พาไปรู้จัก ‘guncharlie’ ศิลปินน้องใหม่ ค่าย Kicks Records กับ 25 เรื่องราวที่ทำให้รู้จักเขามากขึ้นแบบไม่ติดศูนย์

พาไปรู้จัก ‘guncharlie’ หรือ กัน เสฐพงษ์ เอวสุข ศิลปินน้องใหม่แกะกล่อง จากค่าย Kicks Records 

สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว Dek-D.com เมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลายคนคงเคยเห็น “guncharlie (กันชาร์ลี)” หรือ “กัน-เสฐพงษ์ เอวสุข” ในฐานะผู้เข้าแข่งขันรายการ The Rapper 2 ก่อนที่จะเข้าสู่วงการการแสดง และพลิกบทบาทกลับมาเป็นคนทําเพลงอีกครั้ง พร้อมปล่อยซิงเกิลเดบิวต์ “ศูนย์คูณอะไรก็ได้ศูนย์” กับทางค่าย Kicks Records สำหรับ คอลัมน์ You Know วันนี้พี่แป้งจะพาทุกคนไปรู้จักกับหนุ่มหล่อมากความสามารถคนนี้กันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ตามไปอ่านกันเลย

1. ที่มาของชื่อ “กันชาร์ลี (guncharlie)” มาจาก ชื่อที่ใช้สมัครเกมในสมัยม.ต้น ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในเกมมาตลอด แต่พอเริ่มหันมาสนใจเรื่องการทำเพลง เลยต้องหา Artist Name มาตั้ง ซึ่งกันไม่รู้ว่าจะใช้ชื่ออะไรดีก็เลยตัดสินใจเอาชื่อเกมมาใช้เลยแล้วกัน  

2. ตั้งแต่เด็กกันมีความฝันเดียวเลยคือ อยากเป็นศิลปินหรือนักดนตรี ความจริงตอนแรกอยากเป็นมือกลอง เพราะว่าหัดเล่นกลองมาตั้งแต่ม.1 เป็นสายกลองแนว Metal ซึ่งกันก็ได้เล่นมาเรื่อยๆ จนวันนึงเริ่มสนใจเรื่องการแต่งเพลงเลยเริ่มจากการเขียน rap ก่อน เริ่มหัด rap ตอนม.2 จนทำให้มีโอกาสได้ไปแข่งขันในรายการ The Rapper 2

3. แรงบันดาลใจที่ทำให้กันอยากเป็นศิลปิน เริ่มมาจาก ‘คุณพ่อ’ เพราะว่า คุณพ่อของกันเป็นนักฟังเพลง ที่บ้านมีซีดีเพลงเยอะมาก และมีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ Classic, Jazz, Metal, เพลงไอดอลญี่ปุ่น มันเลยทำให้กันซึมซับเรื่องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ จนทำให้รู้สึกว่า ‘ในชีวิตประจำวันเราขาดมันไปไม่ได้’ เลยทำให้กันอยากทำสิ่งนี้เลี้ยงชีพตัวเองไปตลอดชีวิต  

4. เรื่องตลกก็คือ กันเป็นคนที่ทำเพลงป๊อป แต่ว่าไม่ค่อยได้ฟังเพลงป๊อปเท่าไหร่ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบนะครับ (หัวเราะ) แต่เวลาที่รู้สึกเหนื่อยกันจะชอบเปิดเพลงคลาสสิกฟัง เพราะมันจะช่วยฮีลความเหนื่อยได้ประมาณนึงเลย (ต้องไปฟังบ้างแล้ว!)

