอบครัว หรือประสบการณ์ฝังใจในอดีตก็ทำให้เกิดความวิตกกังวลได้
แค่ถูกเรียกชื่อในห้อง ก็กังวลได้ นี่แหละโซเชียล โฟเบีย
แล้วสถานการณ์แบบไหนบ้างล่ะ ที่ทำให้คนที่เป็นโซเชียล โฟเบียรู้สึกกดดัน เครียด และวิตกกังวล? ส่วนใหญ่พบว่าจะเป็นสถานการณ์ที่ต้องเป็นเป้าสายตา หรือเป็นจุดสนใจ เช่น
- ถูกเรียกชื่อหรือเลขที่ในห้องเรียน
- ออกไปพูดหน้าห้อง
- คุยกับคนแปลกหน้า
- แสดงบนเวที
- ไปเดท
- ทำข้อสอบ
- ใช้ห้องน้ำสาธารณะ
ไม่ใช่ว่าต้องมีคนมากมายมาจับจ้องนะคะ การเจอคนคนเดียวก็กังวลได้เหมือนกัน เรียกง่ายๆ ว่าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว และมักจะซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบเสมอๆ ยิ่งถ้าหนีหน้าจากสังคมไปได้ ก็คงหายตัวไปเลยแบบนั้นแหละ
เช็กลิสต์! 10 อาการของคนเป็นโซเชียล โฟเบีย
แล้วจะแยกความขี้อาย ขาดความมั่นใจที่จะทำอะไร กับอาการโฟเบียยังไง? มาลองเช็กเบื้องต้นดูค่ะ ว่าน้องๆ มีอาการแบบนี้ในสถานการณ์ที่ว่ามาบ้างหรือเปล่า
- กังวลกับทุกวัน ทุกอย่าง ทุกสถานการณ์ในที่ชุมชน
- เมื่อมีงานสำคัญจะกังวลก่อนหน้าเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน ไม่ใช่แค่รู้สึกไม่สบายใจแป๊บเดียว
- กลัวจนไม่กล้าทำอะไร ไม่กล้าตัดสินใจ เพราะคิดว่าจะขายหน้า กลัวคนอื่นหงุดหงิด
- หน้าแดง
- เหงื่อออก
- หายใจถี่
- หัวใจเต้นแรง
- เสียงสั่น ตัวสั่น
- มวนท้อง ท้องไส้ปั่นป่วน
- มีไข้
ถ้าเช็ก 10 ข้อแล้วว่าใช่ น้องๆ ก็อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโซเชียล โฟเบียได้ แนะนำให้ลองปรึกษาจิตแพทย์ดูได้นะคะ แม้มันอาจจะดูไม่อันตราย แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานวัน ก็เสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้ เช็กตัวเองแล้วหาวิธีจัดการกันดีกว่า
เริ่มต้นที่ใจ ท่องไว้ "ฉันทำได้!"
