Spoil
- เรื่องจริงจากเว็บบอร์ดปัญหาวัยุร่น ที่เชื่อเถอะว่าเจอกันมาหมดแล้ว
- ทำไมลูกไม่เก่งเหมือนลูกชายป้าข้างบ้าน? พี่สาวยังสอบติดหมอได้เลย ทำไมเราไม่ได้?
- ลูกต้องเป็นหมอ เป็นพยาบาล เท่านั้น! เรียนคณะนั้นจบมาไม่มีงานทำหรอก
- ห้ามมีแฟนตอนเรียน แต่จบมาแล้วถามว่า “ทำไมไม่มีแฟนสักที?”
____________________________
เชื่อเลยว่าน้องๆ ชาว Dek-D หลายคนต้องเคยทะเลาะหรือไม่เข้าใจพ่อแม่ ทำไมทำอย่างนั้นอย่างนี้ แม้จะรู้ดีว่าจริงๆ พ่อแม่ก็แค่เป็นห่วงและอยากให้เราได้ดี แต่บางทีก็มองคนละมุมจนกลายเป็นพ่อแม่รังแกฉัน พี่แก้วรวบรวมปัญหาจากเว็บบอร์ดปัญหาวัยรุ่น พร้อมวิธีรับมือเบื้องต้นมาบอกแล้ว ไปดูกันจ้า
เปรียบเทียบลูก
เรื่องธรรมดาของทุกบ้านค่ะ โดนกันมาหมดแล้ว ยิ่งลูกข้างบ้านสอบติดหมอ หลานชายป้าได้ที่ 1 ของโรงเรียน พ่อแม่ก็จะมาพูดกับเรา ทำไมแกไม่ติดบ้าง ทำไมลูกไม่ขยันแบบพี่คนโตบ้าง แต่ยิ่งเปรียบเทียบก็ยิ่งกดดัน สุดท้ายก็ไม่เข้าใจกันอยู่ดี คนเราเกิดมาต่างกัน จะให้ไปเป็นเหมือนกันก็คงยากนะคะพ่อแม่
วิธีรับมือ : เราห้ามพ่อแม่พูดเปรียบเทียบไม่ได้ เราพยายามเลือกฟังเอาแล้วกัน ฟังหูไว้หู ไม่ต้องเก็บมาคิดให้เสียใจ แล้วก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราก็เจ๋งไม่แพ้ใครเหมือนกัน โดนเปรียบเทียบแล้วไง ก็แค่พยายามให้มากขึ้น เก่งให้มากขึ้น เดี๋ยวทุกอย่างจะดีเองค่ะ
บังคับเรียน
น้องๆ หลายคนมาปรึกษาปัญหาการเรียนเยอะมาก ว่าอยากเข้าคณะนั้น คณะนี้ แต่พ่อแม่ไม่เข้าใจ ตีกรอบบังคับไว้ว่าถ้าไม่หมอไม่ต้องมาคุยกัน ลูกต้องเป็นครูตามพ่อแม่เท่านั้น แต่พ่อแม่ไม่เคยฟังจริงๆ เลยว่าลูกอยากเป็นอะไร แถมเสนอบางคณะไป ก็มีแต่โดนว่ากลับมา เช่น อยากเรียนนิเทศศาสตร์ พ่อบอกจะไปเต้นกินรำกินเหรอ อยากเรียนกราฟิกดีไซน์ โอ๊ยย จะไปหางานอะไรทำ อยากเป็นนักวาดภาพ มันจะได้เงินสักเท่าไหร่เชียว สรุปก็วนกลับมาที่อาชีพเดิมๆ เท่านั้น