5. ส่วนแนวเพลงที่ชอบจริงๆ คือ เพลงญี่ปุ่น กันชอบฟังเพลงญี่ปุ่นมากกก และฟังโดยที่ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร แต่ชอบความซื่อตรงของดนตรีญี่ปุ่น กันมองว่าพวกเพลงญี่ปุ่นหรือเพลงประกอบการ์ตูน ค่อนข้างมีความจริงใจสูง ปลุกใจก็ปลุกใจไปเลย พอเศร้าก็ขยี้จนร้องไห้ตาม

6. กันชอบดูอนิเมะมาก เรียกได้ว่าดูทั้งวี่ทั้งวันแทบจะไม่ทำอะไรเลย ถ้าให้แนะนำอนิเมะสักเรื่อง กันขอแนะนำ ‘Perfect Blue (เธอกับฉันและฝันของเรา)’ เรื่องนี้เป็นอนิเมะเดอะมูฟวี่ เป็นเรื่องราวของไอดอลที่อยากผันตัวมาเป็นนักแสดง แนว psychological  thriller ซึ่งดูแล้วมันฝังจิตฝังใจมากเลย เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ อยากให้ทุกคนตามไปดูครับ  

7. ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หลังจบรายการ The Rapper 2  กันมีโอกาสได้พูดคุยกับพี่แทนและพี่คัตโตะ เกี่ยวกับค่ายเพลงที่กำลังจะสร้างขึ้น แต่ตอนนั้นกันค่อนข้างเด็กและยังไม่รู้จักตัวเองดีพอ ซึ่งพี่ๆ ก็ได้ปล่อยให้กันได้ลองค้นหาตัวเองดูก่อน  

8. หลังจากที่ได้ค้นตัวเองจนเจอ กันได้ทักไปหาพี่ๆ ทั้งสองคนอีกครั้งว่า “พร้อมที่จะทำเพลงแล้ว” และในที่สุดตอนนี้ กันก็ได้มาเป็นศิลปินคนที่ 3 ของค่าย Kicks Records อย่างเป็นทางการ พร้อมมีซิงเกิลเดบิวต์เป็นของตัวเอง ชื่อเพลงว่า “ศูนย์คูณอะไรก็ได้ศูนย์” เป็นดนตรีแนวป๊อปที่เสริมเข้าด้วยท่อน rap ในสไตล์ของกัน

9. ต้องเล่าก่อนว่าที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มทำเพลงเองและได้ปล่อยเพลงลง YouTube กันไม่เคยลองทำเพลงป๊อปเลย ส่วนมากจะเป็นแนว Experimental ซึ่งเพลงศูนย์คูณอะไรก็ได้ศูนย์เป็นเพลงป๊อปเพลงแรกเลยที่กันตั้งใจเขียนมากๆ เหมือนกับว่าได้ลองของใหม่ได้ชาเลนจ์ตัวเอง ซึ่งกันมีความสุขมากตอนที่เขียนเพลงนี้

10. วันแรกที่ปล่อยเพลง กันรู้สึกว่า ‘การเดินทางมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว’ ตอนที่เห็นงานไฟนอล จนเพลงปล่อยก็รู้สึกไม่มีอะไรติดค้างในใจเลย และไม่ว่าเพลงจะดังหรือไม่ดัง แต่ว่ากันได้ทำในสิ่งที่ชอบแล้วก็ถือว่าเป็นสิ่งที่กันภูมิใจและดีใจมากๆ ครับที่ได้ลงมือทำ

11. สำหรับแรงบันดาลใจในการเขียนเพลงนี้มันเกิดจาก กันไปเจอมีมในอินเตอร์เน็ต เป็นมีมบทสนทนาระหว่างเพื่อน ซึ่งมีเพื่อนทักเจ้าของแชทมาว่า ‘รู้มั้ยฉันฉลาดกว่านายตั้ง 5 เท่า’ เจ้าของแชทเลยตอบกลับไปว่า ‘5 เท่า ของ 0 ก็เท่ากับ 0 อยู่ดี’ เลยทำให้กันปิ๊งไอเดียหยิบยกเอามาเขียนเป็นเพลง

12. ตอนเขียนเพลงนี้กันเลยเอาเรื่องหลักวิชาคณิตศาสตร์มาลองเทียบกับเรื่องความสัมพันธ์ ให้เลขศูนย์แทนค่าเป็น หัวใจหรือความรู้สึกของคนที่เราไปชอบ ซึ่งไม่ว่าเราจะให้ทั้งความเอาใจใส่ ให้ทั้งความรัก ให้ทุกสิ่งทุกอย่างไป แต่มันก็ไม่ต่างจากการที่เอาจำนวนร้อยล้านไปคูณกับศูนย์ ทุกอย่างมันสามารถหายวับไปได้ ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเราอยู่แล้ว (โอ๊ยทำไมมันเศร้าแท้ TT)

