สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พี่พิซซ่า พาน้องๆ ไปทำความรู้จักกับโรนัลด์ เนลสัน นักเรียนที่ได้รับการตอบรับเข้าเรียนจาก 8 สถาบันดังไอวี่ลีก แต่สุดท้ายเขาเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมดา วันนี้พี่ก็มีเรื่องราวดีๆ จากอีกหนึ่งหนุ่มที่สอบเข้าไอวี่ลีกได้ครบทั้ง 8 สถาบันเช่นกัน ทั้งที่เมื่อ 10 ปีก่อนเขาไม่รู้ภาษาอังกฤษเลยด้วยซ้ำ มาดูกันว่าจากเด็กที่ไม่รู้แม้แต่คำว่า cat กลายเป็นเด็กเก่งที่สอบ SAT ได้คะแนนเต็มได้ยังไง
Courtesy of Stefan Stoykov Via businessinsider
ครอบครัวของสเตฟาน สตอยคอฟ (Stefan Stoykov) โชคดีได้รับกรีนการ์ดจากโครงการ Green Card Lottery เมื่อ 10 ปีก่อน สมาชิกครอบครัวทั้ง 4 คนจึงย้ายจากประเทศบัลแกเรียมายังสหรัฐอเมริกาตอนนั้นแม่ของเขาเป็นพนักงานขนแร่เหล็ก ส่วนพ่อเป็นพ่อครัวในกองทัพ แม้จะไม่มีใครพูดอังกฤษได้เลยแม้แต่น้อยแต่ก็คิดว่าเสี่ยงมาที่นี่น่าจะดีกว่า แม่ของสเตฟานอยากให้เขาได้มีโอกาสทางการศึกษาดีๆ
ทั้งครอบครัวย้ายมาอยู่เมืองอินเดียนาโปลิสกับญาติ แต่ในที่สุดพ่อกับแม่เขาก็เก็บเงินได้มากพอที่จะเช่าบ้านของตัวเองแยกออกมา อย่างไรก็ตามไม่กี่เดือนหลังจากนั้นพ่อกับแม่เขาก็หย่ากัน สเตฟานไม่ค่อยรู้เรื่องของพ่ออีกนับจากนั้น รู้แค่ว่าพ่อของเขาเป็นคนขับรถบรรทุก ส่วนแม่ของเขาทำงานเป็นแม่บ้านให้อพาร์ทเมนต์ต่างๆ สเตฟานและน้องชายต้องย้ายบ้านตามแม่ไปทุกครั้งที่ค่าเช่าห้องเดิมเริ่มแพงขึ้น หรือที่ทำงานของแม่ไกลขึ้น
สเตฟานเข้าเรียนโรงเรียนในสหรัฐครั้งแรกตอนป.2 ตอนนั้นเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ อ่านเขียนอะไรก็ไม่ได้ เวลาเพื่อนในห้องมาชวนคุยเขาก็พยักหน้าส่งๆ ไปอย่างเดียวโดยไม่รู้เรื่องเลยว่าเพื่อนคุยเรื่องอะไร สเตฟานจึงมักนั่งตรงมุมห้องและพยายามหลบคนอื่น เขาบอกว่าตอนนั้นรู้สึกกลัวมากๆ ขนาดการบ้านง่ายๆ ของชั้นป.2 อย่างให้เล่ากิจกรรมที่ทำในวันหยุดเขาก็ทำไม่ได้ เขาเขียนศัพท์เป็นคำๆ ยังไม่ได้ นับประสาอะไรกับการเขียนเป็นประโยค
Courtesy of Stefan Stoykov Via businessinsider
สเตฟานต้องเอาพจนานุกรมบัลแกเรียน-อังกฤษมาตั้งไว้ข้างตัวตลอดเวลา แต่ถึงจะแปลเอาคำมาวางเรียงๆ กันได้ มันก็ไม่ออกมาเป็นรูปประโยคภาษาอังกฤษแบบของเพื่อนๆ สเตฟานต้องอ่านหนังสือเรียนภาษาอังกฤษเองที่บ้านทุกคืน คุณครูที่สอนเขาตอนนั้นบอกว่า "แม้สเตฟานจะไม่รู้จักศัพท์ซักคำ แต่สิ่งที่เขามีคือความตั้งใจจริงที่ครูเห็นได้จากสายตาของเขา เขาไม่เคยย่อท้อเลย เขาดูตั้งใจที่จะเข้าใจจริงๆ" และเมื่อจบป.2 สเตฟานก็เขียนศัพท์ได้หลายคำ เขาเขียนประโยคง่ายๆ ได้ตอนจบป.3 แม้จะเขียนผิดไวยากรณ์แต่คนอ่านก็เข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อได้แล้ว
และเป็นช่วงป.3 นี่เองที่เขาประสบความสำเร็จในโรงเรียนเป็นครั้งแรก ตอนนั้นมีสอบเลขจับเวลา 100 ข้อใน 5 นาที สเตฟานเป็นคนที่ทำโจทย์ได้มากที่สุดในชั้นเรียน เขาจึงค้นพบว่าถ้าเขาตั้งใจจริงๆ เขาก็ทำอะไรได้ดีแน่นอน ยิ่งเห็นแม่ทำงานหนักเพื่อให้เขามีอนาคตที่ดี เขาจึงตั้งใจว่าจะไม่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง จะไม่ทำให้ความทุ่มเทของแม่สูญเปล่า เขาอุตส่าห์มีโอกาสมาถึงนี่แล้วก็ต้องคว้าและใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าที่สุดให้ได้
ในที่สุดสเตฟานก็เรียนจบม.ปลายมาด้วยเกรดเฉลี่ยที่สวยงาม เขาได้รับเลือกเป็นตัวแทนนักเรียนกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีรับเกียรติบัตร ได้ทุนนักเรียนดีเด่นระดับชาติ เป็นประธานชมรมและสมาชิกสภานักเรียน สเตฟานลงเรียนวิชา AP และ IB มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แถมเขายังสอบ SAT ได้ 2400 คะแนนเต็มอีกด้วยค่ะ เขายืมหนังสือเตรียมสอบ SAT จากห้องสมุดโรงเรียนมาลอกโจทย์ลงกระดาษทีละข้อแล้วแก้โจทย์ไปเรื่อยๆ