ส่วนการรักษาโซเชียล โฟเบียนั้น จะมีทั้งการบำบัดและการใช้ยาค่ะ และที่สำคัญต้องเริ่มปรับเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนความคิดตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ ที่ใจเรานี่แหละค่ะ ลองทำดูได้ (ใครยังไม่เป็นก็ทำได้นะ)
- จำไว้ว่าความกลัวนั้นเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น กลัวไปก็เท่านั้น ในเมื่อมันยังไม่เกิด
- อยู่กับปัจจุบัน ยังไม่ต้องไปคาดหวังอนาคตว่าจะดีหรือร้าย หรือมัวแต่จมอยู่กับอดีต
- ระบายความกดดันออกมาบ้าง คนเราไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ ไม่มีใครเป๊ะทุกเรื่องหรอก
- เปลี่ยนคำพูดที่ติดปากเสียใหม่ แทนที่จะพูดว่า "ฉันทำไม่ได้หรอก" ก็เปลี่ยนเป็น "ฉันทำได้" หรือจากคำพูดว่า "คนอื่นจะต้องมองฉันเป็นคนโง่แน่ๆ" ก็ลองพูดว่า "คนอื่นจะต้องทึ่งในตัวฉันแน่ๆ" แทนสิ
สุดท้ายแล้ว ถ้าน้องๆ รู้สึกว่ารับมือกับแรงกดดัน ความเครียด หรือความวิตกกังวลที่กำลังเผชิญอยู่ไม่ไหวแล้ว พี่แก้วแนะนำให้ลองปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือจิตแพทย์ตามโรงพยาบาลต่างๆ ดูค่ะ คุณหมอและผู้เชี่ยวชาญจะช่วยน้องๆ ให้ผ่านอุปสรรคนี้ไปได้แน่นอน ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกเข้าข่ายข้อไหนบ้าง มาลองปรึกษากันนะคะ
7 ความคิดเห็น
เราคิดว่าเป็นโรคนี้แน่นอน เราพยายามบอกว่าตัวเองทำได้แล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่อาการมันออกทางกายหมดเลย ควบคุมไม่ได้ หน้าซีด ตัวสั่น ใจเต้นแรง เวียนหัว หายใจไม่ออก มือชาเท้าชา มวนท้อง เวลาอยู่ในที่สาธารณะ หรือแม้แต่กินข้าวนอกบ้าน แค่ครูขานชื่อตอนเช็กชื่อก็ใจสั่นแล้ว ยิ่งถ้าได้ตอบคำถามหน้าชั้นเรียนจะมือชาเท้าชาเลย เราไม่สามารถสบตาใครได้เลย เราบอกแม่แล้ว แม่บอกว่าให้ปล่อยวาง ไปหาหมอไม่ช่วยอะไร เราทนแบบนี้มา5ปีแล้วนะ มันไม่เคยดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลงเรื่อยๆ เราพยายามให้กำลังใจตัวเองแล้วแต่ก็ยังมีอาการแบบนั้นอยู่ดี
รู้สึกอ่านมาโครตใช่ตัวเองอ่ะ แต่ไม่ทั้งหมด
เวลาสุ่มเรียกเลขที่หรือรายงานหน้าชั้นเรียน หัวใจเต้นแรงมากอ่ะ
เราทั้งขี้กลัวและขี้อายมากอ่ะ เวลาคุยกับคนไม่สนิทชอบหลบสายตา
ผมก็คิดว่าตัวเองน่าจะเป็นครับ เพราะบ่อยครั้งที่ห้องเรียนจะมีวิชาการ present (พรีเซนต์งานต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ)ผมก็มักจะเกร็งถึงกับตัวสั่นจนเพื่อนสังเกตุเห็นได้ เเละเวลาคุยกับผู้อื่นตัวต่อตัวผมก็จะเลี่ยงการสบตา
เรียนพิเศษก็เช่นกันครับคือผมสามารถไปเรียนโดยนัก BTS ไปถึงที่เรียนได้เลยเเต่หลังๆผมให้พ่อไปส่งเพราะกลัวผู้คนครับ *โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามีคนรู้จักชวนออกนอกบ้านผมจะปฏิเสธตลอด*
เป็นแน่ๆ6ข้อขั้นต่ำ พยายามแล้วอ่ะค่ะ ทั้งคิดบวก พยายามให้กำลังใจตัวเอง ท่องจำมาอย่างดี
แต่เวลาออกไปหน้าห้องปุ๊ปเหมือนมันมีสวิตช์ เปลี่ยนโหมดเลยอ่ะค่ะ ตัวสั่นขาสั่นเสียงสั่นไปหมด ที่จำมาตลอดสัปดาห์ลืมหมด พูดผิดไปหมด ที่วางแผนมาทั้งหมดผิดแพลนหมดเลย เริ่มเบื่อตัวเองแล้วอ่ะค่ะ ไม่อยากไปหาหมอกลัวว่าไปพบจิตแพทย์แล้วจะเป็นประวัติ
อยากจะเข้าหมออ่ะค่ะ กลัวเข้ามหาวิทยาลัยแล้วจะเป็นปัญหามากเลยค่ะ ตอนนี้ก็ม.6แล้วค่ะ กังวลมากเลย
ไปหาเลยคะ แค่ไปขอคำปรึกษา แล้วอีกอย่างไม่ต้องกลัวเสียประวัตินะคะ เพราะว่า ข้อมูลผู้ป่วยหรือประวัติการรักษา นั้นเป็นความลับค่ะ
เรารู้สึกว่าเราเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่พอโตขึ้นเหมือนอาการหนักขึ้นมาก เวลาพรีเซ้น สอบสัมภาษณ์ คุยกับคุณครู โดนเรียกให้ตอบคำถาม เราจะรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นเลยแบบมันสะดุ้งเลยอะ แล้วใจก็สั่นๆมาก พูดไม่ได้ ไม่รู้จะพูดไร ในหัวว่างเปล่า ไม่กล้ามองหน้า รู้สึกกลัวสายตาทุกคนที่มองมาที่เรา แล้วเวลาพูดก็จะเสียงสั่นมากไม่ใช่แค่เสียง ตัวยังสั่นด้วย สั่นแบบแรงมากๆ จนเพื่อนบางครั้งยังตกใจ แล้วก็พูดผิด บางครั้งก็พูดเร็วแล้วก็เสียงสั่นไปด้วยจนทุกคนฟังไม่รู้เรื่อง พอพูดเสร็จแล้ว ทั้งตัวก็หน้าแดงแถมตัวร้อนมากจนครูนึกว่าไม่สบาย ขนาดกลับมาจากพรีเซ้นเสียงก็ยังสั่นเหมือนเดิม ตัวก็สั่นด้วย ต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับมาสู่สภาพเดิมได้ เราเคยบอกอาการแบบนี้ให้ทุกคนแล้ว เพื่อนก็ชอบบอกว่าแค่พรีเซ้นท์เอง ไม่เห็นต้องกลัวไรเลย เราก็พยายามบอกตัวเองว่าไม่ต้องกลัว คนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ แต่มันก็ยังเหมือนเดิม ดูเหมือนไม่มีใครเข้าใจอาการแบบนี้ของเราสักคน เหมือนก่อนแค่ไม่ขอบแต่ตอนนี้ดูเหมือนมันรู้สึกกลัว อึดอัด เวลาต้องทำไรแบบนี้ ยิ่งเจอคนไม่รู้จักเวลาไปแข่ง ไปค่าย ไปเรียนพิเศษ รู้สึกกลัวมาก แถมอึดอัด เหงื่อนี่ไหลทั้งหน้าทั้งมือเลย แถมเหนื่อยมากที่ต้องมาอยู่สถานการณ์ที่คนเยอะๆแบบนี้ นี่ม.ปลายยังขนาดนี้ กลัวว่าพอเป็นผู้ใหญ่อาการจะหนักขึ้นจนไม่สามารถไปเจอหน้าใครได้เลย
รู้สึกว่าใช่ตัวเองเลยค่ะ ตัดสินใจออกไปข้างนอกเพื่อไปเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอมา3ปีและเราก็ไม่ได้ออกข้างนอกมา3ปีเช่นกัน คิดว่าออกไปข้างนอก ไปรีแล็กซ์บ้าง แต่สุดท้าย ใจเต้นเร็ว มือเท้าเย็น เหงื่อออก ขาสั่นจนแทบจะทรุด ปากสั่น มวลท้อง อยากอ้วกและอยากจะเป็นลมจนอยากร้องไห้ออกมา แต่สุดท้ายก็พยายามจะฮึบไว้ พอกลับมาไข้ก็ขึ้นเลยค่ะ