13. นอกจากกันจะเขียนเนื้อเพลงและท่อน rap ของเพลงนี้เองแล้ว กันยังเล่นเป็นพระเอก MV ของอีกด้วย แถมยังมี ปุยเมฆ นภสร มาประเดิมเป็นนางเอก MV แรกของกัน ในบทบาท ติวเตอร์ที่คอยช่วยเหลือเพื่อน และยังมีพี่ๆ Lipta มาสร้างสีสันให้กับ MV นี้ (อย่าลืมไปปั่นวิวกันนะ)

14. กันเล่าว่า ที่ผ่านมาตอนทำเพลงกันเป็นคนคิดเองคนเดียวทั้งหมดเลย ไม่มีคนสกรีนให้ก่อนปล่อย เลยทำให้ขาดฟีดแบคจากคนอื่นประมาณนึง แต่พอได้เข้ามาอยู่ในค่ายโชคดีที่มีพี่ๆ ทั้งสองคนคอยมาสกรีนเพลงทั้งหมดว่าเป็นยังไง เพลงนี้ดีไม่ดีตรงไหนบ้าง หรือยังขาดตรงไหนที่น่าจะทำให้เพลงมันดีขึ้น ทุกครั้งที่โดนรีเจคมากันก็ค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกเรื่อยๆ จนกลายออกมาเป็นเพลงที่สมบูรณ์ที่สุด  

15. ก่อนเดบิวต์เป็นศิลปินเต็มตัว กันเคยแสดงซีรีส์และภาพยนตร์มาก่อน พี่แป้งเลยแอบถามไปว่า ระหว่างการแสดงกับการทำเพลงกันว่าสิ่งไหนยากกว่ากัน เจ้าตัวตอบว่า ‘กันมองว่าทั้งสองอย่างมันมีส่วนที่ทั้งง่ายและยากทั้งคู่เลย กันรู้สึกว่าการแสดงกันต้องพยายามมากกว่าดนตรีนิดนึง ด้วยความที่เติบโตมากับเพลงตั้งแต่เด็กเลยทำให้กันมีความเข้าใจเรื่องเพลงประมาณนึง’

16. กันบอกว่า นักแสดงมันคือการเก็บเอาตัวตนของเราให้มันไปอยู่ในจุดที่ลึกที่สุด เพื่อให้พร้อมที่จะเอาคาแรคเตอร์และตัวตนใหม่ๆ เข้ามาสวมทันที และให้เราได้เป็นตัวละครตัวนั้น ตัดภาพมาที่การเป็นศิลปินเพลง มันคือการที่เอาตัวตนของเราออกมานำเสนอให้มันชัดเจนที่สุด มันเลยค่อนข้างที่จะแตกต่างกันมากพอสมควร ถ้าให้เลือกจริงๆ กันรู้สึกชอบการทำเพลงมากกว่าครับ  

17. กันยังเล่าอีกว่า ตอนที่เพิ่งเริ่มแสดงแรกๆ การไปแสดงหน้ากล้องเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับกันมากๆ ตอนนั้นรู้สึกว่ามันไม่ใช่เลย มันไม่ใช่ตัวเรา เราไม่มีทางแสดงได้อย่างแน่นอน แต่ว่าสุดท้ายแล้วกันก็เริ่มปรับตัวได้และก็รู้สึกว่าเราก็สามารถทำมันออกมาได้ดีเหมือนกัน (ทีมผู้จัดผ่านมาเห็นจ้างได้นะคะ)

18. พี่แป้งลองให้กันเปรียบเทียบตัวเองกับแนวเพลง 1 แนวที่บ่งบอกตัวตนของกันมากที่สุด เจ้าตัวบอกว่า ‘แนวเพลงที่บ่งบอกความเป็นตัวกันได้มากที่สุดก็คงเป็น เพลง ศูนย์คูณอะไรก็ได้ศูนย์ นี่แหละครับ เป็นเพลงแนวป๊อปที่มีฮิปฮอปมาแฝงอยู่ภายในเพลงด้วย ถ้าถามว่ากันชาร์ลี คือแนวเพลงอะไร กันคิดว่าเป็นเพลงป๊อปแรปครับ’

