ค้นหาตัวตนเพื่อเริ่มต้นรักตัวเองผ่านบทเพลงของ BTS

คนมักพูดกันว่าถ้าเราไม่รักตัวเอง แล้วจะรักคนอื่นได้อย่างไร แต่การรักตัวเองดูเหมือนเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะแต่ละคนก็มีจุดที่ชอบและจุดที่ไม่ชอบในตัวเองแตกต่างกันไป แต่จะทำยังไงให้ทุกคนหันมารักตัวเองได้ โดยยอมรับข้อผิดพลาดที่ได้เคยทำไป เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้เรากลายเป็นเราได้จนถึงทุกวันนี้ และก้าวข้ามผ่านมันไปได้ 

ภาพจาก: love-myself.org
ภาพจาก: love-myself.org

ทุกคนคงเคยได้ยินโครงการ Love Myself ของ UNICEF กันมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ เพราะโครงการนี้ได้วงบอยแบนด์ระดับโลกอย่าง BTS มาเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ เพื่อต่อต้านความรุนแรงในเด็กและเยาวชนทั่วโลก ผ่านแคมเปญต่าง ๆ และเสียงดนตรีที่ได้รับการสร้างสรรค์อย่างดี เพราะถึงแม้จะพูดกันคนละภาษา แต่เราสามารถสื่อสารกันผ่านทางเสียงเพลงได้ค่ะ

วันนี้เราเลยจะพาทุกคนมาเรียนรู้และเริ่มต้นรักตัวเองไปพร้อม ๆ กันผ่านเสียงเพลงของหนุ่ม ๆ BTS กันค่ะ!

—------------------------------------------------

ชีวิตที่อยู่ในกรอบกับ ‘ความฝัน’ ที่(ไม่ได้)เลือกเอง

ไม่ว่าจะในยุคไหน ๆ เด็กอย่างพวกเราก็มักจะถูกคาดหวังว่าจะต้องเรียนให้เก่งและประกอบอาชีพดี ๆ เพื่อหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ในอนาคต เป็นส่วนน้อยที่จะถามว่าความจริงแล้วความฝันของเด็ก ๆ เหล่านั้นคืออะไร หรือพวกเขาอยากจะทำอะไรในอนาคต ทำให้พวกเขาต้องแบกรับความคาดหวังไว้และก้าวต่อไปอย่างไม่มีข้อผิดพลาด อย่างเช่นในเพลง No More Dream ที่สะท้อนถึงความกดดันจากการแบกรับความคาดหวังของครอบครัวจนทำให้กลายเป็นคนไม่มีความฝัน และไม่รู้ว่าจะต้องใช้ชีวิตยังไงเพราะถูกกำหนดให้อยู่ในกรอบมาโดยตลอด

เพลงนี้จึงเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจและทำให้เราได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าจริง ๆ แล้ว ‘ความฝันที่แท้จริงของเราคืออะไร?’ เพราะเมื่อเราได้ทำความรู้จักตัวเองไปเรื่อย ๆ เราก็จะค้นพบว่าความฝันของตัวเองคืออะไรและเริ่มต้นใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการได้นั่นเองค่ะ

เนื้อเพลงแปลไทย: http://gallerylm.blogspot.com/2017/04/bts-no-more-dream.html

ถ้าไม่มีความฝัน จะได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการไหม?

คนส่วนใหญ่อาจจะรู้แล้วว่าอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร หรือวางแผนอนาคตของตัวเองไว้แล้ว แต่การมีความฝันก็เป็นเพียงสิ่งที่จะช่วยให้เราเดินไปในเส้นทางที่เราต้องการได้เร็วขึ้นเท่านั้น ในเพลง Paradise  ก็ได้พูดถึงคนที่ไม่มีความฝันอยู่ด้วยเหมือนกันค่ะ หนุ่ม ๆ ได้เสียดสีความคาดหวังของสังคมที่ต้องการให้ทุกคนมีความฝันและทำตามฝันนั้นให้ลุล่วง ถึงจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้ ในขณะเดียวกันสังคมกลับไม่เคยบอกว่าฝันไหนถึงจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราประสบความเร็จ หรือถ้าหากเปรียบเทียบกับประเทศเราก็จะเห็นว่าสังคมและสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันแบบนี้ไม่ได้เอื้ออำนวยให้คนเรามีฝันขึ้นเลยค่ะ

คนที่ไม่มีความฝันก็ไม่ได้แปลว่าจะใช้ชีวิตแบบที่ต้องการไม่ได้ แต่ต้นทุนของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เราจึงไม่สามารถเอาความคาดหวังหรือมาตรฐานของตัวเองไปตัดสินคนอื่นโดยที่เราไม่รู้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง เขาอาจจะล้มลุกคลุกคลานและต่อสู้เพื่อความฝันของเขามานานจนหมดแรงและเลือกที่จะไม่ฝืนตัวเองอีกต่อไป 

แต่การจะประสบความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นต้องมีฝันที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ค่ะ แค่ลองตั้งเป้าหมายง่าย ๆ ในแต่ละวันดู แล้วพยายามทำมันให้สำเร็จ แค่นี้ก็ถือว่าเราได้เริ่มบรรลุเป้าหมายของเราได้แล้วล่ะค่ะ จากนั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มเป้าหมายให้มากขึ้น 1 ในเป้าหมายที่เราพยายามทำให้ลุล่วงไปอาจจะกลายมาเป็นความฝันของเราในอนาคตก็ได้นะคะ

เนื้อเพลง Paradise ภาษาเกาหลี: https://musicnook.co/paradise-bts/

อุตส่าห์พยายามมาแทบตาย แต่สุดท้ายก็พลาด แล้วเราจะผ่านมันไปได้ยังไง?

หลายคนคงเคยผ่านเหตุการณ์หรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราพยายามประคับประคองและดูแลมันอย่างดี แต่สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่า แต่ไม่ว่าจะเรื่องนั้นจะร้ายแรงยังไง เราก็ควรจะก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ โดยเก็บมันไว้เป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้ทุกอย่างพังลงไปอีกครั้งนะคะ

การ move on ต่อไปอาจจะยากสักหน่อย แต่ถ้าทำได้เร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีกับตัวเราเองนะคะ อย่างในเพลง 00:00 (Zero O’Clock) ก็ได้พูดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดความผิดพลาด แล้วมานั่งคิดทบทวนว่าเป็นความผิดของตัวเองหรือเปล่าที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น RM (คิมนัมจุน) ก็ได้เปรียบเทียบว่าแม้จะเป็นความผิดพลาดที่มาจากตัวเราเองหรือคนอื่น แต่ถ้าเรายังคงจมปลักอยู่กับเรื่องเดิม ๆ ไม่ก้าวไปไหน ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป เพราะอดีตคือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่การนำมันมาเป็นบทเรียนค่ะ

ในเพลงได้เปรียบเทียบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราไว้ว่า เมื่อเข็มนาฬิกาทั้งสองมาบรรจบกัน เหตุการณ์ต่าง ๆ จะจบลง และเริ่มต้นวันใหม่ค่ะ 

ก็เหมือนกับชีวิตของเราที่ช่วงแรกอาจจะยังไม่สามารถนำเรื่องราวต่าง ๆ ออกจากหัวได้ และยังคิดถึงมันซ้ำ ๆ แต่หากลองเปลี่ยนมุมมองว่าเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ในทุกครั้งที่เข็มนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนที่เป็นสัญญาณบอกของการเริ่มวันใหม่ ก็จะมีโอกาสให้เราได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ และมีรอบคอบมากขึ้นเพื่อชดเชยในความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นได้ค่ะ

เนื้อเพลงภาษาเกาหลี: https://www.educatepark.com/kpop/%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87-zero-o-clock-bts/

เปิดประตูสู่ร้านเวทมนตร์ในหัวใจ

เกริ่นมาแบบนี้ก็น่าจะพอเดากันได้ใช่ไหมคะว่าเพลงนี้คือเพลงอะไร ใช่แล้วค่ะ เพลง Magic Shop นั่นเอง! จริง ๆ แล้ว เพลงนี้จองกุกได้แรงบันดาลใจจากหนังสือ Into The Magic Shop หรือฉบับแปลไทยที่ชื่อว่า ‘เราทุกคนล้วนมีร้านเวทมนตร์อยู่ในใจ’ เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อปลอบโยนแฟนคลับอย่าง ARMY และคนที่รู้สึกเกลียดตัวเองหรืออยากหายไปตลอดกาล ให้รับรู้ไว้ว่าในใจของเรายังมีร้านเวทมนตร์ที่เปรียบเสมือน Safe Zone ที่จะเป็นที่พักใจให้ทุกคนอยู่นะ

ที่พูดถึงเพลงนี้เพราะนอกจากเราจะเรียนรู้ตัวตนของตัวเองเพื่อตามหาความฝัน ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมายจากการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือสังคมที่ผลักให้ทุกคนต้องแข่งกันให้เป็นที่ 1 จนอาจทำให้รู้สึกไม่ชอบตัวเองหรืออยากหายไป หากได้ฟังเพลงนี้ก็จะได้รับการปลอบโยนจากหนุ่ม ๆ BTS และได้เรียนรู้ที่จะปลอบโยนตัวเองไปพร้อม ๆ กันด้วยค่ะ

เนื้อเพลงภาษาเกาหลีและแปลไทย: https://urikpopper.blogspot.com/2018/05/bts-magic-shop.html

เริ่มต้นรักตัวเอง

มาถึงบทเพลงสุดท้ายที่ถ้าพูดถึงการรักตัวเองก็จะต้องนึกถึงเพลงนี้อย่างแน่นอน นั่นคือเพลง Answer: Love Myself ค่ะ เพลงนี้ต้องการสื่อว่าถึงแม้การรักตัวเองจะยากกว่าการรักคนอื่น แต่การรักตัวเองจะทำให้เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น และรักคนอื่นได้อย่างดีกว่าเดิมด้วยค่ะ

นอกจากความผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจะกลายมาเป็นบทเรียนชีวิตของเราแล้ว ก็ยังประกอบสร้างเราเป็นเราในตอนนี้ด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นตัวเราที่ผิดพลาด ตัวเราที่เศร้าเกินกว่าจะมีความสุข หรือตัวเราที่ไม่เก่งพอในโลกทุนนิยม ทุกอย่างก็คือตัวเราอยู่ดี ถ้าเราไม่รักตัวเอง เราอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นตัวเราในเวอร์ชันที่ดีที่สุดก็ได้นะคะ

เนื้อเพลงภาษาเกาหลี: http://kieinf.blogspot.com/2018/08/thai-translation-bts-answer-love-myself.html

—------------------------------------------------

ท้ายที่สุดแล้วการรักตัวเองก็เหมือนการเข้าใจและยอมรับตัวเองในทุกเวอร์ชัน รวมถึงพร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นใจไม่ว่าจะผ่านอะไรมานั่นเองล่ะค่ะ เพราะอย่างนั้นมาเริ่มต้นกันใหม่และอย่าลืมรักตัวเองให้มาก ๆ นะคะ เราคอยเชียร์อยู่นะ!

 

 

 

Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด