สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com คราวก่อน พี่พิซซ่า แนะนำเรื่องสายการบินในประเทศ สำหรับชาวเวิร์คที่จะต้องเดินทางภายในสหรัฐอเมริกา เพื่อไปที่ทำงานหรือไปเที่ยวหลังจบโครงการ (ใครยังไม่ได้อ่านคลิกโลด) คราวนี้พี่จะมาแนะนำการเดินทางด้วยรถบัสค่ะ เผื่อใครเข็ดกับการนั่งเครื่องแล้ว (จากไทยไปก็ 13 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำแล้ว)
การเดินทางด้วยรถบัส Greyhound (เกรย์ฮาวด์)
เกรย์ฮาวด์เป็นรสบัสระหว่างเมืองที่มีเส้นทางครอบคลุมมากที่สุดในสหรัฐ คล้ายๆ กับรถทัวร์ไปต่างจังหวัดบ้านเราค่ะ เพียงแต่ระยะทางยาวกว่าของเราเยอะ เพราะประเทศเขาใหญ่กว่ามากๆ บางเส้นทางที่อยู่ในรัฐเดียวกันแท้ๆ ยังใช้เวลาเดินทางเกินครึ่งวันเลยค่ะ ฉะนั้นรับรองเลยว่าอวัยวะของน้องๆ อาจจะไร้ความรู้สึกกันเลยทีเดียวเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง
ลักษณะรถ
เกรย์ฮาวด์มีรถหลายรุ่นหลายไซส์มาก แต่เป็นรถปรับอากาศทั้งหมด บางคันก็คล้ายรถฉิ่งฉาบทัวร์ติดแอร์ บางคันก็กว้างขวาง หรูหรา มีที่ยืดขาเยอะๆ อันนี้ขึ้นอยู่กับเส้นทางค่ะ ว่าเขาให้รถรุ่นไหนบริการเส้นไหนบ้าง
สิ่งอำนวยความสะดวกบนรถ
รถรุ่นใหม่ๆ แทบทุกคันจะมีบริการ wi-fi ให้บนรถค่ะ ซึ่งบางคันแปะป้ายว่ามีบริการ แต่จริงๆ แล้วสัญญาณอ่อนเกินกว่าจะต่อได้ หรือสัญญาณแรงเวลาขับรถตกหลุม บางคันสัญญาณดี แต่มีพาสเวิร์ด พอไปขอคนขับ คนขับก็อารมณ์เสียเกินกว่าจะยอมบอก (น่ากลัวมากๆ) ทำให้ต้องนั่งปวดตัวแบบซึมๆ ไปเลย ติดต่อที่บ้านไม่ได้ T_T
นอกจากนี้ก็มีที่เสียบปลั๊กให้ด้วย ถ้าโชคดีก็จะมีให้ที่นั่งละอันแยกกันเลย ถ้าโชคร้ายนิดๆ ก็จะมี 1 อันต่อที่นั่ง 1 คู่ (อย่างน้อยก็เจรจากับคนข้างให้แบ่งกันได้) ถ้าโชคร้ายมากๆ ก็จะมีปลั๊กระหว่างที่นั่งทุกๆ 3 แถว เท่ากับว่า 1 ปลั๊กต่อ 6 คน แต่ถ้าโชคร้ายสุดยอดก็คือมีปลั๊กแต่ไฟไม่เข้าค่ะ พี่ว่ามันน่าเซ็งยิ่งกว่าไม่มีปลั๊กเลยซะอีก
ห้องน้ำมีบริการ 1 ห้องด้านท้ายรถ เป็นแบบที่นั่ง แต่มองเห็นเลยว่าของเสียเราหล่นลงไปเก็บที่ไหน และมีอะไรอยู่ก่อนแล้ว (แต่มันลึกมากนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะเห็นแบบต่อหน้าต่อตา) ฉะนั้นไม่ต้องไปมองค่ะ ทำภารกิจไปเลย น้องผู้หญิงถ้าไม่กล้านั่งเต็มๆ ก็ทำความสะอาดที่นั่งหรือเอากระดาษวางก่อน หรือจะยองๆ ไม่ให้สัมผัสก็ได้ค่ะ แต่ไม่ควรขึ้นไปเหยียบบนที่นั่งเลยนะคะ ต้องเห็นใจลูกค้าท่านอื่นด้วย ตอนนั้น พี่พิซซ่า มีสเปรย์ฆ่าเชื้อสำหรับที่นั่งสุขภัณฑ์ขวดเล็กๆ ไซส์ขึ้นเครื่องบินได้ ติดตัวไปด้วยทุกที่ พี่ก็ฉีดให้ทั่วก่อนเช็ดแล้วนั่งค่ะ เพราะบางทีรถมันขับได้หรรษามาก ถ้าไม่ได้นั่งจริงอาจจะหัวทิ่มได้ค่ะ