19. แอบถามไปอีกว่า มีพี่ๆ ศิลปินท่านไหนที่อยากจะร่วมงานด้วยหรือเปล่า กันตอบว่า ‘อยากร่วมกับพี่ๆ วงลานดอกไม้ครับ เพราะว่าส่วนตัวกันชอบพี่อูปิมกับพี่แอนท์มากๆ’ (ยิ้มหวานพร้อมยกนิ้วโป้งไปหนึ่งที)  

20. ย้อนกลับไปสมัยมัธยม กันเรียนอยู่ที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 แผนการเรียน English Program ซึ่งกันเล่าว่าตอนเรียน วิชาคณิตศาสตร์ เย็บปักถักร้อย และพละ เป็นวิชาที่กันไม่ชอบเลย (เล่าไปก็ส่ายหัวไป) แต่ถ้าถามว่าชอบวิชาไหนที่สุดคำตอบคือ literature review เป็นวิชาที่เกี่ยวกับวรรณกรรม ต้องอ่านบทประพันธ์ต่างๆ แล้วเอามาวิเคราะห์ อีกวิชาก็หนีไม่พ้นดนตรีที่แน่นอนว่าต้องชอบมากๆ อยู่แล้ว

21. กันเคยมีประสบการณ์ติดศูนย์ด้วย ตอนนั้นก็บอกที่บ้านไปเลยตรงๆ ไม่ได้ปกปิด ซึ่งที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่ได้เคร่งเครียดเรื่องเกรดเท่าไหร่ แต่ว่าช่วงม.5-6 ที่เริ่มเข้าวงการเพลง เพราะว่าเพิ่งจบจากรายการ The Rapper 2 ทำให้ช่วงนั้นงานเยอะประมาณนึงเลยทำให้เผลอสอบตกไปบางวิชา แต่ว่าที่บ้านไม่ได้ว่าอะไรเพราะเขาเข้าใจหมดเลย  

22. ตอนนี้กันต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แต่กันก็มีเทคนิคการแบ่งเวลาในฉบับของกัน คือ ไม่ดองงาน เวลาได้งานอะไรมาถึงแม้กำหนดส่งจะอีก 2-3 เดือนหน้า กันจะทำให้เสร็จภายในอาทิตย์แรกตั้งแต่ที่ได้งานมาเลย จะได้ไม่ต้องมากังวลทีหลังว่ามีงานไหนที่ยังค้างคาอยู่หรือเปล่า (น้องๆ ชาว Dek-D.com ลองเอาไปใช้ได้นะ)

23. ถามถึงแพลนในอีก 5 ปีข้างหน้า กันตอบว่า ‘ไม่หวังอะไรมากเลยครับ แค่อยากที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ได้เรื่อยๆ ความจริงไม่ได้คาดหวังความดัง ชื่อเสียง เงินทอง อะไร แค่อยากให้เรามีความสุขกับจุดๆ นี้ จุดที่เราทำเพลง ทำสิ่งที่เราชอบได้โดยไม่รู้สึกเบื่อมัน’

24. กันอยากขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ยังติดตามกันอยู่ ตั้งแต่ The Rapper 2 จนมาเข้าวงการการแสดงก็ยังมีกลุ่มแฟนคลับเดิมมาคอยติดตามอยู่ จนได้เดบิวต์เป็นศิลปินเต็มตัวซึ่งเป็นตัวตนของกันจริงๆ แล้วแหละ และกันคิดว่าคงจะทำเพลงไปตลอดชีวิตเลย ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะครับ กันก็จะพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ครับ

25. สุดท้ายนี้ กันอยากจะฝากถึงน้องๆ ชาว Dek-D.com ที่มีความฝันอยากจะเป็นศิลปินหรืออยากทำเพลงว่า ‘ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ เราต้องให้ความรักกับมัน ให้ความเอาใจใส่ พยายามเรียนรู้และพัฒนาตัวเองตลอด ถ้าชอบก็อย่าหยุดทำมัน เดี๋ยวสักวันนึงสิ่งที่เราชอบมันจะตอบแทนเราอย่างแน่นอนครับ’