วิธีรับมือ : ค้นข้อมูลของคณะหรือสิ่งที่อยากเป็นให้มากที่สุด แล้วเอาไปเปิดใจคุยกับพ่อแม่ ว่าสิ่งที่อยากเรียนเป็นแบบนี้ จบมามีงานทำอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ บางทีที่ท่านไม่อนุญาตก็อาจจะเพราะแค่ว่าท่านไม่รู้จักและไม่เข้าใจในอาชีพอื่นๆ เท่านั้นเอง หรือลองพบกันครึ่งทางมั้ย ถ้าเราเรียนสิ่งที่แม่อยากให้เรียนไหว ก็เรียน แล้วไปหาความรู้เสริมเพิ่มเติมในส่วนที่เราอยากเป็น เช่น อยากเป็นนักร้องก็ฝึกร้องบ่อยๆ แล้วลองไปประกวดตามรายการต่างๆ เปิดโอกาสให้ตัวเองดูสิคะ บางทีเราอาจจะพบว่า ทั้งความชอบของเรา และของพ่อแม่ มันก็ไปพร้อมๆ กันได้นะ
เอาความฝันตัวเองไปลงที่ลูก
เคสนี้ก็เจอเยอะมากค่ะ พ่ออยากเป็นนักบิน แม่อยากเป็นนางงาม แต่เป็นไม่ได้ เลยพยายามบอกให้ลูกแทนจะได้ภูมิใจ ลูกก็อยากให้พ่อแม่ภูมิใจ แต่บางที พ่อแม่ก็ไม่เคยถามความสมัครใจของลูกๆ ว่าอยากเป็นมั้ยเลย
วิธีรับมือ : ถ้าน้องโอเคกับฝันนั้น ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ ก็ต้องเปิดใจคุยกัน ว่าเราเองก็มีฝัน เราเองก็อยากจะทำให้สำเร็จเหมือนกัน ถ้าคุยกันดีๆ มีเหตุผล พี่แก้วเชื่อเลยว่า พ่อแม่ต้องเข้าใจแน่นอน
ห้ามมีแฟน!
ก็รู้ค่ะว่าพ่อแม่หวง โดยเฉพาะสาวๆ ตอนเรียนประถม มัธยม ก็กลัวลูกจะโดนหลอก ก็เลยห้ามลูกมีแฟน ใครหน้าไหนเข้ามาก็สกรีนออกจากชีวิตไปหมด แต่พอเรียนจบมา ทำไมลูกยังไม่มีใคร ทำไมไม่แต่งงานสักที เอ้า! ก็แฟนนะไม่ได้หาง่ายๆ นี่นาพ่อ อย่างกรณีล่าสุดในรายการจีนรายการหนึ่งที่มีแม่ลูกมาเปิดใจ ฝ่ายลูกบอกว่าแม่เอาแต่โทษว่าเป็นความผิดเธอที่ไม่มีแฟนสักที ทั้งที่แต่ก่อนก็ห้ามนักห้ามหนา ส่งให้เรียนสูงๆ จนพอโตมาก็ไม่มีใครสนใจ ในขณะที่แม่ก็บอกว่าเลือกทางที่ดีที่สุดให้ลูกแล้ว กลายเป็นความไม่เข้าใจที่เป็นปัญหาบานปลายมากๆ
วิธีรับมือ : ทำตัวดีๆ ไม่ออกนอกลู่นอกทาง และพิสูจน์ให้เห็นว่าเราดูแลตัวเองได้ ให้พ่อแม่ไว้ใจ ให้เห็นว่าต่อให้เรามีแฟน เราก็จะไม่ทำให้ผิดหวัง วันนึงพ่อแม่จะปล่อยเราเองแหละค่ะ
ตามใจจนเสียคน
เห็นกรณีนี้บ่อยๆ ที่ชอบอวยลูก ทำอะไรก็ดี ทำผิดก็ไม่ว่า ลูกเป็นคนดีเสมอ แม้จะไปทำอะไรแย่ๆ มามากมาย สุดท้ายลูกก็จะเอาแต่ใจจนเสียคน ดูตัวอย่างง่ายๆ จากเจ้ามิ่งหล้า จากรากนครา ที่แม่ยุยงบอกกรอกหูเสมอ ลูกดี ลูกเด่น ตามใจทุกอย่าง ก็เลยเป็นแบบที่เห็นในละครนี่แหละค่ะ
วิธีรับมือ กรณีตัวเองอาจจะไม่ทันรู้สึกตัวว่าเป็นเรื่องดีไม่ดี อาจจะต้องให้เพื่อนๆ หรือคนรอบข้างคอยเตือนๆ กันไปค่ะ
วิธีรับมือ กรณีตัวเองอาจจะไม่ทันรู้สึกตัวว่าเป็นเรื่องดีไม่ดี อาจจะต้องให้เพื่อนๆ หรือคนรอบข้างคอยเตือนๆ กันไปค่ะ
ใครกำลังเจอปัญหาเหล่านี้อยู่ ลองเปิดใจกับพ่อแม่ คุยกันด้วยเหตุผล และรับฟังซึ่งกันและกันค่ะ จริงๆ ที่พ่อแม่ทำก็เพราะหวังดี แค่บางทีไม่ถูกใจเรา ถ้ามาเจอกันครึ่งทางได้จะดีที่สุด พี่แก้วเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นไปได้ ส่วนใครที่กำลังเจอกับปัญหาเหล่านี้อยู่ ลองมาปรึกษากันได้ที่นี่เลยจ้า
10 ความคิดเห็น
เจอแต่ข้อแรก
ถ้าพวกเขายอมรับในสิ่งที่เราอยากจะเป็นไม่ได้ล่ะคะ เราไม่อยากจะเอาความเห็นแก่ตัวของตัวเองไปทำให้พวกเขากังวล แต่ก็ไม่อยากจะทำในสิ่งที่ฝืนใจตัวเอง ควรทำยังไงดี...
ไม่เป็นค่ะ เพราะพ่อแม่เป็นคนยุคสมัยเก่าที่ข้ามมาสมัยใหม่ พ่อบอกว่า คนเราต้องหมั่นศึกษาหาข้อมูลไว้เสมอ แต่ข้อสุดท้ายเจอครูพูดประจำ พ่อแม่ให้ท้ายลูก แต่บ้านหนูไม่เป็นแบบนั้น...แบบนี้รึเปล่านะ? ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่เกินตัวเหมือนโคนันและไฮบาระ...ความจริงก็ชอบอ่านนิยายผู้ใหญ่ด้วย คนเลยชอบมองแปลกๆล่ะมั้ง? เอาเป็นว่า...ช่างมัน ปล่อย เทโลดสิรอไร? วู้ววววว ไปสนุกกับสิ่งที่เราชอบดีกว่าค่ะ แต่อย่าให้เกินไปนะคะ เพราะพ่อแม่จะห่วงเอาได้
อีกกรณีนึงคงจะเป็น
" ไม่ยอมรับความผิดปกติของลูก ไม่ว่าจะเป็นทางการเรียนรู้ ทางพฤติกรรมหรืออะไรก็ตามแต่ " ล่ะมั้งคะ (อาจจะคล้าย ๆ กับการให้ท้าย)
ไม่ได้จะเหยียดคนที่เป็นนะคะ แต่มันมีจริง ๆ พ่อแม่ที่ไม่ยอมรับว่าลูกสมาธิสั้น ลูกก้าวร้าว ลูกมีความบกพร่องทางการเรียน ... จนสุดท้ายมันก็บานปลายใหญ่โตแก้ไขไม่ได้ในที่สุด
เราอยู่ ป.6 จะขึ้น ม.1 เอาจริง ๆ คือมีเพื่อนหลายคนมากที่มีปัญหาแนว ๆ นี้
(อย่างเช่นเรียนอยู่ดี ๆ ก็ล้มโต๊ะแล้วลุกไปด่าครูว่า " รู้มะครู*****โคตร*****เลยว่ะ " แบบเนี้ยอ่ะ แล้วก็โดนแจ้งผู้ปกครองตามระเบียบ แต่ผู้ปกครองกลับบอกประมาณว่า ลูกฉันอยู่ที่บ้านเป็นเด็กดีเรียบร้อยน่ารัก ฉันไม่เชื่อหรอกว่าลูกฉันมีปัญหา บลา ๆๆๆ อยากจะเบ้ปากมองบนค่ะ 555)