แล้วก็มีไฟอ่านหนังสือแยกแต่ละที่นั่ง คล้ายกับบนเครื่องบิน ส่วนเรื่องเก้าอี้นั้นขึ้นอยู่กับรุ่นรถค่ะ ว่าจะกว้างขวาง มีที่ยืดขาและสามารถปรับเอนได้ขนาดไหน
การซื้อตั๋ว
การซื้อออนไลน์แล้วพิมพ์ใส่กระดาษ สามารถซื้อได้ที่เว็บไซต์ http://www.greyhound.com/ ค่ะ โดยมีให้เลือกทั้งราคาปกติ ราคาล่วงหน้า (21 วัน 14 วัน 7 วัน) หรืออื่นๆ บางเส้นทางจะมีราคาที่นั่งชั้นธุรกิจให้ด้วย ราคาก็จะแตกต่างกันไปค่ะ แต่บางครั้งซื้อล่วงหน้าเป็นเดือนก็ไม่คิดราคาเหมือนล่วงหน้า 21 วันให้ด้วยนะคะ เพราะนานเกิน (ซะงั้น)
การซื้อที่เคาน์เตอร์จำหน่าย สามารถซื้อได้ที่ท่ารถต่างๆ ที่มีบริการท่ารถ (บางทีจะจอดให้คนลงเฉยๆ ที่ป้ายธรรมดาๆ เหมือนป้ายรถเมล์) ซึ่งบางครั้งการซื้อล่วงหน้า 7 วันราคาถูกกว่า 21 วันอีก (อ้าว)
บางสถานีจะมีบริการตู้ออกตั๋วค่ะ ไปยืนกดๆ จิ้มๆ ก็สนุกดี แต่จะเหนื่อยเวลากดชื่อ เพราะชื่อคนไทยมักจะยาวจนตกกระดาษ เครื่องจะพิมพ์ออกมาให้แบบชื่อกุดๆ ค่ะ พอเจ้าหน้าที่เห็นเราจิ้มนาน เขาก็จะเข้ามาช่วยเหลือ แล้วก็มักจะถอนใจกับชื่อนามสกุลของชาวไทยอยู่บ่อยๆ ^^
นอกจากนี้ก็มีการซื้อทางโทรศัพท์ที่จะต้องใช้บัตรเครดิต หรือการซื้อในเว็บแล้วไปจ่ายเงินสดที่ 7-11 (บางสาขาในอเมริกานะคะ ไม่ใช่สาขาหน้าปากซอยบ้าน)
กฎเรื่องกระเป๋าเดินทาง
ผู้โดยสาร 1 ท่านจะได้สิทธิโหลดกระเป๋าเดินทาง 1 ใบใต้รถได้ค่ะ โดยมีน้ำหนักไม่เกิน 50 ปอนด์ (22.68 กิโลกรัม) ซึ่งปกติก็คือน้ำหนักกระเป๋าโหลดของสายการบินส่วนใหญ่อยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไรค่ะ ส่วนขนาดคือความกว้าง ความยาว ความสูงรวมกันไม่เกิน 62 นิ้ว (157.48 เซนติเมตร) ค่ะ แสดงว่าจะเป็นทรงไหนก็ได้ ขอแค่บวกกันได้เท่านี้ แต่ถ้าใครมีกระเป๋าโหลดใบที่สองต้องเสีย 10 เหรียญค่ะ ตอนนั้นพี่โชคดี เขาเห็นว่าใบที่สองไม่หนักมาก และรถว่างเลยไม่ต้องเสียเงิน ^^
กระเป๋าถือขึ้นรถที่จะนำขึ้นไปไว้บนช่องใส่ของด้านบนนั้น ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 25 ปอนด์ (11.35 กิโลกรัม) ซึ่งก็เป็นขนาดเดียวกับกระเป๋าถือขึ้นของสายการบินเช่นกัน แต่ละคนมีสิทธิ 1 ใบ แต่กระเป๋าส่วนตัวและกระเป๋าคอมพิวเตอร์ไม่นับเป็นกระเป๋าถือขึ้นรถนะคะ น้องๆ สามารถแยกจากกันได้ค่ะ
ขอแนะนำเลยว่าอย่าเอากระเป๋าที่มีน้ำหนักหรือขนาดเกินกฎระเบียบไปค่ะ เพราะน้องต้องจ่ายเงินเพิ่มจนเหมือนน้องซื้อเก้าอี้ข้างๆ ให้กระเป๋านั่งเลย
ตอนไปถึงท่ารถอย่าลืมเอากระเป๋าไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ด้วยนะคะ เพราะเจ้าหน้าที่จะให้แท็กมา (เหมือนของเครื่องบินเลย) ซึ่งจะระบุปลายทางและจุดที่น้องต้องเปลี่ยนรถทั้งหมด พอจอดป้ายไหน คนขับก็จะลงไปดูว่ากระเป๋าใครบ้างต้องลงป้ายนี้ กระเป๋าใครต้องไปต่อ แต่ถ้าน้องต้องเปลี่ยนรถ อย่าลืมลากกระเป๋าตัวเองไปด้วยนะคะ เจ้าหน้าที่จะเอาออกจากรถให้อย่างเดียวแต่ไม่มีบริการเอาไปส่งให้อีกคันค่ะ ยกเว้นว่าเป็นความผิดของเขาอย่างรถเสียแล้วต้องเปลี่ยนคัน
การเปลี่ยนรถ
หลายครั้งที่น้องๆ ต้องเปลี่ยนรถหลายคันมาก ฉะนั้นขอให้น้องๆ ตั้งใจฟังประกาศดีๆ นะคะ คนขับจะประกาศว่าถึงสถานีไหนแล้ว ซึ่งถ้าเป็นท่ารถใหญ่ๆ (ลองนึกถึงบีทีเอสสยามที่สามารถเปลี่ยนรถได้หลายเส้น) คนขับจะบอกว่า ถ้าคุณจะไปต่อสาย A ต้องไปประตู 5 สาย B ประตู 8 ประมาณนี้ บางสถานีมีเป็นยี่สิบประตูเลยค่ะ ซึ่งบางทีประตู 3-5 อาจจะไปจุดหมายเดียวกันและออกรถในเวลาไล่เลี่ยกันก็ได้ ถ้าน้องไม่ได้ฟังบนรถว่าต้องไปประตูไหน แล้วเดินไปประตู 3 เพราะอ่านป้าย แต่จริงๆ น้องมีรายชื่อที่ประตู 5 ก็อาจจะเป็นเรื่องได้เหมือนกันค่ะ การไปถามเจ้าหน้าที่ก็เป็นเรื่องยุ่งยากด้วย ฉะนั้นฟังประกาศบนรถดีๆ ค่ะ ข้อมูลจะล่าสุดและชัดเจนกว่าบนตั๋วเยอะ
บางครั้งที่มีการพักรถ แต่น้องไม่ต้องเปลี่ยนรถ เขาก็จะให้ลงจากรถทุกคนเพื่อป้องกันการขโมยของ ทีนี้อาจจะเกิดปัญหาได้ เพราะตอนลงจอดประตู 4 แต่ตอนให้ขึ้นในอีก 2 ชั่วโมงข้างหน้ากลับย้ายไปจอดที่ประตู 6 ฉะนั้นตั้งใจฟังประกาศนะคะ ไม่ต้องห่วงนะคะว่าพูดแล้วไม่ได้ยิน คนขับส่วนใหญ่จะดุถ้าบนรถเสียงดังเกินค่ะ ส่วนใหญ่ตอนประกาศก็ได้ยินชัดดี (แต่ฟังออกหรือไม่นี่อีกเรื่องนึงค่ะ 555)
ข้อเสีย