ผลงานเด่นๆ ในโรงเรียนของเขามีมากมาย เช่น โครงงานของเขาได้รับเลือกให้ไปนำเสนอที่กรุงวอชิงตันดีซีในเรื่องของปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจกับการเคลื่อนไหวทางสิทธิพลเมือง เป็นกัปตันทีมแข่งวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนและได้รางวัลระดับรัฐ เขาช่วยติวหนังสือให้เด็กเมียนมาร์หลังเลิกเรียนเพราะเข้าใจว่านักเรียนคนนั้นต้องมีความรู้สึกเดียวกับที่เขาเคยมีในฐานะเด็กต่างชาติที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาเชิญที่ปรึกษาด้านการลงทุนให้มาช่วยพูดให้ความรู้เรื่องหุ้นที่โรงเรียนได้ นอกจากนี้ยังเขียนเรียงความเรื่องอดีตผู้นำคอมมิวนิสต์บัลแกเรียว่าส่งผลยังไงกับประเทศ เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ในตอนนั้นได้มากขึ้น
คุณครูมัธยมปลายของเขาชมว่าเขาเป็นนักเรียนประเภทที่ส่งงานก่อนเวลาเสมอ และมักนำร่างเรียงความมาปรึกษาครูอยู่เนืองๆ ก่อนส่ง สเตฟานมักคิดว่าตัวเองยังขยันไม่มากพอ ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาขยันกว่าเด็กส่วนใหญ่สมัยนี้ซะอีก
สเตฟานสมัครเข้ามหาวิทยาลัยไป 18 แห่ง ได้แก่สถาบันในกลุ่มไอวี่ลีกทั้ง 8 และสถาบันชื่อดังอีก 10 แห่งได้แก่ Stanford, the University of Chicago, Johns Hopkins University, Washington University in St. Louis, Williams College, Amherst College, Pomona College, Claremont McKenna College, Duke University และ the University of Notre Dame สเตฟานหวังเพียงว่าขอให้ได้เข้าเรียนแค่ 1 ใน 18 ที่นี้ก็พอ แต่เขาได้รับการตอบรับจากทั้ง 18 สถาบันเลย
แม้แม่ของเขาจะแทบพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่รู้จักว่าอะไรคือ SAT และไม่รู้จักว่ามหาวิทยาลัยเหล่านี้มีชื่อเสียงขนาดไหน แม่ก็ภูมิใจในตัวเขามากๆ และรู้ว่าเขาจะต้องมีอนาคตดีๆ และสร้างสิ่งดีๆ ให้สังคมได้แน่นอน
Courtesy of Stefan Stoykov Via businessinsider
และเรียงความที่ทำให้เขาได้เข้าเรียนในสถาบันต่างๆ เหล่านี้คือเรียงความที่เขาเขียนเรื่องแม่ของเขาค่ะ ว่าแม่ของเราเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอย่างไรบ้างและแม่ทุ่มเทให้เขาขนาดไหน เขาโชคดีแค่ไหนที่ได้มีทุกวันนี้
สเตฟานตัดสินใจเลือกเรียนที่ Harvard University เพราะฮาร์วาร์ดเป็น 1 ในมหาวิทยาลัยที่มอบทุนเต็มจำนวนให้สเตฟาน และมีแนวการเรียนที่ตอบโจทย์เขาได้พอดีค่ะ แต่เขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกเรียนวิชาเอกอะไร เขาวางแผนว่าช่วงปี 1 จะลงเรียนหลายวิชาที่สนใจก่อนแล้วค่อยเลือกอีกที แต่ที่คิดเอาไว้น่าจะเป็นเอกเศรษฐศาสตร์และประวัติศาสตร์ค่ะ
ทุกวันนี้ถ้ามีเวลาว่างสเตฟานก็จะไปช่วยแม่ทำความสะอาดห้องต่างๆ เพื่อให้แม่ทำงานเสร็จเร็วขึ้น และเขายังสอนประโยคสนทนาภาษาอังกฤษที่จำเป็นให้กับแม่อีกด้วย เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่สเตฟานได้รับเลือกเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำถึง 18 สถาบันและยังได้ทุนเต็มจำนวนอีกด้วย แล้วเรามารอดูกันต่อว่าหลังเรียนจบแล้วสเตฟานจะสร้างสรรค์อะไรดีๆ เพิ่มอีกค่ะ
4 ความคิดเห็น
หูยยยย เราเรียนมา 12 ปี ยังสเนคๆฟิชๆอยู่เลย
เก่งจังเลยค่ะ อยากมีความขยันเหมือนเขาบ้างจังสักเสี้ยวนึงก็ยังดี
แปลกใจที่แม่เขาอยู่อเมริกา 10 ปีแต่ยังพูด Eng ไม่ได้ จริงๆต้องพูดได้แล้วนะ