มีวันนี้ได้เพราะแม่บังคับ!

แพรว : จุดเริ่มต้นที่แพรวเรียนดนตรี เพราะแม่บังคับตั้งแต่เด็กๆ เริ่มแรกคือบ้าอูคูเลเล่ก่อน แล้วมาเปลี่ยนเป็นกีต้าร์ ไปเรียนจนได้เป็น
Brand Ambassador ของ YAMAHA เล่นเปียโนได้ จนตอนนี้ก็กำลังรอสอบ level ครูเปียโน เคยแข่ง Trinity Awards 2016 ได้รางวัลด้วย
แล้วก็ตอนนี้เพิ่งเรียนแซกโซโฟนไปปึนึงค่ะ

ไพลิน : ของลินแม่บังคับเหมือนกัน ให้เรียนเปียโนตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นหนูอ่านโน้ตไม่ออก จนทุกวันนี้เล่นได้นะ ก็ยังอ่านโน้ตไม่ออกอยู่ดี
ถ้าอยากเล่นเพลงไหนก็เปิดในยูทูบ แล้วก็ดูนิ้วเอา 555

ไพลินเคยตามหาความฝันด้วยการออดิชั่น JYP

ไพลิน : ตอน ม.2 หนูเคยไป audition JYP ด้วย ตอนนั้นตื่นเต้นมากไม่รู้เหมือนกันว่าไปทำไม 555 คืออยากไปนะ แต่พอมองกลับไป
ตอนนั้นแล้วแบบ เฮ้ย! ทำไมกล้าไป ตอนนั้นแต่งตัวอะไรก็ไม่รู้ แล้วเลือกออดิชั่นผิดด้วย จริงๆ จะเลือกเต้น ดันไปเลือกร้อง
ก็เลยร้อง Into the new world ของ SNSD ค่ะ ก็ไม่ผ่าน แต่ไม่เสียใจนะ เพราะเราก็ทำได้ไม่ดีจริงๆ ถ้ามาอีกหนูจะไปอีกแน่นอน แต่จะไปเต้น

ล่าสุดจับคู่เต้นโคฟเวอร์ ก็มียอดวิวหลักล้าน!

แพรว : จริงๆ หนูมีช่องยูทูบที่เพิ่งทำไปประมาณปีกว่า ชื่อ Praewkanit เป็นช่องเอามาแบบไว้ร้องเพลงโคฟเวอร์กับเพื่อนๆ อัดกันเอง
ที่บ้าน มีเพลงเรื่องของชั้น GenaD ที่ยอดเกือบแสน แล้วก็มีคลิปที่เต้นกับไพลิน เพลงจริงๆ มันก็ดี ในช่อง Grammy Vocal Studio
คนดูหลักล้านแล้วค่ะ

ไพลิน : คลิปนั้นคนเมนต์กันเยอะ ดีไม่ดีบ้าง คือจริงๆ เราเต้นคนละแนวเลย แพรวจะเต้นไลน์แมนๆ หนูเต้นไลน์ผู้หญิง เค้าเลยจับมาคู่กันค่ะ
ก็ลองดู แล้วมันเวิร์กก็เลยทำต่อ 555

ดนตรีกับการเรียนไปกันได้! แม้จะเหนื่อยมากก็ยอม

แพรว : คือดนตรีสำหรับพวกเรามันเป็นเหมือนงานอดิเรกค่ะ แต่ก็หนักอยู่ เพราะเรียนไปซ้อมไป สำหรับหนูมันเบียดเวลากัน
เยอะมากๆ เพราะที่ Grammy Vocal Studio วันธรรมดาเค้าจะซ้อมดึก ส่วนวันเสาร์ก็ตั้งแต่เที่ยงถึงห้าโมงเย็น จนเราต้องตัดๆ อย่างอื่น
ออกไปจากชีวิตบ้าง แพรวเคยอยู่ทีมบาสก็ต้องออก เพราะว่าเวลาไม่พอ แต่เราก็เลือกเอง

อนาคตที่วางไว้ ถึงแม้ไม่ได้อยู่สายดนตรีก็มีความสุข

แพรว : จริงๆ แพรววางอนาคตไว้ว่าน่าจะเรียนต่อ econ ที่อังกฤษค่ะ คือมีสอบ IG (IGCSE) เหมือนเป็นการสอบเทียบค่ะ สอบทั่วโลกเลย
แล้วเค้าก็จะมีรางวัล ของหนูก็ได้ Top of Thailand ของ econ เลยคิดว่าก็อยากไปทางนี้ต่อแต่ถ้ากลับมาแล้วก็อยากเป็น sound engineering
ซึ่งก็ไว้ค่อยไปเรียนเพิ่มได้

ไพลิน : ส่วนตอนนี้หนูอยากร้องกับเต้นไปเรื่อยๆ เลยค่ะ แม่ก็บ่นนะคะ ว่าแบบเมื่อไหร่จะรู้สักทีว่าอยากเป็นอะไร ถ้าเราไปทางดนตรี
ไม่สุด แล้วเราไม่เรียนอย่างอื่นไปด้วย ก็จะทำอย่างอื่นไม่ได้นะ แม่ก็เลยมีให้เลือกหมอกับอัยการ แต่หนูรู้สึกว่า เวลาเรียนวิทยาศาสตร์
แล้วมันสนุกกว่า

เคล็ดลับพูดภาษาอังกฤษแบบเด็กอินเตอร์คือต้องกล้า!

ไพลิน : ตอนแรกๆ ที่ลินอยู่โรงเรียนเก่า เรียน Bilingual (สองภาษา) ก็ยังไม่ค่อยกล้าพูดภาษาอังกฤษนะคะ เพราะพอเราพูด
ภาษาอังกฤษเยอะๆ เค้าก็จะ ‘เฮ้ย พูดทำไม?’ หรือถ้าพูดสำเนียงจริงจังเค้าก็จะมองแปลกๆ แต่พอย้ายมาเรียนอินเตอร์ รอบข้างเขาพูดอังกฤษ
หมดเลย ถ้าเราไม่พูดมันก็ไม่ได้ แล้วพอเราพูด เค้าก็จะแบบ ‘เฮ้ย! สำเนียงดีนะ’ ก็เลยกล้าพูดมากขึ้น

แพรว : อย่างเวลานึกคำไม่ออกเค้าก็จะช่วยๆ กัน ฝรั่งที่อยู่ไทยเค้าก็พูดไทยได้บ้าง พอเรานึกไม่ออกแล้วเราพูดภาษาไทยไป
เค้าก็จะช่วยพูดแก้ให้ ก็จะดีตรงนี้ค่ะ แล้วก็อ่านหนังสือหรือดูซีรีส์ภาษาอังกฤษเยอะๆ ก็ช่วยได้เหมือนกันค่ะ