เป็นระบบขนส่งที่ไม่ค่อยตรงต่อเวลา ครั้งนึงเลทไปเกือบสามชั่วโมงแน่ะ พี่รอจนแห้งเลย แต่ดีที่เป็นรถต่อสุดท้ายของพี่ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องพลาดคันต่อไป แต่ก็มีหลายคนค่ะที่ต้องไปต่ออีกคัน ทำให้เขาต้องพลาดรถคันถัดไปอีก แล้วก็กระทบเป็นลูกโซ่ แต่ก็เป็นความรับผิดชอบของเกรย์ฮาวด์นะคะ เจ้าหน้าที่จะต้องพยายามหาคันถัดไปที่ให้บริการในเส้นทางนั้นให้ลูกค้าโดยเร็วที่สุด แต่ถ้าไม่มี ต้องรออีกวัน ลูกค้าก็ต้องหาที่พักเอง (และจ่ายเงินเอง)
คำแนะนำ
อยากให้น้องๆ เช็คตารางรถด้วยตัวเองล่วงหน้าเลยค่ะ ถึงแม้น้องจะฝากคนอื่นซื้อตั๋วให้ก็ตาม เพื่อที่น้องจะได้มีทางหนีทีไล่หากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน เพื่อที่จะได้มีเส้นทางสำรองถ้ารถมาสาย หรือตกรถขึ้นมา
นอกจากนี้ก็ต้องไปรอขึ้นรถเร็วๆ เลย จะได้เลือกที่นั่งก่อนคนอื่น ถ้ามีโอกาสขอให้นั่งปุ๊บ ลองเสียบปลั๊กทันที ถ้าเสียจะได้รีบเปลี่ยน และถ้าขึ้นเร็วก็จะได้ที่วางกระเป๋าบนที่นั่งตัวเองพอดี
แชร์ประสบการณ์การขึ้นเกรย์ฮาวด์ของพี่ ^^
ปีนี้พี่เดินทางจาก Chicago (ลงเครื่องบินที่นั่น) ไปถึง St. Ignace รัฐมิชิแกน เพราะเป็นสถานีที่ใกล้ที่ทำงานที่สุด ในตารางบอกว่าใช้เวลา 12 ชั่วโมง แต่จริงๆ แล้วสายจนใช้เวลาทั้งหมด 13 ชั่วโมงครึ่ง ไปถึงตีหนึ่งกว่าๆ เลย แทบตาย แต่ดีที่ตอนนั้นไปเป็นกลุ่ม 5 คนที่ไปเวิร์คด้วยกัน เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรค่ะ
ขากลับน่าสนใจกว่าเยอะ เพราะพี่ออกจากที่ทำงานที่ St. Ignace แล้วตรงไปวอชิงตันดีซีทันทีเพื่อไปเที่ยว แถมไปคนเดียวด้วย ต้องโดยสารรถทั้งหมด 4 คัน ส่วนเวลาตามตารางคือ 23 ชั่วโมงครึ่ง แต่จริงๆ แล้วทั้งหมดกินเวลา 25 ชั่วโมงกว่าๆ ค่ะ ตอนนั้นรู้สึกว่าทรหดไปมั้ย ดีที่ระยะเวลาเปลี่ยนจากคันที่ 2 ไปคันที่ 3 ต้องรอสองชั่วโมง พอคันที่ 2 มาถึงช้ากว่ากำหนดไปชั่วโมงครึ่ง พี่เลยไม่ตกรถคันที่ 3 ค่ะ แต่ตอนแรกก็กังวลมากว่าจะทันคันที่ 3 มั้ย เพราะไปคนเดียว แถมกระเป๋าใหญ่หนักมากตั้ง 2 ใบ
ส่วนบรรยากาศบนรถนะคะ ตอนแรกนั่งจากเมือง St. Ignace ซึ่งถือว่าไกลปืนเที่ยงมาก เกรย์ฮาวด์มาไม่ถึงค่ะ ต้องใช้บริการรถของ Indian Trails ที่เป็นรถทัวร์ของท้องถิ่นไป 7 ชั่วโมงกว่าจะถึงท่ารถใหญ่ที่เปลี่ยนไปเกรย์ฮาวด์ แต่คนบน Indian Trails น้อยมากค่ะ ได้นั่งเดี่ยวกันทุกแถว จะตื่นเต้นก็ตอนไปจอดป้ายข้างทางแห่งหนึ่ง (ชนบทมาก) แล้วมีรถตรานายอำเภอที่เขียนข้างรถว่า “รถขนส่งนักโทษประจำอำเภอ...” มาจอดเปิดไฟรอ จากนั้นนายอำเภอก็เปิดประตูหลังและนำตัวชายคนหนึ่งลงมา โดยที่ยังมีกุญแจมืออยู่ค่ะ OoO แล้วนายอำเภอก็ไขกุญแจมือให้ก่อนจะก้มไปทำอะไรบางอย่างกับเครื่องติดตามที่รัดไว้ที่ข้อเท้า โอ้แม่เจ้ามากเลยค่ะ น้องๆ อาจจะคิดว่าเรื่องถึงจุดพีคที่สุดตอนที่คุณนักโทษคนนั้นมานั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่แต่เยื้องถอยหลังไป 1 แถว (นักโทษหล่อแบบแบดบอยมาก) ไม่ค่ะ อีก 2 ป้ายถัดมา มีคุณตาแก่ๆ หน้าตาหื่นๆ ขึ้นมานั่งแถวตรงข้ามพี่พอดี แถมแกยังนั่งหันหน้ามองพี่ตลอดการเดินทางพร้อมรอยยิ้มและสายตาหื่นๆ น้ำตาจะไหล wi-fi ก็ติดๆ ดับๆ คุยกับใครไม่ได้ ขนลุกที่สุดเลยค่ะ
ดีที่พอไปถึงท่ารถใหญ่ที่เปลี่ยนเป็นเกรย์ฮาวด์เราไปกันคนละทาง (เฮ้อ) แต่คันอื่นๆ หลังจากนั้นพี่ได้ขึ้นแต่คันที่มีผู้โดยสารมาก่อนแล้ว ทำให้เลือกที่นั่งไม่ได้ แต่ก็พยายามมองหาที่นั่งข้างคนที่ดูธรรมดาที่สุดหรือผู้หญิงที่มาคนเดียวและนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ถ้านั่งข้างคนชอบคุย น้องก็จะโดนสัมภาษณ์ไปตลอดทางเลยค่ะ
ส่วนเรื่องที่น่าอารมณ์เสียอีกอย่างคือเขาไม่จอดพักรถตามเวลาอาหารค่ะ ถ้าโชคดีตรงเวลาอาหารก็โอเคไป แต่พี่โดนพักรถตอนเที่ยงคืนถึงตีสอง ใครมันจะมีอารมณ์ตื่นลงไปนั่งรอในสถานี ไม่ใช่เวลาทานข้าวอีกด้วย เซ็งมากๆ ดีที่รอบนี้สร้างไมตรีกับคนข้างๆ เพราะเขาต้องขึ้นคันเดิมต่อเหมือนกัน เลยมานั่งงีบด้วยกัน และคอยเตือนกันตอนขึ้นรถ (ช่วยกันกั๊กที่นั่งเดิมด้วย)
ตัวอย่างการดูตารางเวลาเดินรถ (เส้นทางต่างจากตอนที่พี่ใช้บริการเล็กน้อย)
ที่เล่ามานี่ไม่ได้จะให้น้องๆ กลัวนะคะ เพราะพี่ยังเดินทางตัวคนเดียวมาได้ข้ามวัน ผ่าน 5 รัฐ แถมเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ (หรอ ^^) มันไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ เอาเป็นว่าหาข้อมูลดีๆ จะจองกับเอเจนซี่หรือใครก็ตามน้องควรแม่นยำเรื่องตารางรถเองด้วยค่ะ และที่สำคัญต้องรู้ว่าน้องต้องไปเส้นทางไหน ผ่านเมืองผ่านรัฐอะไรบ้าง จะได้ไม่ไปโผล่ผิดที่ นาทีนั้นต้องพึ่งตัวเองอย่างเดียว
ภาพประกอบ
www.skyscrapercity.com, www.jaunted.com
www.vagabondjourney.com, en.wikipedia.org/wiki/Greyhound_Lines
ladyornot.com, beyonddc.com, www.greyhound.com
20 ความคิดเห็น
ของ นครชัยแอร์ ก็หรูนะเคยนั่งแล้ว
แต่ติดตรงที่ต้องต่อรถหลายๆเที่ยวนะสิ