เราเจอมาหมดทุกปัญหาเลย ซึ่งก็ไม่ใช่กับพ่อแม่นะ กับตายาย พวกท่านเป็นคนโบราณ
ดีนะ พ่อแม่ฉันไม่เป็น55555
เป็นคนนึงที่ถูกเปรียบเทียบ ไม่ใช่ใครที่อื่น แต่เป็นกับพี่น้องตัวเองนี่แหละ พี่ชายเราสองคนเรียนเก่ง(เก่งมากๆประมาณสอบที่ไหนก็ติด เรียนก็ได้ทอปตลอด) พอเป็นเราเหมือนถูกคาดหวังว่าจะต้องเก่งเหมือนพี่ พี่เก่งน้องก็ต้องเก่งไรเงี่ย แล้วเหมือนถูกพ่อแม่กดดันตอนสอบหมอ มันเครียดมากจนเรารู้สึกอยากทิ้งทุกอย่างไปซะ แต่ก็ผ่านช่วงนั้นมาได้แบบงงๆเหมือนกัน
เคสพ่อแม่บังคับเรียนเราว่าใช้วิธีนี้ได้ผลเลยล่ะ เพราะเราเคยโดนพ่อแม่บังคับเรียนสายวิทย์เหมือนกันแต่เราไม่อยากเรียนเราตั้งเป้าหมายของเราไว้แล้วมีครั้งนึงที่เฟลมากจนร้องไห้ตรงหน้าพ่อแม่นั่นแหละค่ะ แต่เราร้องไห้ไปอธิบายไปนะไม่ใช่โวยวาย5555 หลังจากนั้นเราเลยไปนั่งหาข้อมูลสิ่งที่เราอยากเป็น คณะเรียน สาย สาขา พอค้นดูกลายเป็นว่ามีสายนึงในตปท.ที่เราอยากเรียนแต่เป็นป.โทก็ค้นหาเก็บไว้ แล้วก็ค่อยๆมาพูดให้พ่อแม่ฟังเราอยากพวกนักจิตวิทยา นักศิลปะบำบัดและก็ครูเด็กไรงี้ ก็พูดให้พ่อแม่ฟังค่ะ หลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น พูดไปนั่นแหละค่ะพูดย้ำๆกลายเป็นพ่อกับแม่เริ่มเข้าใจว่าจิตวิทยาคืออะไร และปล่อยให้เราเลือกเรียนเองเลยส่วนเขาก็จะถามเราอย่างเดียวเลยว่าไหวมั้ย ชอบรึป่าว การเปิดใจพูดคือดีที่สุดเลยจากที่เป็นเด็กเก็บกดเตอนนี้เราสนิทกับพ่อแม่มากขึ้น และเหมือนเขาจะให้ความร่วมมือกับเราด้วย เราคะแนนขึ้นก็ชมนิดหน่อยไม่ให้เราเหลิง พอคะแนนตกก็มีบ้างที่โดนดุแต่ก็จะบอกเสมอเลยว่าไม่เป็นไร ครั้งหน้าเอาใหม่แล้วก็บอกให้เราไปกินนู่กินนี่เพราะเราเป็นพวกชอบกินให้หายเครียด55555 หลังจากที่เปิดใจกลายเป็นว่าทำให้เรารู้ว่าจริงๆเขาสังเกตุตลอดว่าเราชอบสีน้ำเงิน ชอบกินพิซซ่ากับไก่ทอด ชอบภาษาและเกลียดวิทย์(หลังจากที่เขารู้ข้อนี้เขาไม่เคยบังคับเรียนวิทย์เลยค่ะ) ชอบวาดรูป รู้ว่าเราติ่งวงนี้นะ ชอบนู่นนี่นั่น อีกอย่างที่ทำให้เราสนิทกับแม่มากขึ้นคงจะตอนซื้อของถึงได้รู้ว่า เอ้ย เราก็มีหลายอย่างที่ชอบเหมือนแม่นี่นาทำให้เราเลิกเกร็งเลย
สุดท้ายนี้อยากบอกอีกครั้งว่าเปิดใจดีที่สุด แต่ตอนเปิดใจอย่าใช้อารมณ์เด็ดขาดเขาพูดอะไรไม่ถูกใจคุณอย่าใช้อารมณ์ ให้ใช้เสียงเรียบๆคุย ตั้งสติ ถ้าเขาขึ้นมากๆให้ใช้ความเงียบให้เขาฉุดนึกซักนิด มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้คิดว่าคุณมีวุฒิภาวะในการรับมืออารมณ์ต่างๆ เขาจะคิดว่าคุณเริ่มโตขึ้นแล้ว หวังว่าเม้นท์เราจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ ฮ่าๆ
ทำไมวัยรุ่นถึงอยากมีแฟนครับ/แฟนมีไว้ทำไมครับ ใครก็ได้ตอบผมที กระทู้ไม่ได้คำตอบที่ถูกเลยอ่ะ(คนไม่เคยมีอย่าตอบนะครับ จุ๊บ)
พ่อกับแม่มักบอกว่า อันไหนเป็นแบบอย่างที่ดีก็จดจำและนำไปใช้ อันไหนที่ไม่ดีก็ไม่ต้องไปใส่ใจจำ แล้วที่พ่อกับแม่ทำให้ดูบ่อยๆทุกวันมันดีหรือไม่ดี แล้วถ้าไม่ดีทำไมถึงทำกันล่ะคับ ชอบทำตัวอย่างผิดๆ วิธีการแก้ไขปัญหาแบบผิดๆแล้วบอกนี่เป็นวิธีที่ผิดแต่จะทำให้ดูจะได้ไม่ทำตาม แล้วที่ควรจำเมื่อไหร่จะทำให้ดูบ้างครับ จบท้ายว่าทีทำเรื่องดีๆให้ดูทำไมไม่จำบ้างล่ะ คือเราประสบการณืไม่มากเท่าต้นแบบ แยกไม่ออกหรอกว่าอันไหนดีควรจำ อันไหนอารมณ์ไม่จำ อันไหนประชดไม่ดีอย่าทำ เห็นทำบ่อยๆมันต้องดีแน่ๆก็พ่อแม่ที่ดีของลูกยังทำออกบ่อยๆ ถ้าไม่ดีพ่อแม่ไม่ทำเป็นแบบให้ลูกดูลูกจำทุกวันหรอก ชิป่ะ (เรื่องนี้แถมประสบการณ์ตรง ตอนเป็นเด็กพ่อแม่มักสอนให้เป็นคนมีเหตุมีผล ทดสอบ คำนวณ อ้างอิง พิสูจน์ได้ตามหลักวิทย์คณิตสถิติ แต่พอลูกเข้าวัย40พ่อแม่เริ่มทำตัวเป็นเด็กแล้วเอาความเชื่อ ปรัชญา ประสบการณ์มาลบล้างสิ่งที่เคยสอน หลักที่เคยบอกให้จับให้ยึด เหมือนตอนนี้ลูกและโลกรู้แล้วว่าโลกเรากลม แต่พ่อกับแม่ ใช้วลีฮิต แต่แม่เชื่อว่า โลกมันแบนนะ แล้วมันก็จะแบน แบบกางหนังสือ แนบreference ตัดคลิปให้ดู มักจบลงด้วยคำว่า ก็พ่อเชื่อแบบนี้ จะมาเปลี่ยนมันยากแล้วล่ะ อย่ามาเปลี่ยนเลย ไม่อยากรบกวนเลยถ้าโลกแบนของพ่อกับแม่ไม่บีบหัวใจและลดความเชื่อมั่นของลูกจนหมดสิ้น ที่เรียนรู้ค้นคว้าตามหลักที่สอนมา นำมาแนะมาบอกมาทำความเข้าใจอธิบายแล้วกลายเป็นเถียง ทุกสิ่งที่รู้บอกก็รู้มาผิดนี่อาบน้ำร้อนมาก่อน ... โลกเรามันแบนนะ จำไว้ในที่ใส่ขี้เลื่อยบ้างก็ดี